กลับมาอีกครั้งกับทริปทีลอซูค่ะ
หลังจากวันแรกล่องเรือมา ต่อด้วยนั่งโยกบนรถ จนมาถึงเขตน้ำตกเรียบร้อย
นอนพักเอาแรงกันยังไม่ทันหายง่วงก็เช้าแล้วค่ะ
บรรยากาศยามเช้าดีมากๆ เลย มาหมอกลงจางๆ อากาศเย็นสบาย
สบายจนอยากหลับต่อ ไม่อยากออกมาจากถุงนอนเลยค่ะ
แต่พอน้องไกด์เอาขนมปังปิ๊บ พร้อมกาแฟมาให้ทานร้องท้อง ก็รีบกระดึ๊บออกจากเต้นท์ทันทีเชียวค่ะ
แล้วเราก็พบว่าเมื่อคืนเพื่อนร่วมกรุ๊ปท้องเสียกันไปถึงสองคน
แต่พวกเราสี่สาวไม่มีใครเป็นอะไรเลยค่ะ (อะไรมันจะทนทานขนาดนั้น)
สงสัยจะเป็นเพราะส้มตำที่เค้าซื้อมาเพิ่มแล้วไม่แบ่งเราแน่ๆ
(ฮะๆๆ อันนี้ล้อเล่นค่ะ แค่น่องไก่อบสองน่องที่แบ่งมาให้ก็ขอบใจหลายๆ แล้ว ^^)
ซดกาแฟพอให้สดชื่น น้องไกด์ก็มาตามไปทานข้าวเช้า
เป็นข้าวต้มหมู ดูแล้วไม่ค่อยน่ากิน แต่รสชาติก็พอใช้ได้เลยค่ะ
ท้องอิ่ม มีแรงกันแล้วก็เดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกกันเลยค่ะ
แต่ก่อนอื่นขอถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึกเสียหน่อย
เป็นไงคะสมาชิกทริปนี้ หล่อๆ สวยๆ กันทั้งนั้น ^^
ตามทางก็มีป้ายปลุกจิตสำนึกให้เห็นคุณค่า และรู้จักดูแลรักษาผืนป่า
แต่น่าเศร้าใจที่จิตสำนึกของคนบ้างคนก็ปลุกไม่ขึ้นจริงๆ
v
v
อยากถามสักหน่อย ว่า "พวกคุณจะสลักชื่อไว้ประจานความมือบ่อนของคุณ ให้คนอื่นรู้ไปทำไมคะ"
เอาละค่ะ ตัดความไม่สบายตาทั้งหลายทิ้งไปดีกว่า เรามาดูทางเดินของเรากันต่อดีกว่านะคะ
ทางเดินตรงจุดนี้ระยะทาง 1.5 กม. ค่ะ เป็นทางเดินปูน มีขั้นบันไดอย่างดี
เดินกันสบายๆ ชมนก(เห็นแค่สองตัว) ชมไม้(เขียวเต็มป่าไปหมด)
ฟังเสียงนก เสียงชะนีกันเพลินๆ ค่ะ
ระหว่างงทางจะมีป้ายอธิบายสิ่งต่างๆ ในป่าไปเรื่อยๆ ค่ะ
เดินไป อ่านไปก็ได้ความรู้กันไม่น้อยทีเดียว
ต้นไม้ต้นใหญ่มาก... หรือเพราะตัวเรากระจ่อยร่อยกันเองนะ??
