ทริปเดียวเที่ยวทั้งกระบี่-พังงา-ภูเก็ต

กระบี่เป็นจังหวัดในฝันที่อยากไปเที่ยว(ในฝันมีหลายที่หลายจังหวัดมาก) เลือกไปเทียวกระบี่ เที่ยวนี้เพราะมีวันหยุดติดต่อกันสามวันซึ่งปรกติทำงานจะมีวันหยุดแค่อาทิตย์ละหนึ่งวัน โอ้ ลัล ล้า ตัดสินใจฉุกละหุกมากเตรียมตัวล่วงหน้าสามวันจองตั๋วเครื่องบินการบินไทยติดต่อบริษัททัวร์ชื่อเจ.ซีแทรเวลของคุณเจษฎาซึ่งเป็นคนน่ารักมากอัธยาศัยดีมาก เราใช้บริการตั้งแต่ครั้งไปเที่ยวภูเก็ตครั้งที่แล้วมีความประทับใจ คราวนี้ก็ให้เลยเค้าจัดการให้อีกครั้งค่าทัวร์อย่างเดียวจ่ายไป14,200 บาท เที่ยว3วัน(ที่พักสามคืน+ทัวร์หมู่เกาะพังงา+ทัวร์กระบี่+อาหารค่ำหนึ่งมื้อ +รถส่วนตัว)บอกเค้าล่วงหน้าสามวันช่วยจัดการให้หน่อยค่ะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิแปดโมงกว่าๆถึงกระบี่ก็ราวๆเก้าโมงกว่าพอๆกับบินเชียงใหม่ นานกว่าประมาณยี่สิบนาที(การบินไทยดีเลย์ตลอด)ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวเป็นชาวต่างชาติเยอะพอสมควรคนไทยก็เยอะเพราะว่าเป็นช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษามั๊ง

พอมาถึงปุ๊บก็มีคนขับรถมารับที่สนามบินเป็นหนุ่มน้อยคนนครศรีธรรมราชชื่อ น้องบ่าว เป็น ไกด์ ไปด้วยท่าทางเป็นคนขี้อายเวลาพูดจะพูดค่อยๆเบาๆ พาเราขับรถมุ่งหนัาพาไปเที่ยวที่แรกเลยที่ห่างจากสนามบินกระบี่ไปราวห้าสิบ กิโลไปยัง" น้ำตกร้อนคลองท่อม"หรือ"น้ำตกร้อนสะพานยูง"ชื่อน้ำตกร้อนเพราะเป็นน้ำร้อนใต้ ดินที่ผุดขึ้นกลางป่า ลงจากรถก็ต้องเดินเท้าไปเรื่อยๆบนสะพานไม้ สองข้างทางก็จะเป็นป่าดิบชื้นพื้นราบเป็นป่าพรุ มีสะพานไม้ให้เดินขอแนะนำว่าทริบนี้ควรติดรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบายเท้าเพราะค่อนข้างเดินไกลพอสมควร ถ้าสาวๆใส่ส้นสูงเดินคงลำบากแน่ๆ



เดินมาสักพักยังไม่เหนื่อยมาก ก็มาถึงตัวน้ำตกซึ่งไม่ใหญ่มีคนลงเล่นน้ำค่อนข้างแน่น นี่ขนาดน้องบ่าวว่ายังไม่เยอะเท่าไร เราดูๆแป็บเดียวก็กลับน่ะ แฮ่ะแฮ่ะ เฉยๆ ค่ะ ที่แปลกเพราะว่าเป็นน้ำตกน้ำร้อนค่ะ และก็เป็นแอ่งดูเหมือนอ่าง



คนเยอะด้วยถ้าไปช่วงวันธรรมดาซึ่งไม่มีคนคงจะดี ไปปิคนิคแล้วก็เล่นน้ำร้อนๆ
คงสนุกดี



