บทที่ 13 ฤทธิ์แห่งมณีนาคสวาท
บทที่ 13 ฤทธิ์แห่งมณีนาคสวาท

รถตู้คันใหญ่มาถึงที่หมายในที่สุดก่อนที่ผู้เป็นสารถีจะรีบเลี้ยวรถกลับไปยังที่พักส่วนภุชคินทร์ก็เดินดุ่มๆ ตรงมายังบ้านที่ตั้งอยู่ริมสายน้ำโขงอย่างรวดเร็ว

“พ่อ...ไหนว่าแม่กำลังป่วยไงครับ ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ !” ผู้เป็นลูกชายตะโกนถามอย่างสับสนขณะวิ่งเหยาะๆ ตามบิดามา ญาดาวีหันไปสบสายตากับกลิ่นจันทร์ที่เริ่มใจคอไม่ดีเหมือนกัน

ภุชคินทร์เดินไปจนถึงที่หมายในขณะที่ศรัณย์มาหยุดยืนอยู่เบื้องหลัง ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะอ้าปากต่อว่าผู้เป็นบิดาร่างของหญิงวัยสี่สิบก็เปิดประตูออกมาประจันหน้าเสียก่อน

“ศรัณย์ลูกแม่...” กลิ่นจันทร์โผเข้ากอดลูกชายไว้แน่นด้วยความหวงแหน หยดน้ำตามันร่วงหล่นลงมาเองอย่างควบคุมไม่ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เธอก็จะไม่ยอมให้อะไรมาพรากลูกชายไปจากเธอแน่

“แม่...แม่ครับ” ศรัณย์กระซิบที่ข้างหูมารดาก่อนถอนอ้อมกอดออกจากอีกฝ่าย “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อบอกว่าแม่...” ลากเสียงค้างก่อนหันไปหาภุชคินทร์ที่ยืนสูดเอาอากาศเย็นชื้นเข้าปอด

“อรวินทร์ว่ายังไงบ้าง บอกความจริงได้รึยัง?” พูดก่อนขบกรามแน่นจนเห็นเป็นสัน ศรัณย์สะบัดหน้ามาหาบิดาทันที ชลธิชาและญาดาวีหยุดกึกอยู่ที่หน้าบันไดบ้าน

“ความจริงอะไรครับแม่...ความจริงอะไร?” ศรัณย์ถามเสียงดังก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นประมุขแห่งนิลนาคจะปรากฎกายต่อหน้า

ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองศรัณย์ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ “สวัสดีศรัณย์ ฉันคืออรวินทร์ มีศักดิ์เป็นอาของเธอ”

“อา..?” ชายหนุ่มโคลงศีรษะ จ้องมองหญิงแปลกหน้ากับบิดาสลับไปมา กลิ่นจันทร์ยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนหันไปหาภุชคินทร์

“อย่าเพิ่งได้มั้ย? ลูกยังไม่พร้อมที่จะต้องรับรู้เรื่องนี้ เขายังไม่...” ยังไม่ทันที่กลิ่นจันทร์จะพูดจบ เสียงของบางอย่างที่ตกกระทบลงยังพื้นน้ำดังตูมก็ฉุดความสนใจของทุกชีวิตในทันใด

ร่างของนาคสีเขียวที่ถูกสมุนของปริตรเล่นงานร่วงหล่นลงกระทบกับสายน้ำโขงก่อนถึงแก่ความตาย กลิ่นคาวเลือดและเสียงหวีดร้องที่ได้ยินทำให้อรวินทร์สูดลมหายใจฮึดฮัดเข้าปอดก่อนกำมือแน่น

“พวกเขามาแล้ว...”


ชลธิชารีบยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีที่ได้เห็นร่างมหึมาล้มครืนลงยังสายน้ำโขงเบื้องหน้า งูยักษ์หลายตัวกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันในแม่น้ำอย่างบ้าคลั่งและกลุ่มชายฉกรรจน์ผู้มีใบหน้าโหดเหี้ยมกำลังตรงดิ่งมายังเธอ...

