เมื่อหมดยุคเฟื่องฟูของสวนส้มรังสิตจากปัญหาส้มร่วง ชาวสวนส้มย่านรังสิตย้ายทำเลใหม่ไปยังกำแพงเพชร แต่คุณเกรียงศักดิ์ และ คุณเสาวณี วิเลปนะ ผู้บริหารบริษัท คิง ฟูดส์ จำกัด เลือกที่จะสู้ต่อที่นี่ โดยหันมาปลูกพืชชนิดใหม่แทนส้ม นั่นคือ กล้วยหอมทอง ซึ่งเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกมากที่สุดในยุคนั้น จากพื้นที่เริ่มต้น 30 ไร่ ในปี 2539 และมีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับตามความต้องการของตลาด จนวันนี้คุณเกรียงศักดิ์มีพื้นที่ปลูกกล้วยเองกว่า 3,000 ไร่ ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี อยุธยา สระบุรีและนครนายก พร้อมกับขยายโอกาสให้กับเกษตรกรที่ต้องการเป็นลูกไร่เพื่อปลูกกล้วยส่งในพื้นที่ต่างๆ คือ จันทบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรีและชุมพร
คุณเกรียงศักดิ์ เล่าว่า ในด้านการตลาด เริ่มแรกทีเดียวก็ส่งผลผลิตเข้ามาขายยังตลาดสี่มุมเมืองผ่านพ่อค้าคนกลาง จากนั้นก็เข้าสู่การเป็นผู้ขายเองโดยเช่าแผงค้าที่ตลาดไท เมื่อตลาดขยายตัวมากขึ้น พื้นที่ปลูกขยายมากขึ้น ประกอบกับการมุ่งมั่นที่จะผลิตกล้วยคุณภาพเพื่อป้อนตลาดบน จนประสบความสำเร็จในการส่งกล้วยป้อนห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง จนวันนี้ คิง ฟรุทส์ ก้าวมาเป็นผู้นำในการส่งผลผลิตกล้วยหอมทองป้อนตลาดห้างสรรพสินค้ารายใหญ่โดยส่งผลผลิตทั้งกล้วยหวีและกล้วยแพ็กเข้าสู่ตลาดวันละ 10 ตัน หรือ 10,000 กก. ป้อนให้กับห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ทั้งโลตัส เดอะมอลล์ แมคโคร บิ๊กซี สายการบินใหญ่อีก 3 สายการบิน คือ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส และ สายการบิน LSG ตลอดจนเครือไมเนอร์ กรุ๊ปหรือไอศกรีมสเว่นเซ้นส์ และ ซีพี ออลล์ หรือ 7-eleven ที่คิงฟูดส์ส่งกล้วยแพ็กให้กับเซเว่นวันละ 5 หมื่นแพ็ก ขณะที่ 7-eleven ต้องการกล้วยแพ็กจากที่นี่มากถึง 1 แสนแพ็ก โดยปัจจุบัน 7-eleven มีกล้วยแพ็กป้อนเพียง 8 หมื่นแพ็กต่อวันจากซัพพลายเออร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ 7-eleven ยังมีความต้องการกล้วยแพ็กมากถึงวันละ 2 แสนแพ็ก นั่นหมายความว่า ช่องทางการตลาดยังเปิดกว้าง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ คิง ฟูดส์ ต้องการขยายเครือข่ายและส่งเสริมเกษตรกรปลูกกล้วยป้อนให้กับบริษัท
สำหรับสิ่งหนึ่งที่ทำให้ คิง ฟรุทส์ เติบโตอย่างมากในระยะเวลาเพียง 10 ปี ก็คือ ความตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด พร้อมที่จะแก้ไขและปรับปรุงเพื่อก้าวไปสู่คำว่า คุณภาพ อย่างมุ่งมั่นและไม่เคยท้อ แต่ละที่กว่าจะนำผลผลิตเข้าไปขายได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานเป็นปีๆ ส่งตัวอย่างแล้วส่งตัวอย่างอีก แต่ไม่เคยย่อท้อ ต้องทำให้ได้ตามที่ลูกค้ากำหนด นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้ คิง ฟรุทส์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ต่างเชื่อมั่นว่า เขาจะได้ของที่มีคุณภาพจากโรงงานของคิง ฟรุทส์ เสมอคุณเกรียงศักดิ์ เล่าต่อไปว่า เรามีทีมงานคุณภาพนักวิชาการประจำโรงงานผลิต และนักวิชาการประจำสวน ส่งเสริมและให้ความรู้เกษตรกรเพื่อพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การผลิตจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐาน GAP และโรงคัดบรรจุกล้วยได้มาตรฐานตามระบบ GMP และ HACCP และเรากำลังจะก้าวไปสู่มาตรฐานส่งออก คือ ระบบโกลบอล จี เอ พี (Global GAP) เพื่อมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป ขณะที่ผู้บริโภคคนไทยเองก็จะได้ทานกล้วยคุณภาพมาตรฐานส่งออกอีกด้วย เราได้ตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกจากเครือข่ายเกษตรกรให้ได้ 10,000 ไร่ ในปี 2563 เพราะจากประสบการณ์ของเราพบว่า ตลาดกล้วยหอมยังสามารถขยายได้อีกมาก จากเดิมที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศ แต่เรายังไม่สามารถทำได้ เพราะมีปัญหาผลผลิตไม่พอเพียง แต่จากการเดินสายไปดูแปลงปลูกของเครือข่ายในหลายจังหวัดทำให้เรามั่นใจว่าภายใน 1-2 ปีนี้ เราน่าจะมีความพร้อมที่จะบุกตลาดตรงนี้ โดยคาดว่าจะเน้นการแปรรูปทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
เครดิต แนวหน้า
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [