YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
ถุงปลาหมึก

เสียงรถคงจะดังเกินไป
หรือไม่คุณพ่อค้าที่กำลังคุยโฉมงโฉงเฉง
กับพ่อค้าขายปลาหมึกปิ้งข้างๆอย่างออกรสชาตินั้น
ก็คงจะมีสมาธิดีจนเกินไป จนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสาวเจ้าหนึ่งนาง
มายื่นคอยาวชะเง้อชะแง้สับปะรดของพี่ท่านอย่างหิวกระหาย

“พี่ สับปะรดถุงนึง”
มันดังเกือบจะเป็นตะโกน เพราะนี่เป็นครั้งที่ 3
ที่ฉันพูดประโยคนี้ในระยะเวลาราวๆ 20 วินาที
ได้ผล คุณพ่อค้าหันมาหัวเราะแหะๆ
ก่อนจะจิ้มสับปะรดขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
แล้วค่อยๆบรรจงหั่นมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเทใส่ถุง
ฉันหันไปสั่งปลาหมึกปิ้งอีกสองไม้จากร้านข้างๆ
ก่อนที่จะหันกลับมาบอกพ่อค้าขายผลไม้ว่า

“ไม่ต้องใส่ถุงนะคะ”
ฉันขัดจังหวะในระหว่างที่เขากำลังจะเอาสับปะรดถุงนั้น ใส่ในถุงอีกใบ

“ครับๆๆ”
เขาตอบรับพร้อมกับขยี้ปากถุงพลาสติกให้คลี่ออก
แล้วโยนพริกเกลือถุงเล็กๆใส่เข้าไปในถุงใบนั้น
ฉันต้องบอกเขาอีกครั้งด้วยประโยคเดิมว่า

“ไม่ต้องใส่ถุงนะคะ”

“อ้อ ครับๆๆ”
เขาตอบรับพร้อมกับหัวเราะแหะๆอีกที
ก่อนจะยื่นสับปะรดที่อยู่ในถุงพลาสติกเพียงชั้นเดียวนั้นมาให้

“ขอโทษครับ มันไม่ชิน”
เขาพูดกับฉันก่อนที่จะหันกลับไปสานต่อบทสนทนา
กับเพื่อนของเขาที่กำลังปิ้งปลาหมึกให้ฉันอยู่

จังหวะเด็ดที่พ่อค้าขายอาหารประเภทปลาหมึกปิ้ง
หรือลูกชิ้นทอดมักจะใช้โชว์ความเหนือชั้น
และเป็นมืออาชีพของตัวเองนั้นก็คือตอนใส่น้ำจิ้ม
ท่าทีคุยเอื่อยๆ ปิ้งไปเรื่อยๆเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อถึงจังหวะนี้

“ฟั่บ!”
คือเสียงที่ฉันแอบใส่ลงไปหากภาพตรงหน้าเป็นการ์ตูน
ด้วยอาการของกระบวยตักน้ำจิ้มที่รวดเร็วปานกระบี่ของจูล่ง
เลือดสาดกระจายด้วยคมดาบที่ฟาดฟันลงไปบนลำตัวของข้าศึก
น้ำจิ้มปลาหมึกก็สาดกระจายเลอะถุงไม่แผกแตกต่างกัน

บางคนอาจจะกินปลาหมึกไม่ใส่น้ำจิ้ม แต่นั่นไม่ใช่ฉันแน่ๆ
บางคนอาจจะกินปลาหมึกใส่ถุงสองชั้น และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเสียด้วย

เพราะคราวนี้ ด้วยความเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นโลก
ฉันจึงกดลิ้นตัวเองไว้ทันก่อนที่จะหลุดปากบอกไปว่าไม่เอาถุงตามนิสัย
และพอรับปลาหมึกในถุงที่ซ้อนกันสองใบมาแล้ว
ฉันก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
เพราะในขณะที่มือซ้ายฉันถือถุงปลาหมึกอย่างประเจิดประเจ้ออยู่นั้น
หัวไหล่ขวาฉันก็สะพายถุงผ้าที่มีข้อความเขียนไว้ว่า

“Reduce
Reuse
Refill
Recycle
Rethink”
By Global Cooling Company

“ปิ๊บๆๆ คิดมากจัง ก็ถุงมันเลอะนี่หว่า”
เสียงนี้ดังอยู่ในสมองส่วนควบคุมความสามารถในการใช้เหตุผล
“ปิ๊บๆๆ ก็กูไม่ชอบนี่หว่า”
ส่วนเสียงนี้ดังออกมาจากความรู้สึก

ก็มันขัดลูกตาเวลาเห็นคนสะพายถุงผ้า
ในขณะที่อีกมือหนึ่งหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรัง
มันเลยยิ่งเป็นเรื่องขัดความรู้สึกเมื่อตัวเองต้องมาเป็นเสียเอง
ฉันทรุดหาที่นั่งแถวๆนั้น
แล้วรีบจัดการปลาหมึกสองไม้นั้นให้หมดอย่างเร็วที่สุด
เพราะฉันรู้สึกแย่เกินไปที่จะถือถุงปลาหมึกนั้นไปไหนต่อไหนด้วย

มันเป็นเรื่องดีนะ ที่เราหันมาใส่ใจดูแลสภาพแวดล้อม
และตระหนกต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอากาศมากขึ้น
แต่เพราะการรณรงค์ลดโลกร้อนโดยการให้หันมาใช้ถุงผ้านี่แหละ
ที่ทำให้การดูแลสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้วนั้น
ยากยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อคนจำนวนไม่น้อย
มองการกอบกู้ชีวิตให้รอดพ้นจากการเอาคืนของธรรมชาตินั้น
ง่าย... จะตาย

ก็แค่หิ้วถุงผ้า ราศีของคนรักษ์โลกก็จับแล้ว
ฉันไม่ได้โกหกเพราะมีคนคิดอย่างนี้จริง, โดยไม่รู้ตัว
ง่าย... จนจะตาย

ร้ายยิ่งกว่า
เมื่อถุงผ้ากลายเป็นป้ายบอกความเป็นคนรักโลก
ในภาวะที่การรณรงค์ลดโลกร้อนกำลังอินเทรนด์อย่างมาก
ฮิตติดกระแสเสียจนใครต่อใคร
ก็มุ่งเข้ามาโหนเพื่อหาผลประโยชน์จากมัน
ไม่แปลกเท่าไหร่ที่ฉันเห็นคนหิ้วถุงผ้ากันเกลื่อนเมือง
ห้างสรรพสินค้าต่างๆพากันวิ่งตามเทรนด์
ชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร
ลูกค้าเองก็สนุกกับการวิ่งหัวปั่นซื้อๆๆๆๆๆ
สะสมแต้มๆๆๆๆ เพื่อให้ยอดซื้อรวมในใบเสร็จนั้น
มีมากพอที่จะนำไปแลกเอาถุงผ้ามาครอบครองได้

ถามว่าการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้ไหม
ตอบแบบง่ายๆคือ ท่าจะไม่รอด
แต่ถ้าจะให้ตอบแบบยากๆหน่อย
ก็คงจะต้องตอบให้ยาวขึ้นมาอีกนิดว่า
ท่าจะไม่รอดตราบใดที่การรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้า
ยังคงไปไม่พ้นจากการเป็นสัญลักษณ์ที่เพิ่มคุณค่าให้ผู้ครอบครอง
และยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตอบสนองความต้องการที่เกินจำเป็น

การกระตุ้นให้บริโภคมากขึ้น
ดูจะตรงใจคนในยุคที่การซื้อคือการเพิ่มราคาให้ตัวเอง
มากกว่าการกระตุ้นให้บริโภคน้อยลง
และความต้องการถุงผ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร้อนไปถึงผู้ผลิตที่ต้องผลิตถุงผ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นแทนที่การผลิตโดยรวมจะลดลง
กลับกลายเป็นต้องผลิตเพิ่มขึ้น
และถุงผ้าก็กลายเป็นสินค้าอีกตัวที่กำลังก้าวเข้าไปเบียดเบียนโลก