“เราต้องหนีนะชล...” ญาดาวีบอกเสียงพร่าก่อนที่ศรัณย์จะวิ่งลงบันไดมาหาทั้งสอง “รีบขึ้นมาเร็ว” ชลธิชายื่นมือไปเกาะแขนแข็งแกร่งทันที ญาดาวีรีบวิ่งกระหืดกระหอบตามเพื่อนรักขึ้นสู่เรือนไม้ริมฝั่งโขง

ลูกน้องของอรวินทร์ปราดเข้าไปขวางพวกนาคาในร่างมนุษย์เหล่านั้นแต่ปริตรก็ตรงดิ่งเข้ามายังเรือนริมน้ำอย่างไม่กริ่งเกรง

“ถึงคราวที่ชั้นจะต้องออกไปปกป้องลูกชายแล้วนะอร” ภุชคินทร์ขบกรามแน่น ดวงตาสีเขียวที่แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำจ้องมองปริตรผู้ที่คิดกำจัดลูกชายตน ก่อนถลันกายลงสู่สายน้ำเบื้องล่าง ภาพที่ได้เห็นทำให้ศรัณย์ใจหายวาบ... ร่างของบิดาแปรเปลี่ยนเป็นพญานาคสีเขียวร่างใหญ่โต ตรงปรี่เข้าใส่ปริตร นิลนาค แต่ทว่าสมุนอีกหลายสิบตนก็มาขวางไว้เสียก่อน ภุชคินทร์ถูกพวกนาคาหนุ่มโอบล้อม เขากำลังจนมุม

กลิ่นจันทร์พริ้มตาหลับ กำสองมือเข้าหากัน วิงวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ภุชคินทร์และศรัณย์รอดพ้นภัยในครานี้

“ผมจะไปช่วยพ่อ...” น้ำเสียงหนักแน่นที่ได้ยินทำให้กลิ่นจันทร์เบิกสองตาขึ้นมองผู้เป็นบุตรชาย ชลธิชาถลันกายเข้าไปหาคนรักอย่างใจเสีย

“แต่...” ศรัณย์หันมาหาชลธิชาและมารดาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขาตัดสินใจแล้ว... เขาจะไม่ยอมให้อะไรมารังแกบิดาหรือคนที่เขารักแน่ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม...

ร่างหนากระโจนลงจากเรือนสู่พื้นทรายอย่างรวดเร็ว... ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้น เลือดที่สูบฉีดแรงขึ้น และดวงตาสีเขียวมรกตที่เริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ

ศรัณย์เข้าฟาดหมัดใส่พวกนาคที่ยังอยู่ในรูปกายมนุษย์ แต่ด้วยยังที่ไม่ได้ฝึกฝนในวิชาต่อสู้จึงทำให้ชายหนุ่มเพลี้ยงพล้ำแต่ก็ยังกัดฟันลุกขึ้นมาสู้อย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“ฉันต้องไปช่วยพวกเค้า” อรวินทร์บอกเสียงเข้ม หันมาหากลิ่นจันทร์และหญิงสาวคราวลูกที่ยืนพิงผนังบ้าน ดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างในทันทีที่ได้สบกับสองเนตรของญาดาวี... รัศมีสีเหลืองทองปรากฎอยู่ในแววตาของหญิงสาว

“ช่วยคุ้มครองกลิ่นจันทร์ด้วยนะ” อรวินทร์บอกเสียงอ่อน แต่ทว่าคนฟังทั้งสามกลับขนลุกซู่ ร่างปราดเปรียวของประมุขแห่งนิลนาคลาจากไปก่อนตรงเข้าหากลุ่มนาคาที่กำลังต่อสู้อยู่กับภุชคินทร์

กลิ่นจันทร์จับมือชลธิชามากุมไว้ ทั้งคู่ต่างเฝ้าดูคนรักของตนอย่างใจเต้นในขณะที่ญาดาวีได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังก้องอยู่ในสองหู

“คุณเคยเกิดเป็นวิรูปักษ์ผู้สูงศักดิ์ หน้าที่คุณคือคอยพิทักษ์คนดี” สำเนียงของวายุทำให้หญิงสาวเบิกสองเนตรขึ้นในฉับพลัน “ฟังผมญาดาวี...เพ่งกระแสจิตไปยังสิ่งที่คุณต้องการ คุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้”


นิทราหันสายตาไปหาปริตรที่กำลังต่อกรอยู่กับสมุนของอรวินทร์ด้วยที่กลัวว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำ แต่เวลามีน้อยต้องรีบจัดการในสิ่งที่สามารถทำได้... ต้องฆ่านังมนุษย์พวกนั้น !