ดูเจ้าหอยตัวน้อยๆเสร็จ ชื่นชมกลับน้ำตกร้อนคลองท่อมพอควรเราก็ออกจากที่นี่มุ่งไปที่หมายใหม่ดีกว่า ขับต่อไปประมาณยี่สิบนาทีถึงที่หมายใหม่สระมรกต จากที่จอดรถเดินออกกำลังไปอีกประมาณ โล กว่า เหงื่อชุ่มเลย ก่อนเข้าจะมีเ้จ้าหน้าที่อุทยานเช็คห้ามนำขนมหรืออาหารเข้าไป ประมาณว่าจะได้ไม่มีขยะเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมรอบบริเวณน้ำตก มีเจ้าหน้าที่รับฝากอยู่ข้างหน้าค่ะ เดินไปสองข้างทางก็เป็นป่าดิบชื้น ตลอดสองข้างทาง เหนื่อยพอสมควรถึงที่หมายแรก สระมรกต





ผ่านสระมรกต โอ้ โฮ น้ำใสแจ๋วมาก เป็นสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ใสจนเห็นพื้นหินด้านล่างที่เป็นสีเขียว อยากลงไปเล่นเดี๋ยวนั้น แต่น้องบ่าว ไกด์ ของเราบอกว่า ให้ไปสระน้ำผุดข้างหน้าก่อน แล้วค่อยกลับมาเล่นที่หลังเพราะต้องเดินไปอีกไกลเดินกลับมาทางเดิมร้อนๆค่อย เล่นน้ำจะดีกว่า ความคิดเข้าท่าดี เราก็เลยเดินกันต่อไป เพื่อไปดูสระน้ำผุด



ตลอดเส้นทางเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติในป่าดงดิบชื้นที่ราบต่ำมีพืชพรรณหลากหลาย ชนิด มีต้นชมพู่น้ำและต้นไม้หาดูยากให้เดินดู โน่น นี่ เพลินๆ ดี ค่ะ ดงเฟิร์นเยอะมาก



เดินไปเรื่อยๆ ไกลพอ ควรจาก สระมรกต เดินลึกเข้าไปในป่าดิบชื้น สักพักพอเริ่มสงสัยว่าหลงหรือเปล่า ก็พบกับสระน้ำผุด ของจริง





ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมาย บอกข้อมูลนักท่องเที่ยว



สระน้ำผุดนี้เป็นต้นน้ำไหลลงสู่สระมรกตด้านล่าง สระเล็กและลึกห้ามลงเล่นน้ำเพราะข้างล่างเป็นโคลนดูด น้ำใสแจ๋ว มีน้ำผุด ผุด ปุด ปุด ขึ้นมา ยิ่งช่วยกันตบมือยิ่ง ผุด เยอะเลยค่ะ ไกด์บอว่านี่แหละเป็นสระที่นางกินรีลงมาเล่นน้ำ



เดินกลับออกมาสระมรกต ร้อนๆ เล่นน้ำ เย็นใส แจ๋ว ชื่นใจ แฮบปี้ มากๆ น้ำใสสุดๆ คุณผู้ชายไม่ยอมลงแต่เราไม่ยอมพลาด



วันนี้โชคดีที่คนไม่ค่อยเยอะ น้องบ่าวบอกว่าช่วงเทศกาลอย่างสงกรานต์ แทบไม่มีที่ยืน



ขึ้นรถไปต่อกันที่วัดถ้ำเสือ ไหว้พระเพื่อความเป็น ศิริมงคงล ที่นี่มีจุดชมวิวมุมสูง(ขึ้นไปอีกประมาณ600เมตร)สามารขึ้นไปชมตัวเมือง จังหวัดกระบี่ได้ แต่ว่าเรากับคุณชายถามกันแล้วส่ายหน้าไม่ขึ้นดีกว่า(เคยอ่านเจอในบล็อกคน อื่นเค้าว่าเหนื่อยพอสมควรแต่วิวสวยน้า)



ไปชมสุสานหอยต่อ ซึ่งทั้งโลกมีอยู่เพียงสามแห่ง คือไทย ญีปุ่น และอเมริกาแต่ว่าสุสานหอยที่กระบี่นี้เป็นแห่งเดียวที่อยู่ชายทะเล



