Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
หลังประตูบานนั้น

เขาขลุกตัวอยู่ในห้องแคบที่ถูกปลูกสร้างอย่างง่ายไร้แบบแปลนริมคลองน้ำครำส่งกลิ่น เขานอนเหยียดตัวอยู่บนที่นอนใยสังเคราะห์กลิ่นอับราคาถูก ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างเพ่งมองเพดานปูนปูดกร่อน ใกล้ๆกันนั้นมีแมงมุมหนึ่งตัวเคื่อนไหวชักใยสีหม่นกระพืบไหว เขาแลเห็นมันได้แม้เป็นปลายทางของแสงเทียนอันริบหรี่ สลับกันมีเสียงจิ้งจกร้องทักทายดั่งเป็นกำลังใจให้แก่เขา แม้คืนนี้ยังคงไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า ทว่าสรรพชีวิตรอบกายยังดำรงตนอยู่ได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งต่างจากเขาในตอนนี้ยิ่งนัก
เขายังครุ่นคิดด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ไร้วี่แววความหวัง เขาอดนึกถึงไม่ได้ ความไม่เสมอภาคทางการศึกษา การดูถูกภูมิปัญญาของผู้ซึ่งน้อยประสบการณ์ มันเป็นอีกครั้งหนึ่งในหลายๆครั้ง ที่ไม่ค่อยแตกต่างจากวันก่อนๆสักเท่าใด ทุกคราวที่ไปแสดงตัวสมัครงาน เขามักถูกปฏิเสธอย่างไม่เป็นธรรมเสมอ ทุกครั้งก่อนก้าวเท้าออกจากห้อง เขาไม่เคยลืมยกมือพนมขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสักการะต่อหลวงพ่ออันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา และพร่ำภาวนาขอพรเพื่อให้ท่านประทานความโชคดีให้บังเกิดแก่ตัวเขาเสียที “โปรดให้เขารับลูกช้างเข้าทำงานด้วยเถิด สาธุ!” แต่คำๆ นี้ ก็ยังไม่เคยสัมฤทธิ์ผลเลยสักครั้ง



++++++++++

“ก๊อกๆๆ”
“เชิญครับ…เชิญนั่ง” เขาได้รับเชื้อเชิญ
“ขอบคุณครับ” เขากล่าวตอบกลับรับคำเชิญก่อนเลื่อนเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะพอได้ระยะ และนั่งลงอย่างเกร็งๆ เขาขยับตัวเหยียดหลังตั้งตรงให้ดูมาดมั่นเป็นสง่า ตอนนี้เขามีโอกาสใกล้เคียง กับการจะได้งานทำอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“คุณมีประสบการณ์ในงานด้านนี้แค่ไหน” หนึ่งข้อสำคัญของประโยคคำถามก็มาถึง ผู้ทำการสัมภาษณ์หนึ่งในสองท่านยิงคำถามแทงใจดำคนยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอย่างเขาเข้าอย่างจัง เขารู้ตัวเองดีว่าต้องเจอคำถามตัดสิทธิ์ลักษณะเช่นนี้แน่นอน แต่คงทำได้ดีที่สุดเพียงตอบไปตามความเป็นจริง
“ผมยังไม่เคยผ่านงานหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารฉบับใดมาก่อนเลยครับ หากที่นี่ให้โอกาสผมก็คงเป็นฉบับแรกและอาจเป็นฉบับเดียวในชีวิตการทำงานของผม” เขาตอบจากความรู้สึกเบื้องลึกภายในอย่างฉะฉาน แววตามุ่งมั่นของเขา จ้องจับไปยังผู้ป้อนคำถามเหมือนสื่อเป็นความนัยว่า ขอให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง
เจ้าหน้าที่ผู้ทำการสัมภาษณ์หันหน้าสบสายตาเชิงปรึกษากัน อาการของบุคคลทั้งสองพอสื่อความหมายได้ว่า มีความพึงพอใจกับคำตอบของเขาในข้อนี้ เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งที่ดูอาวุโสกว่าที่นั่งสังเกตุการณ์อยู่ข้างๆ และไม่ได้ซักถามใดๆต่อเขาได้ยื่นมือหยิบใบสมัครจากคนที่อาวุโสน้อยกว่าที่ป้อนคำถามก่อนหน้ามาตลอด คนอาวุโสกว่าที่ดูท่าทางสุขุมนั่งพลิกดูประวัติของเขาที่กรอกไว้ในใบสมัครงานไปมา คนทั้งสองเอียงตัวปรึกษากันอีกครั้งด้วยวาจาเบาๆ
“คนนี้ใช่เด็ก บ.ก.ใหญ่ฝากไว้หรือเปล่า” คนที่สุขุมกว่ากระซิบ
“ยังไม่ใช่ครับ ต้องคนต่อไป” ผู้อาวุโสน้อยกว่ารายงาน

