แฟร์นานดินโญ่ กองกลางชาวแซมบ้า ระเบิดผลงานอย่างยอดเยี่ยมให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาตลอดในซีซั่นนี้ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ทีมดังของลีกยูเครน เมื่อช่วงซัมเมอร์ ที่ผ่านมา จนฟอร์มไปเตะตา หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติบราซิล เข้าอย่างจังจนต้องเรียกตัวกลับคืนสู่ทัพ ''เซเลเซา'' อีกครั้ง ในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายกับทีมชาติแอฟริกาใต้ ก่อนประกาศรายชื่อทีมชุดเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ในบ้านเกิด ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน-13 กรกฎาคมนี้
วันนี้มิดฟิลด์วัย 28 ปี จะมาบอกถึงความรู้สึกที่ได้กลับมามีส่วนร่วมกับทีมชาติอีกครั้งและเป้าหมายในการพา "เรือใบสีฟ้า" ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในทีมมหาอำนาจลูกหนังในอนาคตให้ได้
คำถาม : ครั้งสุดท้ายที่คุณถูกเรียกตัวติดทีมบราซิลเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 การมีชื่อติดทีมอีกครั้ง คุณรู้สึกเหมือนการกลับมาหรือรู้สึกเหมือนการถูกเรียกตัวติดทีมเป็นครั้งแรกกันล่ะ?
แฟร์นานดินโญ่ : ผมมองมันเหมือนกับการถูกเรียกตัวติดทีมเป็นครั้งแรกนะ เพราะว่าเวลานี้จุดมุ่งหมายของผมแตกต่างออกไปและผมมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ผมต้องการสร้างความปวดหัวให้กับโค้ช เมื่อเขาต้องเลือกทีมชุดเข้าร่วมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
คำถาม : คุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ?
แฟร์นานดินโญ่ : ผมเปลี่ยนไปอย่างมาก หลักๆแล้วเป็นเพราะการย้ายจากลีกยูเครนมาค้าแข้งในอังกฤษ ผมเติบโตขึ้นมากและผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมถูกเรียกตัวติดทีมครั้งนี้ ฟอร์มการเล่นของผมในช่วง 7 เดือนแรกในอังกฤษยอดเยี่ยม บวกกับการที่ทีมกำลังทำผลงานได้ดี ช่วยให้ผมกลายเป็นที่จับตามองของโค้ช ผมได้เรียนรู้มากมายทั้งในแง่แท็คติกและเทคนิคในช่วงเวลาสั้นๆกับที่นี่ สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยเหลือผมในการปรับตัวเข้ากับเกมลูกหนังอังกฤษ และผลลัพธ์ก็คือการที่ผมกลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง
คำถาม : ผู้คนมากมายต่างพูดว่ามันเหมือนกับ แฟร์นานดินโญ่ กำลังจะประเดิมสนามให้กับบราซิล และคุณยังบอกว่ามันเหมือนกับการถูกเรียกตัวติดทีมครั้งแรก แต่การติดทีมครั้งแรกของคุณต้องย้อนไปในปี 2011 ทำไมคุณถึงรู้สึกราวกับว่าเพิ่งถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมล่ะ?
แฟร์นานดินโญ่ : ผมมั่นใจว่าสื่อของบราซิลไม่ได้ติดตามหรือพยายามเข้าถึงตอนที่ผมค้าแข้งในลีกยูเครน ดังนั้นทุกคนรวมทั้งสื่อและแฟนบอลบราซิลจึงรู้สึกแปลกใจ เมื่อผู้เล่นจาก ชัคตาร์ ถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่ แม้ว่าผมจะเล่นอยู่ในอังกฤษเวลานี้ ผมคิดว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ยังคงฝังใจกับภาพที่ผมลงเล่นในยูเครน บางทีนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างมาก
คำถาม : คุณลงเล่นในฐานะหนึ่งในสามมิดฟิลด์ตัวกลางหรือไม่ก็ยืนเป็นสองมิดฟิลด์ตัวรับให้กับบราซิล แต่ที่ ซิตี้ คุณลงประจำการอยู่หน้าแผงกองหลัง คุณมองใครเป็นคู่แข่งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับในทีมชาติ อาทิ หลุยส์ กุสตาโว่ และ ลูคัส เลว่า หรือนักเตะอย่าง เปาลินโญ่, รามิเรส และ เอร์นาเนส?
