ศีลภาวนากถา
Thursday, April 21, 2016 4:44 PM
1. ความหมาย
o "ปกติ," --ปกติธรรมดามนุษย์ทั้งหลายจะไม่ละเมิดศีล คือ ไม่เบียดตนและคนอื่นด้วยการกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี หรือ มโนกรรมก็ดี
o "มนุสธมฺโม," --เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของคน ทำให้เป็นคนเต็มคน ทำให้เกิดเป็นคน
o "ปัญจเวรวิรัติ," --เจตนาหรือความจงใจสมัครใจเต็มใจพร้อมใจ ไม่ขาดสติ ที่จะไม่มะเมิดศีล โดยเฉพาะก็ศีล๕
2. ลักษณะ
o "มีความไม่วิปติสารไเป็นอานิสสงค์"-- รักษาได้ถูกต้องแล้วจะไม่เครียด มีแต่ความสงบเย็นกายวาจาใจ
o เป็นไปเพื่อสัมมาสมาธิ
o อธิศีลสิกขา --รักษาศีลให้ละเอียดขึ้น ๆ ไป
3. เหตุ - ผล
o "สีเลน สุขตึยนฺติ,สีเลน โภคสมฺปทา, สีเลน นิพฺพุตึ," ศีลที่รักษาได้ดีแล้ว นำสุขมาให้ ๑ เป็นทางมาซึ่งความร่ำรวยเงินทองเพราะรำงับจากการเบียดเบียนตนและคนอื่น ก็เพราะศีล ๑รำงับความเร้าร้อนกายวาจาใจ เปี่ยมไปด้วยความสงบเย็น แม้จากบาปอกุศลทั้งปวง ๑
o กายภาวนาเป็นเหตุ --การสำรวมอาการทางกาย - วาจา อันได้แก่ กายสุจริต ๓ วจีสุจริต ๔/กายวิเวก
o สมาธิภาวนาเป็นผล --การมีความมั่นคงในใจ หรือ "การที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง" อันได้แก่มโนสุจริต ๓ และ การที่จิตปราศจากนิวรณ์ ๕/จิตวิเวก
o ปัญญาภาวนาเป็นผล --การมีปัญญาเห็นแจ้งสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นจริงและปล่อยวางได้สลัดกิเลสออกไปจากใจ/อุปธิวิเวก
4. วิธีรักษา
o "อริยกันตสีล" --การรักษาศีลที่งดงามหมดจด จนเป็นที่พอใจของพระอริยะบุคคล
o "สีลํ รักขนฺตุ สพฺพทา" --การรักษาศีลอย่างเต็มกำลังความสามารถ เป็นไปโดยอัตตโนมัติ ไม่ต้องฝื่นใจรักษา
5. ประเภท
o ศีล ๕
i. เจตนาเว้นจากการทำชีวต(ลมหายใจ) ให้ตกล่วงๆป
ii. เจตนาเว้นจากการลักและฉ้อข่าวของอันเป็นที่รักของคนทั้งหลายไป
iii. เจตนาเว้นจากการล่วงประเพณีทางกามคือ ทำผิดต่อคนอันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย
iv. เจตนาเว้นจากการกล่าวคำเท็จคำไม่จริงตลอดจนข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน
v. เจตนาเว้นจากสุรายาเสพติดทั้งหลายคือ ไม่ประทุษร้ายสติสัมปชัญญะตน ด้วยเครืองดืมที่มีพิษภัยต่อความร้สึกผิดชอบ -ชั่วดีของตน
o ศีลกรรมบถ ๑๐ และ กุศลมูล ๓
i. กุศลกรรมบถ๑๐
1. กายสุจริต ๓ -- ทำดี
a. เว้นจากการฆ่า
b. เว้นจากการลักทรัพย์
c. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
2. วจีสุจริต ๔ -- พูดดี
a. เว้นจากพูดเท็จ
b. เว้นจากพูดส่อเสียด
c. เว้นจากพูดคำหยาบ
d. เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ
3. มโนสุจริต ๓ -- คิดดี
a. อโลภะ -- ไม่โลภอยากได้ของเขา
b. อพยาบาท -- ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
c. สัมมาทิฏฐิ -- เป็นชอบตามหนทางแห่งธรรมอันงดงาม
ii. กุศลมูล-- มูลรากแห่งบุญแห่งกุศล
1. อะโลภะ -- ความไม่ทะยานอยากได้
2. อโทสะ --ความไม่คิดประทุษร้ายกันและกัน
3. อโมหะ --ความไม่หลง/ปัญญารู้เห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างแจ่มแจ้ง
o ศีลในองค์มรรค/อธิศีลสิกขา
· สัมมาวาจา/วจึสุจริต๔
· สัมมากรรมันตะ/กายสุจริต๓
· สัมมาอาชีพ-- เว้นจากการประกอบมิจฉาชีพถึงพร้อมด้วยการงานอาชีพที่สุจริตพอเพียงและไม่เบียดเบียดใคร
o ปาริสุทธิศีล ๔
i. ปาติโมกขสังวร-- สำรวมในพระปาติโมกข์ ของพระก็ดี ของโยมก็ดี คือเว้นความประพฤติใด ๆที่พระพุทธเจ้าห้าม ทำตามความประพฤติที่่พระองค์อนุญาต
ii. อินทรียสังวร-- การควบคุมระมัดระวังอินทรีย์ ๗ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย วาจา และ ใจ (ขุ.ธ.๒๕/๖๔) ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในอารมณ์ที่มากระทบ มีสติรู้เท่าทัน
iii. อาชีวปาริสุทธิ-- เลี้ยงชีวิตโดยทางที่ชอบ ไม่หลอกลวงเขาหากิน
iv. ปัจจยปัจจเวขณะ/โภชเนมัตตัญญูตา-- พิจารณาก่อนจึงใช้ส้อย ปัจจัย ๔ และ การรู้จักประมาณในการบริโภค ไม่บริโภคด้วยตัณหา แต่บริโภคด้วยสติปัญญา