“เรียกเขาเข้ามาเลยได้มั๊ย ผมมีเวลาน้อยนะ”



++++++++++

“ก๊อกๆๆ”
“ก๊อกๆๆ… ชัยยุทธ ชัยยุทธ”
“ตายุทธ อยู่หรือเปล่าจ๊ะ” เจ้าของห้องเช่านามเจ๊นงเยาว์ ยืนร้องเรียกไม่ลดละ ใบแจ้งหนี้ใบสุดท้ายของวันนี้เป็นของผู้เช่านามว่า ชัยยุทธ นางเดินมาหยุดที่หน้าห้องพัก แล้วยืนเคาะประตูห้องร้องโหวกเหวกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอาการหงุดหงิด
ชัยยุทธได้ยินตั้งแต่เสียงเคาะประตูแรก แต่เขาลังเลใจอยู่ว่าจะขานรับเสียงเรียก หรือ จะแสร้งนิ่งเงียบเสียเป็นว่าไม่อยู่ที่ห้องดี วันนี้เขาไม่อยากจะพบหน้ากับเจ๊นงเยาว์เท่าใดนัก เขารู้ตัวดีว่าได้ค้างค่าเช่าห้องมาสองเดือนติดต่อกันแล้ว เผลอแป๊บเดียวค่าเช่าเดือนใหม่ก็เดินมาชนกันเป็นเดือนที่สาม มาถึงวันนี้แล้วเขาก็ยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเช่าที่ยังค้างไว้ได้อยู่ดี เพราะยังไม่มีบริษัทใดรับเขาเข้าทำงานเลยสักที ครั้นจะไปกู้ยืมจากเพื่อนฝูง เขาคงไม่บากหน้าไปหาอีก เพราะได้ยืมมามากพอแล้วก่อนหน้านี้ อีกทั้งของเก่าที่เคยหยิบยืมกันมาก็ยังไม่มีปัญญาหามาใช้คืนเจ้าหนี้ได้เลย
“อยู่...ครับ อยู่ครับ... แป๊บนึงนะครับเจ๊” เสียงเขาอึกอักกับคำขานรับผู้ร้องเรียกด้านนอก พร้อมเปิดประตูห้องออกมาเผชิญกับความจริง เขายื่นมือรับใบแจ้งหนี้แล้วเพ่งมองตัวเลขบบรทัดสุดท้ายในใบแจ้งหนี้ที่ต้องชำระ ซึ่งมียอดเป็นเงินทั้งหมดเฉียดหมื่นบาท
“โอ้โฮ! ทำไมมันเยอะขนาดนี้ครับ” เขาอุทาน ตกตะลึงกับยอดหนี้ที่ต้องชำระ
“เธอไม่ต้องสงสัย เดี๋ยวเจ๊จาระไนให้ฟัง” เจ๊นงเยาว์ ดึงบิลในมือเขากลับคืนมาและอธิบายความยืดยาว
“แต่…ผมขอ…”
“ไม่มีตงไม่มีแต่ทั้งนั้น ฉันตัดไฟห้องเธอไปแล้วเมื่อเดือนก่อน จะให้ฉันตัดน้ำด้วยเลยดีมั๊ยสำหรับในเดือนนี้ ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะอยู่ได้ยังไง แต่ไม่ดีกว่า ถ้าเธอไม่หาเงินทั้งหมดมาจ่ายภายในวันพรุ่งนี้ ก็เชิญขนของออกไปได้เลย ฉันเบื่อที่จะทวงเธอแล้ว” เจ๊หน้าเลือดพูดปฏิเสธยับยั้งคำอุทธรณ์จากชัยยุทธขึ้นทันควัน ก่อนจะยื่นคำขาดแล้วเชิดหน้าพาร่างโย้เดินอาดๆกลับไปที่รถเก๋งยุโรปคันงามแล้วขับออกไปอย่างเสียอารมณ์
