ร้ายสาระ...13 กุมภาพันธ์
ค.ศ. 1929 ทุกคนซึ่งอยู่ในสโมสรงานวิจัยทางการแพทย์ (Medical Research Club) เงียบงันไปตามๆ กัน เมื่อการอ่านรายงานนั้นสิ้นสุดลง แทนที่จะมีผู้สงสัยถามโน่นถามนี่ตามปกติอย่างเช่นที่เคยเป็นมา นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดสะกดผู้ฟังให้นิ่งเงียบด้วยความตื่นเต้น เมื่อนายแพทย์ของโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ แห่งกรุงลอนดอน ดร.เฟลมิง (Alexander Fleming) เสนอบทความชื่อ "Cultures of a Penicillium" ของเขา แล้วโลกก็ได้รู้จักเพนนิซิลลิน ยาปฏิชีวนะหมายเลข 1 ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันเพ็ญ เดือนมาฆะ วันมาฆะบูชา
เป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับชาวพุทธ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของปีที่ 2 แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีพระสาวกเดินทางมาเฝ้าพระพุทธองค์ พร้อมกันเป็นครั้งแรก โดยใิได้นัดหมายเป็นจำนวนถึง 1,250 รูป ณ พระเวฬุวนาราม ชานเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ ประเทศอินเดีย การประชุมครั้งใหญ่ของพระสาวกนี้เรียกว่า "มหาสันนิบาต" มีลักษณะพิเศา 4 ประการ เรียกวาส "จาตุรงคสันนิบาต" กล่าวคือ
1. เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือมาฆมาส
2. มีพระสงฆ์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 1,250 รูป
3. พระสงฆ์เหล่านนี้ล้วนเป็นพระที่บวชโดยพระพุทะเจ้าทั้งสิ้น เรียกว่า "เอหิภิกขุสัมปทา"
4. พระสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น
พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศหลักธรรมสำคัญของพระพุทธศาสนา เสมือนหนึ่งรัฐธรรมนูญ ที่ใช้เป็นกฎหมายแม่บทอันสำคญสูงสุดของประเทศ คือ ทรงแสดงพระโอวาทปาฏิโมกข์ ให้พระสาวกถือเป็นหลักปฏิบัติเพื่อนำไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีเนื้อหา 3 ประการ
1. อุดมการณ์ พระพุทธศาสนามีจุดมุ่งหมายสูงสุด ได้แก่พระนิพพาน คือการดับสูญจากกิเลศและทุกข์ทั้งปวง อันจะทำสำเร็จได้ด้วยพึ่งตน พากเพียร ด้วยการกระทำของตนเอง ไม่ใช่สำเร็จด้วยการอ้อนวอนร้องขอจากเทพองค์ใด
2. หลักการ หลักคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่
ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำกุศลธรรมความดีให้พร้อม ทำจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส 3. วิธีการ พุทธวิธีในการนำธรรมมะสู่จิตใจชาวโลกด้วยเมตตา
ไม่กล่าวร้ายใคร ไม่มีการทำร้ายใคร รักษาวินัยเคร่งครัด รู้จักประมาณในการกินอาหาร อยู่ในที่อันสงบสงัด ฝึกฝนพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นด้วยการบำเพ็ญสมาธิอยู่เสมอ สำหรับวันมาฆะบูชา ในเมืองไทยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ " พระราชพิธีสิบสองเดือน" สรุปได้ความว่า แต่เดิมพิธีวันมาฆะบูชา ไม่เคยกระทำมาก่อนในเมืองไทย เพิ่งจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในรั๙สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โดยพระองค์ทรงถือแบบอย่างโบราณบัณฑิตที่นิยมไว้ว่าวันเพ็ญกลางเดือน 3 เป็นวันประชุมใหญ่ของพระสาวกของพระพุทธเจ้า มีลักษณะน่าอัศจรรย์ จึงได้ถือเอาเหตุนั้นเป็นเครื่องแสดงสักการะบูชา พธีมาฆะบูชาจึงได้มีขึ้นในเมืองไทย มีทั้งพิธีสงฆ์ ราชพิธี และพิธีราษฎร์ สืบมาจนทุกวันนี้
พระราชพิธีตามวัดพระอารามหลวง เช่นที่วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐ์ และปัจจุบันนี้ก็มีที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป้นต้น การปฏิบัติพุทธศาสนากิจในวันมาฆบูชาที่นิยมโดยทั่วไป ก็คือ
ทำบุญตักบาตร หรือนำภัตตาหารไปถวายพระสงฆ์แล้วกรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว บริจาค ให้ทาน แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม การปล่อยสัตว์ เช่น โค กระบือ นก ปลา เป็นต้น ฟังธรรมะ รักษาศีล 5 ศีล 8 เป็นต้น บำเพ็ญภาวนา ทำสมาธิ-วิปัสสนากัมมัฏฐาน นำดอกไม้ธูปเทียนไปเวียนเทียนที่พุทธสถานต่างๆ เช่น ที่วัดต่างๆหรือที่พุทธมณฑล เป็นต้น ข้อสังเกต
วันมาฆะบูชา ถือว่า เป็นวันพระธรรม
วันวิสาขบูชา ถือว่า เป็นวันพระพุทธเจ้า
วันอาสาฬหบูชา ถือว่าเป็นวันพระสงฆ์
-------------------------------------------------------- เอกสารอ้างอิง: แผ่นพับเผยแพร่ งานวันมาฆะบูชา จัดทำโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ,กรุงเทพมหานคร , สภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
5 comments |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2549 16:45:26 น. |
Counter : 461 Pageviews. |
|
|
|