ผ่านทะเลเห็นน้ำไร้ความหมาย
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
เล่าเรื่อง พระเจ้า เทพเจ้า และเทวดา

"เล่าเรื่องพระเจ้า เทพเจ้า และเทวดา" นี้เล่าไว้ในกระทู้เรือสหมิตร เรือไซเบอร์ที่เคยลอยลำอยู่ในห้องสมุด พันทิพติดต่อกันนานหลายปี ไฟล์ค้างอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเก่า วันนี้ได้ไปเอาข้อมูลทั้งหมดออกมาก่อนที่จะขายคอมไป ก็พบบทความนี้อยู่ก็เลยเอามาแปะไว้ เพื่อแสดงความระลึกถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่เคยได้คุยกันในกระทู้เรือสหมิตร แลกเปลี่ยนความรู้ แนะนำหนังสือที่อ่านระหว่างกันมานานกว่าสามปี(?--จำเวลามิได้ถนัด ถ้ายืนยาวกว่านั้นใครผ่านมาก็บอกด้วยแล้วกัน)

มาบัดนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ได้พบเจอกันบ้างบางคน แต่หลายคนก็หายหน้าไป ขอใช้เรื่องเล่านี้บอกถึงความระลึกถึงในมิตรภาพอันอบอุ่น และความสนุกสนานประเทืองปัญญาที่ได้รับจากทุกคน และเป็นจุดบันดาลให้เราเปลี่ยนอาชีพจากคนขายชาติ(นักข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ---เป็นคำที่พวกเราใช้เรียกตัวเองแบบประชด เวลาเขียนข่าววิจารณ์แรงไม่ถูกใจคนใหญ่คนโตในประเทศนี้)มาเป็นนักเขียน นักแปล และนักอะไรต่ออะไรอีกหลายนัก



1 บทนำ

ในปรัตยุบัน งานเขียนในเชิงวิชาการที่ดีทั้งหลายย่อมจะเริ่มต้นด้วยนิยามความหมายสิ่งที่ต้องการจะพูดถึงเสียก่อน เพื่อสร้างข้อตกลงหรือกรอบความเข้าใจให้แก่ผู้อ่าน ว่าอย่างน้อยก็จะสามารถปรับให้มาในทิศทางเดียวกับผู้เขียนได้ ซึ่งจะสร้างความสะดวกในการดำเนินเรื่องให้แก่ผู้เขียน


ดังนั้นการเล่าเรื่องเทพที่จะมีขึ้นนับจากนี้ไป แม้มิใช่งานเขียนเชิง, ชายหรือแม้แต่เฉียดวิชาการ แต่เพื่อความเท่แต่เพียงอย่างเดียว ก็ขอเริ่มต้นด้วยคำนิยามดังต่อไปนี้
1. เทพ ในที่นี้หมายรวมไปถึงความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือจริงเหนือธรรมชาติทั้งหลาย เช่น ความเชื่อที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกต่างมีวิญญาณและชีวิตของมันเช่นเดียวกับคนทั่วไป ผีสาง นางไม้ และอื่น ๆอีกมาก แต่ไม่รวมถึงเทพเทือกนะจ๊ะ
2. การเล่าเรื่องนี้ประกอบด้วยหนังสือหลายเล่มซึ่งจะพยายามใส่ชื่อไว้เพื่อว่าท่านที่สนใจจะได้ไปค้นมาอ่าน และเพื่อให้เกียรติกับผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น ๆ ซึ่งทำให้อิฉันลอกมาแปะไว้นะที่นี้ และถ้ามีอะไรประหลาดผิดพลาดเกิดขึ้นในเนื้อความ ก็เป็นความเพี้ยนของอิฉันเองที่เขียนผิดตกหล่นเป็นประจำอยู่แล้ว หรือความไม่สันทัดในทางภาษาที่ทำให้ถอดความมาผิดพลาด
3. ห้ามอ้างอิง ห้ามเชื่อถือเด็ดขาด อ่านเล่นสนุก ๆ ให้เหมือนกับที่คนเขียนสนุกกับการเขียน
4. เห็นที่ผิดโปรดแย้ง สงสัย-ถาม ไม่สนุก-บอก ถ้าชอบ ขออาหารญี่ปุ่นหนึ่งมื้อแล้วกัน

