บทที่ 16 เปิดเผย
บทที่ 16 เปิดเผย

เสียงข้าวของที่หล่นตกกระทบกับพื้นนั้นทำให้ศรุตาต้องรีบตรงดิ่งมาหาศราวินด้วยความกังวล แต่เมื่อเธอมาถึงโถงใหญ่ของคฤหาสน์ก็ต้องพบกับหญิงสาวสองคนที่ยืนมองเธอเป็นตาเดียว เก็จลดาผู้มีพลังอำนาจมากกว่าหลายเท่าตัวเพ่งมองนางครุฑสาวด้วยสายตาอำมหิตขณะที่ญาดาวีพยายามตั้งจิตให้แน่วแน่เพื่อไม่ให้หวั่นไหวต่อการโจมตีของอีกฝ่าย

กรงเล็บสีแดงเข้มกางออกมาจากสองมือของศรุตา ดวงตาสีแดงฉานจ้องมองมนุษย์สาวผู้เป็นสาวกแห่งนาคเสนด้วยความขุ่นเคือง “แกกล้ามากนะที่เข้ามาเหยียบคฤหาสน์รักตปักษ์แบบนี้...ดีล่ะ มาให้ฆ่าถึงที่ชั้นจะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปตามหาให้เหนื่อย” จบคำกลุ่มโต๊ะเก้าอี้ก็ลอยขึ้นจากพื้นห้องก่อนพุ่งตรงเข้าใส่ร่างเก็จลดาอย่างแรง หญิงสาวเหวี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด เคลื่อนกายคล่องแคล่วมาหยุดอยู่อีกฟากของห้องจนศรุตาจ้องมองอย่างเจ็บใจ

“แกจับศรัณย์และชลธิชาไว้ที่ไหน?” ญาดาวีร้องถามเสียงก้องขณะที่วายุแอบซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในความมืดโดยที่นางครุฑสาวไม่รู้ตัว

นางปักษาสีชมพูสดจ้องมองหญิงสาวผมสั้นซอยก่อนแสยะยิ้ม ทันใดนั้นเก็จลดาก็ตรงปรี่เข้าใส่อีกฝ่ายในทันทีแต่ศรุตาก็รู้ตัวเสียก่อน กรงเล็บแหลมคมจึงบีบคอระหงของอีกฝ่ายไว้แน่น

เก็จลดาดิ้นรนสุดชีวิต ใช้มือสองข้างสัมผัสอีกฝ่ายเพื่อปล่อยพิษให้แผ่ซ่านแต่นางสกุณาก็สยายปีกและขนปุยหนาขึ้นมาป้องกัน ปลายเล็บของสาวกแห่งนาคเสนจึงได้แต่กำขนนกไว้แน่น อากาศเริ่มหดหายลงทีละนิด...

ญาดาวีพริ้มตาหลับก่อนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าปอดและผ่อนมันออกอย่างช้าๆ เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นจ้องมองศัตรูร้ายที่กำลังเล่นงานเพื่อนรัก ดวงตาสีน้ำตาลทองทอประกายเจิดจรัสขึ้นมาราวกับลูกแก้ววาวใสที่สะท้อนกับทองคำอันมีค่า ความเจ็บปวดดุจดังถูกปลายดาบแหลมคมที่กำลังร้อนระอุจ้วงแทงลงกลางแผ่นหลังทำให้ศรุตากรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด กรงเล็บสีแดงที่บีบคอเก็จลดาจึงพลันหลุดออกอย่างอัตโนมัติ ปีกขนาดใหญ่และขนนกที่ปกคลุมตัวค่อยๆ หดหายคืนกลับเข้าร่างดังเดิม

“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเอาชลธิชาไปไว้ที่ไหน?” ญาดาวีตะโกนถามด้วยความขุ่นเคืองสุดขีด กระแสจิตที่มีความรุนแรงประหนึ่งกำลังกระชากเนื้อหนังของครุฑสาวออกเป็นชิ้นๆ

“มันอยู่ในห้องลับของวิมาน แต่ตอนนี้คุณตรีดาวกำลังพาพวกมันไปที่ดาดฟ้า...” ศราวินที่นอนเจ็บอยู่ต้องกัดฟันอย่างแค้นเคืองที่ศรุตายอมเปิดปากง่ายดายแบบนี้ เก็จลดารีบพุ่งกายไปที่บันไดขณะที่ญาดาวีรีบตามไปติดๆ เช่นกัน


ชลธิชาจับมือชายหนุ่มที่ถูกมัดอยู่ข้างๆ ไว้แน่นขณะก้มมองลงไปยังผืนดินเบื้องล่างที่อยู่ไกลลิบลิ่ว กระแสลมเย็นพัดโชยเข้ามาปะทะสองร่างที่ถูกมัดติดไว้ที่ระเบียงสูงแห่งคฤหาสน์รักตปักษ์ หากว่าตรีดาวตัดเชือกที่มัดลำตัวของทั้งสองไว้กับราวระเบียงทั้งร่างก็จะร่วงลงสู่ผืนดินทันที

เก็จลดาจ้องมองศรัณย์ที่ถูกมัดติดไว้กับระเบียงสูงด้วยความเจ็บใจก่อนหันมาหาประมุขแห่งรักตปักษ์ที่ยืนจ้องมองเธอประหนึ่งเป็นเพียงอสรพิษต่ำต้อย

ร่างแบบบางในชุดคลุมสีแดงค่อยๆ กลายเป็นนางพญาปักษาร่างสูงใหญ่ที่น่าเกรงขาม ปีกสีแดงหนาเข้มกางออกจากแผ่นหลังไปไกลจนเกือบสุดขอบระเบียงกว้าง จะงอยปากแหลมคมงุ้มงอพร้อมจะจิกกัดศัตรูให้ขาดใจตายแหละกรงเล็บทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งและคมกริบพอๆ กับอาวุธร้ายที่ใช้สังหารทุกสรรพชีวิตให้ตายได้ในทันที

ญาดาวีกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ พยายามกำหนดจิตเพื่อใช้อิทธิฤทธิ์ที่ตนมีอีกครั้งแต่ทว่ามันก็เพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดไปได้ชั่วครู่ ร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและความโกรธแค้นเพ่งสายตามายังหญิงสาวทั้งสองก่อนจะโบกปีกพัดจนเก็จลดาและญาดาวีต้องกระเด็นไปคนละทิศละทาง

นางปักษาหันไปหาเหยื่อทั้งสองที่แขวนติดอยู่กับระเบียงก่อนใช้กรงเล็บสองข้างกระชากร่างทั้งสองมาจับไว้รีบร่อนถลาลงสู่อากาศด้วยความเร็ว

“แย่แล้ว...เราต้องรีบตามไป” เก็จลดาครางเสียงเหนื่อยหอบขณะมองตามปีกสีแดงที่กำลังบินจากไปก่อนที่ญาดาวีจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นครูฑอีกตนปรากฎกายต่อหน้า

ดวงตาสีน้ำตาลแดงของปักษาหนุ่มที่เพ่งมองทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมา “มากับผม...” น้ำเสียงทุ้มกังวานของวายุที่สื่อสารผ่านทางหัวใจทำให้ญาดาวีรีบลุกพรวดขึ้นก่อนตรงขึ้นไปเกาะหลังครุฑหนุ่มไว้แน่นและหันมาหาเก็จลดา

“ชั้นจะพาตัวชลธิชาและศรัณย์มาให้ได้ดา...ชั้นสัญญา”

“ไม่ต้องกลัวนะชล...ไม่ต้องกลัว” ศรัณย์ตะโกนบอกหญิงสาวแข่งกับกระแสลมแรงที่พัดผ่านร่างกาย ยิ่งชายหนุ่มดิ้นพรวดพราดเพื่อหมายจะหลุดพ้นเท่าใด นางครุฑสาวก็ยิ่งใช้กรงเล็บบีบรัดร่างกายชายหนุ่มแน่นขึ้นเท่านั้น เหตุการณ์ที่พลิกผันและนางปักษาที่น่ากลัวทำให้ชลธิชาร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นกลัว อีกฝ่ายเป็นครุฑที่ทรงอำนาจมีหรือที่เหล่านาคาจะกล้าต่อกร