ชัยยุทธกลับเข้าห้องล้มตัวลงนอนแผ่หราสิ้นท่าหมดหนทาง มือของเขายกขึ้นมาก่ายหน้าผากโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ เขาพักอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มานานเกือบห้าปีแล้ว จะเรียกว่าอยู่ตั้งแต่เริ่มมาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ แต่ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้รับน้ำใจไมตรีที่ดีจากเจ้าของห้องเช่ารายนี้ เวลานี้ เงิน เหมือนจะเป็นปัญญาสำคัญที่สุดในการดำรงชีพของเขา แหล่งเงินที่เคยได้รับจากพ่อและแม่เดือนละสามพันบาท เขาไม่ได้รับมาหลายเดือนแล้วเพราะผลผลิตของสวนส้มเจอปัญหาน้ำท่วมเมื่อปีกลายทำให้ ไร่นาสวนส้มและบ้านที่พักอาศัยเสียหายไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาเองก็แสนละอายใจที่ร่ำเรียนจบมายังไม่มีโอกาสทดแทนบุญคุณของบุพการีไม่ได้ ลำพังแค่เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดในเมืองใหญ่มันก็ยากเย็นแสนเข็ญเกินกว่าเขาจะรับมือไหว
เขากวาดสายตาไปทั่วห้อง เพื่อมองหาสมบัติอันพอจะมีค่าแต่ละชิ้นที่เขามีครอบครองอยู่และคิดหาทางออกต่างๆนานา เขายังเห็นใบปริญญาบัตรที่สุดภาคภูมิใจแขวนอยู่ที่ฝาผนังสีถลอก เดิมทีปริญญาบัตรเคยตั้งอยู่หลังโทรทัศน์สีเครื่องย่อมขนาด 14 นิ้ว แต่ตอนนี้โทรทัศน์เครื่องนั้นได้ถูกรับเชิญให้เข้าไปอยู่ในโรงรับจำนำหลายเดือนแล้ว พัดลมแก่ขี้เกียจหมุน ก็คงเอาไปขายไม่ได้ราคา เครื่องเล่นเทปที่ฟังได้เฉพาะวิทยุ โรงจำนำคงไม่รับไว้ให้รกพื้นที่แน่ๆ หม้อหุงข้าวที่แม่ซื้อให้มันเคยหุงข้าวได้พร้อมกับการต้มไข่ให้สุกไปพร้อมกัน หากเอาไปขายก็คงได้เงินมากินข้าวเพียงไม่กี่มื้อ



++++++++++

“ก๊อกๆๆ”

