ลุยฆ่าปลาซัคเกอร์นับหมื่น แพร่เร็ว - กินแหลก
ซัคเกอร์ ปลามหาภัยแหล่งน้ำสาธารณะ ขยายพันธุ์เร็ว ลุยกินปลาตัวเล็กเกือบเกลี้ยง คนเลี้ยงปลากระชังแทบหมดตัว ประมงจังหวัดตากลุยจับทำลายทิ้งนับแสนตัว ขอความร่วมมือร้านปลาสวยงามงดเพาะพันธุ์ เหตุคนเลี้ยงในตู้ปลานำปล่อยแหล่งน้ำ ผอ.สถาบันวิจัยระบุ เป็นตัวทำลายระบบนิเวศ ด้านประมงเชียงใหม่รณรงค์เอา ซัคเกอร์ แลกปลาสวยงาม เพื่อนำไปทำลาย
ปัญหาการเลี้ยงสัตว์ที่เมื่อหมดความต้องการแล้ว มักทิ้งขว้างหรือไปปล่อยตามที่ต่างๆ สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ล่าสุดเกิดปัญหาขึ้นกับแหล่งน้ำสาธารณะหลายแห่ง เมื่อมีผู้นำ ปลาซัคเกอร์ ไปปล่อย แล้วมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว กินปลาเล็กเป็นอาหาร จนทำให้ปลาสายพันธุ์อื่นลดปริมาณลงอย่างเห็นได้ชัด
นายบรรจง จำนงศิตธรรม ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดตาก กล่าวว่า ปัญหาคนเลี้ยงปลาตู้นำปลาซัคเกอร์ หรือปลากดเกราะ ลักษณะลำตัวสีดำลาย จุดขาว กินตะไคร่น้ำ ปฏิกูลปลาในตู้เป็นอาหาร ตัวโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักมากถึง 7-8 กก. เป็นปลาที่ไม่นิยมบริโภค
ลงปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะ จนทำให้มีการแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก ปลาเศรษฐกิจทั่วไป อาทิ ปลานิล ไน ตะเพียน สวาย ลดลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากถูก ปลาซัคเกอร์ จับกินเป็นอาหาร โดยเฉพาะไข่หรือลูกปลา ทำให้เป็นปัญหาต่อการขยายพันธุ์ของปลาน้ำจืดอย่างมาก
นายบรรจง กล่าวว่า ศูนย์ได้รับแจ้งจากชาวประมงน้ำจืดในพื้นที่ จ.ตากหลายแห่ง ให้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ หลังจากมีคนปล่อยปลาชนิดนี้ลงตามแหล่งน้ำธรรมชาติไปกินปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ จนบางรายแทบสิ้นเนื้อประดาตัว วิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ จับปลาเจ้าปัญหานี้ไปทำลายทิ้ง โดยได้ร่วมมือกับหลายฝ่ายไปจับจากแหล่งน้ำสาธารณะหลายแห่ง ได้ร่วม 1 แสนตัว และเมื่อประมาณกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ช่วยกันจับปลาซัคเกอร์บริเวณหนองยายปลา ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะได้ประมาณ 8,000 ตัว หรือจำนวน 800 กิโลกรัม โดยคำนวณว่ามีน้ำหนักตัวละ 1 ขีด นำไปทำลายฝังกลบ คาดว่ายังเหลืออีกประมาณ 2 ตัน หรือประมาณ 2 หมื่นตัว จากนั้นนำปลาเศรษฐกิจไปปล่อยลงน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณแล้ว ส่วนการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ได้หารือกับกลุ่มผู้ขายและเลี้ยงปลาตู้กว่า 300 ราย ในพื้นที่ จ.ตาก เพื่อหาทางยุติวงจรการแพร่ขยายพันธุ์ปลาซัคเกอร์ โดยขอความร่วมมือห้ามนำไปปล่อยลงตามแหล่งน้ำสาธารณะอย่างเด็ดขาด
นายสมพันธ์ คีรีต๊ะ อาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง กล่าวว่า เลิกกิจการประมงเลี้ยงปลาในกระชังอย่างสิ้นเชิง โดยหันไปประกอบอาชีพค้าขาย หลังจากก่อนหน้านี้ยึดหนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองตา เลี้ยงปลาดุก ปลาทับทิม และปลานิลจำนวน 10 กระชัง โดยซื้อลูกปลามาปล่อยกระชังละ 500 ตัว แต่ก็มาถูกปลาซัคเกอร์กินจนหมด ถึงขั้นต้องเลิกกิจการ
"ปลาซัคเกอร์วางไข่ช่วงฤดูฝน ครั้งละร่วมแสนฟอง บริเวณริมตลิ่ง แม้ว่าชาวบ้านจะช่วยกันตักไข่ปลาชนิดนี้มาทิ้งตามถนนแล้ว แต่ก็ไม่หมดเสียที" นายสมพันธ์ กล่าว
