Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
แซมบ้าพาเพลิน (แล้วมั้ยล่ะ!)




บรรยากาศกำลังดีๆ เปิดเทอมใหม่อีกที เลส์ เบลอส์ กลับทำให้กองเชียร์ตกอกตกใจมิใช่น้อย แม้เกมฝรั่งเศส-บราซิล (1-3) เมื่อคืนวันพฤหัสบดี จะเป็นแค่แมตช์กระชับมิตร แต่ความที่นักเตะตราไก่เล่นได้แค่ปานกลาง แล้วคู่แข่งดันดีกว่าชัดเจน จึงต้องแพ้ไปตามกฎแห่งธรรมชาติ แถมยังเสียประตูจากลูกเตะมุมให้กับทีมที่ไม่ถนัดรับลูกเตะมุมอย่างบราซิลซะอีก ความปราชัยนัดนี้จึงทำเอาเสียไก่มิใช่น้อย


        นอกจากนั้นมันก็ยังทำให้เกิดคำถามอื่นๆ ตามมาเป็นธรรมดา ว่าพอไม่มี ปอล ป๊อกบา และไร้ อูโก้ โยริส เฝ้าเสา เลส์ เบลอส์ ก็เปลี่ยนไป และความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้ฝรั่งเศสไม่สามารถเอาชนะทีมจากอเมริกาใต้ได้ในการเจอกัน 7 นัดหลังสุด (เสมอ 4 แพ้ 3) โดยหนหลังสุดที่ทีมตราไก่เอาชนะทีมจากละตินอเมริกาได้ก็เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2011 ที่เจอกับบราซิลนั่นเอง (1-0)
        เอาน่ะ! อย่าเพิ่งโวยวายกันไป มาค่อยๆ ดูกันว่าเนื้อหาของเกมมีอะไรน่าสนใจบ้าง
        ในปี 2014 ทีมชาติฝรั่งเศสแพ้ให้กับเยอรมนีทีมเดียว และมันก็ดันเกิดขึ้นในนัดสำคัญของทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลก ล่วงเข้าสู่ปี 2015 ฝรั่งเศสเปิดตัวด้วยการแพ้ให้กับบราซิลตั้งแต่ที่ลงสนามนัดแรก ซึ่งก็ถือเป็นบทเรียนสำหรับ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ และลูกทีม ที่เจอแต่คู่แข่งอ่อนๆ มาตั้งแต่หลังจบศึกฟุตบอลโลก ต่อให้บราซิลจะยังไม่แกร่งทั่วแผ่น แต่ก็ถือว่าเป็นทีมเกรด เอ แถมกำลังอยู่ในระหว่างการปรับจูนให้ดีขึ้นโดย ดุงก้า
        นอกเหนือไปจากคู่แข่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ก็ต้องดูสภาพของฝรั่งเศสเองด้วย ว่านัดนี้ไม่เพียงขาดโยริสกับป๊อกบา หากแต่ มาติเยอ เดอบูชี่ กับ โยอัน กาบาย ก็ไม่อยู่ และการที่ฝรั่งเศสขึ้นนำในนาทีที่ 21 จากจังหวะเตะมุมของ มาติเยอ วัลบูเอน่า ซึ่งส่งบอลลอยไปถึงกบาลของวาราน ที่เทคตัวสูงกว่า มิรันด้า ได้นั้น ก็เป็นแค่ภาพลวงตา
        จริงๆ แล้วนั่นควรจะเป็นประตู 2-0 ของฝรั่งเศส ถ้าไม่เพราะ คาริม เบนเซม่า พลาดในจังหวะคล้ายๆ กันในนาทีที่ 7 และฝรั่งเศสก็ยังน่าจะได้ประตูที่ 2 อยู่ดีในตอนที่เบนเซม่ามายืนจ่อยิงอยู่หน้า เจฟเฟอร์สัน แต่กลับอัดบอลขึ้นหลังคาไปซะได้ (น. 61)


 การประกบตัวผู้เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำเอาเลส์ เบลอส์ หาทางแก้ได้ลำบาก และพอตัดบอลได้ก็ออกบอลช้า นักเตะบราซิเลียนมีเวลาในการตั้งรับ ปรับกระบวนท่าใหม่ จะเกมรุกหรือเกมรับ ประสิทธิภาพของเลส์ เบลอส์ ต่ำลงเยอะ
        ยังไม่ทันจะพักครึ่ง บราซิลก็เลยตีเสมอเป็น 1-1 จาก ออสการ์ จนได้ โดยได้ประตูจากการเล่นบอลสั้น ทำชิ่งหนึ่ง-สองกับ เฟียร์มิโน่ สตีฟ ม็องด็องด้า ที่งานชุกมาพักใหญ่แล้วเลยไม่รอด
        เล่นได้เป็นระบบกว่าไม่พอ เจอวันที่นักเตะแซมบ้างัดพรสวรรค์ออกมาใช้กันเป็นเรื่องเป็นราวซะอีก บราซิลขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 57 จากลูกที่ วิลเลี่ยน เปิดให้ เนย์มาร์ ยิงมุมแคบเต็มแรงด้วยเท้าซ้าย และ ณ จุดนั้น วี่แววที่บราซิลจะชนะก็ใสแจ๋ว ต่อให้ฝรั่งเศสไม่ได้แย่ไปซะหมด ทว่าการใช้โอกาสเปลืองครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ทำให้พวกเขาไม่น่ารอดความปราชัยไปได้ อ็องตวน กรีซมันน์ ก็เป็นอีกคน ที่ไปไม่เป็น และเผาโอกาสทิ้ง (น. 63) เท่านั้นไม่พอ อีก 6 นาทีต่อมา ลุยซ์ กุสตาโว ได้ลูกเปิดจาก วิลเลี่ยน แล้ววารานประกบพลาด เลยขึ้นโขกประตูที่ 3 จากแถวจุดโทษให้บราซิลสำเร็จ

