กลับไป Moon Land กันอีกที
มูนแลนด์ เคยเป็นทะเลสาบมาก่อน แต่ต่อมาเมื่ออนุทวีปอินเดียชนเข้ากับไหล่ทวีปเอเชียทำให้แผ่นดินตรงที่ชนยกสูงขึ้นกลายเป็นเทือกเขาหิมาลัย และทะเลสาบก็เหือดแห้งหายไป เหลือแต่ดินดานแห้งผากสูงตระหง่านสลับซับซ้อนสุดสายตา มีลักษณะและสีต่างกันนานา ตามแต่แร่ธาตุที่อยู่ในนั้น ยิ่งเมื่อแสงอาทิตย์เปลี่ยน เพราะเมฆบังบ้าง หรือแสงตกกระทบทำมุมเปลี่ยนแปลงไป ขุนเขาแห่งมูนแลนด์ก็เปลี่ยนสีไปด้วยเช่นกัน
ฉันมองดูดินแดนแห่งนี้ด้วยความพิศวงงงงวย มันงามเหลือประมาณ แต่ก็แฝงด้วยทารุณ กลางวันแดดเปรี้ยงร้อนราว "นรกสันดาป" (ขอยีมท่านพนมเทียนมาใช้) กลางคืนเย็นจับจิตเพราะความร้อนระเหยไปหมด แต่สถานที่เช่นนี้ก็ยังมีคนอาศัยอยู่ แม้จะแร้นแค้นทุกข์ยากแต่ไม่ทดท้อ บางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจมีวิถีของท่าน ทิวทัศน์อันงามประหลาดเหลือล้ำอาจคือรางวัลปลอบใจสำหรับผู้ใช้ชีวิตยากแค้นแถวนี้ก็ได้
ที่ที่แม่น้ำสินธุสบกับแม่น้ำแซนสการ์ สีเขียวเข้มน่ะสินธุ สีอ่อนกว่าคือแซนสการ์ รูปนี้ไม่ได้ถ่ายเอง กั๊ดมา (karma) คนขับรถของเราที่เป็นชาวธิเบตอพยพถ่ายให้ เห็นรูปแล้วสะท้อนใจ ไมถ่ายรูปดีกว่าเจ้าของกล้องอีกฟระ
อีกมุมหนึ่งของมูนแลนด์
แดดที่วัดลามายูรูที่ตั้งอยู่ในมูนแลนด์ ฉันเดินลงจากรถเข้าไปในวัด แว่นตากันแดดก็ให้กั๊ดมายืมไปแล้ว แสงแดดมันชอนไชเข้านัยน์ตาแล้วก็ละลายสมอง ฉันรู้สึกว่าสมองฉันกำลังนิ่มเละไหลเยื้มเหมือนช็อคโกแล็ตที่วางทิ้งไว้ในรถ
มองมาจากลามายูรู บางทีคนที่นี่อาจจะใจสว่างไสวไร้ความมืดดำตลอดเวลา เพราะขนาดอยู่กันกลางวันมองอะไรทียังต้องหยีตากันแดดเข้าไปเกินขนาด
นี่พระไม่ได้หลับตานา ทุกคนหน้าตาเป็นงี้กันหมด แดดแรงจริง ๆ
แม้แต่พระเด็กยังต้องหยีตาเดินเลย เตะบอลไปด้วย ท่าทางจะมาจากบ้านมีกะตังค์ หมวกเอย รองเท้าเอย ดูดีมีสกุล
Create Date : 13 สิงหาคม 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2551 21:25:06 น. |
Counter : 1035 Pageviews. |
|
|
|