Group Blog All Blog
|
บุพนิวาส..บทนำ บทนำ รถโฟร์วีลล์สีดำขับทะยานขึ้นไปบนถนนสูงชันซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้และป่ารกชัฏเย็นตา เมื่อขับไปได้สักระยะหนึ่ง คนขับซึ่งดูไกล ๆ เป็นหญิงสาว ผมยาว ผิวคล้ำ รูปร่างใหญ่ จึงลดกระจกลง และบ่ายหน้ามาสนทนากับผู้ที่นั่งข้าง ๆ ก่อนหันกลับไปมองท้องถนนด้วยความตั้งอกตั้งใจเช่นเดิม เวลาขับรถขึ้นดอยสุเทพเนี่ย ถ้าจะให้ได้อารมณ์ต้องลดกระจกลงนะพู่กัน ขับรถไป สายลมโกรกเย็นสบายเสียยิ่งกว่าเปิดแอร์เสียอีก เพลงนี่ก็ไม่ต้องเปิด ฟังเสียงหรีดหริ่งเรไรเซ็งแซ่สองข้างทางเพราะกว่ากันเยอะ รู้จักไหมล่ะบทเพลงแห่งธรรมชาติน่ะ กัณฐ์ลดาอมยิ้ม พยักหน้าน้อย ๆ แล้วปรับเบาะเอนลง เอียงหน้ามองออกไปนอกตัวรถ แล้วนี่มาร์กี้จะพาพู่กันไปไหนล่ะ เดี๋ยวก็รู้ มาคินกั๊กคำตอบไว้ แล้วจึงขับรถขึ้นดอยสูงไปเรื่อย ๆ เกือบสิบกิโลเมตร จึงหักพวงมาลัยเข้าจอดชิดด้านซ้ายของถนน ซึ่งมีรถยนต์คันอื่นจอดเรียงรายอยู่อีกหลายคัน ถึงแล้วล่ะ จุดชมวิว... ผู้โดยสารสาวอ่านป้ายสีขาวขนาดใหญ่ ก่อนหันมามองเพื่อน ทำเป็นอุบไว้นะมาร์กี้ นึกว่าจะทำอะไรเซอร์ไพรส์เสียอีก คนขับค้อนใส่เพื่อนแต่พองาม และหยิบกระเป๋าถือก้าวลงจากรถไปก่อน ก็เราไม่ได้ขึ้นมานานแล้วนี่นา กัณฐ์ลดาก้าวลงจากฝั่งตรงข้ามคนขับแล้วปิดประตูปังใหญ่ ดึงผ้าพันคอให้ลงมาคลุมไหล่บาง เนื่องจากความหนาวเย็นเริ่มซึมซาบเข้าสู่ผิวเนื้อจนยะเยือก ก่อนเดินตามเพื่อนเข้าไปยังบริเวณระเบียงศาลาซึ่งยื่นออกไปเหนือหน้าผา กว้าง มองเห็นท้องฟ้าฝั่งตรงข้ามเป็นสีเทาจัดตัดเมฆสีขาวหม่นดูซึมเศร้าจนหญิงสาวอดเปรยขึ้นไม่ได้ว่า เวลาตะวันตกดินนี่เป็นช่วงที่เหงาจับใจเลยนะ ผู้ซึ่งกำลังดื่มด่ำกับความงามของทิวทัศน์ชะงักงัน ก้มลงมองหน้าเพื่อน มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนด้วยนะพู่กัน ถ้าจะให้เศร้ามันก็เศร้า นี่คิดถึงใครอยู่หรือเปล่าล่ะ ศีรษะงามสั่นน้อย ๆ พลอยทำให้เรือนผมยาวดกดำสะบัดปลิวระใบหน้าสวยอมเศร้าจนผู้เป็นเจ้าของต้องใช้สองมือรวบมันเอาไว้ ดวงตาทอดมองไปเบื้องหน้าไกลลิบ ดูถนนห้วยแก้วโน่นสิพู่กัน ไฟเริ่มสว่างขึ้นทีละดวงแล้ว สวยจัง มาคินลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วปรับทีท่าเป็นกระดี๊กระด๊า เผื่อว่ามันจะทำให้เพื่อนรักสดใสขึ้นได้บ้าง เพราะรู้ดีว่า ภายใต้ท่าทีเรียบเรื่อย ยิ้มละไม ของกัณฐ์ลดานั้นมีความเศร้าหมองซุกซ่อนอยู่ลึก