บราซิล ถือเป็นหนึ่งทีมที่ทำผลงานน่าผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2018 เมื่อพวกเขาถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ของรายการ แต่กลับจอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น จากการพ่ายแพ้ต่อ เบลเยียม ด้วยสกอร์ 1-2 ในทัวร์นาเมนต์ที่รัสเซีย
นั่นทำให้ บราซิล ตกรอบน็อกเอาต์ ฟุตบอลโลก 4 ครั้งติดต่อกัน 2018 - แพ้ เบลเยียม 1-2 (รอบก่อนรองชนะเลิศ), 2014 - แพ้ เยอรมนี 1-7 (รอบรองชนะเลิศ), 2010 - แพ้ ฮอลแลนด์ 1-2 (รอบก่อนรองชนะเลิศ) และ 2006 - แพ้ ฝรั่งเศส 0-1 (รอบก่อนรองชนะเลิศ) หลังจากครองแชมป์โลกในปี 2002
ไม่เพียงแค่ในเรื่องฟอร์มการเล่นเท่านั้นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่พฤติกรรมของ เนย์มาร์ ที่ถูกยกให้เป็นซูเปอร์สตาร์ของทีม ก็โดนจวกไม่น้อยเมื่อเขาพยายามสำออยแกล้งเจ็บดีดดิ้นเกินเหตุทุกครั้งที่โดนทำฟาวล์ จนถูกนำไปล้อเลียนกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วโลกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตีเต้ เทรนเนอร์ทีมชาติบราซิล ก็ยังคงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้อยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป เมื่อสหพันธ์ลูกหนังแซมบ้าประกาศชัดเจนว่ามีการต่อสัญญาคุมทีมยาวออกไปจนถึงศึกเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์แล้ว
โรเจริโอ กาบ็อคโล่ ประธานบริหาร ซีบีเอฟ เผยว่า "ซีบีเอฟ กำลังลงทุนในโปรเจกต์ระยะยาวด้วยการรับประกันว่าทีมงานด้านเทคนิคจะได้ทำทีมชาติเป็นระยะเวลา 6 ปีครึ่ง (หมายถึงนับตั้งแต่ที่ ตีเต้ เข้ามาคุมทีม ไปจนถึงศึก ฟุตบอลโลก 2022) เราเชื่อว่าการวางแผนอย่างรอบคอบ และการลงมือทำอย่างสุขุมจะทำให้วงการฟุตบอลบราซิลได้ผลลัพธ์ตามที่เราคาดหวังไว้"
ขณะที่ ตีเต้ กล่าวว่า "ประสบการณ์ในการคุมทีมช่วงแรกมันทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งมันจะถูกสะท้อนให้เห็นในขั้นต่อไป ในมุมมองของผมนั้น ซีบีเอฟ ได้มอบเงื่อนไขให้เราว่าต้องสร้างบรรยากาศของความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ ซึ่งเราจะทำอย่างนั้นต่อไป มันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ และเราก็รู้สึกดีใจที่ได้เผชิญหน้ากับความท้าทายนั้น เราจะให้ความสำคัญกับเกมและทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่รออยู่"
แม้จะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารสมาคม แต่แน่นอนว่า ตีเต้ ต้องรีบกอบกู้ศรัทธากลับมาจากเหล่าแฟนบอลให้ได้โดยเร็วที่สุด และโอกาสแรกของเขาก็มาถึงเมื่อขุนพล "เซเลเซา" มีโปแกรมอุ่นเครื่องกับ สหรัฐฯ และ เอล ซัลวาดอร์ ในช่วงเดือนกันยายนนี้ และได้มีการประกาศรายชื่อนักเตะออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนย์มาร์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 2 ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ ยังคงมีชื่ออยู่ในทีมชุดล่าสุดนี้ ขณะที่ อันเดรียส เปเรยร่า ดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในกลุ่มหน้าใหม่ หลังมีการแบโผออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในจำนวนนี้มีนักเตะ 13 คนจากชุดสู้ศึกเวิลด์ คัพ แดนหมีขาว ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในเดือนหน้า ซึ่งรวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ จาก ลิเวอร์พูล, กาเซมิโร่ จาก เรอัล มาดริด และ วิลเลียน ของ เชลซี
บราซิล มีคิวฟาดแข้งกับ สหรัฐฯ ที่นิวเจอร์ซีย์ วันที่ 7 กันยายน ก่อนเจอกับ เอล ซัลวาดอร์ ที่วอชิงตัน ในอีก 4 วันถัดมา โดย เปเรยร่า ถูกเรียกตัวเป็นครั้งแรก หลังจากแหล่งข่าวออกมาเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยียม สนใจที่จะดึงตัวดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเล่นให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เช่นกัน