ช่วงท้ายเกมที่เหลือแม้จะมีการเปลี่ยนตัวแต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเกม แฟนบอลได้เห็น นาบิล เฟกีร์ ลงมาเจิมชุดตราไก่กับทีมชุดใหญ่ (แทนกรีซมันน์ น. 74) ขณะที่ เจฟเฟร่ย์ กอนด๊อกเบีย ถูกส่งลงมาลองของเช่นกัน (แทน มุสซา ซิสโซโก้ น. 74) นอกจากนั้นก็ยังมี ดิมิทรี่ ปาเย็ต ที่ลงมาแทน มาติเยอ วัลบูเอน่า (น. 82) และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แทน แบลส มาตุยดี้ (น. 84) ซึ่งเป็นตอนที่เปลี่ยนตัวชิรูด์นี่เอง ที่เดส์ชองส์พาทีมออกจากระบบ 4-3-3 ส่วนฝั่งบราซิลก็เปลี่ยนตัวเละเทะในช่วง 7 นาทีสุดท้าย ให้ ดั๊กลาส คอสต้า แทน วิลเลี่ยน (น. 83), ซูซ่า แทน ออสการ์ (น. 86), ลุยซ์ อาเดรียโน่ แทน เฟียร์มิโน่ (น. 88), แฟร์นันดินโญ่ แทน ลุยซ์ กุสตาโว (น. 90) และ มาร์เซโล่ แทน เอลิอัส (น. 90+2) จบเกม บราซิลชนะไป 3-1 ทำให้ ดุงก้า สานต่อสถิติชนะ 7 นัด จากการลงสนาม 7 นัดนับตั้งแต่ที่กลับมาคุมทีมเมื่อปลายหน้าร้อนเอาไว้ได้
        ข้างฝั่งผู้แพ้ มันก็ไม่ได้น่าอับอายขายขี้หน้าหรือน่าเป็นห่วงนักหนา แต่ทว่าดูจากรูปเกมแล้ว มันน่าหงุดหงิดใจซะมากกว่า ถ้าเดส์ชองส์คิดว่าการสร้างทีมยังไม่เสร็จ ก็ต้องเร่งวางเสาเข็มให้แน่นหนา และรีบตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ให้เข้าที่เข้าทางได้แล้ว
        “มันเป็นเกมระดับสูงกับทีมที่มีคุณภาพสูง” เดส์ชองส์กล่าวหลังเกม “เราดิ้นรนทั้งๆ ที่เราได้บอลมากกว่าในครึ่งหลัง ช่วงครึ่งแรกเราเล่นต่อเนื่องได้ลำบากกว่า และบางครั้งเราก็ต่อกันไม่ติด เราทำได้ดีในจังหวะเล่นลูกตั้งเตะเพื่อเปิดสกอร์ เมื่อเราถูกนำ 2-1 เราก็มีโอกาสกลับมาอีก 2 หรือ 3 ครั้ง แต่เรามาเสียประตูที่ 3 ที่ทำเอาแย่ แน่นอนว่าเราต้องก้าวหน้าขึ้นกว่านี้ให้ได้”
        และเมื่อถูกถามว่าพวกนักเตะขาดแรงจูงใจหรือเปล่า? นายใหญ่ตราไก่ตอบว่า “ไม่ใช่เลย ตอนโดน 2-1 มันล่อแหลม แต่เราก็ตอบโต้ได้ดี คุณภาพของคู่แข่งบีบให้เราต้องตั้งรับมาก ต้องพยายามมากขึ้นเพื่อตัดบอลกลับมา และแน่นอนว่าเรายังมาโดนเพราะขาดความแม่นยำหน้าประตู แต่มันเป็นเกมที่มีความเข้มข้นมาก และความกระหายของทุกคนก็อยู่ในนั้น”
        พักกันซัก 2 วัน เดี๋ยวคืนวันอาทิตย์มาดูกันว่าทีมตราไก่จะกลับมารายงานตัวในเกมกับเดนมาร์กได้รึเปล่า?

มาเฟียรี่

ข้อมูลจาก //www.siamsport.co.th



Create Date : 30 มีนาคม 2558
Last Update : 30 มีนาคม 2558 10:17:07 น. 0 comments
Counter : 1294 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.