ตรีดาวคิดว่าจะพาตัวประกันทั้งสองไปคุมขังยังสถานที่ลับของปักษาอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลแต่ทว่าบินออกมาจากมณีนิลได้ไม่เท่าไหร่รัศมีสีเขียวแปลกประหลาดที่ส่องขึ้นมาจากพื้นดินก็ต้องทำให้นางปักษาหยุดชะงักก่อนที่แสงสีเขียวอันทรงอำนาจนั้นจะพุ่งมายังตน

ประมุขแห่งรักตปักษ์เซหลาเพราะฤทธิ์แห่งมณีนาคสวาทที่อรวินทร์ถือไว้และตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่าย ปีกซ้ายที่บาดเจ็บทำให้ตรีดาวเคลื่อนไหวช้าลง อรวินทร์และภุชคินทร์ที่อยู่บนผืนดินรีบตามนางครุฑสาวไปติดๆ ด้วยความรวดเร็ว จนเมื่อได้โอกาสอีกครั้งประมุขแห่งนิลนาคจึงชูมณีนาคสวาทขึ้นเหนือหัว ลำแสงสีเขียวอันทรงพลานุภาพพุ่งตรงไปตามที่แรงจิตของเธอสั่งการ ร่างนางปักษาที่สิ้นฤทธิ์ค่อยๆ หล่นฮวบลงสู่พื้นดิน

ศรัณย์รีบคว้าเอามือคนรักมาจับไว้แน่นก่อนรีบวิ่งออกห่างจากร่างนางครุฑที่นอนเจ็บแต่ทว่าอีกฝ่ายก็กัดฟันลุกขึ้น ปีกหนากระพือปีกโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง

ภุชคินทร์มองเห็นร่างลูกชายที่จับมือคนรักวิ่งตรงมาหาตนแล้วก็คลายยิ้มอย่างหมดห่วง ศรัณย์จับมือนุ่มนิ่มที่เย็นชื้นนั้นไว้แน่น ก่อนที่ร่างบางจะถูกบางอย่างดึงรั้งขึ้นสู่ฟากฟ้า ปลายนิ้วของหญิงสาวหลุดออกจากมือหนาในที่สุด

“ชล... ไม่นะ” ชายหนุ่มหันขวับพร้อมกับตะโกนเรียกคนรักสุดเสียง เสียงสายลมที่ดัดหวีดหวิวเพราะแรงกระเพื่อมจากปีกสีแดงหนาเข้มดังกลบเสียงร้องคร่ำครวญของหญิงสาวและชายหนุ่มที่ได้แต่เรียกหากัน ภุชคินทร์และอรวินทร์มาถึงตัวศรัณย์แต่ก็สายเกินไป นาคาทั้งสองได้แต่ทอดมองร่างนางปักษาที่ทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้าเกินที่อรวินทร์จะใช้มณีนาคสวาททำให้อีกฝ่ายร่วงลงสู่ผืนดินได้


มะลิรีบมาที่เรือนพักของนางพิมพ์ดาวด้วยความเร่งรีบและดีใจ ทันทีที่ทราบจากญาดาวีว่าหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นพี่และได้หายตัวไปกว่ายี่สิบปีจะมาเยือนมณีนิลก็ทำให้หญิงวัยสามสิบคนนี้ดีใจจนน้ำตาไหล

เมื่อลงจากพาหนะที่พาเธอกลับคืนสู่บ้านเกิดได้ กลิ่นจันทร์ก็ตรงปรี่เข้าสวมกอดร่างแบบบางตรงหน้าด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ “มะลิ...พี่ขอโทษ...” รอยกอดอันอบอุ่นและเสียงสะอื้นไห้ทำให้มะลิคลี่ยิ้มทั้งน้ำตา คิดว่าชาตินี้คงจะไม่ได้พบตัวพี่สาวที่แสนดีของเธอคนนี้อีกแล้ว