“ใครวะ!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างในห้อง ร้องถามอย่างตื่นตระหนกเพราะร่างกายของเขานอนคู่อยู่เคียงข้างกับหญิงสาวที่ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนเดียวบนเตียงนอน
“กูเอง กูมีเรื่องรบกวน” ผู้มาเยือนแสดงตัวตอบคำถามทัก
“อ๋อ! ไอ้ยุทธเองเหรอ รอแป๊บนึงนะไอ้เพื่อนรัก” เจ้าของห้องตอบกลับ พร้อมขอเวลาเพื่อจัดแจงตัวเอง
“เอ้า ทีนี้มีอะไรว่ามา” เมื่อเปิดประตูพบหน้าเพื่อนเก่า เพื่อนของเขาก็ยิงคำถามตรงประเด็น
“เบิ้ม กูไม่มีทางเลือกแล้วว่ะ กูพร้อมจะมาทำงานแบบมึงที่เคยชวนกูไว้” เขาสารภาพและบอกเล่าถึงความจำเป็นที่ต้องใช้เงินให้เพื่อนได้ฟัง จนเพื่อนผู้เดินอยู่ในเส้นทางมืดสายนี้เข้าใจและตอบรับพร้อมให้ความช่วยเหลือ
“มึงแน่ใจแล้วนะ” เพื่อนยังย้ำถามความสมัครใจอีกครั้ง หลังจากรับรู้ความต้องการจริงๆของเขา
“เมื่อก่อนกูเห็นมึงรังเกียจอาชีพพวกกูฉิบหาย” เพื่อนยังเหน็บแนมเล็กๆ
“กูแน่ใจ กูจะขอทำแค่ช่วงสั้นๆเพื่อให้ได้เงินสักก้อนไปใช้หนี้และส่งไปช่วยพ่อแม่ที่บ้านด้วย” เขายืนยันและให้เหตุผลสำคัญในการมาของานทำ เพื่อให้เพื่อนได้เข้าใจและเต็มใจที่จะสนับสนุนช่วยเหลือ
“ถ้ามึงยืนยันกูก็จะช่วย เดี๋ยวกูจะเอารูปมึงให้เจ้านายกูดูก่อน แล้วจะลองคุยให้ ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวกูไปบอก”

ชัยยุทธ คงต้องยอมรับสภาพแล้วว่าตนเองหมดหนทางอันสดใสให้ก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่ควรเป็น เขาพาตัวเข้าสู่อาชีพที่เขาเคยปฏิเสธมาตลอดตามคำเพื่อนที่เคยชักจูงไว้เมื่อครั้งเรียนจบใหม่ๆ
ตึกแถวหลายคูหาตกแต่งงดงามเรียงรายใจกลางกรุง ด้านนอกมีป้ายบอกร้านรวงด้วยแสงไฟนำทางสว่างไสว ภายในถูกตกแต่งสุดสวยด้วยไฟแสงสลัวหลากสีสัน น้ำหอมฝรั่งเศสหลากยี่ห้อตลบอบอวลอวดกลิ่นกันคละคลุ้ง ควันบุหรี่สีหมอกล่องลอยฟุ้งไม่ขาดสาย ค่ำคืนในสถานราตรีไร้ความทรงจำแห่งนี้ ได้อ้าแขนต้อนรับชัยยุทธเข้าสู่สังคมคนไฟกลางคืนเอาไว้แล้ว
“นี่ น้องใหม่ชัยยุทธ ใช่มั๊ยจ๊ะ”
“ครับ...”
“คืนนี้สงสัยต้องประเดิมงานแรกไปนอกสถานที่นะ” เจ๊ใหญ่ที่ทุกคนต่างเรียกเจ๊ๆ ผู้ที่คอยดูแลจัดการคิวของหนุ่มๆในร้านให้แขกที่เป็นเมมเบอร์ หล่อนเดินมาทักทายเขาที่นั่งตัวเย็นเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของพวกรุ่นพี่ๆเพื่อคอยศึกษาและเพื่อเลียนแบบพฤติกรรม
“ทำไมผมต้องไปข้างนอกครับ” ชัยยุทธประหลาดใจที่เขาได้ประเดิมงานชิ้นแรกของคืนนี้นอกสถานที่
“อ๋อ มีลูกค้าวีไอพี โทรมาขอหนุ่มหน้าใหม่สเป็กตรงกับเธอนี่แหละให้ไปหาที่โรงแรมแถวสุขุมวิทจ๊ะ เดี๋ยวพี่จดรายละเอียดให้นะ” เจ๊ใหญ่แจกแจงและมอบหมายงาน
“แล้วผมไปยังไงครับ” เขารู้สึกไม่มั่นใจเอ่ยถามอย่างใจฝ่อ
“ก็นั่งแท็กซี่สิจ๊ะดาร์ลิ้ง ส่วนค่าตัวมารับคืนพรุ่งนี้นะ แล้วถ้าลูกค้าถูกใจให้เงินพิเศษก็เก็บไว้ใช้ส่วนตัวได้จ้ะ เอานี่ชื่อโรงแรมกับเลขที่ห้อง” เจ๊ใหญ่บัญชาการพร้อมยัดเศษกระดาษกับเงินอีกสองร้อยบาทเป็นค่าเดินทางใส่มือเขา
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน อ้อ…แล้วอย่าลืม ทำตามที่ลูกค้าต้องการเสมอนะจ๊ะ” หล่อนสั่งการพร้อมกำชับเด็กใหม่
“ครับ...” เขารับคำด้วยสีหน้าและแววตากังวล



