2005_01_23_สำนึกสาะรณะ สำนึกส่วนรวม กับ สำนึกส่วนตัว
เย็นนี้ได้เจอน้องตั้ว มาครับตั้วเป็นน้องที่ผมเจอในพันทิบดอทคอม กลุ่มสยามนี่ละ สมัยที่เราเจอกัน ช่วงจัดงานแกรนด์มีทติ้งครั้งแรกตั้วยังอยู่ ม.3-ม.4 ยังใช้ชื่อว่า "หนูหริ่ง"เดี่ยวนี้ หนูหริ่งตัวน้อยๆ กลายมาเป็นหนุ่มหล่อร่างกำยำ ตัวสูงกว่าผม อายุอานามก็ 20 แล้วจริงๆผมเคยเผลอแอบหลงรักตั้วนะดีแต่รู้ตัวแล้วถอนใจทันตอนนี้ตั้วมีสาวน้อยน่ารักข้างกกายไปแล้ว และท่าทางจะไปได้ดีด้วยกันทั้งตัวเขา และครอบครัวของฝ่ายหญิงซึ่งนั่นเป็นเรื่องน่ายินดีครับ"เหลือ (แค่) ขอ" ก็เท่านั้นทุกครั้งที่เราเจอกัน ก็มักขยันหาเรื่องมาคุยวันนี้ ประเด็นมาตกอยู่ที่ เรื่องราวต่อเนื่องจากหนังสือของคุณพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่เราทั้งสอง ชื่นชอบและชื่นชมในความคิดอ่าน และมุมมองต่อแต่ละปัญหาต่างๆมันเป็นเรื่องของผู้หญิงสักคนหนึ่งมาปรึกษาพี่จิก ว่า หนูอยากแต่งงานแต่ทว่า มีเรื่องเดียวที่ยอมรับไม่ได้คือการที่ฝ่ายชายไม่ยอมยกฝาชักโครงขึ้นเมื่อปัสสาวะ พี่จิกมองว่า เป็นเรื่องของสำนึกต่อส่วนรวมว่าถ้าคนคนนี้ ยังไม่อาจจะยกฝาขึ้นได้ทั้งที่เป็นสิ่งซึ่งคนที่ตนรักขอไว้ไฉนเลยจะมีสำนึกต่อส่วนรวมในสิ่งที่ตนต้องประสบพบเจออยู่ทุกวัน?คุยไปคุยมา ก็ยกถึงเรื่องการขึ้นรถไฟฟ้านั้นคนทั่วไปที่ไม่มี "สำนึกสาธารณะ" จะชอบไปยืนออกันเป็น "ไทยมุง" อยู่ข้างหน้าประตุพอเวลาประตูแต่ละโบกี้เปิดออก มนุษย์หน้าด้านเหล่านี้ ก็จะพาร่างกายอันบรรจุด้วยจิตใจเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ เบียดเสียดผู้ที่กำลังจะเดินออกจากโบกี้ออกมา ทำให้คนที่จะออกก็ออกไม่ได้คนที่จะเข้าก็ต้องเบียดเข้าไปผมเคยด่าคนที่เบียดเข้ามาทั้งที่ยังไม่ลงไปตรงๆอยู่หนหนึ่งว่า "อย่าเพิ่งเข้า รอให้คนข้างในออกมาก่อน!"แล้วมองหน้าแบบจ้องไปทีนึงแล้วรีบเดินหนีออกมาแม้กระทั่งว่า มีสาวออฟฟิศคนหนึ่ง เคยแทรกตัดหน้าผมตอนกำลังเข้าคิวแลกเหรียญขึ้นรถไฟฟ้าอยู่จนผมต้องออกโรงด่าแว๊ดลั่นไปเลยว่า"เฮ้ย คุณ ช่วยหัดมีมารยาทเสียบ้างนะอย่าหน้าด้านให้มันมากนักคนเขาเข้าแถวอยู่ก็ไปเข้าแถวสิไป๊!"ก่อนเธอจะถอนมือของเธอออกจากเคาน์เตอร์ด้วยความตกใจที่เจอผมด่าสาวออฟฟิศสันดานต่ำทรามคนนี้ก็ทำหน้าแบบที่ คุณต้องได้เห็นเท่านั้นครับ คุณถึงจะนึกได้ว่าหน้าคุณเธอ คือคำจำกัดความที่ตรงความหมายที่สุดของคำว่า "หน้าด้าน" และ"ลอยหน้าลอยตา" ---------แต่มีบางครั้ง ที่มันไม่สำเร็จและทำให้ผมต้องรู้สึกแย่25 ตุลาคม 2004ผมเดินเข้าร้านหนังสือแห่งหนึ่งเด็กทารกคนนึง ส่งเสียงร้องลั่นร้านคนเป็นแม่เอง แม้จะดูออกอาการเกรงใจก็ตามแต่ก็ไม่อาจปลอบให้หยุดร้องได้เด็กคนนี้ร้องจนคนอื่นรำคาญได้ที่เธอเลยตัดสินใจพาเด็กเดินออกไปพอเดินออกไป ผมพูดขึ้นไปว่า"ขอโทษนะครับ คราวหลังรบกวนว่าอย่าพาเด็กเข้ามาในร้านหนังสือเลยครับ"เท่านั้นละพ่อแม่คู่นี้ก็สวมวิญญาณผีห่าซาตานมาเกิดจะหาเรื่องกับผมถึงขนาดว่าเดินออกไปนอกร้านแล้ว ยังมาท้าผม ให้ออกไปคุยนอกร้านเพื่อจะหาเรื่องต่อยผม อัดผมเรื่องอะไรผมจะออกไปละ?