ดังที่กล่าวไว้ในความคิดเห็นที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่า เทพ นั้นนับเป็นประดิษฐกรรมรุ่นแรกและมีพัฒนาการยั่งยืนและยาวนานที่สุดอันหนึ่งของมนุษย์…

หากจะกล่าวตามทฤษฏีมาร์กซิสต์แล้วไซร้ (ถ้าจะถามว่าทำไมต้องใช้ทฤษฎีมาร์กซิสต์ ก็คงตอบได้ว่าเป็นทฤษฎีสังคมอันเดียวที่จำได้ขึ้นใจ และแนวคิดเชิงสังคมของเราเกือบทุกอย่างวางอยู่บนรากฐานของทฤษฎีนี้ โดยเฉพาะเรื่องอุดมการณ์และการผลิตซ้ำทางอุดมการณ์เพื่อครองความเป็นใหญ่ในสังคม ถ้าว่างวันหลังจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีก สนุกนะเออ)


คาร์ล มาร์กซ์




โครงสร้างของสังคมหนึ่ง ๆสามารถแบ่งคร่าว ๆได้เป็นสองส่วน นั่นคือส่วนที่เป็นการผลิต(อาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็น) ที่ทำให้คนในสังคมนั้นอยู่รอด เรียกเป็นภาษาอย่างยาก ๆ และชวนมึนงงว่า โครงสร้างส่วนล่าง และอีกส่วนหนึ่งก็คือ วัฒนธรรม ภาษา อุดมการณ์ งานศิลปะ วิธีการมองโลก ศาสนา ซึ่งเป็นส่วนก่อรูปผูกโยงคนในสังคมนั้น ๆเข้าไว้ด้วยกัน ให้เห็นเป็นคนในสังคมเดียวกัน หรือใช้ศัพท์เทคนิคว่าโครงสร้างส่วนบน

แนวคิดเกี่ยวกับเทพนี้ นับว่าเป็นโครงสร้างส่วนบนอย่างหนึ่งของสังคม ที่ใช้อธิบายอภิสิทธ์ของคนกลุ่มหนึ่งเหนือคนอีกกลุ่มหนึ่ง กล่าวคือ ใครเกี่ยวพันกับเทพมากก็มีอภิสิทธิ์มาก สามารถครอบครองผลผลิตของสังคมได้มากกว่าคนอื่น หรืออาจรวมไปถึงการครอบครองปัจจัยในการผลิตอย่างเช่นที่ดิน แรงงาน และทรัพยากรอย่างอื่น ๆ




Create Date : 22 มกราคม 2549
Last Update : 22 มกราคม 2549 15:18:39 น. 31 comments
Counter : 1279 Pageviews.

 
แม้ว่าแนวการมองเช่นนี้ทำให้แนวคิดเรื่องเทพออกจะไม่โรแมนติค และเหนือสิ่งอื่นใด มันไม่สะท้อนถึงความลึกซึ้งในการมองโลกของมนุษย์อันเกิดมาจากความซับซ้อนของการทำงานของสมอง แต่มันช่วยให้เห็นภาพว่าการมีอยู่ของเทพนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยมีจุดประสงค์แน่ชัดอันใดอันหนึ่ง

คาเรน อาร์มสตรองกล่าวในหนังสือชื่อ the history of God ว่า “Homo Sapiens is also Homo religiosus” และ ในการศึกษาของเธอในด้านประวัติศาสตร์ศาสนา”ก็แสดงให้เห็นว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์แห่งจิตวิญญาณ”