เปเรยร่า เป็น 1 ใน 2 แข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ร่วมกับ เฟร็ด ที่ถูก "เซเลเซา" เรียกตัว แต่ทว่าไม่มีชื่อของดาวเตะจากเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในทีมชุดนี้เลย เมื่อทั้ง แฟร์นานดินโญ่ และ กาเบรียล เชซุส ต่างถูกเมิน
นอกจากนี้ยังมีบรรดาผู้เล่นคนอื่นๆ อีกที่เป็นขาประจำ แต่กลับไม่มีชื่ออยู่ในทีมแซมบ้าชุดล่าสุดนี้ ได้แก่ มาร์เซโล่ แบ็กซ้าย เรอัล มาดริด, ชูเอา มิรันด้า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อินเตอร์ มิลาน และ เปาลินโญ่ มิดฟิลด์ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้
ขณะเดียวกันก็ไม่มีที่ว่างให้กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวรุ่งค่าตัวแพงของ เรอัล มาดริด ที่ลุ้นติดทีมชาติเป็นครั้งแรก หลังย้ายจาก ฟลาเมงโก้ สโมสรในบ้านเกิด มาผจญภัยในยุโรปในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย ผิดกับในรายของ อาร์ตูร์ ดาวรุ่งจาก บาร์เซโลน่า ที่ถูกเรียกตัว หลังจากโชว์ฟอร์มน่าประทับใจกับ "เจ้าบุญทุ่ม" ในช่วงเริ่มต้นซีซั่น
ลูคัส ปาเกต้า มิดฟิลด์ดาวรุ่ง ฟลาเมงโก้ ได้รับการเรียกตัวเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับ เปโดร หัวหอกวัย 21 ปีของ ฟลูมิเนนเซ่, เอแวร์ตอน ปีกซ้ายวัย 22 ปีของ เกรมิโอ และ เฟลิป้ เซ็นเตอร์ฮาลฟจาก เอฟซี ปอร์โต้
ตีเต้ เลือกที่จะเมินนักเตะรุ่นใหญ่หลายรายเพื่อเปิดโอกาสให้กับพวกดาวรุ่งได้โชว์ความสามารถของตัวเองเมื่อลงเล่นในเกมระดับสูงสุด ซึ่งเขาเผยว่า "นี่คือเวลาของ เปโดร เพราะเขากำลังเล่นได้ดี ปาเกต้า คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ ฟลาเมงโก้ และ เอแวร์ตอน ก็คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทีมเขา"
เอแดร์ซอน นายทวาร แมนฯ ซิตี้ ไม่มีชื่อในทีมชุดนี้ เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว และ อูโก้ โกลสำรองจาก ฟลาเมงโก้ ก็ถูกเรียกตัวเข้ามาแทน เนื่องจาก ตีเต้ ต้องการให้บรรดาผู้เล่นอายุน้อยได้รับประสบการณ์ภายในทีม
บราซิล จะเล่นเกมอุ่นเครื่องนัดอื่นๆ อีกก่อนสิ้นปีนี้ และกว่าที่พวกเขาจะเล่นแมตช์อย่างเป็นทางการก็ต้องรอไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2019 เลยทีเดียว เมื่อ "แซมบ้า" รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกโคปา อเมริกา ซึ่งถึงตอนนั้นแน่นอนว่าพวกเขามีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือต้องเป็นแชมป์เท่านั้น!
รายชื่อทีมชาติบราซิล ชุดอุ่นเครื่องกับสหรัฐฯ และเอล ซัลวาดอร์
ผู้รักษาประตู: อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล), อูโก้ (ฟลาเมงโก้), เนโต้ (บาเลนเซีย)
กองหลัง: อเล็กซ์ ซานโดร (ยูเวนตุส), เดเด้ (ครูเซโร่), ฟาบินโญ่ (ลิเวอร์พูล), ฟากเนอร์ (โครินเธียนส์), เฟลิเป้ (เอฟซี ปอร์โต้), ฟิลิเป้ หลุยส์ (แอตเลติโก มาดริด), มาร์กินญอส (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), ติอาโก้ ซิลวา (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
กองกลาง: อันเดรียส เปเรยร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), อาร์ตูร์ (บาร์เซโลน่า), กาเซมิโร่ (Real Madrid), เฟร็ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ลูคัส ปาเกต้า (ฟลาเมงโก้), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (บาร์เซโลน่า), เรนาโต้ ออกุสโต้ (ปักกิ่ง กั๋วอัน)
กองหน้า: ดักลาส คอสต้า (ยูเวนตุส), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ลิเวอร์พูล), เนย์มาร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), เปโดร (ฟลูมิเนนเซ่), วิลเลียน (เชลซี), เอแวร์ตอน (เกรมิโอ)
ข้อมูลจาก https://www.siamsport.co.th/football/national/view/85738