ตอนแรกว่าจะเข้าที่พักเลย แต่คุณผู้ชายว่าไปกินข้าวที่ภูเก็ตดีกว่า แล้วเลยเปลี่ยนไปนอนภูเก็ต คืนหนึ่ง(คุณเจษฎาก็จัดให้) ออกจากกระบี่ประมาณสี่โมงกว่า ระหว่างทางแวะซื้อผลไม้พื้นเมืองมาฝากเพื่อนๆและญาติ ที่กรุงเทพเชื่อว่าหลายคนไมู่รู้จักและไม่เคยกินแน่ คล้ายๆมะไฟค่ะข้างในแต่เปรี้ยวน้อยกว่า



ตั้งใจไปภูเก็ตเพื่อไปกินร้านนี้โดยเฉพาะ คุณผู้ชายเคยไปกินนานแล้วเลยอยากที่จะพาเราไปด้วย ต้องไปจอดรถที่ตรงแหลมหิน แล้วนั่งเรือหางยาวออกไปจะมีเรือหางยาวรับจ้างคอยอยู่ ตอนไปถึงทุ่มกว่าๆแล้วมืดไปหมดถ้าโพล้เพล้ถ้าจะดีกว่านี้ นั่งเรือออกไปกลางทะเลประมาณสิบนาที เป็นแพลอยอยู่กลางน้ำ ใกล้กับแพฟารม์มุกของคุณหริศ เรื่องจำเลยรัก (เค้ามาถ่ายหนังกันที่นี่)นั่งกินข้าวบนแพกลางน้ำตอนกลางคืนแหงน หน้าดูดาว ข้างหน้าเห้นไฟวิบวับ วิบวับบนฝั่ง ฟังเสียงคลื่นทะเล ร้านชื่อว่าแพครูวิทย์คงเปิดมานานหลายสิบปี อาหารอร่อยดีค่าเมนูคืนนี้ ผักเหลียงผัดน้ำมัหอย ปลาทรายทอดขมิ้น ปลาเก๋าทอดสมุนไพรและต้มยำ ยำผักกูด ปูม้านึ่ง













คืนนี้เปลี่ยนมานอนที่ภูเก้ตเข้าพักที่ กะตะพูลไซด์คุณเจษฏาจัดห้องให้ติดสระว่ายน้ำเลยแต่เข้าที่พักก็สี่ทุ่มกว่า แล้วรีบเข้านอนเช้า เดี๋ยวไปเที่ยวพังงาต่อ ตื่นเช้ามามีรถตู้มารับหน้าที่พัก เพื่อเดินทางไปกับกรุ๊บทัวร์เลยต้องไปรับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆวันนี้จะไปพาย เรือที่พังงากัน นั่งเรือหางยาวชมหมู่เกาะพังงาก่อนประมาณสี่สิบนาที



เป้าหมายหลักอยู่ที่เขาตะปู หรือ อีกชื่อหนึงคือ เจมส์บอนด์ไอส์แลนด์โชคดีไม่ต้องพายเองมีคนพายให้เพราะลองพายเองดูแล้วหลัง ห้านาทีคงไม่รอด


ิ
มีไกด์พายน่ะดีแล้วแถมให้ข้อมูล นั่น นี่ ตลอดเราก็นั่งเมาเรือไป พะอืดพะอมเมาเรือ แต่ก็ยังยิ้มสู้กล้อง



ไกด์เค้าก็จะพาเราลงเรือลำละสองคน รวมไกด์ด้วยเป็นสาม พายไปก็จะอธิบายให้ฟังว่านี่ถ้ำอะไร นี่เหมือนอะไร พายชมวิวเมาคลื่นอยู่ประมาณสี่สิบนาทีก็กลับขึ้นบนเรือใหญ่ (ถ้านานกว่านี้พุ่งแน่เลยเรา) หน้าตาตอนนี้ไม่ไหวแย้ว



ได้กลับขึ้นมาบนเรือใหญ่สักพักค่อยยังช่วงหน่อย นั่งเรือหางยางต่อไปอีกประมาณยี่สิบนาที ไปจุดไฮไลท์ของวันนี้ เขาตะปูหรือเรียกอีกชื่อว่าเจมส์บอนด์ไอส์แลนด์ิ