การศึกษาของนักมานุษยวิทยาก็สอดคล้องกับความเห็นเช่นนั้น การค้นพบหลุมศพของมนุษย์โครมันยองอายุ 30,000 ปีที่รัสเซีย ได้พบว่ามีสิ่งของมีค่าถูกฝังรวมไปกับผู้ตายมากจนเชื่อได้ว่าเป็นผลผลิตที่ได้มาจากแรงงานผู้อื่น ในหลุมศพหลายอันมีการใส่ของมีค่าเข้าไปด้วยอย่างเช่นงาช้างดัดให้ตรงด้วยการต้ม เครื่องประดับร่างกายฯลฯ ซึ่งดูคล้ายกับการทำพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นร่องรอยบ่งถึงความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย หรือมีชาติภพอื่นที่ผู้ตายจะไปสู่และต้องการสิ่งของเหล่านั้นไปใช้สอย หรือเป็นบรรณาการแด่ใคร???? นับเป็นร่องรอยของแนวคิดในเชิงศาสนารุ่นแรก ๆ และหักล้างความเชื่อเดิมว่าสังคมที่เริ่มตั้งหลักแหล่งอย่างสังคมเกษตรเป็นจุดเริ่มต้นการบูชาสักการะสิ่งเหนือมนุษย์
(จาก “เกิดเป็นคน” ของสุเมชฌ์ ปรัชญาปารมิตา –อ่านเถอะเล่มนี้ดีมากกก)

มนุษย์ไม่ได้รังสรรค์พระผู้เป็นเจ้า(เทพ) มาจากความว่างเปล่า เราสร้างพระองค์ขึ้นมาจากความเป็นจริงในชีวิต เพื่อให้เทพหรือพระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นอธิบายปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้ หรือปกปักมนุษย์จากภัยที่เราควบคุมไม่ได้ เทพเป็นเครื่องมืออันแรก ๆของเราที่แสดงถึงความปรารถนาในการควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปในทางดีแก่มนุษย์และตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเข้าใจโลกในระยะเริ่มแรก



ในหนังสือ The history of God ของอาร์มสตรอง –แน่นอนว่าต้องเป็นเทพของตะวันตก- เธอบอกว่าตำนานเกี่ยวกับเทพที่เก่าแก่ที่สุดที่สืบค้นได้ก็คือ ตำนานของพวกชนเผ่าที่อาศัยและสร้างความรุ่งเรืองในตะวันออกกลางเมื่อ 14,000 ปีมาแล้ว อันเป็นจุดเริ่มต้นของพระยะโฮวาห์ในศาสนาคริสต์


โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:30:42 น.  

 

มาร์ดุ๊ก เทพสูงสุดแห่งบาบิลอนและงู



ในตำนานของพวกบาบิลอน ก่อนที่เทพและมนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น ได้มีความเวิ้งว้างหนึ่งตั้งอยู่ ความเวิ้งว้างนี้ประกอบด้วยความยุ่งเหยิงที่แยกไม่ได้ว่าเป็นแผ่นดินหรือแผ่นน้ำซึ่งแผ่ไพศาลออกไปโดยไร้ขอบเขตและไร้กาลเวลา (สิ่งนี้เทียบได้กับที่ลุ่มต่ำซึ่งมีลักษณะเป็นบึงในเขตเมโสโปเตเมีย ที่ซึ่งน้ำจะท่วมอย่างรุนแรงและพัดเอาพืชผลการเกษตรและสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ไปด้วยเสมอ ๆ )

ท่ามกลางความวุ่นวายอย่างได้ขอบเขตและไร้กาลเวลานั้น เทพก็อุบัติขึ้น…..