“มะลิคิดถึงพี่จันทร์เสมอค่ะ คิดถึงทุกวัน ได้แต่หวังว่าจะได้เจอพี่จันทร์อีกครั้ง” มะลิกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นกระทั่งพิมพ์ดาวที่ยืนดูอย่างน้ำตาซึมจะเดินเข้ามาบีบแขนกลิ่นจันทร์เบาๆ

“พิมพ์ดาว...” หญิงวัยสี่สิบผละร่างออกจากมะลิ หันมาหาผู้เป็นสหายรักยามเมื่ออยู่มณีนิล

“กลิ่นจันทร์...” พิมพ์ดาวจับสองมืออีกฝ่ายมากุมไว้ สองร่างยืนมองหน้ากันและกันพลางน้ำตาไหล

“เป็นยังไงบ้างดาว เธอสบายดีใช่มั้ย?”

“จ้ะ...ชั้นสบายดี ชั้นกับมะลิ รวมทั้งคนที่มณีนิลต่างก็มีคำถามมากมายที่ยังค้างคาอยู่ในใจเกี่ยวกับเรื่องของเธอ มาวันนี้ได้พบกันอีกครั้งก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าเธอเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจเหมือนที่พวกชาวบ้านมณีนิลบางคนกล่าวหา เธอพาภุชคินทร์มาด้วยใช่มั้ย?” คำถามของพิมพ์ดาวทำให้กลิ่นจันทร์ต้องนิ่งค้างไปพักนึง

“มา...เขามาด้วย พร้อมกับศรัณย์” จบคำกลิ่นจันทร์ก็เบิกตาขึ้นมองอีกฝ่ายทันที “ชั้นเองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกความจริงทุกอย่างให้เธอและมะลิได้รู้ จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจอีกต่อไป”

เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้าไปและเมื่ออิ่มจากมื้ออาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงมาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงกันกลางเรือนพักของนางพิมพ์ดาว มะลิและผู้เป็นเจ้าบ้านต้องเพ่งมองอรวินทร์ นาคาในร่างมนุษย์ที่รูปร่างหน้าตายังดูอ่อนวัยกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมาก แต่พิมพ์ดาวก็ไม่เก็บไปคิดให้หนักใจเพราะในวันนี้กลิ่นจันทร์ให้สัญญาแล้วว่าจะบอกความจริงทุกอย่างให้เธอและมะลิได้รับรู้

“ว่าแต่...ทำไมสีหน้าพ่อศรัณย์ดูเศร้าๆ ล่ะจ้ะ...ไม่สบายใจเรื่องอะไรรึเปล่า?” คำถามของพิมพ์ดาวทำให้ทุกร่างต้องหันขวับไปที่ชายหนุ่มร่างสูงที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดจากับใคร หากว่าผู้เป็นบิดาไม่รั้งเขาไว้ป่านนี้ก็คงตามนางครุฑรักตปักษ์นั่นไปเพื่อชิงตัวคนรักกลับคืนมาเป็นแน่

“ชลธิชาถูกตรีดาว รักตปักษ์ จับตัวไปน่ะ” เสียงของอรวินทร์สะกดทุกร่างให้นิ่งค้าง มะลิและพิมพ์ดาวหันไปมองตากันปริบๆ ด้วยความตกใจขณะที่ญาดาวีตรงไปทรุดนั่งเคียงข้างคนเป็นป้าก่อนบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ เธอคาดว่าพิมพ์ดาวคงต้องช็อกกับสิ่งที่กำลังจะได้รู้ต่อไปนี้แน่

