นับโค้ง มองเขา ล่องน้ำ ชมหมอก ณ อุ้มผาง ทีลอซู... วันแรก

สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ของแก่นฝัน

ครั้งนี้จะพาไปชมบรรยากาศร่มรื่น และบริสุทธิ์ของ อ.อุ้มผาง

สัมผัสกับน้ำตกที่สวยที่สุดในเอเชียอาคเนย์ อย่าง "ทีลอซู" กันค่ะ

ช่วงที่ไป คือ ระหว่างคืน 26/11/10 ถึง คืน 29/11/10 ค่ะ



ครั้งนี้ เนื่องด้วยภารกิจจากงานประจำที่รัดตัว

จึงใช้การซื้อทัวร์ง่ายๆ จากรีสอร์ท

โดยมีพี่ที่ทำงานเป็นผู้จัดการทริปค่ะ

ส่วนแก่นฝันก็แค่ติดสอยห้อยตามไปถ่ายรูปกะเค้าเท่านั้นเอง

ดังนั้นรีวิวนี้จึงอาจจะตกๆ ขาดๆ เรื่องรายละเอียดของการเดินทางไปบ้างนะคะ

แต่ก็เป็นการนำบรรยากาศ และสิ่งที่ได้พบมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังแล้วกันค่ะ



และทัวร์ที่เราได้ก็คือทัวร์ของ "อุ้มผาง คันทรี ฮัท" ค่ะ

ตอนแรกก่อนไปก็หวั่นๆ เหมือนกันกับรีวิวที่มีหลายคนมาบอกข้อเสียของที่นี่เอาไว้เยอะแยะ

แถมยังต้องไปจอยน์กรุ๊ปกับคนอื่นอีก 6 คนอีก

แต่เอาไงก็เอากันค่ะ เพราะแก่นฝันมั่นใจว่าทุกการเดินทางต้องมีเรื่องดีๆ และน่าประทับใจรอคอยอยู่แน่ๆ



การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่มีรถตู้มารับเราที่อนุสาวรีย์ค่ะ

(เพราะต้องไปรับอีกกรุ๊ปที่ลพบุรี พวกเราถึงเลือกจุดขึ้นรถได้ค่ะ)

ออกจากกรุงเทพประมาณสามทุ่ม

รถที่มารับเราดีมากเลยค่ะ นั่งสบาย ไม่มีกลิ่นเหม็น และคนขับก็ขับดี ไม่เมาเลยค่ะ

แวะผ่านไปมองพระปรางค์สามยอดที่ลพบุรี เพื่อรับเพื่อนร่วมทริปอีกหกคน

ซึ่งเป็นกรุ๊ปวัยใกล้เคียงกัน (วัยรุ่นเหมือนกัน อิอิ)

ก็คิดว่าคงเที่ยวด้วยกันได้ไม่ยากค่ะ

นั่งหลับๆ ตื่นๆ หัวเอียงซ้าย เอียงขวา ไถลหน้าตกเบาะ กระดึบหลังกลับขึ้นเบาะ
อยู่จนเจ็ดโมงเช้าก็มาถึง อ.อุ้มผาง จ.ตาก แล้ว





แวะทานอาหารเช้าที่ตลาด

(คนขับรถว่างั้น แต่เราเห็นร้านเปิดไม่กี่ร้านเอง -_-") แล้วก็เข้าที่พักกันค่ะ

นี่แหละค่ะ "อุ้มผาง คันทรี ฮัท รีสอร์ท"



 

เรือนพักที่มองจากด้านนอกแล้วแบบว่า....

