ธันวาคม 2557

 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ไหว้พระริมโขงหนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-อุดร(จบในตอน)

  สวัสดีค่ะ

กลับมาเจอกันบล๊อกนี้กับการเดินทางภายแถบภาคอีสานค่ะ พาแม่ไปไหว้พระและถือโอกาสเยี่ยมญาติๆที่อยู่อุดรและขอนแก่นค่ะ (ไม่ใช่คนแถบนี้กันหรอกค่ะแต่มาทำมาหากินกันแถวๆนี้)

เราควรพึงระลึกว่าวัดไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวนะคะ (เอ๊ะงงไหม) ควรแต่งกายสุภาพ (ดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการนุ่งกางเกงขาสั้นไปวัด) ไม่ควรส่งเสียงดัง โหวกเหวกโวยวาย ไม่ไปขอถ่ายเซลฟี่กับหลวงพี่ หุ หุ  เราตั้งใจจะมาไหว้พระเพื่อความเป็นศิริมงคล มาเยี่ยมชมสถานที่ด้วยความเคารพนะคะ

6/11/2557 (วัดพระธาตุบังพวน-วัดศรีชมพูองค์ตื้อ-วัดอรัญบรรพต-วัดหินหมากเป้ง-วัดโพธิ์ชัย)

เช้านี้สนามบินดอนเมืองคึกคักมากเชื่อว่าการท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้จะกลับมาคึกคักค่ะ มาถึงอุดรประมาณแปดโมงค่ะ รับรถเช่าเจ้าเดิมที่ซื้อคูปองไว้จากงานไทยเที่ยวไทยเรียบร้อยก็รีบไปหามื้อเช้าทานก่อนค่ะ จะปล่อยให้คนแก่หิวข้าวนานไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นลมไป ฮ่า ฮ่า ไปตามเสียงเล่าลือเลยค่ะเขาว่าอร่อยลองไปชิมดู ก๋วยเต๋ยวหมูชื่อร้าน "ทองดี"(บนถนนนเรศวร แถวบ้านจิก) กลับติดใจหมูสะเต๊ะหน้าร้านซะมากกว่า อ้อ..อย่าลืมซื้อ"กล้วยแขก" ที่อยู่แถวนั้นติดรถไปค่ะ ไว้เคี้ยวเล่นระหว่างเดินทาง

จากร้านก๋วยเตี๋ยวผ่านตลาดที่อยู่ติดกับวัดมัชฌิมาวาส(วัดหลวงพ่อนาค) อย่าลืมแวะซื้อพวงมาลัยสวยๆหรือดอกไม้งามๆไว้ไปไหว้พระกันนะคะตลาดต่างจังหวัดขายดอกไม้ราคาไม่แพงค่ะ ดอกไม้กำละ 10 บาท พวงมาลัยเล็ก 5 บาท คือถ้าสามารถเตรียมไปได้เราชอบเตรียมไปเองน่ะค่ะ นอกจากถ้าไม่ได้เตรียมไปจึงจะไปอุดหนุนของทางวัด  

วิ่งจากอุดรบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าหนองคาย ประมาณ 50 นาทีก่อนถึงหนองคายจะมีป้ายบอกทางตรงแยก(ป้ายใหญ่) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปพระธาตุบังพวนค่ะ (ทางเดียวกับไปวัดหินหมากเป้ง และอ.ท่าบ่อ)  จากแยกมาถึงวัดก็ประมาณ 10 กิโลค่ะวัดจะอยู่ทางขวามือ วัดแรกของวันนี้ค่ะ

 เคยมาวัดพระธาตุบังพวนนี้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เป็นวัดหนึ่งที่เราชอบมากเพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและตำนาน ภาษาพูดก็ประมาณว่า Storyเยอะดีค่ะ ลองหาอ่านเพิ่มเติมกันได้นะคะ