แล้วก็ผ่านมาเจอน้ำตกเล็กๆ อีกแห่งค่ะ
เดินต่อกันไป ใช้เวลาเดินไปแวะไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง
เราก็มาถึงจุดหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้
"น้ำตกทีลอซู"
แม้ไม่ใช่หน้าฝน แต่น้ำก็เยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย
ปีนป่ายกันขึ้นมาชั้นหนึ่ง
v
v
แล้วก็ปีนขึ้นไปอีกชั้น
น้ำใสมาก.... แถมไปถึงตอนสายๆ แดดส่องลงมาสะท้อน ระยิบระยับเลยค่ะ
มีใบไม้เปลี่ยนสี (ปลอมๆ) ด้วยนะ... ^^
ชมน้ำตกกันจนพอใจก็เดินกลับที่พักค่ะ
ก็กลับมาประมาณเที่ยง ทานข้าวกลางวันกันเรียบร้อย
มื้อนี้ไข่เจียวอร่อยขึ้นเยอะเลย สงสัยเปลี่ยนมือพ่อครัว
แล้วเราก็เก็บของออกจากอุทยานกันค่ะ
นั่งเด้งซ้ายเด้งขวากันบนรถเหมือนขามาเลย แต่ขาออกนี่วิทยายุทธแข็งแกร่งขึ้นเยอะ
สามารถนั่งหลับได้โดยไม่ตกเบาะด้วยล่ะค่ะ ^^"
แล้วไกด์ก็พามาเที่ยวกันต่อที่ "ถ้ำตะโคะบิ"
ซึ่งเป็นถ้ำหินงอกหินย้อย ที่หลบซ่อนของพวกคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อนค่ะ
เชิญชมและใช้จินตการกันนะคะ
ว่าอะไรเป็นอะไรกันบ้าง
คำเฉลยก็คือ... หินต้นไม้ หัวใจ ประกายเพชร ฤาษี กุหลาบ นาฬิกาทราย ค่ะ
ใครเห็นเหมือน ต่างกันบ้างไหมคะ??
ออกจากถ้ำ ผ่านไร่ส้ม ก็แวะซื้อน้ำส้มคั้นสดๆ ปราศจากน้ำตาลดื่มแก้กระหายกันหน่อย
จากนั้นก็แวะไหว้พระที่วัดซึ่งมีโบสถ์เป็นไม้สักทองทั้งหลังค่ะ ไม่ใหญ่ เล็กๆ เรียบง่ายดีค่ะ
แล้ววันนี้เราโชคดี มีตลาดคลองถมมาเปิดพอดี เลยแวะซื้อของกินเล่นเสียหน่อย
แบบว่า ปลื้มกับขนมครกที่นี่สุดๆ เลยอ่ะ 20 บาท ได้ตั้ง 12 คู่
กินจนแทบจะอิ่มข้าวกันไปเลย
แต่เอาเข้าจริง พอมาถึงเวลาอาหาร ก็ฟาดเรียบอยู่ดีค่ะ
อาหารมื้อนี้ตามที่เห็น... และมีผัดยอดฟักทองอีกจานค่ะ
ทานแล้วแบบว่า... ทำไมเราไม่นอนนี่กันสองคืนเลยน๊า... จะได้อยู่ดีกินดีสองคืนเลย ฮา...
แต่ยังไงบรรยากาศนอนเต้นท์ แอบฟังกรุ๊ปร่วมตั้งวงร้องเพลงรอบแสงเทียน
ได้มองดาวสวยๆ เต็มฟ้า ก็หาได้ไม่ง่ายเช่นกันค่ะ
พอทานกันอิ่ม ก็จะมีเด็กๆ ชาวกะเหรี่ยงที่อยู่แถวนั้นมาทำการแสดงน่ารักๆ กันค่ะ
แต่ละคนแต่งตัว แต่งหน้ากันมาเต็มทีเลย ทั้งที่วันนั้นมีแขกอยู่แค่สิบคนเท่านั้นเอง
ก็เลยได้ค่าขนมไปเล็กๆ น้อยๆ ตามระดับความน่าเอ็นดูล่ะค่ะ
โดยเฉพาะเจ้าหนูผู้หญิงตรงกลาง... น่าอุ้มกลับมาเลี้ยงมากเลยค่ะ
อารมณ์ดี ยิ้มสู้กล้อง และดิ้นสุดฤทธิ์เลย
จากนั้นเราก็มาสานมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ด้วยเสียงเพลงกันค่ะ
คาราโอเกะกันเกือบสองชั่วโมง โดนบอดี้สแลม บิ้กแอส เอ็นโดรฟิน
ละลายพฤติกรรมกันจนไม่เหลือฟอร์มเลยค่ะ ^o^
จากนั้นก็แยกย้ายกลับเข้าห้อง รีบนอนเอาแรงเพื่อพรุ่งนี้จะตื่นไปดูทะเลหมอกกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ
คงจะคุ้ม ถ้าต้องเมารถค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ ที่ไปตามมาชมภาพ
ทีลอซูต่อ
มีภาคใหม่มา
อย่าลืมไปกระซิบบอกนะคะ
ป.ล. ชอบภาพแรกง่ะ
ทำปากเม้ม ๆ ท่าทางจะแก้หนาวได้
อิอิ