YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
ชีวิตที่มีชีวิต

ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไปก้าวไปทางไหน และก้าวไปด้วยความเร็วเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ วันเวลามักจะซ้ำเติมถีบถองให้เราซวนเซออกจากจุดที่คิดว่ายืนมั่นแล้วเสียเรื่อย อีกทั้งความหวาดกลัวก็มักจะฉวยโอกาสสาดซัดเข้าเกาะกุมลมหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ... ลมหายใจสุดท้ายเยื้องกรายเข้าใกล้

ยามตระหนักว่าวันข้างหน้าหดสั้นเข้า วันคืนที่ผ่านมาได้เพียงแต่หลอนหลอกในความทรงจำ ลมหายใจที่ยังมีอยู่ในขณะนั้นต่างหากเล่าที่เหลือเพียงให้รู้สึก ว่าเราอิ่มเอม หรือว้างโหวง

ชั่วชีวิตเราต่างมีหน้าที่ต้องดูแลถังน้ำคนละสองใบ ถังหนึ่งไม่รั่ว แต่อีกถังหนึ่งรั่ว ถังแรกมีปากเล็กแคบ ต้องค่อยๆเติมอย่างใส่ใจ น้ำถึงเข้าไปได้ ส่วนอีกถังหนึ่งสาดน้ำเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่มันก็จะรั่วออกเสียหมด ถังแรกมักถูกละเลย แต่อีกถังหนึ่งมักถูกเติมแล้วเติมอีก

วันที่ผ่านมา เราเก็บเกี่ยวสิ่งใดเข้าไป และได้เก็บเกี่ยวไปสักเท่าไหร่กัน เพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เราเต็มอิ่มท่ามกลางลำแสงสุดท้ายแห่งชีวิต จริงหรือไม่ที่เรามัวแต่คิดถึงการพุ่งทะยานไปข้างหน้าจนลืมรู้สึกกับปัจจุบัน สิ่งที่ได้ประสบจึงเป็นเหมือนเพียงประสบการณ์ที่มัวซัว ที่เราไม่เคยได้รู้สึกกับมันอย่างแท้จริง คล้ายๆกับตกอยู่ในม่านหมอกอันปกคลุมจิตวิญญาณตลอดเวลา ความเร่งรีบทำให้เราสาดน้ำโครมๆใส่ถังสองใบอย่างไร้ความละเมียดละไม จิตใจเราจึงไม่เคยเต็ม ในขณะที่ร่างกายเรากลับไม่เคยพอ

จนเมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็ได้แต่คร่ำครวญเมื่อเห็นถังทั้งสองใบล้วนว่างเปล่า เราหิวโหยแม้กระทั่งในโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต เศร้าสร้อยเมื่อหันกลับไปมองแล้วพบว่า เราได้ทำให้ชีวิตอันเป็นเหมือนพรที่เราได้รับมานั้นด้อยค่าลง วันเวลาของเราหายไปหน้าที่การงาน หายไปในการหาเลี้ยงชีวิต เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หายไปในการทะเลาะเบาะแว้งและอารมณ์อันขุ่นมัว หายไปในม่านหมอกที่ปกปิดความสงสัยใคร่รู้ถึงความหมายของชีวิตและเหตุผลของการหายใจ มันถูกดูดกลืนหายไปในความเร่งรีบของฟันเฟืองที่หมุนเร็วขึ้นทุกวี่ทุกวันจนกลายเป็นเหมือนหลุมดำทางจิตวิญญาณ

เมื่อพบว่าชีวิตมาถึงสุดถนน ไม่อาจเดินต่อไปได้ และวันคืนที่ผ่านมาก็ว่างเปล่าไร้ความหมาย เพื่ออะไรหรือที่ต่างพากันทำตัวเปล่ากลวง ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้เพียงแค่หายใจไปจนถึงวันที่ลมหายใจจะไม่มีอีกต่อไป และพบว่าชีวิตเรานั้น ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จิตวิญญาณเรายังคงหิวโหย และความอิ่มเอมของถังใบที่รั่วนั้น ไม่เคยมีได้จริง

จะต้องใช้ความกล้าหาญสักเท่าไหร่นะ เพื่อใช้ชีวิตให้ช้าลง ให้เอ่อล้นไปด้วยความรัก และไม่ต้องสาดน้ำโครมๆเข้าใส่ถังน้ำที่เรามีอยู่ เพื่อให้เราได้รู้สึกรู้สากับทุกๆก้าวย่างของชีวิตและสิ่งที่เราทำอยู่อย่างแท้จริง เพื่อให้เรามีชีวิตที่เต็มอิ่ม และไม่ต้องหันกลับมาถามตัวเองในวันสุดท้ายว่า ...เวลาของชีวิตมันหายไปไหนหมด...