ร่างเพรียวลมของนางนาคสีดำตรงดิ่งมายังบ้านริมน้ำอย่างรวดเร็ว ร่างแบบบางในคราบมนุษย์กลายเป็นพญานาคสีดำในทันใด ชลธิชาเอาทั้งร่างบังกายกลิ่นจันทร์ไว้ในขณะที่ญาดาวีเดินตรงไปยังริมระเบียงเพื่อประจันหน้ากับนางนาคาแห่งกัณหาโคตมะ

ดวงตาสีเหลืองทองส่งประกายกระทบกับแสงทินกรบนฟ้าที่สาดส่องลงมา ดวงตาสีดำสนิทของนางนาคสาวประสานกับสองเนตรของญาดาวี

พลันนั้น... นิทราก็รู้สึกประหนึ่งถูกปลายดาบแหลมคมทิ่มแทงทั่วร่าง เสียงร้องคราอย่างโหยหวนทำให้นาคที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ต้องหันขวับมา รัศมีสีเหลืองทองอันงดงามรายล้อมรอบกายญาดาวี...

ภุชคินทร์และอรวินทร์ใช้จังหวะนี้จัดการกับพวกนาคก่อนจะมากลับมาตั้งหลัก ปริตรยิ้มเหยียดหยันเมื่อเห็นแสงสีทองของวิรูปักษ์ก่อนจะรีบตรงดิ่งเข้าไปหาศรัณย์

ชายหนุ่มถูกโยนร่างขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยแรงมหาศาลของปริตรก่อนที่ภุชคินทร์จะรีบกลายร่างไปรับตัวลูกชายไว้แต่ก็ไม่วายถูกสมุนของอีกฝ่ายฉุดลากออกมายังกลางลำน้ำ อรวินทร์รีบตรงดิ่งเข้าไปหามนุษย์หนุ่มก่อนที่ปริตรจะไปถึงตัวเค้า ประมุขแห่งนิลนาคถอดสร้อยที่ห้อยมณีนาคสวาทก่อนจะโยนเข้าไปให้ศรัณย์...

ชายหนุ่มสำลักน้ำที่ทะลึกเข้าปากและจมูก หอบหายใจอยู่กลางลำโขงก่อนจ้องมองอัญมณีสีเขียวที่กำอยู่ในมือ ปริตรเห็นดังนั้นจึงรีบกลายร่างเป็นนาคาและกระโจนเข้าหา “สวมมันเร็วเข้า !” อรวินทร์ร้องสั่งเสียงดังก่อนที่ชายหนุ่มจะสวมสร้อยเส้นนั้นในที่สุด

รัศมีสีเขียวมรกตส่องประกายขึ้นกลางล้ำน้ำโขง ผลักให้ร่างนาคาทั้งหมดทั้งมวลกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง นับแต่ได้มันมาอรวินทร์ก็ไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง พลังอำนาจที่สะสมมาเนิ่นนานทำให้ชายหนุ่มผู้สวมสร้อยมีพละกำลัง ร่างหนาดำลงสู่ผืนชลธารก่อนตรงดิ่งไปยังปริตรที่กำลังว่ายหนีเพื่อไปตั้งหลัก

“เราต้องดึงเขากลับมา ศรัณย์จะลงไปยังบาดาลไม่ได้” อรวินทร์ร้องเตือนก่อนที่ภุชคินทร์จะดำดิ่งลงไปตามตัวลูกชาย ร่างหนาถูกสองแขนของบิดาฉุดรั้งไว้

“อย่าไปศรัณย์...กลับมากับพ่อ” เพียงแค่มองตาชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงการสื่อสารจากผู้เป็นบิดา ความโกรธแค้นที่มีพลันเลือนหายไปก่อนที่สติจะกลับคืนมา

สามสาวที่อยู่บนฝั่งได้แต่รอคอยการปรากฎกายของพ่อลูกอย่างใจจดใจจ่อ จนเมื่อศีรษะของภุชคินทร์และศรัณย์โผล่พ้นน้ำกลิ่นจันทร์และชลธิชาจึงถอนหายใจด้วยความคลายกังวล