 ออกจากวัดพระธาตุบังพวนเราไม่กลับไปทางเก่านะคะ ให้เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางอ.ท่าบ่อ เพราะเราจะไปวัดที่สองคือ "วัด ทางขับง่ายค่ะขับตรงไปเรื่องๆ ตรงตลอดโลด จนมาเจอถนนเส้นใหญ่(211)เลียบโขงเราถึงจะไปทางซ้ายไปทางเดียวกับอ.ศรีเชียงใหม่ ผ่านตลาด วัดจะอยู่ตรงตำแหน่งในแอพพลิเคชั่นบน map ตรงตามในรูปเลยค่ะ (จากวัดแรกประมาณ 30 นาที)

ตำแหน่งของวัดศรีชมพูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคายค่ะ

 

วัดศรีชมพูองค์ตื้อ อยู่บ้านน้ำโมง อ.ท่าบ่อค่ะ มากราบหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ (ตื้อเป็นหน่วยชั่งโบราณของคนอีสานน่ะค่ะ)หล่อโดยใช้ทองคำ ทองเหลืองและเงินผสมกันค่ะ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เคารพศรัทธาของคนทั้งสองฝั่งโขง 

ออกจากวัดศรีชมพูองค์ตื้อให้กลับมาบนถนน 211 เส้นเดิมมุ่งหน้าขึ้นไปทางอ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อจะไปไหว้พระวัดที่สามคือ"วัดอรัญบรรพต" อยู่ตำบลบ้านหม้อ วัดจะอยู่ทางด้านซ้ายมือสังเกตง่ายๆคือ วัดนี้จะมีเนื้อที่บริเวณกว้างมากๆค่ะ รั้วจะยาวๆมากๆ วันที่เราไปเห็นมีเฮลิคอปเตอร์กำลังจะขึ้นด้วยค่ะ

วัดอรัญบรรพตหรือที่ใครๆรู้จักกันว่าวัดหลวงพ่อเหรียญ วรลาโภมีทั้งเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระะธาตุของพระอริยสงฆ์องค์ต่างๆและด้านหน้ายังมีมณฑปของหลวงพ่อเหรียญด้วยค่ะ

ออกจากวัดอรัญบรรพตยังคงวิ่งเส้นทางเดิมขึ้นมาอีกค่ะ มาทางตำบลพระพุทธบาท ห่างจากกันไม่นานก็มาถึง "วัดหินหมากเป้ง"จะอยู่ทางขวามือ ระวังจะขับเลยไปนะคะ ให้สังเกตรั้วอีกแล้วค่ะ คือรั้้วจะยาวมากอีกแล้ว (รั้วยาวแปลว่าน่าจะเป็นวัดใหญ่เนื้อที่เยอะ ฮ่า ฮ่า) ก็จะมาถึงวัดที่สี่กันแล้วค่ะ วัดนี้เราเกือบขับเลยค่ะหันหลังกลับมามองเห็นป้ายชื่อวัดพอดี

เพื่อนๆเคยรู้กันมาก่อนหรือเปล่าคะว่าอ.ศรีเชียงใหม่นี้เป็นชุมชนโบราณที่มีมานานมากตั้งแต่ยุคทวาราวดีกันเลยทีเดียว เป็นอีกอำเภอที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจ แถบนี้สมัยก่อนชาวบ้านเชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ค่ะ และเรามากันวันนี้เพราะต้องการมาวัดของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

บริเวณวัดที่ติดแม่น้ำโขงจะมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับชื่อของวัด โดยกล่าวไว้ว่า "หินหมากเป้งเป็นชื่อของหินสามก้อนซึ่งตั้งเรียงกันอยู่ตรงนี้ อันมีลักษณะคล้ายตุ้มเครื่องชั่งทองสมัยเก่า คำว่าหมากเป้งเป็นภาษาภาคนี้ " และที่วัดนี้ยังมีตำนานเรื่องเล่าความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคอีกด้วย  