จะว่าอาร์ตก็อาร์ต จะว่าเก่าก็เก่า รับชมภาพ

แล้วก็ตัดสินตามมุมมองของแต่ละคนแล้วกันนะคะ

แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าให้บรรยากาศดีไปอีกแบบเหมือนกันนะ



ภายในห้องค่อนข้างโปร่งกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ

เค้าจัดให้นอนสี่คน มีฟูกอย่างหนาปูเสริมไว้พร้อม

ห้องดูเก่าแต่ก็รักษาความสะอาดได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ

ห้องและเครื่องนอนไม่มีกลิ่นอับ





แถมระเบียงเปิดออกไปก็เจอวิวแม่น้ำสุดชิลล์ด้วย



 

แต่ขณะที่กำลังตื่นเต้นกับระเบียงห้อง

คนดูแลรีสอร์ทก็มาแจ้งเปลี่ยนโปรแกรม ให้เรานอนที่รีสอร์ททั้งสองคืนซะงั้น

(ตามโปรแกรมจะนอนเต้นท์ที่อุทยาน 1 นอนที่พ้องพัก 1 ค่ะ)

อ้าว... อย่างงี้ไม่ยอมอ่ะ ที่มานี้เพราะอยากนอนเต้นท์นี่นา...

คนเรานี่ก็แปลก อยู่สบายไม่ชอบ ชอบความลำบากเนอะ ^^

ตกลงกันไปมา สุดท้ายเราก็ได้กลับไปสู่โปรแกรมเดิมในที่สุดค่ะ



ล้างหน้าล้างตาพอหายเพลียก็ลงเรือกันค่ะ



 

พอเห็นเรือยางที่พวกเรา 10 คน พวกคนพายอีก 2 ต้องลงไป

ก็นึกอยากเปลี่ยนใจ ไปเที่ยวในเมืองก่อนอย่างที่ไกด์บอกจริงๆ

รอยปะเต็มไปหมด แถมยังต้องจุคนเต็มลำขนาดนี้จะไปรอดอ่ะเปล่าเนี่ย

เพราะเรือดีๆ ออกไปกันหมดแล้ว

ตอนมองจากระเบียงยังแอบเห็นเลยว่าเค้าไปลำละหกคนเอง

แต่เอาเถอะ... ไม่ลองไม่รู้นะ (น้ำก็ไม่แรง ชูชีพก็มี อุ่นใจไประดับหนึ่ง)



พอเรือออก ได้ล่องไปตามน้ำเรื่อยๆ ก็เพลินกับบรรยากาศร่มรื่นสองข้างทาง

ชดเชยความเซ็งเรื่องเรือรั่ว...

ต้องค่อยแวะเติมลมอยู่สองสามรอบ ไปได้เต็มๆ เลยค่ะ

จะมีเรือลำไหนได้แวะพักถ่ายรูปเยอะเท่าลำของเราคงไม่มีอีกแล้ว ^^



ข้างล่างนี้เป็น "ถ้ำผาโหว่" ค่ะ

 



ล่องเรือฝ่าไอหมอกเย็นๆ ลมพัดเื่อื่อยๆ

เลาะผ่านถ้ำและผาแปลกตา

 

ผ่านมาถึง "น้ำตกทีลอจ่อ"

ลักษณะเป็นม่านละอองน้ำ ตกลงมาจากผาสูงที่มีตะไคร่เขียวเกาะเป็นหย่อมๆ

สวยงามชุ่มฉ่ำมากเลยทีเดียว



 



เหมือน ม่าน "สายฝน" สมชื่อ "ลอจ่อ"



 



ผ่านมาสักพัก ก็แวะแช่เท้าที่บ่อน้ำร้อนค่ะ

น้ำไม่ร้อนมาก ประมาณสามสิบกว่าๆ สี่สิบองศา

ลงไปยืนสักห้าถึงสิบนาทีกำลังสบายเลย







แล้วเราก็เดินทางต่อ

ล่องเรือผ่าน "ผาผึ้ง" ที่อดีตเคยมีรังผึ้งอยู่เยอะแยะ

แต่ตอนนี้เหลือไม่เท่าไหร่แล้วค่ะ



  



แล้วก็มาถึง "ผาเลือด"

ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะสีแดงของหินผาบริเวณนี้นี่เองค่ะ

ดูแล้วแดงเด่นกว่าบริเวณอื่นๆ ที่ผ่านมาเลย



 



แวะที่น้ำตกเล็กๆ เพื่อยืดเส้นยืดสาย ถ่ายรูป และสูบลมเรืออีกสักรอบ ^^"



 

แล้วแก่นฝันก็ได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่

ผีเสื้อตัวนี้ท่าทางจะอยากเป็นนางแบบ

เกาะ และเดินไต่ไปไต่มาให้กดชัตเตอร์อยู่ตั้งหลายมุม

แถมยังส่งต่อไปปลายนิ้วเพื่อนได้ด้วยแหนะ!