“ทำไม?...ทำไมตรีดาวต้องจับตัวชลธิชาไปด้วยล่ะ?” หญิงเจ้าบ้านร้องถามประมุขแห่งนิลนาค อีกฝ่ายผ่อนลมหายใจเบาๆ ก่อนที่ภุชคินทร์จะเอ่ยขึ้น
“เรื่องมันก็สืบเนื่องมาจากความแค้นเคืองในอดีตนั่นล่ะ หากจะเริ่มเธอก็จำเป็นต้องเข้าใจในธรรมชาติของพวกเราก่อน...พิมพ์ดาว” วายุที่บินติดตามตรีดาวไปและได้คลาดกับอีกฝ่ายค่อยๆ ยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ ร่างสูงสง่าและโครงหน้าที่ยังเหมือนเดิมเมื่อครั้งอดีตชาติคลี่ยิ้มให้มนุษย์สูงวัยที่สมองอัดแน่นไปด้วยความสงสัย

“ผมคือวายุ... อาจารย์พิมพ์ดาวก็คงสงสัยในแวบแรกที่เห็นผม เพราะผมเหมือนชายหนุ่มที่ชื่อวายุ คนที่เป็นเพื่อนสนิทของตรัศวิน รักตปักษ์ ใช่มั้ยล่ะครับ?” ดวงตาสีน้ำตาลแดงที่จ้องมองคล้ายกับสะกดให้นางพิมพ์ดาวนิ่งค้างเป็นท่อนไม้ เหมือนว่าอีกฝ่ายได้อ่านใจเธอออกจนทะลุปรุโปร่ง ชายหนุ่มในชุดสีขาวเดินเนิบนาบไปมาก่อนเอ่ยต่อ “ไม่รู้ว่าสวรรค์เมตตาหรือเพราะเวรกรรมที่ทำไว้ จึงทำให้ผมได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีพลังอำนาจในชาติเก่าก่อนหลงเหลืออยู่และผม...ก็ยังจำเรื่องราวของตัวเองที่เกิดขึ้นในอดีตชาติได้อย่างชัดเจน”

“นี่อย่าบอกนะว่านายเป็น นายวายุกลับชาติมาเกิด...” พิมพ์ดาวอ้าปากค้างขณะที่ชายหนุ่มยกยิ้มกลับไป

“และมีความจริงอีกข้อที่สำคัญ ที่อาจารย์พิมพ์ดาวต้องทราบ นั่นคือ...รักตปักษ์ คือครุฑตระกูลหนึ่งครับ ผมในอดีตชาติที่เป็นสาวกของพวกเขา...ก็เป็นครุฑเช่นเดียวกัน”

“ครุฑเหรอ?...” มะลิลากเสียงค้างอย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดของชายหนุ่ม หากแต่สิ่งที่เธอได้สัมผัสตั้งแต่คราวกลิ่นจันทร์เกิดเรื่อง มันก็กลับทำให้เธอเริ่มจะเชื่อเรื่องพวกนี้ขึ้นมา

“และที่สำคัญก็คือ...” อรวินทร์หันมาหาอดีตสหายที่จ้องเขม็งมายังเธอและภุชคินทร์ “ชั้นกับภุชคินทร์ รวมทั้งคนในตระกูลนิลนาค คือนาคาตามที่เหล่าชาวบ้านมณีนิลได้กล่าวหานั่นแหละ”

“หา... !!!” พิมพ์ดาวยกมือขวาทาบอกตัวเองเบาๆ หญิงวัยสี่สิบหรี่ตามองภุชคินทร์และอรวินทร์ที่ต่างก็มีร่างกายเหมือนกับมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อเอนหน้ามาหากลิ่นจันทร์เพื่อขอคำยืนยันอีกฝ่ายก็คลายยิ้มหนักแน่นส่งให้โดยไม่ออกปากโต้เถียงขัดแย้งผู้เป็นสามีและอรวินทร์สักคำ...นี่มันเป็นความจริงหรอกเหรอนี่ ?