“มันจบลงแล้ว...พวกเขาแพ้” อสุนีจ้องมองนาคสีเขียวที่ถอยกรูกลับถิ่นเพราะกริ่งเกรงในฤทธิ์แห่งมณีนาคสวาท “อรวินทร์มีมณีนาคสวาทแถมยังมีมนุษย์ที่เคยกำเนิดเป็นวิรูปักษ์มาคอยช่วยอีก”

“ใช่พิณภัทร์รึเปล่า?” อำภุชเพ่งมองจากเกลียวเมฆสีดำบนฟ้าลงสู่เรือนไม้ริมน้ำที่อยู่ต่ำลงไปหลายกิโลเมตรเพื่อมองหาร่างของญาดาวี

“คงใช่...แต่น่าแปลกที่รู้ตัวเร็วกว่าที่คิด คงมีใครสักคนคอยกระตุ้นสัญชาติญาณในตัวเธอแน่” อสุนียกยิ้มก่อนหันไปหาผู้เป็นหัวหน้า “แล้วเรื่องคนของเราจะเอายังไง” วาสิตาหลุบตาลงต่ำ จ้องมองนิทราที่พาร่างสะบักสะบอมตามสมุนของปริตรกลับไปยังที่ซ่อนตัว

“ถ้านาคกลุ่มอื่นรู้ว่านิทราเข้าร่วมโจมตีพวกนิลนาคในครั้งนี้ล่ะก็...พวกเราจะพลอยโดนเล่นงานไปด้วยแน่” อำภุชว่าเสียงขรึม แต่ว่าที่ผ่านมานิทราก็ทำประโยชน์ให้แก่ราชวงศ์นาคเสนมากมายแถมเธอยังเป็นนาคาที่มีอำนาจพิเศษ สามารถเข้าถึงความฝันของทุกชีวิตได้

“แต่ตอนนี้เรามีเก็จลดาแล้ว แม้เธอจะเป็นแค่มนุษย์แต่ว่าก็อยู่ใกล้ชิดกับศรัณย์ นิลนาค ไม่ใช่เป็นศัตรูอย่างเปิดเผยเหมือนนิทรา” อำภุชหัวเราะหึๆ อสุนีเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาไม่เคยสนับสนุนความคิดที่จะให้มนุษย์มาเป็นสาวกของนาคเสน แต่คนที่จะตัดสินในครั้งนี้หาได้ใช่ตนหรืออำภุช แต่เป็นหญิงสาวร่างซูบผอมที่ยืนเด่นอยู่ตรงหน้า

“เราจะทำให้เก็จลดากลายเป็นนิทรา...” คำพูดของวาสิตาทำให้สมุนทั้งสองหันมามองตากันปริบๆ

“ดูดเอาวิญญาณของนิทรามาให้เก็จลดา เธอจะได้มีฤทธิ์เหมือนนาคาและมีพลังเหมือนอย่างนิทรา...”


สมาชิกที่อยู่บนเรือนไม้ริมฝั่งโขงต่างนั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับหุ่นที่ไร้ชีวิต ชลธิชาค่อยๆ เบือนหน้าไปมองคนรักที่เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จานับแต่การปะทะสงบลง ความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องที่ยังค้างคาใจเลือนหายไปจนหมดสิ้นแล้ว บัดนี้หญิงสาวรู้แล้วว่ามันมีอยู่จริง และสิ่งที่เธอคิดไว้เป็นความจริง ! แต่ว่า...ศรัณย์คงยังยอมรับกับมันไม่ได้

“เอาล่ะ...พ่อเห็นว่าเราเงียบกันมานานแล้ว ถึงเวลาที่จะได้พูดความจริงเสียที” น้ำเสียงช้าชัดของภุชคินทร์ได้ฉุดให้ทุกร่างตื่นขึนจากภวังค์แห่งความเงียบงันและกดดัน กลิ่นจันทร์กระชับมือลูกชายไว้ก่อนบีบเบาๆ อรวินทร์หันไปส่งยิ้มให้กับผู้เป็นหลานชายคนที่สองของเธอ

“อย่างที่อาได้บอกเธอไปเมื่อเย็นก่อนที่จะเกิดเรื่อง อาชื่ออรวินทร์ เป็นหลานสาวของคุณน้าวารี” พูดจบกลิ่นจันทร์ก็รีบเสริมขึ้น