ที่นี่ได้รับความนิยมมากนักท่องเที่ยวเยอะเชียว แบกตะปูกันใหญ่



เขาพิงกัน พิงกันจริงๆ มีหลายคนพยายามดันให้มันออกจากกันแต่ไม่สำเร็จ



หลังจากแอ๊คท่าถ่ายรูปกันพอสมควร ก็นั่งเรือหางยาวที่มาไปกินข้าวกลางวันที่หมู่บ้านชาวมุสลิมที่เกาะปันหยี ก็จะเป็นการกินร่วมโต๊ะกันในกรุ๊บ พอดีเราตักข้าวให้ผู้ชายข้างๆดูยังไงก็แก่กว่าเรา(น่าจะมีห้าสิบกว่า) แกยกมือไหว้แฮะ เราสงสัยว่าเค้าต้องเป็นนักการเมืองแน่ๆเลยหว่ะ คือไหว้ไว้ก่อน



ซึ่งที่นี่นอกจากจะมาแวะทานอาหาร ซื้อของที่ระลึกแต่เราไม่ได้ซื้อหรืออุดหนุนร้านของคนพื้นเมืองเลยก็ไปเดิน งานโอท็อบออกบ่อยน่ะ ที่นี่ยังได้เห็นฟาร์มมุกกระชังปลา และฟาร์มหอยนางรมด้วย



นั่งเรือชมวิวหมู่เกาะพังงาอีกรอบ ก่อนที่จะมาขึ้นรถที่ท่าเดิมเมื่อเช้า เพื่อไปไหว้พระที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ นมัสการไหว้พระนอนในถ้ำ



ที่นีภายนอกถ้ำบริเวณหน้าจะมีลิงเยอะมากๆ ถ้าอยากให้อาหารลิงต้องมีวิธีการเช่นถ้าคุณจะให้ถั่วลิสงคุณต้องกำไว้ในมือ ให้ทีละเม็ด ลิงจะไม่ดุ พอหมดในมือคุณต้องแบมือออกให้ลิงตัวอื่นๆเห็นว่าหมดแล้ว ไม่เช่นน้ันตัวอื่นๆจะมารุมคุณมาปีนไปบนหัวคุณเพราะทุกตัวคงหิวเหมือนๆกัน



ให้อาหารลิงเสร็จขึ้นรถกลับสู่ที่พัก เช็คเอาท์ ออกไว้เรียบร้อยเพียงแต่เอากระเป๋าขึ้นรถส่วนตัวทางคุณเจษฎาจัดร้านอาหาร มื้อค่ำไว้ให้ อยุ่ในโปรแกรมนัดหมายหนึ่งทุ่มแต่เราหิวเลยไม่อาบน้ำแล้วมากินข้าวเลยชื่อ ร้าน โพงพาง ไปทางเดียวกับป่าหลาย รสชาดใช้ได้ทีเดียว



ทางทัวร์ก็จะจัดอาหารไว้ให้หนึ่งชุด แต่เราขอสั่งเพิ่มต่างหากอีกด้วย ที่ชอบก็มีผักเหลียงผัด น้ำพริกกุ้งเสียบ กุ้งมังกรกินกับไวน์ขาว เป็นมื้อค่ำที่ O.K อีกมื้อ







มื้อค่ำเสร็จเกือบสามทุ่มตีรถจากภูเก็ตมานอนที่กระบี่ โดยคนขับรถอีกคนมาส่งถึงที่พักก็ประมาณห้าทุ่ม รีบนอนเช้ามาไปท่องทะเลกัน

หลังรับประทานมื้อช้าที่อ่างนางบุรีรีสอร์ท ก็มีรถสองแถวคันใหญ่มารับที่หน้าที่พัก อ่าวนางเป็นที่่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพัก เพราะเดินทางไปขึ้นเรือไม่ไกลรถจะมารับให้ไปจอยรวมกลับกรุ๊บทัวร์คนอื่นๆ กลุุ่่่มเรามีทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติยี่สิบสองคนได้



หลังจากเช็คชื่อกันที่หน้าบริษัททัวร์รถสองแถวคันใหญ่ ก็พาพวกเราขับเลาะเลียบหาดอ่าวนางมาลงที่หน้า หาดนพรัตน์ธารา เพื่อที่จะขึ้นสปีดโบ๊ท