 

อีกพักหนึ่งเราก็เดินทางมาถึง "ท่าทราย" ค่ะ

ใช้เวลาล่องเรือกันทั้งสิ้นประมาณสามชั่วโมงเศษๆ

ตอนนี้ก็จะบ่ายแล้ว... ก็ต้องกินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่า

รีสอร์ทเตรียมให้เราเป็นข้าวกระเพราะ(กระดูก)ไก่ และไข่ต้ม 1 ฟอง ค่ะ

รสชาติใช้ได้เลยค่ะ แต่ไก่สับแถมกระดูกเยอะไปนิด

เคี้ยวไม่ระวังมีหวังเหงือกเป็นรูแย่เลย



ท้องอิ่มแล้ว ก็เดินทางกันต่อเลยค่ะ

ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว นั่งรถสองแถวเข้าไปเอาค่ะ ไม่ต้องเดินเอง

(ความจริงอยากมาเดินเอง 10 km หน้าฝนนะคะ แต่หาเพื่อนร่วมทริปไม่ได้เลย ใครเจอคำว่าเดินสิบโลก็ส่ายหน้ากันหมด เสียดายอ่ะ)



เส้นทางดินแดง ขรุขระ และฝุ่นตลบค่ะ

หน้ากากกันฝุ่นสามารถช่วยท่านได้เยอะนะคะงานนี้

เห็นสาวบางคนสวมหมวกคลุมผมอาบน้ำที่เป็นพลาสติกบางๆ กันเลยค่ะ

(เค้ารู้นะ กะจะไม่สระผมอ่ะจิ ก็อากาศมันหนาวนี่เนอะ ^^)



 

นั่งโยกเยกบน บานาน่าโบ้ทบก อยู่เกือบชั่วโมง

ก็มาถึงบริเวณลานกางเต้นท์ของอุทยานในที่สุด



 

น้องไกด์ทั้งสองก็รีบจัดการสร้างบ้านให้เราอย่างรวดเร็วค่ะ

แต่รู้สึกจะเป็นมือใหม่นะคะ เพราะน้องแกดันลืมกางหลังคากันน้ำค้างให้เรา

เอาไปปูพื้นเต้นท์ซะงั้น -_-"

จะหาตัวก็หายไปเตรียมมื้อค่ำให้เราซะแล้ว

พวกเราทั้งสิบก็เลยต้องช่วยกันมั่วๆ กางหลังคากันเพิ่มเองค่ะ



ไงคะฝีมือบูดๆ เบี้ยวๆ ของเรา

หลังนี้นอนกันสี่คน เบียดกันไปนิด แต่ดึกๆ ก็อุ่นดีค่ะ

 

อาบน้ำสระผมเรียบร้อย ก็รอทานข้าว

น้องไกด์คนเดิม ที่เป็นทั้งคนพายเรือ คนยกกระเป๋า คนกางเต้นท์

ก็ผันตัวมาเป็นพ่อครัวด้วยอีกตำแหน่ง

เห็นว่าปกติถ้าทัวร์ลงเยอะและขึ้นมานอนที่น้ำตกหมด

ก็จะเป็นพ่อครัวของรีสอร์ทเป็นคนทำกับข้าวค่ะ



งานนี้ได้มานั่งที่กระท่อมโรงครัว

เพราะที่โรงอาหารคนเต็ม กรุ๊ปใหญ่เอาที่ไปหมด

บรรยากาศพื้นบ้าน

ข้าว นี่ก็หุงกับหม้อเหล็กแบบเช็ดน้ำ สุกกำลังดี ใช้ได้ๆ

อาหารก็บ้านๆ มาก...

