|
เล่าเรื่อง พระเจ้า เทพเจ้า และเทวดา
"เล่าเรื่องพระเจ้า เทพเจ้า และเทวดา" นี้เล่าไว้ในกระทู้เรือสหมิตร เรือไซเบอร์ที่เคยลอยลำอยู่ในห้องสมุด พันทิพติดต่อกันนานหลายปี ไฟล์ค้างอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเก่า วันนี้ได้ไปเอาข้อมูลทั้งหมดออกมาก่อนที่จะขายคอมไป ก็พบบทความนี้อยู่ก็เลยเอามาแปะไว้ เพื่อแสดงความระลึกถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่เคยได้คุยกันในกระทู้เรือสหมิตร แลกเปลี่ยนความรู้ แนะนำหนังสือที่อ่านระหว่างกันมานานกว่าสามปี(?--จำเวลามิได้ถนัด ถ้ายืนยาวกว่านั้นใครผ่านมาก็บอกด้วยแล้วกัน)
มาบัดนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ได้พบเจอกันบ้างบางคน แต่หลายคนก็หายหน้าไป ขอใช้เรื่องเล่านี้บอกถึงความระลึกถึงในมิตรภาพอันอบอุ่น และความสนุกสนานประเทืองปัญญาที่ได้รับจากทุกคน และเป็นจุดบันดาลให้เราเปลี่ยนอาชีพจากคนขายชาติ(นักข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ---เป็นคำที่พวกเราใช้เรียกตัวเองแบบประชด เวลาเขียนข่าววิจารณ์แรงไม่ถูกใจคนใหญ่คนโตในประเทศนี้)มาเป็นนักเขียน นักแปล และนักอะไรต่ออะไรอีกหลายนัก
1 บทนำ
ในปรัตยุบัน งานเขียนในเชิงวิชาการที่ดีทั้งหลายย่อมจะเริ่มต้นด้วยนิยามความหมายสิ่งที่ต้องการจะพูดถึงเสียก่อน เพื่อสร้างข้อตกลงหรือกรอบความเข้าใจให้แก่ผู้อ่าน ว่าอย่างน้อยก็จะสามารถปรับให้มาในทิศทางเดียวกับผู้เขียนได้ ซึ่งจะสร้างความสะดวกในการดำเนินเรื่องให้แก่ผู้เขียน
ดังนั้นการเล่าเรื่องเทพที่จะมีขึ้นนับจากนี้ไป แม้มิใช่งานเขียนเชิง, ชายหรือแม้แต่เฉียดวิชาการ แต่เพื่อความเท่แต่เพียงอย่างเดียว ก็ขอเริ่มต้นด้วยคำนิยามดังต่อไปนี้ 1. เทพ ในที่นี้หมายรวมไปถึงความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือจริงเหนือธรรมชาติทั้งหลาย เช่น ความเชื่อที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกต่างมีวิญญาณและชีวิตของมันเช่นเดียวกับคนทั่วไป ผีสาง นางไม้ และอื่น ๆอีกมาก แต่ไม่รวมถึงเทพเทือกนะจ๊ะ 2. การเล่าเรื่องนี้ประกอบด้วยหนังสือหลายเล่มซึ่งจะพยายามใส่ชื่อไว้เพื่อว่าท่านที่สนใจจะได้ไปค้นมาอ่าน และเพื่อให้เกียรติกับผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น ๆ ซึ่งทำให้อิฉันลอกมาแปะไว้นะที่นี้ และถ้ามีอะไรประหลาดผิดพลาดเกิดขึ้นในเนื้อความ ก็เป็นความเพี้ยนของอิฉันเองที่เขียนผิดตกหล่นเป็นประจำอยู่แล้ว หรือความไม่สันทัดในทางภาษาที่ทำให้ถอดความมาผิดพลาด 3. ห้ามอ้างอิง ห้ามเชื่อถือเด็ดขาด อ่านเล่นสนุก ๆ ให้เหมือนกับที่คนเขียนสนุกกับการเขียน 4. เห็นที่ผิดโปรดแย้ง สงสัย-ถาม ไม่สนุก-บอก ถ้าชอบ ขออาหารญี่ปุ่นหนึ่งมื้อแล้วกัน
ดังที่กล่าวไว้ในความคิดเห็นที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่า เทพ นั้นนับเป็นประดิษฐกรรมรุ่นแรกและมีพัฒนาการยั่งยืนและยาวนานที่สุดอันหนึ่งของมนุษย์
หากจะกล่าวตามทฤษฏีมาร์กซิสต์แล้วไซร้ (ถ้าจะถามว่าทำไมต้องใช้ทฤษฎีมาร์กซิสต์ ก็คงตอบได้ว่าเป็นทฤษฎีสังคมอันเดียวที่จำได้ขึ้นใจ และแนวคิดเชิงสังคมของเราเกือบทุกอย่างวางอยู่บนรากฐานของทฤษฎีนี้ โดยเฉพาะเรื่องอุดมการณ์และการผลิตซ้ำทางอุดมการณ์เพื่อครองความเป็นใหญ่ในสังคม ถ้าว่างวันหลังจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีก สนุกนะเออ)