“เธอคงรู้ว่าครุฑกับนาคเป็นศัตรูกันมานานแล้ว...” อรวินทร์เริ่มสาธยาย

“ตระกูลนิลนาคเราอาศัยอยู่ริมหนองมณีนิลมาเนิ่นนานเพราะที่นี่เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และที่สำคัญ เราอยู่...เพื่อรอคอยการปรากฎของอัญมณีสีเขียวอันทรงอิทธิฤทธิ์ มันคือมณีนาคสวาทสีเขียวมรกต เราทราบเพียงแค่ว่าจะมีหญิงสาวนำพามันมาสู่พวกเรา...และต่อมาเราก็ได้ทราบว่าหญิงที่มีบุญบารมีคนนั้นก็คือ...”

“ชั้นเอง...” สองคำที่หลุดออกมาจากปากของกลิ่นจันทร์ทำให้มะลิและพิมพ์ดาวต้องหันขวับไปมองอีกฝ่ายเป็นตาเดียว “ชั้นคือผู้นำพามณีนาคสวาทมาสู่ตระกูลนิลนาค” กลิ่นจันทร์บอกเสียงหนักแน่น ก่อนคลายยิ้มให้มะลิ “พี่รู้ความจริงนานแล้วว่าพวกนิลนาคไม่ใช่มนุษย์...แต่พี่กลัว ก็เลยไม่คิดจะบอกใคร” มะลิมองหน้าคนเป็นพี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่กลิ่นจันทร์มีหรือจะโกหกเธอ...พวกเขาทั้งหมดที่นี้จะโกหกเธอและพิมพ์ดาวไปเพื่ออะไร?

“รักตปักษ์ถูกสั่งให้ทำลายมณีนาคสวาท แต่เรื่องมันเหมือนจะไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะตรัศวินน้องชายของตรีดาวและเป็นหลานชายคนเดียวของสิตามัน รักตปักษ์...หลงรักกลิ่นจันทร์” เรื่องราวความรักอันแสนเศร้าเมื่อครั้งอดีตกาลทำให้กลิ่นจันทร์ต้องก้มหน้างุด อรวินทร์ผ่อนลมหายใจครู่นึงก่อนเอ่ยต่อ “พวกเราตามหาจนได้มณีนาคสวาทมาได้ แต่ทว่า...มันก็กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด” จบคำ กลิ่นจันทร์ก็นึกถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่คอยช่วยเหลือเธอทุกครั้งที่มีอันตรายและช่วยนำพาให้เธอได้พบกับมณีนาคสวาทสองชิ้นจนนำมาหลอมรวมกันได้สำเร็จ

“หากไม่ได้พิณภัทร์...ชั้นก็คงไม่รู้ว่ามณีนาคสวาทสีเขียวมรกตมีสองอัน...” สายตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความปีติที่มองไปยังร่างเพรียวลมของญาดาวีนั้นทำให้พิมพ์ดาวต้องหันมามองหลานสาวด้วยความสงสัย

“ญาดาวี...เคยเกิดเป็นโอปปาติกนาคาในตระกูลวิรูปักษ์ ในอดีต...เธอถูกส่งมาเพื่อคอยอารักขาผู้นำพามณีนาคสวาทจนกว่าพวกนาคสีเขียวจะค้นพบและได้มันมาครอบครอง...เธอก็คือพิณภัทร์นั่นเอง...”

“พิณภัทร์ !!!” พิมพ์ดาวแทบจะเป็นลมล้มฟุบลงไปแต่ก็ได้หลานสาวคอยเอายาดมจ่อจมูกและคอยบีบนวดอย่างเป็นห่วง
หญิงสูงวัยจ้องหน้ากลมรีของญาดาวีอีกครั้ง ตกลงว่านี่คือพิณภัทร์จริงๆ น่ะเหรอ?

