Mint's world.
|
|||
บทที่ 11 ตามล่า บทที่ 11 ตามล่า ชลธิชาหายจากการบาดเจ็บแล้ว หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลมาได้สามวันในขณะที่ได้คนรักและเพื่อนสนิทอย่างญาดาวีคอยดูแล นับวันเธอก็ยิ่งสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติในตัวศรัณย์ เขาดูน่าสงสัย คล้ายกับว่ากำลังปิดบังอะไรบางอย่างไว้ บางอย่างที่ชลธิชากำลังสงสัยและหวั่นเกรง... รถยนต์คันงามวิ่งสวนทางกับยานพาหนะในท้องถนนอันคราครั่ง หญิงสาวเหม่อมองผ่านกระจกรถออกไป สายฝนเริ่มเทกระหน่ำลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลมแรงพัดโหมเข้าใส่ใจกลางเมืองหลวงที่แออัดยัดเยียดราวกับเงาสีดำอันชั่วร้ายของมัจจุราช... สองหนุ่มสาวต้องหนีขึ้นห้องมาอย่างเปียกปอนเพราะโรงจอดรถกับตัวอพาร์ตเม้นท์นั้นห่างกันพอควร เมื่อถลาเข้าห้องพักมาได้ศรัณย์ก็รีบวิ่งไปหาผ้าขนหนูมาซับตัวให้คนรักทันที ปลายนิ้วแกร่งค่อยๆ หยิบเอาผ้าขาวซับดวงหน้าที่เปียกชื้นออกเบาๆ เหนื่อยมั้ยชล... เอ่ยถามคนรักเสียงค่อย ชลธิชาช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงเนตรเขียวคล้ำที่อบอุ่นก่อนส่ายศีรษะช้าๆ ศรัณย์เองก็เปียกเหมือนกัน พูดจบก็คว้าผ้าขนหนูจากมือเขามาเช็ดศีรษะของชายหนุ่ม ศรัณย์โอบร่างบางนั้นมาแนบกับลำตัว สองร่างประสานสายตากันอย่างชิดใกล้ ริมฝีปากอันรุ่มร้อนบดเบียดกันและกัน... ชล... ศรัณย์... เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้สองร่างต้องคลายรอยจูบออกจากกัน รูปหน้าคร้ามคมจ้องมองไปยังประตูห้องก่อนหันมาหาหญิงสาว เดี๋ยวผมไปดูเอง... ศรัณย์สาวเท้าไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออกช้าๆ ดวงหน้าวงรีที่รับกับผมสั้นซอยของญาดาวีลอยเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า สองตาสีน้ำตาลสุกใสดูเป็นกังวลก่อนที่เธอจะค่อยๆ ถอยร่างออกห่างจากหน้าประตู ศรัณย์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงงก่อนจะเหลือบไปเห็นคราบหยดน้ำและดินโคลนที่เปรอะเปื้อนอยู่หน้าห้อง เมื่อเหลือบมองไปตามเส้นทางของมันก็ยาวไปจนถึงหน้าลิฟต์... รอยการเลื้อยคล้ายงู งูที่ตัวใหญ่เอาการ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จู่ๆ ญาดาวีก็ขนลุกซู่ขึ้นมา หญิงสาวจ้องหน้าศรัณย์ด้วยความหวั่นเกรง ชลธิชาโผออกมาเกาะหลังคนรักก่อนมองหน้าญาดาวีและได้เห็นรอยนั่น... หญิงสาวรู้สึกหนาวยะเยือกจับใจเมื่อเพ่งมองรอยบนพื้นนั่นที่มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของเธอ ผู้คนที่เดินออกมาจากลิฟต์แล้วเห็นรอยประหลาดต่างหยุดดูอย่างงุนงง บางคนที่เปิดประตูออกมาจากห้องแล้วก็ต้องชะงักงัน... มันใกล้เข้ามาแล้วชลธิชา ใกล้ความจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว... ฉันมีเรื่องจะเล่าให้เธอฟังชล... เรื่องสำคัญมาก ญาดาวีกุมมือเพื่อนสนิทที่เธอรักที่สุดไว้ ชลธิชาวางหน้านิ่งขรึมภายใต้ความเคร่งเครียดที่เธอซุกซ่อนไว้ ญาดาวีค่อยๆ ระบายลมหายใจออกเบาๆ บีบมือชลธิชา เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันกลับไปหาคุณป้าพิมพ์ดาว ที่นั่นฉันได้พบกับผู้ชายคนนึง เขาชื่อวายุ... แล้วยังไงต่อ... เขาเล่าให้ฟังว่าในสมัยก่อนมณีนิลมีครอบครัวนามว่านิลนาคอาศัยอยู่ริมหนองมณีนิล ชาวบ้านเชื่อว่าพวกเขาเป็นนาคาในร่างมนุษย์ นิลนาคมีทายาทนามว่าภุชคินทร์ และเขาก็รักกันกับหญิงสาวคนนึงชื่อกลิ่นจันทร์ ก่อนจะเกิดเรื่องราวที่ทำให้ต้องพลัดพรากและหลบหนีไปอาศัยยังที่อื่น... ภุชคินทร์... กลิ่นจันทร์... นิลนาคงั้นเหรอ? ชลธิชาทวนคำ รู้สึกประหนึ่งว่าร่างกายลอยละล่องอยู่บนเวิ้งอากาศอันเบาหวิว หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว หรือว่าภาพที่ได้เห็นในความฝัน มันจะ... พวกเขาก็คือพ่อและแม่ของศรัณย์.. จบประโยคชลธิชาก็หันขวับมาจ้องหน้าญาดาวีทันที ถ้าฉันไม่ได้ฟังเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังว่าฝันเห็นภาพอะไรบ้าง และเรื่องราวที่พวกเราได้พบเจอฉันจะไม่ยอมปักใจเชื่อเด็ดขาด แต่นี่... ฉันชักใจสั่นมากขึ้นทุกทีแล้วชล... ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง?...ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงดี... ชลธิชาเบือนหน้าหนี เริ่มจากถามความจริงจากศรัณย์... ญาดาวีย้ำช้าชัด ชลธิชาหันมามองเพื่อนสนิทด้วยความหวั่นเกรง แต่ฉันอยากรอให้แน่ใจกว่านี้ มันอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้วี มันอาจจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระ.. ญาดาวีส่ายหัวเมื่อได้ฟังคำนั้นจากปากเพื่อนรัก คนที่จะไขความจริงทั้งหมดได้ก็คือพ่อกับแม่ของศรัณย์ คุณป้าพิมพ์ดาวบอกว่าเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่ชื่อกลิ่นจันทร์ ก่อนที่เธอจะหายไปพร้อมกับตระกูลนิลนาค มีชาวบ้านหลายคนยืนยันได้ว่าเห็นคนในตระกูลนั้นกลายร่างเป็นพญานาคต่อหน้าต่อตา ฉันอยากพาคุณป้าพิมพ์ดาวและคุณน้ามะลิไปพบพ่อกับแม่ของศรัณย์... ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอวี ชลธิชาลากเสียงก่อนที่ญาดาวีจะจ้องหน้าเธอตรงๆ เธอรู้มั้ยว่าคุณวายุบอกฉันว่ายังไง ตอนนี้ตระกูลนิลนาคมีศัตรูคอยจ้องจะเล่นงาน หนึ่งคือพวกครุฑสองคือนาคาอีกกลุ่ม...พวกเขาต้องการจะฆ่าศรัณย์... อะไรนะ !!! สองร่างจ้องหน้ากันแน่นิ่ง ตกลงว่าเรื่องที่เธอกำลังจะได้พบนั้นเป็นเรื่องจริงเหรอนี่? ไม่นะ... ศรัณย์เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ไม่มีทางเป็นนาคตามที่เธอเห็นในความฝันและตามที่ญาดาวีกล่าวหาเด็ดขาด ขอฉันคิดอีกซักพักได้มั้ยวี ขอเวลาฉันอีกนิด... วายุบอกฉันว่าพวกเขาเริ่มรุกรานเราแล้ว ทั้งเธอและศรัณย์กำลังถูกตามล่า... เก็จลดายืนมองเศียรของพญานาคที่ชูหงอนอันงดงามหน้าอุโบสถในวัดโบราณกลางกรุงเก่าอยุธยา วันนี้ทั้งคณะออกมาศึกษาศาสนสถานในสมัยอยุธยาเพื่อเก็บรายละเอียดความแตกต่างของวัดที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงทำให้หญิงสาวจ้องมองเศียรอันงดงามนั้นอย่างไม่เบื่อหน่าย