“น้าวารีเป็นภรรยาของคุณภูรินทร์อดีตประมุขแห่งตระกูลนิลนาค คุณภูรินทร์คือน้าชายของคุณพ่อของลูก” กลิ่นจันทร์ผินหน้าไปหาสามีที่ยิ้มราบเรียบ ภุชคินทร์จ้องหน้าลูกชายตรงๆ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ

“ตกใจมากมั้ย?” จบคำก็หัวเราะเสียงเบา ศรัณย์ยกยิ้มกวนๆ อย่างไม่รู้ตัว ก่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ทุกอิริยาบถของเขาต่างถูกเหล่าพวกผู้ใหญ่จับตามอง

“ผมไม่คิดว่า... ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้” คำตอบที่ได้ทำให้ภุชคินทร์คลายยิ้มออกมาในที่สุด

“งั้นก็แปลว่าลูกรู้ รู้ว่าตัวเองไม่ธรรมดา” คำพูดของบิดาทำให้ชายหนุ่มหันมาสบสายตากับเขาตรงๆ

“ครับ...” เขาตอบเสียงดัง อรวินทร์และกลิ่นจันทร์จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกไปได้ครึ่งนึง “แล้วเรื่องที่เกิดเมื่อตอนเย็นคืออะไร นาคพวกนั้นทำไมต้องทำร้ายเราด้วยครับ” คำถามของชายหนุ่มทำให้อรวินทร์ต้องยันกายลุกจากเก้าอี้ ดวงตาสีเขียวคล้ำเพ่งมองไปยังสร้อยเงินที่ห้อยมณีนาคสวาทบนคอชายหนุ่ม

“ตอนนี้เธอเป็นทายาทแห่งตระกูลนิลนาคอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว” คำพูดของอรวินทร์ทำให้กลิ่นจันทร์รู้สึกใจหายวาบ ภาพลูกชายที่แสนดีของเธอกำลังจางหายกลายเป็นบุรุษผู้กุมอำนาจแห่งนาคาตระกูลเอราปถไว้ในมือ นับแต่นี้ไปชีวิตของเขาจะต้องได้พบกับการปองร้ายจากเหล่านาคหลายตระกูลเป็นแน่ ! ด้วยที่ศรัณย์ไม่ได้เป็นนาค แต่เขาเป็นเพียงครึ่งมนุษย์ครึ่งนาคา

ชลธิชาเบือนหน้าไปหาคนรักที่นั่งอยู่ข้างกาย ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนแต่อีกฟากของความคิดก็กลับรู้สึกปลอดโปร่ง เหมือนว่าเธอได้รู้ความลับของโลกที่เหล่ามนุษย์ธรรมดาสามัญไม่เคยได้รับรู้ ความสงสัยที่เธอกริ่งเกรงมาโดยตลอด ในที่สุดมันก็เป็นความจริง

ภุชคินทร์ยันกายลุกขึ้นยืน สองตาเขียวคล้ำจ้องหน้าผู้เป็นบุตรชาย “นั่นคือปริตร ปริตรเป็นลูกชายของพี่ปณาลีที่ตายไปแล้ว สมัยก่อนพ่อของเขาถูกพวกนาคเสนฆ่าตาย ต่อมาเกิดศึกใหญ่ระหว่างครุฑกับนาคสีดำ พี่ปณาลีมองเห็นโอกาสที่จะชำระแค้น จึงขโมยมณีนาคสวาทของตระกูลเราเพื่อจะเอาไปฆ่าพวกนาคเสน แต่ว่าพี่ปณาลีก็กลับถูกลูกหลงจากการปะทะในครานั้นจนเธอต้องตาย...” ผู้เป็นพ่อเบือนหน้าก่อนหันหลังเดินตรงไปยังริมระเบียงกว้าง สายตาเหม่อมองลำน้ำโขงที่ทอดตัวยาว กลิ่นคาวเลือดของนาคาที่จบชีวิตจากการปะทะที่เพิ่งพ้นผ่านลอยมาตามสายลมยามค่ำ “พ่อเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ปณาลีต้องตาย... นี่คือสิ่งที่ทำให้ปริตรโกรธแค้นและหาทางเล่นงานพวกเรา”