อาร์มสตรองอธิบายว่าความเชื่อเรื่องเทพในยุคเริ่มต้นนั้นเป็นความเชื่อในเทพองค์เดียวหรือที่เรียกกันว่า เทพแห่งท้องฟ้า sky god ผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ท้องฟ้า พื้นดิน เทพอื่น ๆและมนุษย์ เทพแห่งท้องฟ้านี้ไม่มีสถานที่บูชา ไม่มีตัวแทน ไม่มีทางที่จะพบพระองค์ได้ ทำให้รู้สึกห่างไกลจากมนุษย์เสียเหลือเกิน

นั่นอาจเป็นเพราะสังคมในยุคเริ่มแรกอาจจะไม่มีภูมิปัญญาพอที่จะสร้างพิธีกรรมสร้างที่สถิตย์อันอลังการณ์ให้พระองค์ หรือมนุษย์ในยุคเริ่มแรกยังไม่สามารถแทนความคิดนามธรรมด้วยสัญญลักษณ์ทางวัตถุก็เป็นได้ ทำให้เทพแห่งท้องฟ้านี้เริ่มห่างไกลกับผู้คนขึ้นทุกที แนวคิดเทพแห่งท้องฟ้าองค์เดียวที่คอยดูแลมนุษย์ ชักใช้ไม่ได้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่เริ่มมีพัฒนาการมากขึ้นซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นมนุษย์ก็ประดิษฐ์เทพอื่น ๆขึ้นมาให้มีหน้าที่ต่าง ๆกันตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในแต่ละด้านได้มากยิ่งขึ้น และมนุษย์ก็ได้เลียนแบบชีวิตประจำวันตนเองก็คือ ผูกเรื่องเทพที่สร้างขึ้นเหล่านั้นให้เป็นญาติวงศ์กัน มีลักษณะนิสัยของแต่ละคนเหมือนมนุษย์ทุกประการ

เทพสูงสุดผู้สร้าง และญาติโกโหติกาของพระองค์นั้นไม่ได้มีแต่ในเฉพาะอารยธรรมที่อยู่ใกล้กันอย่างพวกตะวันออกกลางและยุโรปเท่านั้น ในดินแดนที่ห่างไกลอย่างออสเตรเลีย อเมริกากลางก็มีเรื่องราวไม่ต่างกันนัก


โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:35:19 น.  

 
//www.peru-travel.info/imagenes/museodeoro.gif
พาชาคาแมคของยุนคา


ก่อนอารยธรรมของพวกอินคาในเปรูก็มีพวกยุนคา(Yuncas) ซึ่งเป็นผู้สืบทอดส่งผ่านมรดกอารยธรรมของตนให้อินคา ยุนคามีเทพที่เรียกว่า พาชาคาแมค ซึ่งเป็นเทพสูงสุดและผู้สร้างทั้งโลกและมนุษย์ แต่อนิจจาพระองค์ทรงเป็นเทพที่ขี้ลืมอยู่สักหน่อย พระองค์ก็ลืมให้อาหารมนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นมา ผู้ชายหิวโหยจนตายจากไป ผู้หญิงก็ต่อว่าที่พระองค์ทอดทิ้ง ทำให้พระองค์ได้ร่วมเสพสมกับหญิงดังกล่าวจนเกิดเป็นลูกชาย และพาชาคาแมคก็หั่นลูกชายคนนั้นออกเป็นชิ้น ๆ โปรยออกไป แล้วจึงเกิดเป็นต้นไม้นานาพรรณ

ที่อะบอริจิ้นก็มีตำนานเกี่ยวกับ อัลต์จิรา Altjira เทพแห่งท้องฟ้าที่สร้างโลกและก็กลับไปอยู่บนท้องฟ้าตามเดิม พระองค์มีลักษณะเป็นคนแต่เท้าเป็นนกอีมู ในขณะที่พระชายาและลูกมีเท้าของสุนัข

ความแตกต่างทางภูมิศาสตร์แต่คล้ายคลึงกันทางความเชื่อและจินตนาการนี้อาจเดาได้ว่า เนื่องจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ไม่ต่างกัน โครงร่างของกายเหมือนกัน และถูกบังคับด้วยความต้องการพื้นฐานเช่นเดียวกัน คือเครื่องนุ่งห่ม อาหาร และการสืบพันธ์ นอกจากนี้สมรรถนะทางสมองก็ใกล้เคียงกัน เพราะพัฒนามาจากสายพันธ์อันเดียวกัน