ด้าน นางชะบา วงศ์เสษะ คนขายปลาตู้ในเขตเทศบาลเมืองตาก กล่าวว่า หลังจากศูนย์วิจัยฯ จ.ตาก ขอความร่วมมือรณรงค์ไม่เพาะขายปลาซัคเกอร์ ซึ่งผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือ โดยก่อนหน้านี้ตนเคยเพาะเลี้ยงไว้จำหน่าย ซึ่งมีผู้นิยมซื้อ เพราะปลาชนิดนี้ทำความสะอาดตู้ปลาได้สารพัด โดยเฉพาะในพื้นที่มือเอื้อมทำความสะอาดไม่ถึง ราคาไม่แพง ตัวเล็กราคา 5 บาท โตเต็มที่น้ำหนักกว่า 1 กก. ตัวละ 20 บาท เมื่อมีการรณรงค์ คนจึงหันไปเลี้ยง ปลาสายน้ำผึ้ง หรือ ปลาซัคเกอร์กระเบน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าแทน เพราะไม่กินลูกปลาด้วยกัน แต่มีราคาแพงกว่าตัวละเกือบ 20 บาท
สาเหตุที่ชาวบ้านนำปลาซัคเกอร์มาปล่อยลงในแม่น้ำ ส่วนใหญ่เห็นว่าตัวโตมักขี้เกียจทำความสะอาดตู้ และมีความเชื่องช้าไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนแต่ก่อน ด้วยเหตุความสงสารจึงเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่นึกว่าจะสร้างปัญหาต่อพันธุ์ปลาน้ำจืดชนิดอื่นที่ต้องถูกปลาชนิดนี้กัดกินแทบสูญพันธุ์ ความจริงปลาชนิดนี้ตายง่ายที่สุด เพียงแค่จับขึ้นมาผึ่งแสงแดดไม่กี่นาทีก็ตายแล้ว นางชะบา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บริเวณหนองน้ำจำปาในเขตเทศบาลเมืองตาก ซึ่งเป็นสถานที่นิยมในหมู่คนตกปลาด้วยเบ็ด วันนี้กลับไม่คึกคักเหมือนที่เคย มีคนตกปลาไม่ถึง 20 ราย จากเดิมวันละกว่า 100 ราย เนื่องจากปัญหาปลาซัคเกอร์ที่แพร่ขยายพันธุ์เต็มคุ้งน้ำ ทำให้ปลาน้ำจืดชนิดอื่นถูกกินเกือบหมด การตกปลาแต่ละครั้งได้แต่ปลาซัคเกอร์ที่นำมาเป็นอาหารไม่ได้ จึงถูกโยนทิ้งตามริมถนนรอบหนองน้ำ
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ นายธงชัย ธรรมเสถียร ประมงจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่พันธุ์ของปลาซัคเกอร์ที่ จ.เชียงใหม่ ยังไม่เป็นปัญหา แม้ในระยะที่ผ่านมาจะพบในแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่บ้าง แต่ไม่มากจนส่งผลกระทบ นอกจากนี้ ยังได้รณรงค์ผ่านเว็บไซต์และประสานไปยังสถานีประมงทุกอำเภอให้ชาวบ้านที่พบปลาซัคเกอร์สามารถนำเอามาแลกเป็นปลาสวยงามและปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน และปลาอื่นๆ ได้ เพื่อนำปลาซัคเกอร์ไปทำลายทิ้ง
ด้าน นายวิชัย ก้องรัตนโกศล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรประมงน้ำจืด กรมประมง กล่าวว่า ปลาซัคเกอร์ แคชฟิช หรือ ปลากดเกราะ ถูกนำเข้ามาในประเทศเพื่อเลี้ยงตามตู้ปลาสวยงามเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว แต่พอสักพักก็พบว่าตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีรูปร่างน่ากลัว คนเลี้ยงจึงเริ่มนำมาปล่อยทิ้งตามแหล่งน้ำสาธารณะ เมื่อแพร่ขยายจำนวนมากขึ้น ก็ทำอันตรายต่อระบบนิเวศทางน้ำจืดอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดคือการทำลายไข่ปลาท้องถิ่นของไทย เพราะ ปลาซัคเกอร์ จะหากินซากพืชซากสัตว์ตามพื้นน้ำ ซึ่งปลาน้ำจืดมักวางไข่ติดตามรากไม้หรือก้อนหิน เมื่อ ซัคเกอร์ มีจำนวนมากขึ้นก็ไปกินไข่ปลาพวกนี้จนแทบไม่เหลือ หากปล่อยไว้โดยไม่หาวิธีป้องกันจะทำให้ปลาท้องถิ่นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ได้ นอกจากนี้ ปลาซัคเกอร์ ยังแพร่ขยายพันธุ์ได้ง่าย มีลูกครั้งละหลายร้อยตัว โดยใช้วิธีขุดโพรงดินวางไข่ และเฝ้าระวังให้ลูกฟักออกมาอย่างอดทน
"ตอนนี้พบว่าซัคเกอร์ในแหล่งน้ำจืดประมาณ 3-4 สายพันธุ์ พบที่ภาคกลางมากที่สุด โดยเฉพาะแถวสุพรรณบุรี กลุ่มนักวิชาการและนักวิจัยของกรมประมงกำลังคิดหาวิธีการนำซัคเกอร์มาทำประโยชน์ ซึ่งมีการเสนอมาหลายแนวทาง เช่น การนำไปตากแห้งทำปลาป่น หรืออาจนำไปทำปุ๋ยชีวภาพ หรือที่เรียกว่าปุ๋ยหมัก แต่ยังไม่มีการทดลองอย่างเป็นระบบ" นายวิชัย กล่าว โดย คม ชัด ลึก วัน พฤหัสบดี ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 00:00 น.
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 11:56:09 น. |
Counter : 4162 Pageviews. |
|
|
|