คาร์ล มาร์กซ์
โครงสร้างของสังคมหนึ่ง ๆสามารถแบ่งคร่าว ๆได้เป็นสองส่วน นั่นคือส่วนที่เป็นการผลิต(อาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็น) ที่ทำให้คนในสังคมนั้นอยู่รอด เรียกเป็นภาษาอย่างยาก ๆ และชวนมึนงงว่า โครงสร้างส่วนล่าง และอีกส่วนหนึ่งก็คือ วัฒนธรรม ภาษา อุดมการณ์ งานศิลปะ วิธีการมองโลก ศาสนา ซึ่งเป็นส่วนก่อรูปผูกโยงคนในสังคมนั้น ๆเข้าไว้ด้วยกัน ให้เห็นเป็นคนในสังคมเดียวกัน หรือใช้ศัพท์เทคนิคว่าโครงสร้างส่วนบน
แนวคิดเกี่ยวกับเทพนี้ นับว่าเป็นโครงสร้างส่วนบนอย่างหนึ่งของสังคม ที่ใช้อธิบายอภิสิทธ์ของคนกลุ่มหนึ่งเหนือคนอีกกลุ่มหนึ่ง กล่าวคือ ใครเกี่ยวพันกับเทพมากก็มีอภิสิทธิ์มาก สามารถครอบครองผลผลิตของสังคมได้มากกว่าคนอื่น หรืออาจรวมไปถึงการครอบครองปัจจัยในการผลิตอย่างเช่นที่ดิน แรงงาน และทรัพยากรอย่างอื่น ๆ
Create Date : 22 มกราคม 2549 |
Last Update : 22 มกราคม 2549 15:18:39 น. |
|
31 comments
|
Counter : 1279 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:30:42 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:35:19 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:46:33 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:55:15 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:57:34 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:58:46 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:16:40:50 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา IP: 58.10.124.105 วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:16:42:57 น. |
|
|
|
โดย: แครนอู (มรกตนาคสวาท ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:22:40:10 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:23:23:46 น. |
|
|
|
โดย: ถามเล่น IP: 203.172.49.164 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:41:56 น. |
|
|
|
โดย: เดร์ IP: 202.29.82.21 วันที่: 22 มิถุนายน 2549 เวลา:13:26:58 น. |
|
|
|
โดย: คุณสุดหล่อ IP: 203.151.140.118 วันที่: 9 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:50:14 น. |
|
|
|
โดย: จจจ IP: 58.8.191.50 วันที่: 27 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:54:39 น. |
|
|
|
โดย: mild?????? IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:11:52:57 น. |
|
|
|
โดย: 4/6 IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:12:09:24 น. |
|
|
|
โดย: ร.ร.ราชวินิตเขตดุสิต IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:12:13:50 น. |
|
|
|
โดย: วิวัฒน์ IP: 61.19.44.67 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:10:34:01 น. |
|
|
|
โดย: ballhahaha IP: 61.19.44.67 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:10:48:28 น. |
|
|
|
โดย: รักวันใหม่ IP: 61.19.35.130 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:13:27:50 น. |
|
|
|
โดย: จิติมา IP: 124.157.177.42 วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:16:56:50 น. |
|
|
|