อาร์มสตรองอธิบายการเข้ามาแทนที่ของการนับถือเทพหลายองค์ว่า ในยุคหินเก่า มนุษย์เริ่มเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรเป็นอาหารหลัก และเมื่อการเพาะปลูกเริ่มขึ้นมันก็หมายความว่ามนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง เทวีแห่งเทพหรือเทพมาตาก็เริ่มมีความสำคัญขึ้นมาทันที เพราะพระนางหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เทพแห่งท้องฟ้าซึ่งอาจเป็นสามีของพระนาง หรือเป็นพ่อหรือเป็นญาติห่าง ๆเริ่มด้อยความสำคัญลงไป

พระนามของพระนางได้ถูกขับขานในหลายที่ ทรงเป็นอินนานาในสุเมเรียนโบราณ, อิชตาร์ในบาบิลอน, อานัตที่ดินแดนคะนาอัน ไอสิสในอียิปต์ และอโฟรไดท์ที่กรีซ

ในญาติวงศ์เทพแทบทุกที่ พระนางทรงมีอำนาจเกือบจะสูงสุดหรือมีบทบาทในอันดับต้น ๆ เสมอ …….

รูปปั้นเทพมาตา Ishtar


โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:46:33 น.  

 
//www.joburg.org.za/aug_2002/goddess.jpg
Nomkhubulwaneเทพสตรีสูงสุดของอัฟริกันโบราณ

ในภาพเขียนหรือรูปปั้นยุคแรก ๆ เทพมาตาจะเป็นหญิงที่มีทรวงอกและสะโพกใหญ่ อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ว่ากันตามสรีระแล้วหญิงที่มีลักษณะเช่นนี้น่าจะสามารถให้กำเนิดลูกได้หลายคนและมีน้ำนมที่เลี้ยงลูกได้มากทำให้เด็กแรกเกิดนั้นแข็งแรง ในช่วงแรกเริ่มของการตั้งชุมชน กำลังคนน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด มีกำลังคนมากก็หมายความว่าหาอาหารได้มาก ป้องกันตัวเองได้ดี และมีชัยในการต่อสู้กับเผ่าอื่น ๆ

ขอนอกเรื่องหน่อย คิดว่าแนวคิดเกี่ยวกับคุณค่าของผู้หญิงดังนี้ อาจส่งผ่านมาในวัฒนธรรมยุคหลัง ๆ และกลายเป็นเรื่องนามธรรมในที่สุด นั่นก็คือกลายเป็นความรับรู้ในเรื่องความงาม ในยุคกลางของยุโรปเอง ผู้หญิงที่สวยต้องท้วม พุงพลุ้ยเล็กน้อย หน้าอกใหญ่และสะโพกใหญ่ อย่างไรก็ตามแนวคิดความงามของผู้หญิงในปัจจุบันจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เพราะผู้หญิงไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการคลอดบุตรเพื่อสืบเผ่าพันธ์หรือเพื่อได้แรงงานใหม่อีกต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในเกิดเป็นคนอธิบายเรื่องความพึงพอใจในความงามระหว่างชายหญิงว่าเป็นสิ่งที่สืบทอดมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะคนที่งามสมบูรณ์หมายถึงสุขภาพแข็งแรง การเลือกที่ความงามนั้นเป็นการเลือกโดยธรรมชาติของมนุษย์อย่างหนึ่ง ที่ต้องการหาคนที่แข็งแรงสุดเพื่อไว้ถ่ายทอดพันธ์ของตัวเอง….