แฟร์นานดินโญ่ : ใช่แล้ว ส่วนใหญ่ผมลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับให้กับ ซิตี้ สำหรับทีมชุดนี้โค้ชชอบใช้งาน รามิเรส และ เปาลินโญ่ ที่ชอบเติมขึ้นไปข้างหน้าและ หลุยส์ กุสตาโว่ ที่ชอบปักหลักในแผงหลังและป้องกันแนวรับ ผมคิดว่านั่นคือตำแหน่งที่ผมจะต้องมุ่งมั่นถ้าผมต้องการติดเป็น 1 ใน 23 คนสุดท้ายในทีมชุดนี้
คำถาม : คุณได้อะไรบ้างจากการลงเล่นร่วมกับ ยาย่า ตูเร่?
แฟร์นานดินโญ่ : เขาเป็นยอดนักเตะ แชมเปี้ยนส์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเต็มไปด้วยประสบการณ์ เขามีช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งที่ บาร์เซโลน่า ที่ซึ่งเขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและถ้วยรางวัลอีกมากมาย แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาสำหรับเราในการเล่นร่วมกัน เรามีการประสานงานที่ไม่ลงตัวนักในช่วง 2-3 เกมแรก แต่หลังจากนั้นเราเริ่มเข้าใจรูปแบบการเล่นของกันและกัน และมีการประสานงานที่แข็งแกร่งขึ้น ผมหวังว่าเราจะสามารถรักษาเรื่องนี้เอาไว้และช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคว้าบางแชมป์ร่วมกันให้ได้
คำถาม : ซิตี้ มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากมายในเวลานี้และได้เซ็นสัญญาคว้าผู้เล่นชั้นนำบางส่วนเข้ามา เพื่อหวังให้สโมสรเป็นที่ยอมรับทั้งในอังกฤษและทวีปยุโรป ในขณะเดียวกัน สโมสรไม่ได้มีประวัติการคว้าแชมป์อะไรมากมาย บรรดานักเตะมอง ซิตี้ เป็นทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหรือยังอยู่ห่างจากจุดนั้นกันล่ะ?
แฟร์นานดินโญ่ : ทีมมีเป้าหมายในการกลายเป็นหนึ่งในทีมมหาอำนาจในยุโรป ในเวลานี้บางทีมันยังเร็วไปที่จะพูดว่า เราก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นแล้ว ลองมองไปที่ประวัติศาสตร์ของทีมอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เป็นตัวอย่าง พวกเขาคว้าแชมป์รายการสำคัญมานานหลายทศวรรษและได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จ
ยุคใหม่ของ ซิตี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อน เมื่อมีเงินลงทุนเข้ามาสู่สโมสรและพวกเขาเริ่มต้นเซ็นสัญญาดึงนักเตะชั้นนำเข้ามา ในขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าเราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานิดหน่อยในการก้าวไปถึงจุดที่เราต้องการก็ตาม แน่นอนเราได้ดึงนักเตะชั้นนำบางส่วนเข้ามา แต่มันเป็นเรื่องสำคัญในการปรับให้เล่นร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวและเปลี่ยนแนวความคิดของสโมสร เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตครั้งนี้
คุณไม่อาจเป็นทีมแชมเปี้ยนส์ประเภทที่คว้าถ้วยรางวัลทุกซีซั่นได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ซิตี้ ประสบปัญหาเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น แต่เราได้ทำการแก้ไขแล้วในเวลานี้ โดยส่วนตัว ผมหวังว่าเราจะเราจะเป็นทีมที่คว้าแชมป์อย่างสม่ำเสมอในเวลาอันรวดเร็ว แต่ต้องรอดูกันถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น บางทีเราอาจไปถึงจุดนั้นก่อนที่สัญญาของผมจะหมดลงในอีก 5 ปีข้างหน้าก็เป็นได้ ใครจะรู้...
โรโรโนอา