ชลธิชาเหยียบย่ำผืนทรายริมฝั่งโขงไปอย่างเหม่อลอย แสงอาทิตย์ทาบทอท้องฟ้าเป็นสีเหลืองทองในขณะที่ศรัณย์คอยเดินตามหลังคนรักมาอย่างเงียบๆ

“คุณกลัวผมมั้ย?” คำถามจากร่างสูงที่อยู่ด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องหยุดนิ่ง ชลธิชาค่อยๆ เอี้ยวตัวหันมาหาเขา สองตาสบกับดวงเนตรสีเขียวคล้ำตรงหน้า

ศรัณย์ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นแทนคำตอบ ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปหาเธอก่อนยกสองมือนุ่มนิ่มขึ้นมากุมไว้ “ขอบคุณครับ...ขอบคุณที่ยังรักผม” จบคำชลธิชาก็โผร่างเข้าไปหาบุรุษหนุ่มผู้เป็นยอดดวงใจ สองแขนโอบเอาร่างแข็งแกร่งไว้แน่น หยดน้ำตารินไหลลงมาอาบแก้มเนียนผ่องเบาๆ

“เราสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะอยู่เคียงข้างกัน นายยังเป็นศรัณย์ของฉันเสมอ...” เสียงเครือที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ศรัณย์ต้องคลี่ยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแผ่นหลังของหญิงสาวที่สั่นเทิ้มเบาๆ

“ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมจะกลายเป็นอะไร ผมสัญญาว่าจะรักชลไปจนกว่า...” ยังไม่ทันจะจบคำชลธิชาก็ผลักร่างหนาออกจากอ้อมกอด

“ไม่ศรัณย์... ห้ามพูดคำนั้น” เธอบอกเสียงดังก่อนที่ชายหนุ่มจะยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มเนียนใสออกเบาๆ ชลธิชาสูดอากาศเย็นชื้นริมแม่น้ำใหญ่เข้าปอด จ้องรูปหน้าคมคายตรงๆ “ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ...เราต้องฟันฝ่ามันไปด้วยกัน...”


“หนูมาจากมณีนิลใช่มั้ย?” คำถามจากสตรีสูงวัยกว่าทำให้ญาดาวีที่กำลังนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินต้องหันขวับมาหา อรวินทร์คลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนเดินไปยังริมระเบียงกว้างและหันมาหาสตรีคราวลูก

“ฉันเห็นภาพหนองมณีนิลในมโนจิตของหนู ภาพบ้านริมน้ำหลังนั้นด้วย...”

“คุณ... คุณกำลังอ่านความคิดฉัน” ญาดาวีอ้าปากค้างก่อนได้รับรอยยิ้มจากประมุขแห่งนิลนาคแทนคำตอบ

“ใครเป็นคนบอกเรื่องตระกูลนิลนาคกับหนู...” สิ้นคำถาม อรวินทร์ก็เพ่งจิตไปยังโสตประสาทของญาดาวี ภาพของบุรุษหนุ่มรูปงามฉายวาบอยู่ในโสตประสาทของเด็กสาว

“หา !...วายุ นี่วายุยังไม่ตายหรอกเหรอนี่?” อรวินทร์ผงะออกห่างจากอีกฝ่ายในขณะที่ญาดาวีได้แต่จ้องมองประมุขแห่งนิลนาคด้วยความตกใจ หญิงตรงหน้านี่รู้จักคุณวายุของเธอได้อย่างไรกัน?

“คุณวายุเป็นคนบอกเรื่องตระกูลนิลนาคกับฉันค่ะ เขาบอกว่าหน้าที่ของฉันคือพิทักษ์คนดี...” ญาดาวีบอกเสียงขรึม สองตากลมรีจ้องมองฝ่ายตรงข้ามตรงๆ

“ในอดีต วายุเป็นสมุนของรักตปักษ์ เขาได้บอกหนูรึเปล่า?” คำถามของอรวินทร์ทำให้หญิงสาวต้องเอียงคอ

“ไม่ค่ะ...แต่รักตปักษ์ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง”

“พวกเขาเป็นครุฑสกุลหนึ่ง พวกเขาสร้างคฤหาสน์ไว้บนเขา...” พลันนั้นญาดาวีก็นึกไปถึงคำบอกเล่าของพิมพ์ดาวเกี่ยวกับตระกูลรักตปักษ์และคฤหาสน์หลังงามที่เธอเคยพาผองเพื่อนขึ้นไปชม แต่ทว่าคราวนี้สิ่งที่อรวินทร์ได้เห็นในมโนจิตของญาดาวีกลับทำให้ประมุขนิลนาคอย่างเธอต้องจ้องหน้าเด็กสาวแน่นิ่ง !

