ไหว้พระที่วัดบางกุ้งกับวัดจุฬามณีแม่กลองกินข้าวที่ร้านอาหารป่าคลองครุ

วันวิสาขบูชาปีนี้ 28 พฤษภาคม 2553 ไม่ได้ไปไหนไกลเรา แม่ และคุณแฟนพากันออกจากบ้านกันประมาณสิบโมงครึ่งจากย่านรามคำแหงขึ้นทางด่วนลงพระราม2 รถเยอะมากๆตั้งแต่ก่อนทางลงดาวคะนอง พระราม 2 สงสัยว่าผู้คนคงจะนิยมเที่ยวกันใกล้ๆกรุงเทพ ตั้งใจว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านแดง สมุทรสงคราม ไปถึงบ่ายโมงกว่าๆ ผู้คนล้านแปดเยอะมากกกกกมองไปเห็นมีแต่คน เหลือบไปมองหลายโต๊ะมีแต่จานกับน้ำและคนนั่งหน้ามุ่ยรออาหารกันตัดสินใจแแบบฉับพลัน (ฝากไว้ก่อนนะ)พวกเราถอยกันดีกว่าไปหาร้านใหม่กินเอาข้างหน้ากันก่อนดีกว่ากลัวแม่จะเป็นลมก่อน แม่แนะนำบอกว่าลองไปร้านจินดาซิเมื่อก่อนคนเยอะมากเหมือนกันเลยจากร้านแดงไปไม่ไกลเอ้าไปลองดู เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็น"นิวจินดา" ร้านทำเลและที่ตั้งดี เพราะว่าตั้งอยู่ปากอ่าวริมแม่น้ำแม่กลอง คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาหารรสชาติใช้ได้นะมาแม่กลองทั้งทีก็ต้องกินปลาทู ปลาทูแดดเดีียวที่นี่อร่อยดีค่ะ กับอีกเมนูที่อยากแนะนำคือเอ็นหอยผัดฉ่าค่ะ แต่ว่าพนักงานบริการที่นี่มีน้อย อาหารรอนานหน่อย(ขนาดคนก็ไม่ค่อยเยอะ)เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูเพราะว่าหิวข้าวมาก มาก

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ขับรถกลับมาจากร้านนิวจินดาใช้เส้นทางเดียวกับที่ไปอุทยานร.2 หรือไปตามป้ายที่บอกว่าไปตลาน้ำอัมพวาก็ได้ ถ้าไปจากตัวเมืองสมุทรสงคราม ก็ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 325 (แม่กลอง-อัมพวา) ประมาณ 5 กม. เลยวัดบางกะพ้อม (ยังไม่ถึงตลาดอัมพวา) ให้สังเกตทางแยกซ้ายมือตอนนี้อย่าขับเร็วมากเดี๋ยวจะขับเลยเอาสังเกตุป้ายทางเข้าอันเดียวกับวัดทุ่งเศรษฐีวัดปากน้ำวักภุมรินทร์ใช้เส้นทางเข้าซอยนี้ทั้งหมดแหละใ้ห้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยแล้วข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง (สะพานสมเด็จพระศรีีสุริเยนทร์) ตรงไปถึง ถึงสามแยกเลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดภุมรินทร์กุฎีทอง(อยู่ขวามือ)ตรงไปอีกจนถึงสามแยก (มีวัดบางแคใหญ่อยู่ขวามือ)เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดบางแคน้อย วัดปากน้ำ(เราขับตรงไปอีก) ข้ามสะพานคลองแควอ้อมสังเกต ค่ายบางกุ้งอยู่ซ้ายมือ จะเห็นแนวกำแพงของค่าย นี่แหละมาถึงแล้ว"วัดบางกุ้ง Unsee Thailand" (ขอขอบคุณข้อมูลต่างที่หาได้ในเน็ตนะคะเอามาแปะแปะให้อ่านกันค่ะ ไม่ได้เขียนเองทั้งหมดนะคะ)

วัดบางกุ้งนั้นเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ทรงให้กองทัพเรือมาตั้งค่ายกำแพงล้อมที่วัดบางกุ้งแห่งนี้ เพื่อรบกับทัพข้าศึก เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหารชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก





พระอุโบสถ์หลังนี้ล้วนปกคลุมไปด้วยรากของต้นไม้อย่างเหนียวแน่นและดูด้วยตาเปล่าก็น่าจะบอกว่ามีมาเนิ่นนาน ชาวบ้านเรียกกันว่าโบสถ์ปรกโพธิ์และนี้ที่ก็ไม่เคยร้างจากศรัทธาของผู้คนที่มาเยือนวัดบางกุ้ง เพื่อมาชมความพิศวงแห่งธรรมชาติ พร้อมด้วยความเชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อนิลมณี หรือหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดบางกุ้ง ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น ความศักดิ์สิทธิ์์ของ ท่านเลืองลือไกลไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมากราบไหว้ขอพรท่านมากมาย มีผู้เดินทางมาสักการะหลวงพ่อดำในโบสถ์ปรกโพธิ์แห่งนี้ ด้วยความเชื่อที่ว่า บารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยในอุปสรรคทั้งปวง








อยู่ที่วัดบางกุ้งได้ไม่นานเมฆดำลอยทมึนมา อีกไม่นานนี้ฝนตกแน่นอนแต่แม่อยากไปไหว้พระต่อที่วัดจุฬามณี บอกว่าไม่ได้มานานแล้ว(ซึ่งเมื่อก่อนแม่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่เนื่องและมาขอเลขเด็ดที่นี่บ่อยๆ) เอาไปก็ไปกันไปถึงพอจอดรถปุ๊บขึ้นศาลาปั๊บฝนก็ตกลงมาอย่างหนักเลย มีร่างของหลวงปู่เนื่องอยู่ในโลงแก้วสวยงาม