กลับมาเข้าเรื่องอีกที
คนในโลกโบราณนั้นได้ใส่ชีวิตและความรู้สึกของตนเข้ากับทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน น้ำ ต้นไม้ ฟ้าผ่า ไฟ เนื่องมาจากเขาไม่สามารถอธิบายการก่อกำเนิดของปรากฏการณ์ได้ด้วยแนวคิดอย่างอื่น ๆ การจำลองตัวเองเข้าไปไว้ในปรากฏการณ์ธรรมชาติก็คือการคิดหาเหตุผลเพื่อจะอธิบายการก่อเกิดหรือพยายามที่จะควบคุมธรรมชาตินั้นเอง

เหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตเขาต้องสัมผัสและขึ้นอยู่กับความเมตตาของธรรมชาติอย่างมาก เมื่อใดที่ธรรมชาติโหดร้าย มือมหึมาของธรรมชาติก็ปลิดชีวิตมนุษย์โดยง่าย ทำลายสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นภายในชั่วพริบตาทำให้พวกเขามีความคิดฝันอย่างแรงถึงมนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบ ผู้ไม่เจ็บไม่ไข้ไม่สะท้านสะเทือนต่อปรากฏธรรมชาติมิหนำซ้ำยังสามารถควบคุมธรรมชาติได้อีกด้วย และนั่นก็คือ เทพ

เทพเป็นผู้เผยครรลองแห่งธรรมชาติให้แก่ปวงชน เพื่อที่ชนทั้งหลายจะได้รู้เท่าทันเตรียมตัวรับการสิ่งที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า ครรลองแห่งเทพนั้น หากผู้ใดเข้าถึงได้แล้วไซร้ ผู้นั้นก็ควบคุมธรรมชาติได้และนำเอามาสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษย์

จำเนียรกาลผ่านไป มนุษย์เริ่มสั่งสมเทคโนโลยีมากขึ้น ชีวิตค่อย ๆเปลี่ยนไปจากอยู่ถ้ำมาเป็นเร่ร่อน จากเร่ร่อนมาเป็นเลี้ยงสัตว์ หรือเพาะปลูก สังคมซับซ้อนมากขึ้น กิจกรรมในชีวิตหลากหลายขึ้น ความคาดหวังสำหรับเทพเพื่อให้กิจการของเขานั้นสัมฤทธิผลก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

เมื่อมนุษย์เริ่มเข้าสู่กระบวนการแบ่งงานกันทำในสังคมหนึ่ง ๆ เทพก็ต้องเอื้อต่อรูปแบบสังคมอย่างนั้น ๆด้วยจากเทพแห่งท้องฟ้า เทพมาตาและลูก ๆ ก็เริ่มมีเทพมากขึ้นเพื่ออวยโภชน์ผลให้กับมนุษย์ จากเทพแห่งธรรมชาติก็กลายเป็นเทพแห่งนามธรรม เทพมาตาซึ่งเคยดูแลเรื่องความอุดมสมบูรณ์ให้กับผลผลิตหรือสิ่งที่จะหาได้ในแต่ละวัน กลายมาเป็นเทพคุ้มครองหญิงท้อง และมาเป็นเทพแห่งความรัก และในหลายแห่งก็เป็น เทพแห่งความมั่งคั่งและโชคในการค้าไปด้วย



โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:55:15 น.  

 
อ้าวไมรูปไม่มาตั้งสองรูป
ลองใหม่


Nomkhubulwaneเทพสตรีสูงสุดของอัฟริกันโบราณ




พาชาคาแมคของยุนคา


โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:57:34 น.  

 
ยังมีต่อ
แต่แปะเหนื่อยแล้ววันนี้
ขออำลาไปดู Australian Open ก่อนนะ


โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:15:58:46 น.  

 
สนุกดีครับ ปกติก็ชอบเรื่องตำนานแบบบนี้
แต่สนทาง กรีก โรมันมากกว่า
เพราะชอบ การ์ตูนเรื่อง saint seiya


โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:16:40:50 น.  

 
กรีก โรมันจะเริ่มในตอนหน้าค่ะ


โดย: ดาหาชาดา IP: 58.10.124.105 วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:16:42:57 น.  