“เธอเกี่ยวข้องอะไรกับพิมพ์ดาว...”

“คุณรู้จักคุณป้าพิมพ์ดาวเหรอคะ?” ญาดาวีร้องถามก่อนที่กลิ่นจันทร์จะเดินละลิ่วออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วน้ำสองใบในมือ ชื่อที่หญิงสาวเอ่ยเมื่อครู่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก

“ป้าพิมพ์ดาวเป็นคุณป้าของหนูเองค่ะ แล้ว...ทั้งคุณป้าพิมพ์ดาวและคุณน้ามะลิรู้รึเปล่าว่า...”

“มะลิ? นี่หนูรู้จักมะลิด้วยเหรอ?” กลิ่นจันทร์โผเข้ามาหาญาดาวีด้วยความตื่นเต้น หญิงวัยสี่สิบวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกลมริมระเบียงก่อนหันมารอฟังคำตอบจากหญิงสาวคราวลูก

“ค่ะ สรุปก็คือ...คุณแม่คือผู้หญิงที่ชื่อกลิ่นจันทร์เพื่อนรักของคุณป้าพิมพ์ดาวที่หายสาบสูญไปจากมณีนิลพร้อมกับตระกูลนิลนาค...” คำสาธยายของญาดาวีทำให้กลิ่นจันทร์แทบพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงพยักหน้ารับในความจริงที่หญิงสาวพูด

“มะลิกับป้าสายบัวสบายดีใช่มั้ย?...” กลิ่นจันทร์ซักถามทั้งน้ำตาก่อนที่ญาดาวีจะยิ้มเรียบๆ พร้อมกับถอนหายใจยาว

“คุณน้ามะลิสบายดีค่ะ แต่ว่าคุณยายสายบัวท่านเสียไปได้สิบกว่าปีแล้ว...” จู่ๆ กลิ่นจันทร์ก็รู้สึกเหมือนว่าเรี่ยวแรงในร่างกายมันพลันเลือนหายไปเสียสิ้น ภาพความทรงจำขณะอาศัยอยู่ที่มณีนิลฉายวาบขึ้นมาในความคิด ความสุขที่ไม่อาจจะหวนคืนกลับไป... เธอกำลังสูญเสียคนที่เธอรักไปทีละคนโดยที่ไม่มีแม้โอกาสได้บอกลา...


กลิ่นของเก็จลดาทำให้ภุชคินทร์ต้องรีบเดินขึ้นบ้านมาอย่างหน้าตาตื่น สมาชิกทั้งหมดต่างหันขวับไปยังร่างของนาคสูงวัยพร้อมกัน “มีคนกำลังมาที่นี่...ฉันได้กลิ่นของพวกกัณหาโคตมะ”

“นาคสีดำงั้นเหรอ?...ใครกัน” จบคำอรวินทร์ก็ตรงปรี่ลงบันไดบ้านไปในขณะที่เก็จลดากำลังจ้ำอ้าวตรงมายังเรือนไม้ริมน้ำของกลิ่นจันทร์

กลิ่นไอของนาคาทำให้หญิงสาวต้องหยุดกึกอยู่กลางทาง สร้อยที่ห้อยจี้สีดำบนคอระหงร้อนวูบวาบขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบกายอย่างระมัดระวังก่อนที่หูจะได้ยินเสียงสองหนุ่มสาวคุยกันดังมาจากริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ หญิงสาวรีบเคลื่อนกายไปตามเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว


ญาดาวีกำลังช่วยกลิ่นจันทร์จัดโต๊ะอาหารในขณะที่ศรัณย์จูงมือชลธิชาเดินขึ้นมาบ้านมาด้วยความเบิกบาน อรวินทร์ขอตัวกลับลงไปยังบาดาลเพื่อปรึกษากับสมุนของนิลนาคที่เหลือส่วนภุชคินทร์ขอตามอรวินทร์ลงไปรักษาบาดแผลยังบาดาลเช่นกัน