++++++++++

“ก๊อกๆๆๆ”

เมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องตามเลขหมายที่ถูกจดไว้ในแผ่นกระดาษใบยับ ชัยุทธ เดินวนไปมาอยู่นานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเบาๆสี่ครั้งส่งรหัสการขอเข้าห้อง

เขาพยายามควบคุมร่างกายให้ยืนนิ่งๆ ก้มมองพื้นพรมแดงฉาน เพื่อรอการต้อนรับจากผู้ที่อยู่ข้างใน หัวใจเต้นระรัวถี่แรง เวลาแห่งการรอคอยคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ เขากำลังจะได้พบหน้าลูกค้าผู้มีอุปการะคุณคนสำคัญแล้ว

สุภาพสตรีอารมณ์เหงานั่งจิบไวน์องุ่นบ่มนานชั้นเลิศรส เธอคอยท่าการมาของเด็กหนุ่มอยู่ท่ามกลางบรรยากาศจัดฉากด้วยดอกไม้สีสวยสดและแสงเทียนสลัวอำพรางให้ดูงาม เธอประดับเรือนร่างด้วยอาภรณ์พร้อมต้อนรับในชุดนอนสีดำบางพริ้ว หัวใจเธอชื้นพองโตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูสี่ครั้งดังขึ้นและเงียบลง เธอทำทีจัดแจงตัวเองให้ดูน่ายล จัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเยื้องกายไปเปิดประตูต้อนรับสิ่งที่ปรารถนาอยู่อาจิณ
ชัยยุทธขืนความรู้สึกให้สงบเสงี่ยมเยี่ยงสุภาพบุรุษ มือและเท้าของเขาเย็นชาไปทั่วสรรพรางกาย หัวใจยังคงเต้นแรงอย่างไม่ลดละ เมื่อลูกบิดประตูเริ่มถูกหมุนจากสัมผัสของบุคคลด้านใน ชัยยุทธแลเห็นมันหมุนก๊อกแก็กเขายิ่งนึกหวาดหวั่นพรั่นใจ บานประตูค่อยถูกดึงเคลื่อนเข้าด้านในทีละน้อยๆ จนแง้มบานออกได้แค่เพียงคืบ ชัยยุทธก็ตัดสินใจเฉียบพลัน วิ่งหายวับไปทางบันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต



++++++++++

“ก๊อกๆๆ”
เสียงประตูถูกเคาะในเช้าวันรุ่งขึ้นที่หน้าห้องเช่าอันเงียบเหงา ชัยยุทธสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย เขาเพิ่งนอนหลับก่อนหน้ารุ่งสางได้ไม่นานนัก เพราะเมื่อคืนเขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดเก็บสิ่งของและเสื้อผ้าลงกล่อง อันเป็นทางออกสุดท้ายให้กับตัวเอง
“รอเดี๋ยวๆ” เขาตะโกนบอกคนข้างนอกพร้อมขยี้เปลือกตาสองสามทีให้ดวงตาเปิดกว้าง เขาเดินไปเปิดประตูโดยคาดเดาเอาว่าผู้มาหาคงเป็นใครไปเสียไม่ได้ถ้าไม่ใช่ไอ้เบิ้มเพื่อนของเขา มันคงจะตามมาต่อว่าต่อขานเรื่องเมื่อคืนที่ปล่อยให้ลูกค้าระดับพิเศษอารมณ์ค้างเสียความรู้สึก
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ ชัยยุทธ” เจ๊นงเยาว์กล่าวคำอย่างยิ้มแย้มทักทายเมื่อประตูห้องของชัยยุทธแง้มออก
“เอ่อๆๆ ผมยังไม่มีเงินเลยครับ ผมกะว่าจะขนของกลับต่างจังหวัดวันนี้พอดีครับ” เขาอึกอักแต่ก็รู้สึกประหลาดใจที่เขาคาดการณ์ผิดไปถนัด เขารีบออกตัวเรื่องค่าเช่าห้องทันทีเพราะรู้ตัวว่าเจ๊นงเยาว์แกคงมาทวงค่าเช่าพร้อมกับมาเชิญให้เขาย้ายออกไปอย่างเป็นแน่

