|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คุณสมบัติของการเรียน PhD
วันก่อนไปเจอกระทู้ประมาณนี้ในห้องไกลบ้าน
ก็เลยมาลองนั่งนึก ๆ ดู ว่าคนที่จะเรียน PhD ได้ จะต้องมีคุณสมบัติประมาณไหนบ้าง วะฮะฮ่ะ
เค้าว่ากันว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเรียนปริญญาเอกได้ เราว่ามันก็ไม่จริงไปซะทีเดียวอ่ะ
เราคิดว่า ถ้ามีความอดทนมากพอ ทุกคนสามารถเรียนได้ค่ะ
มันไม่ต้องใช้ความเก่งระดับอัจฉริยะ (ข้ามคืน?) อะไรหรอก
ใช้ใจ และความถึกล้วน ๆ T^T
..เรียน PhD แต่ละที่ไม่เหมือนกันค่ะ..
หลายครั้งที่เราอ่านกระทู้ต่าง ๆ ในพันทิป แล้วมีคนมาพยายามอธิบายวิธีการเรียน PhD เหมือนมันเป็นกฏที่ตายตัว (ยกตัวอย่างกรณีนาวิน ต้าร์ จบหรือไม่จบ ตอนโน้นนนนนน เป็นต้น)
จริง ๆ แล้ว แต่ละสาขาวิชา แต่ละมหาลัย มันไม่เหมือนกันเลย มันไม่มีกฏตายตัวขนาดนั้นง่ะ
ยกตัวอย่างที่ที่เราเรียน เรียน PhD หมายถึงเรียนวิชาต่าง ๆ ประมาณ 12 วิชา ไม่ได้กำหนดว่าคุณต้องเรียนเมื่อไหร่ ตอนไหน แต่ให้ก่อนจบ คุณเรียนให้ครบก็พอ
ผ่านไป 1 ปี ต้องสอบ qualification เป็นการ presentation เรื่องรีเสิชล้วน ๆ ค่ะ ที่นี่ไม่มีสอบข้อเขียนเลย (ซึ่งถือว่าช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้มาก :/)
จากนั้นก็ไม่มีอะไรแระ ทำรีเสิช เรียน ๆ ๆ ทำรีเสิช ๆ ๆ สนุกสนานกันไป เฮือกกกกกกกกกก
มาเข้าเรื่องคุณสมบัติกันดีกว่า แหะๆ
อย่างแรกเลย เราว่าต้องมีใจที่พร้อมอ่ะค่ะ ต้องอดทน และทนอด!!!
จริง ๆ ก็เวอร์ไปนะ แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าเงินเดือนเด็ก grad มันไม่ได้มากเลย ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากกกกกกก -- อันนี้กรณีได้ทุนเรียนนะคะ ถ้าไม่ได้ทุน ไม่แนะนำให้เรียน (อันนี้สำคัญมาก!!!)
เรียน ๆ ไป มันก็มีบางแว๊บนะ ที่มองดูคนอื่นเค้า มีงานทำ มีเงินเก็บ แล้วเราก็แอบท้อบ้างเหมือนกัน เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า เรียนจบไปแล้ว จะมีอะไร (ดีๆ?) เกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้าง
เรื่องใจ อีกอย่างนึงก็คือเรื่องทำรีเสิชนี่และ
ต้องมีใจสู้พอสมควรอ่ะค่ะ ไม่ท้อถอยกะอะไรง่าย ๆ ทำอะไรไปแล้วมันไม่เวิร์ค ก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้สำเร็จให้ได้
อ้อ ต้องไม่ขี้เบื่อด้วย เพราะบางทีอาจจะต้องทำงานเดิมซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่เป็นปี ๆ (อย่างที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ T^T)
อย่างนึงที่เรารู้สึกจากการทำรีเสิชก็คือ ใจเราจะไม่ได้พักเลยอ่ะค่ะ จะไม่มีวันหยุดพัก
ที่บ้านเคยถามบ่อย ๆ ว่าทำงานเสร็จยัง ก็ไม่รู้จะตอบงัยอ่ะ เพราะมันไม่มีวันเสร็จ งานจะเสร็จก็เมื่อเรียนจบโน่นนนน เอริ๊กกกกกกกกก
ระหว่างเรียน เราก็จะมีวันหยุดบ้างแหละค่ะ แต่ใจเราก็จะรู้อยู่ตลอดเวลา ว่าเรามีอะไรบางอย่างที่ยังไม่เสร็จ ที่ยังต้องทำ ที่ยังต้องคิด
มันไม่มีวันที่ใจจะสงบอ่ะ (น่ากลัวไปมั๊ย 55555)
เรื่องความกดดัน อันนี้ก็แล้วแต่กรณี ๆ ไปอ่ะค่ะ ความกดดันจากแอ๊ดไวเซอร์น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด ถ้าได้แอ๊ดไวเซอร์ดี ก็ดีไปเลย ซึ่งตรงนี้เราถือว่าเราโชคดีมากกกกกกกกกกกก :)
สุดท้าย เรื่องเรียน แทบจะไม่สำคัญเลย เพราะ ณ จุด ๆ นี้ คุณจะจบ PhD ด้วยเกรดเท่าไหร่ ก็แทบจะไม่มีใครสนใจแล้ว เอาแค่รักษาเกรดให้ได้ตามที่เค้ากำหนดก็พอแร้นแหละ อย่าเยอะ 55555555
หลัก ๆ ก็แค่นี้แหละเนอะ
การเรียน PhD มันเป็นเรื่องของจิตใจอย่างเดียวเลยจริง ๆ ถ้ามั่นใจว่าเข้มแข็งพอ ก็เรียนโลดดด อย่าได้กลัว :)
เราคิดเสมอนะคะ ว่าการศึกษา คือการลงทุน ไม่ด้วยเงิน ก็ด้วยกำลังแรง ถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนที่เราพอใจ เราก็ต้องลงทุนไปกะมัน....เนอะ
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ ;)
Create Date : 02 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2554 13:43:39 น. |
|
5 comments
|
Counter : 914 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ดวงลดา วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:13:53:47 น. |
|
|
|
โดย: wendyandbas วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:14:02:38 น. |
|
|
|
โดย: จากดอกหญ้า IP: 71.203.19.77 วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:4:54:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|
กินเลือดแวมไพร์เข้าไปแล้วจะเปลี่ยนร่างจากคนเป็นแวมไพร์นี่ ช่างทรมาน ดิ้นแด่วๆๆๆ
เปลี่ยนร่างได้แล้ว live (with your pain) forever ค่ะ เพราะเป็นด็อกแล้ว เวลาโง่จะโดนด่าสองเท่า