“ไม่ต้องตกใจไปหรอกพิมพ์ดาว แม่หนูญาดาวีไม่เหมือนวายุ เธอจำเรื่องในอดีตไม่ได้ แต่ว่า...ฤทธาน่ะยังคงมีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่อาจจะลดน้อยลงไปบ้างเพราะเธอเป็นมนุษย์ ไม่ใช่นาคา” อรวินทร์ยื่นหน้าไปบอกอีกฝ่ายก่อนที่มะลิจะแทรกขึ้น

“แล้วที่...ตรีดาวจับตัวคนรักของศรัณย์ไปก็เพื่อจะแก้แค้นให้น้องชายน่ะเหรอคะ...แล้วตกลงว่า พี่วิน เอ่อ..พี่ตรัศวินแกเสียแล้วเหรอ?” คำถามของมะลิที่พูดออกไปนั้นตรงกับข้อสงสัยในใจของพิมพ์ดาวไม่ผิดเพี้ยน วายุหันไปมองสองสตรีมนุษย์สองนางก่อนจุดยิ้มราบเรียบ

“ครับ...ตรัศวินตายแล้ว เขาถูกพวกนาคเสนฆ่าตาย อ้อ...นาคเสนคือตระกูลนาคสีดำที่อยู่ทางอีสานเหนือ พวกเขามีองค์ศรีโคตมะปกครองเป็นประมุข มีมณีนาคสวาทสีดำไว้ครอบครอง นาคพวกนี้ได้สังหารคนในตระกูลรักตปักษ์จนตาย ทั้งสิตามัน ไตรเวทย์และตรัศวิน ส่วนเวนไตยถูกพิณภัทร์ฆ่า...”
ปลายเสียงหันมาหาญาดาวีที่ตั้งใจฟังเรื่องราวในอดีตด้วยความตั้งใจ “ศรุตาซึ่งหลงรักเวนไตยอยู่แล้วเคืองแค้นมากจึงหมายจะฆ่าพิณภัทร์ แต่ผมก็มารับปลายมีดที่เธอหมายจะปักลงกลางอกผู้ที่ฆ่าเวนไตย... ผมเหลือเพียงแค่วิญญาณ แต่ศรุตาก็ยังไม่หยุด...เธอร่ายมนตร์อาลัมพายและสังหารพิณภัทร์จนขาดใจตายในที่สุด” วายุหรุบตาลงต่ำก่อนพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมา เขาไม่อยากจะคิดถึงเรื่องในอดีตชาติสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งคิดมันก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากเท่านั้น

“แล้วหลังจากนั้นชั้นก็พากลิ่นจันทร์หนีลงใต้ เราสองคนปลูกบ้านหลังเล็กๆ อาศัยอยู่กันที่โขงเจียม มีลูกชายที่น่ารักชื่อศรัณย์...” ภุชคินทร์ลูบศีรษะผู้เป็นลูกชายเบาๆ ก่อนที่อรวินทร์จะยิ้มเหยียดเมื่อนึกถึงตรีดาว รักตปักษ์

“ตรีดาวยังคงฝังใจเจ็บที่กลิ่นจันทร์เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ทั้งที่ความจริงแล้วรักตปักษ์เองต่างหากที่ทำตัวเอง...” กลิ่นจันทร์เอาปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มออกเบาๆ


ศรัณย์นอนขบคิดอยู่ทั้งคืนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากต้องให้นิลนาคตามตรีดาว รักตปักษ์ไปก็อาจจะเป็นกลอุบาย ญาติ พี่น้องและเหล่านาคาอีกมากมายจะต้องเจ็บเพราะเค้า...

ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนภายหลังตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เขาจะต้องจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง... เขาจะต้องได้ตัวชลธิชาคืนมา เรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี



Create Date : 27 กันยายน 2554
Last Update : 27 กันยายน 2554 20:36:16 น.
Counter : 609 Pageviews.

1 comments
  
ในที่สุดสาวๆ(เหลือน้อย)ก็ได้เจอกันซะที แต่แอบสงสารป้าบัว ไม่ได้เจอกลิ่นจันทร์จนเสียไป
โดย: pearzilla IP: 71.90.78.146 วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:10:15:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
กันยายน 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
25
26
28
29
30
 
 
27 กันยายน 2554
MY VIP Friend