มื้อเที่ยงไม่ได้ทานอะไรกันเลยค่ะ ดีว่าพอมีเสบียงติดรถมาเล็กๆน้อยๆ เลยมาทานมื้อบ่ายกันที่ร้าน "แดงแหนมเนือง" ลูกค้ายังคงมาอุดหนุนกันแน่นจนแทบไม่มีโต๊ะว่าง (นี่ขนาดมาบ่ายแก่ๆแล้วนะคะ) อิ่มจากแดงแหนมเนือง เดินย่อยกันที่ตลาดท่าเสด็จก่อนสักชัวโมงแล้วจึงจะไปวัดที่ห้าวัดสุดท้ายของวันนี้ค่ะ "วัดโพธิ์ชัย"

วัดโพธิ์ชัย หรือ วัดหลวงพ่อพระใสพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดหนองคายเลยก็ว่าได้ ตอนเรียนมหาลัยมีเพื่อนมาจากหนองคาย เริ่มรู้จักหลวงพ่อพระใสก็จากตอนนั้นค่ะ เพื่อนนับถือมากๆ นอกจากตำนานการสร้าง พระเสริม พระสุก พระใส แล้วประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องมาถึงไทยกับลาวก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

Smiley คืนนี้เราเลือกพักที่ โรงแรม ไวท์อิน หนองคาย ถนน นิฐาพัฒน์ (เข้าออกได้สองทาง )เป็นโรงแรมราคาหลักร้อย (700 บาทไม่มีอาหารเช้า)ทำเลดีค่ะ สะอาด ถึงแม้ตอนไปถึงนั้นดูจากด้านนอกแล้วจะแอบเสียวนิดๆ แต่พอเช็คอิน(เจอเจ้าของซึ่งอัธยาศัยดีมากๆ) เข้าห้องไปแล้วก็ต้องถือว่า คุ้มค่าค่ะ ลานจอดรถกว้างขวาง เดินออกมาทางด้านถนนประจักษ์ศิลปคม เลี้ยวซ้ายไปหน่อยก็ถึง "ร้านข้าวต้มดีดี" ร้านข้าวต้มชื่อดังประจำจังหวัดหนองคาย

7/11/2557 (วัดอาฮงศิลาวาส - วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) )

ถ้าเป็นไปได้เช้านี้ออกเช้าได้เท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ แต่เราก็ออกกันเกือบแปดโมงเช้าแล้ว จากโรงแรมออกมาทางถนนประจัก์ศิลปคมเยื้องๆทางขวามือจะเจอร้านขายอาหารเช้าอร่อยอยู่เจ้าหนึ่งค่ะ แนะนำเลยค่ะมีทั้งไข่กระทะ ข้าวต้ม โจ๊ก ขนมปัง อร่อย สะอาดค่ะแต่กาแฟลาวสำหรับเราหวานไปหน่อย คือปรกติเราไม่ค่อยกินกาแฟใส่นมข้นหรือกาแฟเย็นค่ะ ไม่ชอบหวาน ฮ่า ฮ่า (แก่แล้ว)ถ้ากลัวหิวระหว่างทางอย่าลืมสั่งขนมปังติดรถไปด้วยค่ะ

 

ออกจากร้านขายอาหารเช้าผ่านตลาดโพธิ์ชัย ขอแวะลงไปซื้อดอกไม้ก่อน ว้าว..ตลาดนี้เป็นตลาดที่มีชีวิตชีวามากๆ มีของขายสารพัดปลาน้ำจืดสดๆ ปลาปิ้ง แม่ดิฉันซื้ออะไรรู้ไหมคะ ข้าวสารหนึ่งโลค่ะ แต่เป็นข้าวใหม่ เวลาเอามาต้มข้าวต้ม ห๊อม หอม ยางเยอะดีค่ะ เสียดายที่ไม่สามารถใช้เวลาเดินอ้อยอิ่งที่นี่นานได้ค่ะ รีบซื้อแล้วรีบออกเดินทางค่ะ ใครชอบเดินตลาดสดต้องชอบที่นี่แน่ๆค่ะ   