“ฉันไม่ได้มาทวงค่าเช่าหรอกตายุทธ คือฉันมีเรื่องมารบกวนอยากให้เธอช่วย” เจ๊นงเยาว์ บอกเล่าเจตนารมณ์ ของการมาพบนางได้พูดคุยกับเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวและเป็นทางการกว่าทุกครั้งที่เคยพบกัน นางบอกกับเขาว่าอยากให้เขามาช่วยดูแลจัดการเรื่องเก็บค่าเช่าห้องพักต่างๆให้สักระยะหนึ่ง ด้วยเพราะช่วงนี้นางอาจจะไปทำบุญและปฏิบัติธรรมที่วัดในต่างจังหวัดบ่อยครั้งขึ้น พร้อมกันนี้นางยังหยิบยื่นโอกาสอันดีและถือเป็นไมตรีครั้งแรกในรอบห้าปีที่เขาจะได้รับจากผู้ให้เช่า
หลังจากการเจรจาเรื่องงานจบลงเป็นที่ตกลงด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย เจ๊นงเยาว์ล้วงหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าใบหรูของนางแล้วยื่นให้กับชัยยุทธ
“นี่เจ๊เอามาให้” เจ๊นงเยาว์ยื่นของสิ่งนั้นให้เขา

“เอ่อๆ...ขอบคุณนะครับ” เมื่อเห็นว่าเป็นกระเป๋าสตางค์ ชัยยุทธถึงกับงุนงงด้วยความประหลาดใจ เขายกมือไหว้ขอบคุณพร้อมรับกระเป๋าสตางค์ใบนั้นคืนมา โดยไม่ได้แสดงทีท่าว่าดีใจที่ได้รับของสำคัญกลับคืน

เจ๊นงเยาว์ หันหลังให้เขารีบเดินดุ่มกลับไปที่รถของนางทันที ส่วนชัยยุทธเองยังคงยืนงงงวยกับน้ำใจหลายหลากที่ได้รับจากเจ๊นงเยาว์ในเช้าวันนี้

ยังมีคำถามหนึ่งที่เคลือบแคลงใจของชัยยุทธ แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามต่อเจ๊นงเยาว์ออกไปหรอกว่า เจ๊นงเยาว์เก็บกระเป๋าสตางค์ของเขามาจากที่ใด? ตอนนี้เขานึกคำตอบนั้นออกแล้ว มันคงหล่นหายในขณะที่เขากำลังวิ่งหลบหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมาตรงบริเวณด้านหน้าของประตูบานนั้น./




Create Date : 29 กันยายน 2548
Last Update : 8 มิถุนายน 2549 17:49:58 น. 0 comments
Counter : 363 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชลสิทธิ์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ชลสิทธิ์" และ "ชลสิทธิ์ วรสินธุ์"
เป็นนามปากกาในการเขียนของ"อนิรุจน์ มั่งคั่ง"
งานเขียนงานประพันธ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นทุกประเภท
ที่ปรากฏในเวบไซด์นี้ได้รับความคุ้มครองสิทธิ์
ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537(มาตรา15)




หากโลกไม่หยุดหมุน ...ฤาคุณจะหยุดฝัน? หยุดฝันก็ไปไม่ถึง
New Comments
Friends' blogs
[Add ชลสิทธิ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.