...

และถ้าทำได้ ฉันอยากจะจากไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ ท่ามกลางความเต็มอิ่มที่ลอยอยู่เหนือความเจ็บปวดทั้งมวล ในวันสุดท้ายฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าฉันอิ่มเอมกับทุกๆก้าวของชีวิตทั้งหมดแล้ว และไม่มีสิ่งใดจะต้องสงสารหรือเสียดายอีกต่อไป

ฉันจะเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ วันที่ฉันยังสบายดีและมีเรี่ยวแรง

ฉันจะใช้ชีวิตให้สมกับชีวิตที่ฉันมี

…

Fallen Embers....by Enya



Create Date : 11 กันยายน 2551
Last Update : 10 กรกฎาคม 2552 0:47:05 น. 6 comments
Counter : 567 Pageviews.

 
จะต้องใช้ความกล้าหาญสักเท่าไหร่นะ เพื่อใช้ชีวิตให้ช้าลง และไม่ต้องสาดน้ำโครมๆเข้าใส่ถังน้ำที่เรามีอยู่ เพื่อให้เราได้รู้สึกรู้สากับทุกๆก้าวย่างของชีวิตและสิ่งที่เราทำอยู่อย่างแท้จริง เพื่อให้เรามีชีวิตที่เต็มอิ่ม และไม่ต้องหันกลับมาถามตัวเองในวันสุดท้ายว่า ...เวลาของชีวิตมันหายไปไหนหมด...

พี่ว่าเสี้ยวตอบทุกอย่างภายในย่อหน้านี้เเล้วนะ

ถึงจะฟังเป็นสูตรสำเร็จของลัทธิสุขนิยมมากไปหน่อย เเต่เราไม่ต้องใช้ความกล้าหาญมากมายนักหรอกในการเปลี่ยนเเปลงชีวิต

เเค่คิดเเล้วลงมือทำ เดี๋ยวนี้เลย เท่านั้นเอง

เราควรใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นก็จริง เเต่บางครั้งเชื่อฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้างก็ไม่ผิดนะ :)


โดย: gvujp IP: 124.121.219.135 วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:0:33:32 น.  

 
ชอบมุมมองของ จขบ จังเลยค่ะ

"ใช้ชีวิตให้สมกับที่มีชีวิต "

ฟังประโยคนี้แล้วทำให้นึกถึงประโยคหนึ่งในหนังเรื่อง Saving Private Ryan ใช้ชีวิตให้คุ้มกับที่มีคนเสียสละชีวิตเพื่อเรา

ขอให้มีความสุขกับชีวิตนะคะ


โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:10:44:38 น.  

 


ภาษาที่ใช้เขียนสละสลวย
สวยงามมากๆเลย
สมแล้วล่ะค่ะ...กับงานที่ทำ


ขอให้มีความสุขกับชีวิตใหม่ที่ได้เลือกนะคะ





โดย: t_karnya วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:11:29:36 น.  

 
ว่าแต่ขาหายดีแล้ว
ยังเต้นบัลเล่ต์อยู่เปล่าคะ
พอดีเห็นว่าไม่ค่อยจะได้พูดถึง
แต่บางทีอาจจะด้วยการงาน

...ชีวิตคนทำงานก็งี๊แหละค่ะ
บางทีก็ไม่ค่อยได้ทำในสิ่งที่ชอบและเคยทำเท่าไหร่



ถามเอง...ตอบเอง


โดย: t_karnya วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:11:50:14 น.  

 
ชอบจังเลยค่ะ


โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:22:59:58 น.  

 
หวัดดีครับ

รออ่านนานมากเลยนะนี่

นึกว่าจะไม่เขียนแล้วสะอีก

วันนี้เขียนดีนะ แล้ว..

จะรออ่านงานต่อๆไปนะครับ บะบายจ่ะ


โดย: นายปลาดาว.. (yjam ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:47:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
11 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.