ต้มยำไก่ (รสไม่ค่อยแซ่บ) ผัดผัก (อันนี้ใช้ได้)

น้ำพริกกะปิผักลวก (รสดีแต่เผ็ดไปหน่อย)

และไข่เจียว (ทอดไม่ฟู แถมคงลืมปรุงรสด้วย จืดเชียว)



คิดว่า... นี่หรือเปล่าน้า... ที่เค้าว่ากันว่าที่นี่อาหารบ้านๆ และไม่อร่อย

แต่พอคิดว่านี่เป็นฝีมือพ่อครัวมือสมัครเล่น และเห็นความตั้งใจของคนทำ

(เห็นไกด์เบอร์สอง นั่งประคองแผงไข่ไก่มาตลอดทางรถวิบากเลยค่ะ หน้าที่สำคัญนะนั่น)

ได้เท่านี้ก็โอเคมากแล้วค่ะ



แต่ขอติกระดาษทิษชูแถมกลิ่นน้ำปลานิดหนึ่งนะคะ ไม่กล้าเอามาเช็ดเลยอ่ะ

สงสัยที่ไข่เจียวไม่เค็ม เพราะน้ำปลาหกอ่ะเปล่าน้า...



 



กินอิ่มแล้วก็รำพัดสีกันสักหน่อย

แถมเพื่อนร่วมกรุ๊ปจอยน์เตรียมกีตาร์ หนังสือเพลงกันมาพร้อมเลยค่ะ

ไอ้เราเลยได้ฟังเพลงเพราะๆ ไปด้วย

ดึกขึ้นอีกนิดก็ออกมามองดาวสวยๆ เต็มฟ้า

และเข้านอนไปด้วยความเหนื่อยที่สะสมมาไม่รู้ตัว



แล้วพบกับ "น้ำตกทีลอซู" ในวันพรุ่งนี้ค่ะ
















 

Create Date : 07 ธันวาคม 2553
4 comments
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 0:58:05 น.
Counter : 3519 Pageviews.

 

โห..........
น่าเที่ยวมาก
ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
แต่เป็นคนเมารถเก่ง
คงจะไปไม่ไหวแน่ ๆ


เศร้า!

 

โดย: โสดในซอย 7 ธันวาคม 2553 9:33:33 น.  

 

เพิ่งกลับมาประมาณ 2-3 อาทิตย์ค่ะ
เข็ดไปเลยกับภาพหลอนห้องน้ำในอุทยานกับฝุ่นแดง ๆ ขย่มเป็นชั่วโมงก่อนจะถึงจุดกางเต๊นท์
ได้สิวกลับบ้านหลายเม็ด
ตอนนี้ก็ยังอยู่บนหน้า
คุ้มมั้ยเนี่ย

 

โดย: ยัยลีลี 7 ธันวาคม 2553 9:53:20 น.  

 

แวะมาชมค่ะ

 

โดย: นู๋ที 7 ธันวาคม 2553 10:47:17 น.  

 

ตามมาเที่ยว อุ้มผาง ครับ

 

โดย: Kavanich96 7 ธันวาคม 2553 14:03:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก่นฝัน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ รักการกินและทำอาหาร
รักการท่องเที่ยว รักการถ่ายภาพ
รักการวาดเขียน รักเสียงดนตรี
รักการอ่าน รักการเขียน
และ รัก... ที่จะ 'ฝัน'


ขอเตือนนะคะ
งานเขียนทุกชิ้น และภาพทุกภาพในบล็อกนี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล็อกแต่เพียงผู้เดียว
ขอสงวนสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ดัดแปลง แก้ไข
หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใด
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุด
โดยไม่มีการประนีประนอมยอมความแต่ประการใดนะคะ
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แก่นฝัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.