 
ย่อง ย่อง ย่อง มาขึ้นเรือ คนในเรือต้องยังไม่รู้ตัวแน่ๆ เลยค่ะ

ป.ล. คิดถึงคุณพี่เด๊ดโพเอ็ท คนที่เคยบอกว่าจะขี่จักรยานให้เราซ้อนท้ายจัง อิอิ




โดย: แครนอู (มรกตนาคสวาท ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:22:40:10 น.  

 
แครนอู มาเยี่ยมอีกแล้ว
ขอบคุณค่ะ


โดย: ดาหาชาดา วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:23:23:46 น.  

 
โพสกันตั้งนานแล้วนะ ไม่อัพเดสบ้างเหรอ อิๆ
ที่เขียนมาอ่านแล้วหนุกดี


โดย: ถามเล่น IP: 203.172.49.164 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:41:56 น.  

 
มีข้อมูลมากกว่านี้ไหม


โดย: เดร์ IP: 202.29.82.21 วันที่: 22 มิถุนายน 2549 เวลา:13:26:58 น.  

 
แหะๆชอบตำนานเทพเจ้าที่แปลกๆ


โดย: คุณสุดหล่อ IP: 203.151.140.118 วันที่: 9 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:50:14 น.  

 
5555


โดย: จจจ IP: 58.8.191.50 วันที่: 27 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:54:39 น.  

 


โดย: mild?????? IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:11:52:57 น.  

 
ผมรักซาร่า AF 3


โดย: 4/6 IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:12:09:24 น.  

 
ผมเชียร์คุณ???????? AF 3


โดย: ร.ร.ราชวินิตเขตดุสิต IP: 202.57.177.208 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:12:13:50 น.  

 
อยากเป็นเทพ


โดย: วิวัฒน์ IP: 61.19.44.67 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:10:34:01 น.  

 


โดย: ballhahaha IP: 61.19.44.67 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:10:48:28 น.  

 
รักวันใหม่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: รักวันใหม่ IP: 61.19.35.130 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:13:27:50 น.  

 
เป็นสิ่ที่มีประโยชน์น้อยมาก


โดย: จิติมา IP: 124.157.177.42 วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:16:56:50 น.  

 
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆเอาอีก


โดย: จอมใจ IP: 125.25.8.28 วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:18:27:50 น.  

 
อยากรู้เกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าเก่าแก่ของ กรีก โรมัน และอียิปโบราณ ถ้ามีข้อมูลกรุณาโพสลงด้วยครับ


โดย: รามเทพ IP: 125.25.3.85 วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:23:02:58 น.  

 
อยากรู้เกี่ยวกับ หนังสือการบูชาเทพเจ้าที่มีคาถา ในเล่มด้วย ใครทราบ
โปรดติดต่อกลับมาที่
kai_brooklyn002@hotmail.com

ขอให้เจริญ


โดย: โนโน้ IP: 222.123.49.175 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:13:06:35 น.  

 
ดีมาก


โดย: ping IP: 203.155.1.252 วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:20:45:12 น.  

 
ร๊ากกกกกกศาสนาคริสที่สูดดดดดด


โดย: เคท IP: 203.154.74.212 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:14:11:06 น.  

 


โดย: ปอน IP: 125.25.91.62 วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:10:17:53 น.  

 


โดย: 111 IP: 222.123.1.75 วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:21:24:57 น.  

 


โดย: l IP: 124.120.103.74 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:15:09:22 น.  