ทีนี้ ผมมองว่า มันคงไม่ยอมจบแน่และไม่อยากให้เรื่องมันยาวนักเพราะ "วิญญาณที่ยังมีลมหายใจ"(ไม่อยากเรียกว่ามนุษย์ เพราะดูแล้วว่า ไม่ควรค่าแก่การเรียกว่า มนุษย์) ทั้งสองตัวยังป้วนเปี้ยน และ ท้าให้ผมออกจากร้านรวมทั้งยังใช้มารยาชาติชั่วของมัน ไปบอกกับผู้จัดการร้านที่ดูแลลูกค้าอย่างนั้นอยู่และทำราวกับว่าผมนี่ผิดเต็มประตูผมจึงตัดสินใจขอโทษไปมันทำท่าจะไม่จบแต่เพื่อนมันที่มาด้วย ก็บอกว่าจบแล้วบอกผมสำทับว่า"จำเอาไว้แล้วกันนะคุณ ที่นี่มันที่สาธารณะ"อ๋อ นี่หมายความว่า ที่นี่คือที่สาธารณะซึ่งพวกมึงมีสิทธิ์จะสำรอกพฤติกรรมชาติชั่วๆของมึงอย่างนี้ออกมางั้นเหรอ?ผมรู้สึกว่า ถึงแม้ผมจะตัดสินใจถูกแล้ว ที่ผมไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือและเลือกที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงนั้นก่อนดีกว่าเพื่อไม่ให้มันบานปลาย ด้วยเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวแต่ผมรู้สึกว่า ถูกสายตาคนทั้งร้านหนังสือนั้น ซึ่งก็มากโขอยู่รุมมองด้วยสายตาสมเพชผมจัดการตัวเองไม่ได้ดีไปกว่า หักแว่นกันแดดตัวเอง แล้วเขวี้ยงทิ้ง เดินออกจากร้านไปด้วยความรู้สึกที่แย่ที่สุดผมเหมือนคนไม่เหลือศักดิ์ศรีเลยผมเหมือนคนปกป้องตัวเองจากพวกชาติหมาพวกนี้ไม่ได้เลยผมรู้สึกว่า ตัวผม "แม่งโคตรอ่อนแอเลย"ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตรงๆสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไม่เคยสำเหนียกสักหน่อยเลยหรือว่า ไม่ควรเอาเด็กเข้าร้านหนังสือ!!!ถ้าผู้หญิงคนนี้ มาคนเดียวยังพอจะเข้าใจ ไม่ว่ากะไรแต่นี่ เอาสามีมาด้วยดังนั้นใครคนใดคนหนึ่งควรจะเสียสละเอาลูกไปรอข้างนอกร้านและที่น่าตำหนิที่สุดคือผู้จัดการร้าน กลับคิดว่า "ไม่เกี่ยว ไม่ใช่เรื่องของตน"และได้แต่บอกว่า ใจเย็นๆ นะครับใจเย็นๆที่เลือก็ไม่พูดอะไรอีกผู้คนที่ยืนดูผมตรงนั้น ไม่มีใครทำอะไร นอกจากมอง และนิ่ง "สำนึกสาธารณะที่จะต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเองหายไปไหนกัน? สำนึกสาธารณะที่จะปกป้องผู้ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หายไปไหนกัน?"-----------------อีกเรื่องผมยืนรอรถเมล์ ที่สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชเมื่อ 2 ปีก่อนพอรถสาย 38 มา ผมวิ่งขึ้นไม่ทันและลื่นล้มลงบนพื้นถนนดีแต่รีบลุกมาอย่างทันท่วงทีก่อนที่แท็กซีจะพุ่งเข้ามาชนผมทุกคน ได้แต่มองดูภาพตอนผมล้มราวกับภาพสโลวโมชัน แต่ไม่มีใครสักคนที่นรั่นจะเข้ามาถามผมว่า เป็นอะไรมากไหม?"สำนึกสาธารณะ หายไปไหนกันหมด"?-------------------อีกครั้งหลังจากนั้นรถเมล์ สาย 38 ที่ผมขึ้นมา แล่นบนถนนสุขุมวิท ด้วยความเร็วสูง แต่แล้ว ก็เกิดชนท้ายรถปรับอากาศอย่างจังคนกระเด็นกระดอน มีผู้บาดเจ็บระดับเลือดออก 4-5 คนทันทีที่คนขับ เปิดประตูผู้คนทุกคน รีบเดินลงจากรถกันอย่างรวดเร็วที่สุด!แม้แต่พนักงานแม็คโดนัลด์"สำนึกสาธารณะ หายไปไหน??"ผมจึงตัดสินใจอยู่ต่อและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขึ้นรถกระบะดัดแปลงเป็นฉุกเฉินของมูลนิธิร่วมกตัญญูไปพร้อมกับผู้บาดเจ็บทั้งหลาย ถึงรพ. กล้วยน้ำไทพอช่วยเหลือโทรแจ้งข่าวให้กับผู้บาดเจ็บเสร็จรอจนญาติเขามา ก็ลากลับแต่อนลากลับ ได้ถามกับพนักงานเก็บสตางค์เลยได้ความว่า คนขับรถคนนี้ซัดยาบ้าเข้าปากมาก่อนแล้ว!!!ทั้งที่จะต้องขับรถเมล์ รับผิดชอบผู้คนมากมายแต่ทว่า ล่อยาบ้ามาก่อนจะขึ้นขับเนี่ยนะ??"สำนึกสาธารณะ มีบ้างไหม"???--------------------------คุยกันไปคุยกันมาได้ข้อสรุปที่ว่าสำนักสาธารณะเนี่ย คือสิ่งที่เราขาดหายไปในสังคมไทยและสิ่งนี้แหละ จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่รอเราอยู่อีกไม่นานเกินรอนี้ได้แน่ๆ อย่างสบายๆหลักการมันไม่ยากเลยที่จะคิดและแม้แต่จะลงมือทำแค่คิดอยู่ในใจว่า "ใจเขาใจเรา" เท่านั้นเอง!!!แยกจากตั้ว เพื่อมาดูหนังถึงซีคอนสแควร์Meets the Fockers ซึ่ง โรเบิร์ต เดอ นนีโร และบาร์บารา สตรัยแซนด์ เล่นด้วยช่วยให้ได้มุมคิดเรื่องความไว้ใจกันในชีวิตคู่มาอีกเรื่อง---------------------------แต่พอกลับถึงบ้านก็เริ่มมีความรู้สึกเซ็งๆ กับการโดนละเมิด "สำนึกส่วนตัว" ผมมักจะโดนผู้ดูแลเว็บต่างๆลบข้อความของผมออกเป็นประจำตั้งแต่พันทิบ ยันบอร์ดเกย์และด้วยสาเหตุที่ข้อความผมโดนลบนี่แหละเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับบอร์ดเกย์แห่งหนึ่งที่เคยได้ชื่อว่า มีการพูดคุยอย่างมีสาระดีที่สุดในไทยนอกเหนือจากความขัดแย้งในพฤติกรรมและสันดานของคนคนหนึ่ง(ที่เจ้าของเว็บ ไปขอมาให้เป็น) คนลบกระทุ้ที่นั่นที่ยกมากล่าวถึงสั้นๆ กันอีกครั้งถึงสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วก็เนื่องมาจากรู้สึกบางอย่างขึ้นมาว่าไปแล้ว ผมเองรู้ตัวดี ว่าปากคออย่างนี้คนชอบยาก คนเกลียดมากแต่ในเมื่อ ถ้าแสดงความเห็น ตรงไปตรงมาและได้พยายามสุภาพแล้วและด้วยเจตนาที่ดี ยังโดนลบกันอีกโอเคครับ สุดแท้แล้วแต่เจ้าของเว็บทุกท่านแล้วกันแต่ถ้าจะมาแสดงความเห็นที่บล็อกของผมที่นี่ ผมก็จะขออนุยาตถือสิทธิ์ ในการ "ละเมิดสำนึกส่วนตัวของพวกท่าน ในกรณีที่โพสต์อะไรไม่เข้าหูผมบ้างละ" แสดงความเห็นมา ขัดใจผมผมก็แค่ลบมันทิ้ง...ไม่มีอะไรครับผมก็แค่ยึดหลัก "ใจเขาใจเรา"ก็เท่านั้น