จากหนองคายเราใช้เส้นทางหลวง 212 วิ่งเลียบแม่น้ำโขงเพื่อไปวัดแรกของวันที่สองค่ะ "วัดอาฮงศิลาวาส" ห่างจากหนองคายมาประมาณ 115 กิโลเมตร (ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬ 21 กิโลเมตร)

 แม่น้ำโขงตรงบริเวณนี้ดูยิ่งใหญ่และสวยงามอีกจุดหนึ่ง มีโอกาสอย่าลืมแวะนะคะ ด้านหน้าวัดยังมีสวนหินขนาดใหญ่ดูสวยงามแปลกตา  

 

การขับรถจากหนองคายมาบึงกาฬนั้นไม่ยากค่ะ เพราะส่วนมากตรงมาอย่างเดียวและถนนค่อนข้างดีค่ะ มีป้ายบอกทางตลอด มื้อเที่ยงวันนี้ทานส้มตำไก่ย่างสูตรจ่าพนม เอ้าลองดูหน่อยสี่คนทานไก่ไปสองตัว มีแรงไว้เดินขึ้นภูทอกแล้ว

บ่ายโมงก็มาถึงจุดหมายหลักของทริปนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ "วัดภูทอก" หรือ "วัดเจติยาศรีวิหาร" วัดที่ใครๆรู้จักกันดีว่าเป็นวัดของหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ภูทอกแปลว่าภูเขาที่อยู่โดดเดียว ภูทอกจะมีสองลูกค่ะ ภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย ก่อนที่จะถึงวัดสังเกตจะเห็นภูเขาสองลูกอยู่ห่างกัน

ก่อนจะมาก็อ่านประวัติที่นี่มาสองสามรอบค่ะ (แต่เป็นคนความจำสั้นมากๆ) มาถึงเป็นไปได้เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยตั้งแต่ชั้นล่างเลยค่ะ เราเห็นชาวบ้านบางคนเขาถอดรองเท้าไว้ที่ด้านล่างเราก็เลยถอดไว้บ้าง ขอเดินเท้าเปล่าๆดีกว่า ขอบอกว่าอย่าคิดว่าจะเดินไม่ถึงนะคะ (ถ้าไม่ถึงกับสุขภาพไม่แข็งแรงจริงๆ) เพราะแม่ดิฉันหกสิบกว่าๆ ก็ยังเดินรอบชั้นหกและชั้นเจ็ดได้ค่ะ

 

 ในอินเตอร์เน็ตจะมีรายละเอียดบอกไว้ชัดเจนค่ะว่าชั้นไหนเป็นอย่างไร แต่วันนั้นพอไปจริง ฮ่า ฮ่า ลืมหมด กลายเป็นว่าเดินตามป้ายมาเรื่อยๆค่ะ จนมาถึงทางแยกซ้ายกับขวา ทีนี้จะไปทางไหนล่ะ เราเลยเลือกไปทางซ้าย ก็เป็นบันไดปีนขึ้นไปชันหน่อยเท่านั้นเองค่ะ (ระดับความเหนื่อยและความชันแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน)

พอขึ้นมาถึงชั้น 5 จะเจอศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป วันนั้นเราไม่ได้เดินเวียนรอบชั้นนี้ค่ะ เพราะตอนนั้นไม่รู้ พวกเราปีนขึ้นมาชั้นที่ หก และปีนเลยไปชั้นที่ 7 เลยเพราะตอนนั้นเข้าใจผิดว่า พุทธวิหารอยู่ที่ชั้น 7 ซึ่งจริงๆอยู่ชั้น 5