 
โอซิริส เทพเจ้าไอสิส ไอสิส (Isis) เป็นเทพเจ้าของชาวอียิปต์ เป็นชายาของเทพเจ้าโอซิริส (Osiris) เทพเจ้าโอซิริสนั้นเป็นเทพเจ้าที่ต้องมรณะเพราะถูกเทพเซต(seth)พระอนุชา(น้องชาย)ลอบปลงพระชนม์ รูปที่ชาวอียิปต์ทำเกี่ยวกับเทพเจ้าไอสิสคือให้นางกำลังร้องไห้แสดงความคิดถึงและความจงรักภักดีต่อสวามี โดยทรุดกายอยู่หน้าโลงศพของสวามี ในสายตาของคนอียิปต์เทพเจ้าไอสิสเป็นเทพเจ้าที่มีคุณสมบัติของสตรีที่ดีเพียบพร้อม อีกรูปหนึ่งที่ชาวอียิปต์ชอบทำเกี่ยวกับเทพเจ้าโอลิสคือทำเป็นรูปหญิงอุ้มทารก ทารกนั้นคือเทพเจ้าโฮรัส (Horus)ซึ่งเป็นบุตรของโอซิริสกับไอสิส เทพเจ้าเซตตามไล่ล่าโฮรัส ไอสิสจึงต้องอุ้มโฮรัสหนีซอกซอนไป ต่อมานางได้เลี้ยงโฮรัสจนเติบใหญ่ขึ้นไปเป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า และไดฆ่าเซตตายเป็นการแก้แค้นแทนบิดา เทพเจ้าไอสิสเป็นเทพเจ้าที่เคารพนับถือมากทั่วทั้งอียิปต์และนูเบีย มีวิหารอุทิศให้แด่เทพเจ้าไอสิสอยู่ทั่วไปในอียิปต์ ในสมัยที่กรีกเจริญรุ่งเรืองก็รับเอาเทพเจ้าไอสิสไปนับถือ มีการสร้างวิหารใหญ่ของเทพเจ้าไอสิสที่เมืองอเล็กซานเดรีย ในยุคนี้ถือว่าเทพเจ้าไอสิสเป็นเทพคุ้มครองกะลาสีเรือ ชาติกรีกเป็นชาตินักเดินเรือจึงเคารพบูชาเทพเจ้าไอสิส ต่อมาในสมัยจักรวรรดิโรมันได้ครอบครองดินแดนอียิปต์ก็ได้รับเอาเทพเจ้าไอสิสไปบูชาด้วย ชาวโรมันที่นับถือ เทพเจ้าไอสิสนั้นมักจะเป็นผู้หญิงและนับถือว่าไอสิสเป็นเทพมารดา (Mother- Goddess)ผู้เต็มไปด้วยความเอื้ออาทร ความรัก ความห่วงใย สิ่งที่ชาวโรมันนับถือมากในตัวเทพเจ้าไอสิสคือ คุณธรรมของผู้หญิงทุกประการ ที่นางมีตลอดจนการที่นางเป็นอมตะไม่มีวันตาย นอกจากนั้นนางสามารถแบ่งความอมตะให้กับสวามีได้ด้วย โดยนางได้ตามเก็บชิ้นส่วนของโอซิริสมารวมกัน แล้วอ้อนวอนขอวิญญาณของ โอสิริสจากเทพเจ้าทั้งหลายจนนางได้วิญญาณของโอซิริสกลับคืนทุกฤดูใบไม้ผลิ โอซิริสจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไอสิสจึงเป็นสัญลักษณ์ของการคืนชีพ การที่ตายไปแล้วสามารถคืนชีพได้ใหม่ผู้ที่นับถือนางจึงลดเรื่องความกระวนกระวายใจเรื่องชีวิตหลังการตาย ผู้ที่นับถือเทพเจ้าไอสิสจะเน้นเรื่องคุณธรรมของผู้หญิงที่เทพเจ้าไอสิสมีความอ่อนโยน ความรู้จักฟูมฟักทะนุถนอม นอกจากคุณธรรมของผู้หญิงแล้วผู้ที่นับถือเทพเจ้าไอสิสเชื่อว่า นางสามารถแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม โยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในเรื่องชีวิตหลังการตาย


โดย: ชยุต IP: 203.107.205.9 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:20:50:28 น.  

 
ไม่ว่าเทพที่ไหนก็ช่วยปกปักษ์รักษามนุษย์ทั้งนั้น หากมีจิตศรัทธาน่ะ


โดย: จุ๊บแจง IP: 117.47.46.211 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:19:49:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาหาชาดา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาหาชาดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.