ๆ มานานแล้ว อีกฝ่ายเออออ ยื่นมือชี้ลงไปด้านล่างไกลลิบ ภาพข้างล่างสวยจังนะมาร์กี้ ที่มองเห็นเป็นน้ำ ๆ นั่นอ่างแก้วใช่ไหม มาคินพยักหน้าหงึกหงัก ใช่แล้วล่ะ นั่นอ่างแก้ว โน่นสนามบิน ส่วนทางโน้นก็บ้านพู่กันไง น้ำปิงคงจะอยู่แถวนั้นล่ะ ผู้ฟังนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ คิดตามคำพูดของเพื่อน ใช่ น้ำปิงสายยาวทอดสายจากทิศเหนือลงไปใต้ ณ จุดหนึ่งคือ ขอบเขตของเฮือนเอื้องดอย บ้านที่หล่อนอาศัยร่วมกับแม่เลี้ยงวงเดือนยายผู้ล่วงลับ แต่บัดนี้มีเพียงหญิงสาวที่ครอบครองอยู่เพียงลำพัง เพราะหญิงชราได้ละโลกไปนานเกือบครบเดือนแล้ว ส่วนฝั่งตรงข้ามกันคงจะเป็นเขตแดนของบ้านราชกิจชัยยศ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เสมือนอยู่กันคนละโลก มาที่แบบนี้แล้วคิดถึงปูนเหมือนกันนะ มาคินเปรย ใช่สิ ปกติเราจะมาด้วยกันสามคนเป็นประจำนี่นา ชิส์ แล้วยายทอมก็แต่งงานไปก่อนเพื่อน ทิ้งเราเอาไว้ หารู้ไม่ว่า การเป็นโสดเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ ผู้ฟังหันมองหัวเราะกิ๊ก แล้วทำไมคนถึงชอบตกนรกกันจังเลยล่ะ มาคินหัวเราะคิกคักบ้ง ชอบใจที่เพื่อนตกหลุมพราง เอ๊า ! ก็ในนรกมันมีสวรรค์อยู่ด้วยนี่นา สาวร่างบอบบางหันไป เอานิ้วชี้จิ้มจมูกเพื่อน บ่นเบา ๆ ได้ทีก็เซี้ยวใหญ่เลยนะเราเนี่ย แต่เอาเถอะ คนมีความรักน่ะ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์ หรือตกนรกเขาก็คงยินดี มาคินตีเผียะลงบนไหล่เพื่อน ทำมาเป็นสำบัดสำนวน แล้วอย่ามาร้องไห้แง ๆ ซบไหล่ชั้นเหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อนก็แล้วกัน กัณฐ์ลดาหลบตาวูบ แสร้งทำเป็นสนใจกับต้นไผ้ที่เอนลู่ลมอยู่เบื้องล่าง อยู่ในบรรยากาศเช่นนี้เมื่อใด หัวใจของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ทรมานกับการที่ต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวทั้งที่ไม่เคยต้องการ ตอนมาร์กี้เป็นวัยรุ่นน่ะ เวลาอกหักจะชอบขึ้นมาบนนี้กันเสมอ มาคินเล่าย้อนอดีตอย่างสนุกปาก มาทำไมเหรอ หรือว่าเพื่อให้บรรยากาศมันชะล้างหัวใจล่ะ มาคินยักไหล่ ตอบกลั้วหัวเราะ เปล่า มาเพื่อตอกย้ำกับตัวเองต่างหากล่ะ ว่าที่ข้างล่างโน้นมีผู้ชายอีกเยอะแยะรอเราอยู่ และอย่าจมปลักเป็นควายอยู่กับคนที่ไม่รักเราเพียงแค่คนเดียว กัณฐ์ลดาฟังแล้วยิ้มบาง ๆ หันไปจ้องหน้าเพื่อนรักนิ่ง ขอยืนอยู่ที่นี่สักพักได้ไหม ทำไมละ ไม่ขึ้นไปไหว้พระธาตุข้างบนเหรอ เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน วันนี้อยากคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ระยะนี้งานที่บริษัทยุ่งมาก พอได้พัก พู่กันก็ไม่อยากทำอะไรเร่งรีบ อยากปล่อยชีวิตไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ ก็พอ ผู้เป็นเพื่อนจึงพยักหน้า เอาสิ งั้นเดี๋ยวมาร์กี้ไปเอาไอแพดมานั่งเล่นรอก็ได้ เสียงรองเท้ากระทบพื้นปูนห่างออกไป กัณฐ์ลดาจึงยืนนิ่ง ยกข้อศอกขึ้นพาดราวระเบียง ปล่อยสายตาทอดมองไปยังภาพเมืองที่ปรากฏอยู่ไกลลิบ ขณะหัวใจย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ช่วงแรก ๆ ที่ตนเองต้องขึ้นมาเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ อดีตนั้น ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เจ็บช้ำ ก็ล้วนมีคุณค่าเพียงพอที่จะบันทึกเอาไว้ในเศษเสี้ยวของความทรงจำเสมอ... ขอบคุณมากค่ะน้องใหม่ เรื่องนี้คงวางแผงช่วงปลายปีค่ะ เขียนจบหมดแล้ว เลยเอามาลงไว้ให้อ่านเล่น ไม่ให้บล็อกว่าง ปกติไม่ค่อยได้อัพอะไรในบล็อกเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^_^
โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:13:36:27 น.
อ่านบทที่1 ก่อน ถึงมองเห็นบทนำ ......บรรยายแล้วรู้สึกตามเลยล่ะค่ะ.....แต่ทำไมตู่ถึงกดลิงค์ในบล๊อกเพื่ออ่านตอนต่อไปไม่ได้ก้ไม่รู้ต้องออกไปเข้ามาจากหน้ารวมบล๊อก.....กำลังติดตามเลยค่ะ ดูลึกลับกันจัง
โดย: ณิญา IP: 58.9.96.73 วันที่: 29 ตุลาคม 2554 เวลา:21:22:46 น.
ปกติกดได้นะคะคุณตู่ ไม่แน่ใจว่าทำไมลิงค์ถึงตาย เน็ตช้าหรือเปล่าคะ
โดย: น้ำฟ้า IP: 1.47.103.110 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:07:19 น.
|
ผู้หญิงเลือดเย็น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ใครเล่นเฟซบุ๊คไปคุยกันได้ ในแฟนเพจ "บ้านน้ำฟ้า"นะคะ Friends Blog
Link |
เข้าไปในบล็อคของตัวเองไปเจอคุณน้ำฟ้าเข้าไปเยี่ยมชม ดีใจจัง (ไม่ใช่แค่อ่านเวียงกุมกามแล้วติดใจนะค่ะ เพราะเรื่องสัตยาภพต่างหากที่ทำให้สนใจเรื่องเวียงกุมกามก็เลยไปหาเรื่องเวียงกุมกามมาอ่าน เพียงแต่ไม่มีเวลาเอาเรื่องสัตยาภพมาลงในบล็อคแค่นั้นเอง ) วันนี้เลยเข้ามาขอบคุณคุณน้ำฟ้ามากเลยที่แวะเข้าไปที่บล็อค แล้วก็มาเห็นเรื่องบุพนิวาสเข้า จะเป็นเล่มเมื่อไหร่คะคอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