ด้วยความเข้าใจผิด ก็พากันปีนขึ้นไปชั้น 7 ซึ่งป้ายก็เขียนบอกไว้ว่าเป็นเพียงป่าดิบชื้น แต่เราเข้าใจความหมายผิดไปในตอนนั้น ก็เลยได้ไปเดินวนชั้น 7 กันหนึ่งรอบค่ะ ตอนนั้นเสียงฟ้าเริ่มร้องครืนๆแล้วและเริ่มมีละอองฝน หยิมๆลงมา มีน้องๆสามคนที่เป็นคนบึงกาฬติดกลุ่มหลงมาด้วยกันด้วย น้องๆรีบเดินรีบลงบ่นหิวข้าวกัน

เดินวนชั้นเจ็ดครบกันหนึ่งรอบ พอลงมาถึงชั้นหกฝนลงเม็ดพอดีเลยนั่งพักเหนื่อยกันก่อน กลุ่มอื่นๆรีบลงไปกันจนหมดเหลือกลุ่มเราสี่คนนั่งพักเอาแรงกันอยู่ตรงที่ปากทางเข้าเมืองพญานาค ตอนที่นั่งพักกันนี่แหละค่ะ ค่อยเอาโทรศัพท์มาเปิดดูหาข้อมูลใหม่อีกรอบ ว่าที่เป็นระเบียงเดินรอบนั้นอยู่ชั้นไหนตรงไหนทำไมยังไม่เจอ  

ระหว่างฝนตกก็นั่งพักอิ่มเอมกับบรรยากาศกันไป

 สาธุ...เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง (หรือจะบังเอิญก็แล้วแต่)ไม่นานฝนก็หยุด จากการที่ความคิดแรกคิดเพียงว่า ไหนๆพวกเราก็เดินวนชั้น 7 มาแล้ว พวกเราก็เดินวนชั้น 6 กันซักรอบจะเป็นไร ไม่ได้ขึ้นมาง่ายๆกันนะบนนี้ เราเดินกันมาถึงตรงป้ายที่บอกว่าจุดชมวิว ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่จุดชมวิวจริงๆ ดีใจกันใหญ่ เจอแล้ว ! ! ทางเดินในตำนานที่เขากล่าวขานกัน แถมฝนเพิ่งหยุดตก คูณสองให้กับความสวยงามและบรรยากาศไปเลยค่ะ เหมือนอยู่ในวิมานจริงๆ

มองไปเห็นพุทธวิหารในตำนานแล้ว มารู้ที่หลังเขาว่าต้องมองจากมุมนี้ถึงจะสวยที่สุด  

 

 ก่อนมาคิดว่าตัวเองจะไหวหรือเปล่าน้อ ยอมรับเลยค่ะมีแอบกลัวเล็กน้อย แต่วันจริงยังแปลกใจว่าทำไมไม่กลัวและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย (คิดว่าตัวเองกลัวความสูง) จะเป็นเพราะว่าภาพตรงหน้าเลยทำให้หายเหนื่อยเหมือนอย่างที่ใครๆเขาชอบพูดกันหรือเปล่า

 ตรงไหนที่มองลงไปแล้วหวาดเสียวมากๆ จะหันมาพนมมือแล้วท่อง พุทโธ พุทโธ เดินต่อไปเรือ่ยๆค่ะ (แฮ่ แฮ่ เรามักใช้วิธีนี้ข่มความกลัว)

 

คุณลุงที่ไปด้วยเดินไป พิจารณาไม้ไปเกือบทุกแผ่น เดินไป ได้ยินเสียงร้อง อู้หู โอ้โห เบาๆเป็นระยะๆ

 

 มองจากข้างล่างขึ้นไป ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน

 จากแผนที่ตั้งเอาไว้ว่าจะออกจากภูทอกประมาณบ่ายสามปรากฏว่าได้ออกประมาณสี่โมงเย็น จะว่าหน้าหนาวก็ยังไม่เห็นอากาศเย็นแต่วันนั้นขับรถมุ่งหน้านครพนมห้าโมงก็มืดแล้ว มาถึงถนนคนเดินนครพนมตอนทุ่มกว่าๆ ถนนคนเดินที่นครพนมมีเฉพาะคืนวันศุกร์-เสาร์ ห้าโมงเย็นถึงสองทุ่มค่ะอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร จากหอนาฬิกาไปถึงแถวๆท่าเทียบเรือ  

