DARK OUT OF BLUE: ชีวิต...ร้ายสาระ ...KAAZANOVA ===>>> Dark Out Of Blue…
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 
3 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 

ร้ายสาระ...3 กุมภาพันธ์

ค.ศ. 1488 ไดแอซ (Bartholomew Diaz) นักสำรวจชาวโปรตุเกส ก็รอนแรมมาถึงปลายแหลมทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกาได้สำเร็จ นับเป็นชาวผิวขาวคนแรกที่สามารถมาถึงที่ ณ แห่งนั้นได้

วันทหารผ่านศึก
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลังสงครามมหาเอเซียบูรพาสิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดปล่อยจากการเป็นทหาร จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือดังนั้น ในปี พ.ศ.2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่ กลับจากปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบแต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ
ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก โดยมี พลโท ชมะบูรณ์ ไพรีระย่อเดช เป็นผู้อำนวยการคนแรก ในปี พ.ศ.2510 องค์การทหารผ่านศึกได้ปรับเปลี่ยนฐานะมาเป็นองค์การเพื่อการกุศลของรัฐ และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหมและเงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้งคราว ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก ได้แก่ การให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฎิบัติการรบ และครอบครัวของทหารที่ปฏิบัติการรบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ

การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการให้การสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม

การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพ ให้ความช่วยเหลือในทางด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ

การสงเคาระห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึกได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ

การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า

ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น


ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ ดอกป๊อปปี้ สีแดง นั้น เป็นสัญลักษณ์แทน ทหารผ่านศึก ผู้พิทักษ์รักษาประเทศชาติให้มีเอกราชอธิปไตย สีแดงของดอกป๊อปปี้ คือ เลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด ดังนั้นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่เราทั้งหลายจะได้เห็นดอกป๊อปปี้บานสะพรั่งไปทั่วราชอาณาจักร

สำหรับประเทศไทยแล้ว การจัดทำดอกป๊อปปี้เพื่อจำหน่ายในวันทหารผ่านศึกเกิดจากดำริของ ท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน ที่ต้องการจะดำเนินการหาทุนมาช่วยเหลือทหาร และครอบครัวทหารผ่านศึก ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศจึงได้เลือกเอาดอกป๊อปปี้สีแดง ซึ่งมีประวัติเกี่ยวโยงถึงสมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ระหว่างสัมพันธมิตร และเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสงครามในครั้งนั้นทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบที่นั่นได้เห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงและน่าพิศมัยเกิดขึ้น ณ สมรภูมิดังกล่าว ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่เดียรดาษทั่วไป ทำให้เกิดเป็นลานสีแดงฉานสวยงาม ตั้งแต่นั้นมาดอกป๊อปปี้จึงกลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์แห่งวีรกรรมของทหารผ่านศึก เตือนใจให้ระลึกถึงเลือดสีแดงของทหารที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ

สำหรับประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ มาแล้ว โดยมีอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติ ปรากฎเป็นอนุสรณ์อยู่ วีรกรรมของนักรบไทยในการรบได้ขจรขจายไปทั่ว ปรากฎ ต่อสายตาชาวโลก ฉะนั้น เพื่อระลึกถึงเกียรติภูมิของนักรบกล้าหาญ จึงได้กำหนดให้ดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้ที่ระลึกสำหรับทหารผ่านศึกไทยเช่นเดียวกับในต่างประเทศ และมีการจำหน่ายในวันที่ระลึกทหารผ่านศึก ตั้งแต่ปี 2511 เป็นต้นมา นับเป็นโอกาสอันดีที่เราท่านทั้งหลายจะได้แสดงความระลึกถึง และช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว ด้วยการซื้อดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารผ่านศึก ผู้กล้าหาญ และเสียสละ ตลอดจนเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่ทำให้เราอยู่กันอย่างสงบสุขบนผืนแผ่นดินไทย และมีอธิปไตยมีชาติ บ้านเมือง ให้ได้อยู่อาศัย ตราบชั่วลูกชั่วหลานจวบจนปัจจุบัน

---------------------------------------------------------

ขอขอบคุณ

วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2543.

*************************************
วันเกิดพี่นุทศรี (//nutsri.bloggang.com)
*************************************





 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549
6 comments
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2549 16:38:55 น.
Counter : 365 Pageviews.

 

นึกถึงตอนเด็กๆ คุณครูบังคับให้ซื้อดอกป๊อปปี้ทุกปีเลยครับ
ไม่รู้ว่าซื้อแล้วเอาไปทำอะไรเหมือนกัน
ก็ยังเด็กนี่ครับ...
ไม่รู้หรอกครับว่าการรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของเหล่าทหารคือการต้องเสียสตางค์ซื้อของที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร

 

โดย: พลทหารไรอัน 3 กุมภาพันธ์ 2549 14:27:40 น.  

 

แวะมาหาสาระประจำวันนะคะ

 

โดย: PADAPA--DOO 3 กุมภาพันธ์ 2549 16:36:34 น.  

 

เมื่อเช้าก็ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรถูมิ เห็นผู้คนมากมายมาร่วมงาน เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเห็นงานนี้ที่นี่และจานเพลิงที่ติดไฟสว่างโชติช่วงครับ

 

โดย: ตงเหลงฉ่า 3 กุมภาพันธ์ 2549 20:26:51 น.  

 

เห็นรูปข่าวเหล่าทหารสูงอายุแต่งเครื่องแบบมารวมตัวกัน ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่ควรแก่การเคารพนับถืออย่างยิ่งครับ

 

โดย: นายเบียร์ 4 กุมภาพันธ์ 2549 10:09:05 น.  

 

ปีนี้ตั้งใจจะซื้อดอกป๊อปปี้สัก 2 ดอกอ่ะครับ ไหนๆก็เป็นดอกไม้ที่มีชื่อไพเราะเหมือนชื่อตัวเองทั้งที อุดหนุนกันหน่อย

 

โดย: ปอมปอม 4 กุมภาพันธ์ 2549 16:15:06 น.  

 

ซื้อดอกป๊อปปี้ทุกๆปีตอนทำงานอยู่แถวๆตึกสูงๆ

ตอนนี้..ถ้าจะซื้อหาลำบากค่ะ

 

โดย: jingsija 6 กุมภาพันธ์ 2549 9:10:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kaazanova
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-บางครั้ง ความร้ายสาระ ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว ยังมีอะไรดีๆ อีกมากมาย ในความร้ายสาระนั้น ขึ้นอยู่กับว่า คุณได้มองมันด้วยใจที่เปิดกว้างแล้ว...หรือยัง?-
KAAZANOVA: บล๊อกของคนร้ายสาระ ===> DARK OUT OF BLUE: ชีวิต...ร้ายสาระ
Friends' blogs
[Add kaazanova's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.