ที่หาดนพรัตน์ธาราจะมีทะเลแหวก2



บรรยากาศหน้าหาดนพรัตน์



นั่งสปีดโบ๊ทมาไม่ไกลผ่านหาดไรเล่ย์ที่ฝรั่งนิยมมาปีนหน้าผา ไปจุดหมายแรกที่อ่าวถ้ำพระนาง มีครบทุกบรรยากาศ ปีนเขา เข้าถ้ำ เล่นน้ำทะล



บริเวณหน้าปากถ้ำอ่าวพระนาง



ใช้เวลาอยู่บนเกาะนี้ประมาณสี่สิบนาทีิที่นี่หน้าหาดไม่ยาวมากประมาณสองร้อยกว่าเมตรแต่ทรายก็ขาว น้ำทะเลก็ใสมีคนมาท่องเที่ยวมาก



พักผ่อนกันตามอัธยาศัยพอสมควรแล้วรวมตัวกันอีกครั้งมุ่งหน้าไปสู่ เกาะปอดะในน้ำทะเลจะตัดกันสีเข้ม อ่อน สวยงามาก หาดทรายขาวมากๆทะเลสวยที่สุด



แวะรับประทานอาหารกลางวันมีข้าวผัดให้คนละจานกินไปเกือบหมดน้ำซุบเพิ่งมา ดีว่ามีขนมปังติดมาไม่งั้นหิวมากแน่ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจฉันมาเที่ยวทะเลสวยก็แฮบปี้สุดๆแล้ว มุมนี้ชิงช้ารับแขกทุกคนที่เห็นต้องขึ้นไปถ่าย เราก็ไม่ยอมพลาดเช่นกัน ฮิ ฮิ



เจ้าของบ้านคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ อัธยาศัยดีมาก



น้ำทะเลที่กระบี่ทำไมถึงเขียวสวยมากซะไม่มี ทรายก็ขาวซะเหลือเกิน



มองจากฝํ่งนี้ไปถ้าน้ำลดก็จะเป็นทะเลแหวก ไปรอฝั่งตรงข้ามอยู่นานน้ำก็ไม่ลง วันนี้เลยยังไม่เห็นทะเลแหวก



หลงรักทะเลกระบี่เข้าแล้วเรา



ดำน้ำตื้นดูปลาการ์ตูน ปลาเยอะมาก แต่ไม่เห็นปลาการ์ตูน เกือบลอยออกกลางทะเลไปด้วยเรา ก็ว่ายน้ำไม่เป็นน่ะแต่ใส่เสื่อชูชีพลงไปลอยตุ๊บป่อง แฮ่ แฮ่ เหนื่อยมากเลย กลับมาเล่นน้ำบนเกาะอีกครั้ง หาดทรายขาวที่สุด วิวก็สวยที่สุด รักทะเลกระบี่ที่สุด



มีความสุขซะจนลืมอายุตัวเองไปเลย



หลังจากแฮบปี้กับทะเลกระบี่สุดๆแล้ว ก็กลับขึ้นฝั่งอาบน้ำแต่งตัวเดินไปกินข้าวร้านอยู่ตรงใกล้ๆที่พักประมาณสอง ร้อยเมตร อาหารอร่อยดีนะ บรรยากาศก็ใช้ได้ คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ร้านชื่อ วังทรายซีฟู้ด อยู่อ่าวนางนี่แหละ





สั่งแต่เมนูโปรดเหมือนเดิม ไม่พลาดที่ต้องเทส ผักเหลียงผัด



เมนูเดิมๆที่ต้องสั่ง แต่ปลาทรายทอดขมิ้นที่นี่อร่อยค่ะ



เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วก็มีรถส่วนตัวมารับไปส่งที่สนาม บินกระบี่กลับสู่ถึงกรุงเทพยกมือไหว้สาธุเทวดา โชคดีจังไปเที่ยวไม่เจอฝนเลย หลังจากนั้นสองสามวัน น้ำท่วมที่พังงา ส่วนเรายังประทับใจทะเลกระบี่ไม่ลืม

Create Date : 13 กรกฎาคม 2552 Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 2:20:43 น. Counter : 22955 Pageviews.		21 comments
Share Tweet