หิวกันแล้วเดินไปเจอร้านราดหน้า หน้าร้านคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ ด้านหลังร้านก็นั่งได้นี่นา เลยเลือกทานร้านนี้ค่ะสำหรับคืนนี้เอาง่ายๆเข้าว่า เป็นเหมือนร้านขายอาหารตามสั่ง (อยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกา) แต่มีให้สั่งอยู่ไม่กี่อย่าง เห็นคนนิยมสั่งกะเพราเนื้อ กับราดหน้าเลยลองชิมราดหน้า อุแม่เจ้า สี่สิบบาทค่ะ อย่างเยอะอะ หมูชิ้นใหญ่ๆ เส้นใหญ่ทอดกรอบๆนิดๆ จานเดียวอยู่เลยค่ะ (มื้อนี้ถูกและดี ฮ่า ฮ่า) 

คนนครพนมใจดี สาวๆนครพนมก็หน้าตาน่ารัก รู้สึกและสัมผัสได้กับแม่ค้าพ่อค้า พนักงานโรงแรม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจมากๆค่ะ  

 

 Smiley คืนนี้เราเลือกพักที่โรงแรม ตองเจ็ด ซึ่งเป็นโรงแรมราคาหลักร้อยอีกเช่นกัน (590 บาทมีขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ ตอนเช้า) อยู่ห่างจากถนนคนเดินเพียง 300 เมตร ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์มีไข่กระทะบริการเป็นอาหารเช้าอีกด้วย สะอาด สะดวก สบายดีค่ะ อยู่ใกล้วัดต่างๆที่เราจะไปในเช้าวันรุ่งขี้นค่ะ

8/11/2557 (วัดโอกาสศรีบัวบาน - วัดมหาธาตุ - วัดพระอินทร์แปลง - วัดพระธาตุพนม - วัดพระธาตุศรีคุณ - พระธาตโพนทอง)

ขับมาที่ถนนสุนทรวิจิตร ถนนที่เรามาเดินเมื่อคืน ขับเลาะเลียบโขงมาหน่อยเดียวจะพบ "วัดโอกาสศรีบัวบาน" จะได้พบเจอแต่โอกาสดีๆ (อันนี้เราคิดให้เป็นมงคลไว้เอง) เป็นวัดโบราณมีพระติ้วกับพระเทียมอยู่คู่กัน เป็นพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์สร้างตั้งแต่สมัยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูร

 

วัดที่สองค่ะ "วัดมหาธาตุ" กราบพระธาตุนคร พระธาตุสำหรับคนที่เกิดวันเสาร์ วัดมหาธาตุสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 1150   

 

วัดที่สามที่อยู่บริเวณนั้นคือ "วัดพระอินทร์แปลง" ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า "วัดอุโมงค์" แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดอินแปง ตามชื่อพระประธานของวัดนี้มากกว่า

วัดที่สำคัญอีกวัดที่ตั้งใจจะมานานแล้วคือ "วัดธาตุพนมวรมหาวิหาร" วัดที่เป็นที่เคารพนับถือศรัทธาทั้งชาวไทยชาวลาวอย่างสูง มีความเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับศาสนาพุทธอย่างมากในการสร้างวัดและสถานที่สำคัญต่อมาในประเทศไทย อายุพันกว่าปี

 

 

Smiley มื้อกลางวันวันนี้ได้รับคำแนะนำจากคนท้องถิ่นให้ไปลองชิมอาหารเวียดนามอยู่ตรงข้ามพระธาตุพนมเลยค่ะชื่อ "ร้านดาวทอง"  อาหารอร่อยค่ะ ราคาไม่แพง ขอแนะนำเลยค่ะ การเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ไม่ไกลจากพระธาตุพนม

จริงๆแล้วคนที่มาไหว้พระธาตุที่นครพนมด้วยความเชื่อและความศรัทธานี้มักจะไปไหว้ให้ครบ 7 พระธาตุตามวันเกิดแต่โปรแกรมของเราไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เลือกที่อยู่ในเส้นทางมากกว่าค่ะ โดยมีวัดหลักๆ เป็นศูนย์กลาง

ดังนั้นจากวัดธาตุพนมเราจึงวิ่งออกมาทางอ.นาแกเลยค่ะ เพื่อจะไปไหว้พระธาตุศรีคุณซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกันกับพระธาตุพนม (ห่างจากพระธาตุพนมประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ)

 

ด้านหลังพระธาตุศรีคุณ

 จากอ.นาแก เราวิ่งผ่านสกลนครเข้าจังหวัดอุดรเลยค่ะ ถนนดี วิ่งง่ายขับมาตามป้ายไม่งง ไม่หลงค่ะ มาถึงใกล้ๆอุดรกลับรถไหว้"พระธาตุโพนทอง" พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุดรซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรขอม คนท้องถิ่นเคารพศรัทธากันมากเพราะระหว่างที่พวกเราจุดธูปไหว้พระธาตุกันนั้น ได้ยินเสียงแตรรถดังตลอด

Smiley ค้างที่"อินทารารีสอร์ต"สองคืนค่ะ ที่พักราคาประหยัด สะอาด เก๋ กู๊ด ถูกใจมากๆ อยู่ใกล้ยูดีทาวน์ สวนน้ำเพลย์พอร์ท อยู่ซอยข้างโฮมโปร มีสนามกว้างๆให้เด็กๆวิ่งเล่นได้  

มาอุดรทีไรต้องมากิน "ร้านครัวคุณนิด" อาหารถูกปากค่ะ 

 10/11/2557 ชิลล์ๆสบายๆที่อุดรค่ะ สายๆไปกิน "ก๋วยเตี๋ยวหมี่ขิด" เส้นราเม็งถูกใจเด็กๆมาก

 บ่ายๆพาเด็กๆไปเล่นสวนน้ำเปิดใหม่เพลย์พอร์ท ที่พักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ของคนอุดรถูกใจบรรดาเด็กๆทั้งหลาย ค่าเข้าก็ไม่แพงมากคนละ 99 บาท มีอาหาร ขนม เครื่องดื่มขาย ถ้าถามว่าแล้วเอาอาหารข้างนอกเข้าไปได้ไหม ตอนที่เราไปก็ไม่เห็นว่ามีการตรวจตราอะไรนะคะ น่าจะได้อยู่นะคะ (ยังไงโทรไปถามก็ดีนะคะ) เพราะเขามีทำเป็นซุ้มๆ และก็มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งเหมือนอยู่ริมทะเลค่ะ

 ขอจบด้วยภาพของสองหลานนี้แล้วกันนะคะ

พบกันใหม่บล๊อกน้านะคะ

สวัสดีค่ะ

SmileySmileySmiley




Create Date : 06 ธันวาคม 2557
Last Update : 10 ธันวาคม 2557 9:56:51 น.
Counter : 16707 Pageviews.

0 comments

hellojaae
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



เขียนบล๊อกเพราะอยากเขียน อยากแบ่งปัน ใช้วิธีจิ้มดีดจึงมีผิดๆถูกๆ (แม้จะพยายามตรวจทวนทุกครั้ง) เป็นบล๊อกอนุรักษ์รูปแบบเดิมๆคือเขียนไล่เรียงลงมา เพราะทำรูปแบบอื่นไม่เป็น 555 ยังเขียนต่อไปเพราะเห็นว่าก็ยังมีคนหลงๆเข้ามาอ่าน 555 สวัสดีและขอขอบคุณทุกคนค่ะ
Website counter