ดูเหมือนกับว่าเรากำลังแก้ปัญหาหนึ่ง
ด้วยการผูกปัญหาใหม่ขึ้นมา

บางทีปัญหามันแก้ง่ายๆ
เพียงแค่ตัวเราเองเปลี่ยนนิสัยลดการซื้อ ลดการใช้ลงเสียได้
แต่ใช่,
พูดง่าย ใช่ทำง่าย

เพราะบางที พ่อค้าขายปลาหมึกเขาอาจจะไม่รู้เลยว่า
การใส่น้ำจิ้มเบาๆ แบบไม่ต้องอิงลีลาของจูล่งนั้น
ทำอย่างไร





Create Date : 27 กรกฎาคม 2551
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 12:03:53 น. 5 comments
Counter : 614 Pageviews.

 
ถุงผ้ามาร์เก็ตติ้ง - ต้องเข้าใจ
เป็นหลักการของนักการตลาด ที่ต้องติดตามกระแสเหล่านี้
ความเจริญบั่นทอนเราน่ะ

ต่อให้ลดใช้ ลดซื้อ
นักการตลาดมันก็ฉลาดพอที่จะเอาไอ้สิ่งที่เราคิด
มาทำโน่นนี่ได้เสมอ

แถมยังกลายเป็นการประชาสัมพันธ์ไปเสียยอยางนั้น
ทั้งประชาสัมพันธ์องค์กร ทั้งประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "แอ๊บกรีน"

เชื่อเถอะ อีกหน่อยแฟชั่นถุงผ้า จะหายไปตามกาลเวลา
ของเด็กอินดี้ที่หนีกระแส
แล้วก็ตามไปด้วยเด็กธรรมดา ที่เดินตามเด็กอินดี้

วะ ฮ่า ฮ่า

บางทีก็ต้องทำใจ
แล้วทำในสิ่งที่เราทำได้
เอาให้เหมาะ
เอาให้เหมาะ

ปล.พี่กินปลาหมึกไม่ใส่น้ำจิ้ม อิจฉามะ? ฮ่า ฮ๋า


โดย: Dinner31 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:28:05 น.  

 
อย่าไปคิดมากเรื่องใช้หรือไม่ใช้ อะไรขนาดนั้นเลยจ้ะ..
อย่างน้อยแค่เราเริ่มคิดที่จะ "ลด" ก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้วนะ..

จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ การใช้ถุงผ้าที่เขียนแนวๆ ลดโลกร้อนนี่นะ..
ก็กลายเป็นเรื่อง "สัญลักษณ์" กันเป็นส่วนใหญ่เสียแล้ว
หลายๆ คนที่ใช้ก็เป็นเพราะคนอื่นเค้าใช้กัน.. แต่อาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้จ้ะ..

อย่าไปสนใจอะไรภายนอกนักเลย
แค่มี "ความตั้งใจ" และเริ่มลงมือทำบ้าง ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ทำต่อไปแล้วล่ะ


โดย: nods วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:35:50 น.  

 

"รวดเร็วปานกระบี่ของจูล่ง"
เห็นภาพเลย
: )

ปล. เขียนเล่าเรื่องเก่งขึ้นนะครับ


โดย: Amygdala วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:4:25:20 น.  

 
ถุงผ้ากลายเป็นแฟชั่นไปแล้วคะ จริงๆแล้วเราไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นจริง ที่เราต้องหันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อนกันเท่าไรหนัก ผู้คนก็ยังใช้ชิวิตตามเดิม ทำอะไรแบบเดิมๆ กลายเป็นเรื่องของคนกลุ่มเล็กๆไป

แบบนี้ก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ สักวันเราคงได้มีบ้านเป็นเรือแน่ๆเลย ถ้าเรายังไม่เริ่มทำตั้งแต่วันนี้



โดย: me myself and mai วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:21:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ดูว่างานเขียนจะเคร่งเครียดไปรึเปล่าคะ


โดย: t_karnya (t_karnya ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:42:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.