โดย: จอมใจ IP: 125.25.8.28 วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:18:27:50 น. |
|
|
|
โดย: รามเทพ IP: 125.25.3.85 วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:23:02:58 น. |
|
|
|
โดย: โนโน้ IP: 222.123.49.175 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:13:06:35 น. |
|
|
|
โดย: ping IP: 203.155.1.252 วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:20:45:12 น. |
|
|
|
โดย: เคท IP: 203.154.74.212 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:14:11:06 น. |
|
|
|
โดย: ปอน IP: 125.25.91.62 วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:10:17:53 น. |
|
|
|
โดย: 111 IP: 222.123.1.75 วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:21:24:57 น. |
|
|
|
โดย: l IP: 124.120.103.74 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:15:09:22 น. |
|
|
|
โดย: ชยุต IP: 203.107.205.9 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:20:50:28 น. |
|
|
|
โดย: จุ๊บแจง IP: 117.47.46.211 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:19:49:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
คาเรน อาร์มสตรองกล่าวในหนังสือชื่อ the history of God ว่า Homo Sapiens is also Homo religiosus และ ในการศึกษาของเธอในด้านประวัติศาสตร์ศาสนาก็แสดงให้เห็นว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์แห่งจิตวิญญาณ
การศึกษาของนักมานุษยวิทยาก็สอดคล้องกับความเห็นเช่นนั้น การค้นพบหลุมศพของมนุษย์โครมันยองอายุ 30,000 ปีที่รัสเซีย ได้พบว่ามีสิ่งของมีค่าถูกฝังรวมไปกับผู้ตายมากจนเชื่อได้ว่าเป็นผลผลิตที่ได้มาจากแรงงานผู้อื่น ในหลุมศพหลายอันมีการใส่ของมีค่าเข้าไปด้วยอย่างเช่นงาช้างดัดให้ตรงด้วยการต้ม เครื่องประดับร่างกายฯลฯ ซึ่งดูคล้ายกับการทำพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นร่องรอยบ่งถึงความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย หรือมีชาติภพอื่นที่ผู้ตายจะไปสู่และต้องการสิ่งของเหล่านั้นไปใช้สอย หรือเป็นบรรณาการแด่ใคร???? นับเป็นร่องรอยของแนวคิดในเชิงศาสนารุ่นแรก ๆ และหักล้างความเชื่อเดิมว่าสังคมที่เริ่มตั้งหลักแหล่งอย่างสังคมเกษตรเป็นจุดเริ่มต้นการบูชาสักการะสิ่งเหนือมนุษย์
(จาก เกิดเป็นคน ของสุเมชฌ์ ปรัชญาปารมิตา อ่านเถอะเล่มนี้ดีมากกก)
มนุษย์ไม่ได้รังสรรค์พระผู้เป็นเจ้า(เทพ) มาจากความว่างเปล่า เราสร้างพระองค์ขึ้นมาจากความเป็นจริงในชีวิต เพื่อให้เทพหรือพระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นอธิบายปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้ หรือปกปักมนุษย์จากภัยที่เราควบคุมไม่ได้ เทพเป็นเครื่องมืออันแรก ๆของเราที่แสดงถึงความปรารถนาในการควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปในทางดีแก่มนุษย์และตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเข้าใจโลกในระยะเริ่มแรก
ในหนังสือ The history of God ของอาร์มสตรอง แน่นอนว่าต้องเป็นเทพของตะวันตก- เธอบอกว่าตำนานเกี่ยวกับเทพที่เก่าแก่ที่สุดที่สืบค้นได้ก็คือ ตำนานของพวกชนเผ่าที่อาศัยและสร้างความรุ่งเรืองในตะวันออกกลางเมื่อ 14,000 ปีมาแล้ว อันเป็นจุดเริ่มต้นของพระยะโฮวาห์ในศาสนาคริสต์