สตรีที่ยืนเด่นอยู่หน้าบันไดทำให้ทุกร่างที่กำลังทานอาหารเย็นต้องหันขวับไปมองเป็นตาเดียว ญาดาวีลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ก่อนร้องเรียกเพื่อนสาวที่เพิ่งมาถึงเสียงดัง

“ไม่นึกว่าเธอจะตามพวกเรามาถึงนี่...” คำถามเถรตรงทำให้ชลธิชาต้องหันไปขึงตาใส่

“มาได้ยังไงน่ะดา...” เอ่ยถามคนเป็นเพื่อนเสียงเบาก่อนที่เก็จลดาจะเอนสายตาไปยังศรัณย์ที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวโดยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย

ร่างสมส่วนในอาภรณ์สีดำสนิทเดินมายังโต๊ะอาหารก่อนหันไปหากลิ่นจันทร์ “สวัสดีค่ะคุณแม่”

“สวัสดีจ้ะหนูเก็จลดา ไม่ได้เจอกันนานดูสวยขึ้นเยอะเลยนะ” กลิ่นจันทร์คลายยิ้มให้กับหญิงคราวลูกก่อนที่ญาดาวีจะลุกไปตักข้าวให้อีกฝ่ายก่อนจะกลับมาประจำที่และทานอาหารต่อ

“ไม่เห็นบอกกันก่อนว่าจะมาบ้านศรัณย์” น้ำเสียงที่ฟังคล้ายตำหนิทำให้ญาดาวีต้องยกยิ้มก่อนทำทีเป็นไม่สนใจ

“คุณป้าพิมพ์ดาวบอกว่าตอนสมัยสาวๆ คุณแม่มีหนุ่มๆ มาตามจีบเยอะเลยใช่มั้ยคะ” คำแซวของญาดาวีทำให้กลิ่นจันทร์ต้องผายยิ้ม

“จริงเหรอครับคุณแม่” ศรัณย์อมยิ้มเมื่อเห็นคนเป็นแม่เอาแต่ก้มหน้าแก้ขวย

“แล้วคุณพ่อภุชคินทร์ทำยังไงล่ะคะ ถึงเอาชนะคู่แข่งได้” ชลธิชาบุ้ยปากถามก่อนที่ศรัณย์จะหันมามองตาหวาน

“คำถามนี้แม่คงไม่ต้องตอบมั้งจ้ะ... ภุชคินทร์เป็นยังไง ลูกชายเขาก็ไม่ต่างกัน หนูชลก็น่าจะรู้คำตอบในข้อนี้...” คำแซวกลับของหญิงสูงวัยทำให้หนุ่มสาวที่นั่งอยู่ข้างกันต้องเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก

“ว่าไงล่ะชล...ชั้นกับคุณแม่รอฟังคำตอบอยู่นะ” ญาดาวีลากเสียงหวานก่อนที่เก็จลดาจะลุกพรวดขึ้น ดวงตาสีดำดุดันหันไปจ้องหน้าญาดาวีก่อนหันมาหาชลธิชา ความเคียดแค้น ชิงชัง รังเกียจ ในสายตาของหญิงสาวทำให้กลิ่นจันทร์ใจไม่ค่อยดี



Create Date : 12 สิงหาคม 2554
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 17:01:12 น.
Counter : 931 Pageviews.

4 comments
  
เก็จลดานี่น่ากลัวจริงๆง่ะ ยิ่งจะรวมร่างกะยัยนิทราแล้ว ไม่อยากจะคิด
โดย: pearzilla IP: 71.90.78.168 วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:11:34:23 น.
  
เก็จลดาก้อคือพสิตาในอดีต ใช่มั้ยค่ะ ........
โดย: มิ้ลค์ IP: 125.26.231.56 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:13:47:01 น.
  
เมื่อไหร่ตอนต่อไปจะออกมาให้อ่านล่ะค่ะ อยากอ่านต่อจนใจจะขาดอยู่แล้วววววว............. ติดตามมาตั้งแต่นาคสวาทแล้วล่ะค่ะ
โดย: มิ้ลค์ IP: 125.26.231.56 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:13:49:24 น.
  
สนุกมากเลยคะชอบมากๆน่าติดตามทุกตอนเลยคะ
โดย: Mimi IP: 119.246.55.163 วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:21:07:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
สิงหาคม 2554

 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend