ความหมายของ "อัตตา" และ "อนัตตา" โดยปริยายหนึ่ง
พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็น "วิภัชชวาท" (แยกกรณีแสดง) ก็มี เป็น "เอกังสพยากรณ์" (ยืนกระต่ายขาเดียว) ก็มี ในกรณีนี้ก็เช่นกัน
เพราะสรรพสิ่งล้วนพ้นอำนาจบังคับบัญชาของเรา ตกอยู่ในความเป็นของไม่เที่ยงไม่จีรังไม่ยั่งยืน "แย้งต่ออัตตา" (โมกขุปายคาถา พระราชนิพนธ์ ใน ร.๔) หากใครไปยึดมั่นในสรรพสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นทุกข์ ไม่ว่าทางกาย และ/หรือ ทางใจ สมดังบาทพระคาถา ในธรรมบท ที่ว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ' สังขาร ทั้งปวงไม่เที่ยง,'
เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความ หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด."
สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
" เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ' สังขาร ทั้งปวงเป็นทุกข์,'
เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความ หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด."
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
" เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ' ธรรม ทั้งปวงเป็นอนัตตา,'
เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด."
ส่วนปริยายอื่น ๆ ของสองศัพท์นี้ไม่จะบรรยายต่อในที่นี้อีก.