เราเพิ่งเคยมาครั้งแรกข้างในนี้สวยงามมากทีเดียว



แม่บอกว่าวัดนี้ลูกศิษย์เยอะมีคนมาถวายเงินให้หลวงพ่อเยอะ วัดก็เลยสวยงามอย่างนี้



ออกจากวัดจุฬามณีใช้ทางที่เค้าเขียนว่าเลี่ยงเมืองจะมีร้านขายปลาทูนึ่งอยู่หลายร้านมาแม่กลองทั้งทีต้องไม่ลืมซื้อปลาทูนึ่งไปทอดกินที่บ้านแต่เอาแช่ตู้เย็นไว้ทอดพรุ่งนี้นะเพราะมื้อเย็นวันนี้เราจะไปกินร้านที่คุณแฟนคุยนักคุยหนาว่าอร่อยคุณแฟนเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนนายเคยพามากินที่นี่ ได้ยินจากปากคุณแฟนมานานแล้ววันนี้ไปลองกันซักครั้งชื่อ"ร้านอาหารป่าคลองครุ"

บรรยากาศร้านเป็นแบบทั่วไปในสมัยก่อน แต่เราชอบแบบนี้(ไม่ค่อยเน้นบรรยากาศแล้วล่ะเน้นความอร่อย)





ระวางทางที่ขับรถมาใช้"กูเกิ้ล"หาข้อมูลมาบ้างแล้วว่าต้องสั่งอะไรบ้างเราสามคนเห็นพ้องว่าต้องสั่ง"หอยลายผัดน้ำพริกเผา"ขอบอกว่าผัดได้อร่อยมากค่ะ อาหารที่นี่จานใหญ่ทุกจานเลย อ้อลืมบอกไปว่าร้านนี้เป็นร้านที่เก่าแก่เปิดมากว่าสามสิบปีแล้วค่ะ



หอยแครงลวก จานนี้ลวกสุกไปหน่อยพวกเราชอบแบบเลือดๆน่ะ แต่หอยตัวใหญ่ดีค่ะ



แกงส้มปูไข่ใส่หน่อไม้ดอง อร่อยมากๆ เปรี้ยวแซ่บเข้มข้น ปูงี้ไข่แน่นเชียว พูดแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกเลยค่ะ



มาที่นี่พระเอกอยู่ที่นี่เลยค่ะ "ปลาเต๋าเต้ยทอดกระเทียม"ปลาตัวใหญ่มากๆ ตัวเท่าจานน่ะค่ะ พนักงานบอกว่านี่ตัวเล็กนะคะ (จานนี้1200 บาทแต่ห่อกลับมากินต่อที่บ้านไปอีกสองมื้อเนื่องจากตัวใหญ่จริงๆ)



แล้วก็สั่งปูเนื้อนึ่งมาอีกตัว ตอนสั่งปลาเต๋าเต้ยบอกเค้าว่าไม่ต้องเอาตัวใหญ่มากแต่ตอนสั่งปูบอกขอตัวใหญ่ๆ



สมราคาคุยจริงๆ ที่ทางร้านเค้าจะนำเสนอว่าที่นี่ใช้แต่วัตถุเกรดเอ



ปู ก้ามหนึ่งก็จะอิ่มแล้ว (ปูตัวใหญ่ราคาก็จะแพงกว่าปูตัวเล็กเพราะหายากกว่า)



ที่น่าประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คืออาหารที่นี่จะออกเร็วมาก คุณแฟนบอกว่าเคยกินพนันเงินเพื่อนมาแล้วว่าไม่ถึงห้านาทีเดี๋ยวอาหารเริ่มลง จริงอย่างเค้าว่าจริงแฮะ ร้านนี้เจ้าของร้านเค้าจะทำอาหารเองอยู่ในครัวคอยดูแลเรื่องอาหารเองเลยมากว่าสามสิบปีเพื่อรับประกันความอร่อย

สรุปว่ากินหอยแครงลวกกับปูนึ่งหมด ที่เหลือ หอยลายผัดน้ำพริกเผา แกงส้มกับปลาทอดห่อกลับบ้าน(วันรุ่งขึ้นไม่ได้ไปไหนพักผ่อนอยู่บ้านอุ่นกินไปได้อีกสองมื้อ)เพราะราคาอาหารถึงแม้ว่าราคาจะค่อนไปทางแพงแต่ก็จานใหญ่จริงๆ และก็จริงอย่างสโลแกนของเค้าที่ว่า "เราคัดสรรใช้แต่วัตถุดิบเกรดเอ" ครั้งหน้าถ้าผ่านไปแถวนั้นก็คงจะไปอุดหนุนใหม่ เพราะเราชอบคำว่าวัตถุเกรดเอนี่แหละ(ที่สำคัญจะให้ดีที่สุดต้องมีคนไปจ่ายตังค์ให้นะคะ ถึงจะอร่อยแบบสุดยอด) ของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือส้มโอลูกละร้อยแต่เจ้าของร้านรับประกันทุกลูกเสียดายว่าวันที่ไปเค้าบอกว่าวันนี้ส้มโอไม่ดีเลยไม่ได้ชิมเอาไว้ครั้งหน้าละกัน

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553 Last Update : 15 สิงหาคม 2555 12:25:41 น. Counter : 3506 Pageviews.		11 comments
Share Tweet