รู้สึกสุขใจยามได้มองและยิ่มรู้สึกอิ่มเอมมากขึ้นเมื่อจินตนาการเห็นเศียรนั้นชูขึ้นกลางหนองน้ำใสในกลางเดือนเพ็ญอันนวลผ่อง... แต่ทว่าพลันนั้นเองสมาธิและความสุขที่ได้รับก็จางหายไปในฉับพลันเมื่อเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นสาปของปักษาที่เธอจำได้แม่น ร่างระหงของศราวินยืนกอดอกห่างไปราวห้าเมตร บนไหล่อันสง่างามนั้นมีนกตัวน้อยสีชมพูสดเกาะอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลแดงของมันจ้องมองดวงหน้าของเก็จลดาแน่นิ่ง มันก็เป็นได้แค่เดรัจฉานสัตว์... น้ำเสียงเย้ยหยันและเสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้เก็จลดาต้องสะบัดหน้าไปจ้องมองอย่างไม่พอใจ นกน้อยกรีดร้องใส่อีกฝ่ายเมื่อแสงทินกรสาดส่องกระทบพลอยสีดำที่ห้อยบนคอเก็จลดา ศราวินเบือนหน้าหนีก่อนแหงนดวงพักตร์ขึ้นจ้องมองรูปสลักที่อยู่เหนือประตูอุโบสถ พญาครุฑกางปีกอันแข็งแกร่ง กางกรงเล็บแหลมคมจิกนาคสองตัวเอาไว้... ครุฑยุดนาค... คลายยิ้มเยียบเย็นส่งให้เก็จลดา ยังไงก็แพ้ แพ้มาทุกภพทุกชาติ และจะแพ้ตลอดไป... ถึงยังไงแม่พญาครุฑก็ต้องตกเป็นทาสนางกัทรุตั้งหลายร้อยปี เพราะความโง่เง่าของนางวินตา... เพราะความเจ้าเล่ห์ขี้โกงของนางกัทรุต่างหากล่ะ !!! ศราวินสะบัดเสียงใส่ เก็จลดาสูดลมหายใจเข้าปอดด้วยความฮึดฮัดก่อนเดินเข้าหาศราวินที่เตรียมตั้งรับอย่างไม่หวั่นเกรง เก็จลดา... เสียงเรียกของญาดาวีฉุดให้หญิงสาวต้องหยุดนิ่ง เพื่อนอีกคนวิ่งเหยาะๆ ตรงมาหาก่อนหันไปมองศราวินที่ยืนแสยะยิ้ม ไม่มีเรื่องกันสักครั้งจะได้มั้ย? หันไปว่าใส่เก็จลดาก่อนที่อีกฝ่ายจะสะบัดตัวเดินหนีไป ฉันไม่มีวันจะญาติดีกับแม่นั่นแน่ สองตาสีน้ำตาลอ่อนของญาดาวีประสานกับสองเนตรของศราวินที่ดุดันราวกับนางพญาอินทรีย์ นกน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้งก่อนที่หญิงสาวจะหันหลังกลับและเดินจากไป ชลธิชาต้องยืนนิ่งราวกับว่าทั้งร่างกลายเป็นหินที่ไร้ชีวิตเมื่อได้พบกับชายหนุ่มปริศนาคนนั้นอีกครั้ง... ปริตร นิลนาค ดีใจหรือเสียใจที่ได้พบผมอีก... น้ำเสียงทุ้มกังวานทำให้ร่างบางขนลุกซู่ เขาช่างคล้ายกับศรัณย์ราวกับพิมพ์เดียว ชายหนุ่มในชุดขาวสะอาดตาเดินเข้าไปหา เขาคลายยิ้มพร้อมกับจ้องหน้าหญิงสาวตรงๆ ผมดีใจที่ได้พบคุณอีกนะครับ ชลธิชา... คุณรู้ชื่อชั้น หญิงสาวเอานิ้วชี้จิ้มอกตัวเองก่อนที่อีกฝ่ายจะแกล้งฉีกยิ้ม ผมเรียนที่เดียวกันกับคุณ แต่คุณคงไม่ทันได้สังเกตุเห็นผม เหรอคะ... เอ่อ ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องที่คุณช่วยฉันวันนั้นด้วย ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่...วันนี้ดูสีหน้าคุณไม่ค่อยสบายใจจัง ดวงตาสีเขียวคล้ำเจ้าเล่ห์เหลือบมองดวงหน้าที่เอนหนีไปอีกทาง ฉันก็...มีเรื่องต้องให้คิดหลายเรื่องค่ะ ชลธิชาถอนหายใจก่อนเดินนำหน้าชายหนุ่มไปทางด้านหลังวัดที่ติดกับคูน้ำใหญ่ คุณกำลังสงสัยในตัวเค้า... ชายหนุ่มผู้เดินตามหลังลากเสียง นั่นทำให้ร่างบางต้องหยุดกึกในทันใด ปริตรค่อยๆ สืบเท้ามายืนเคียงข้างหญิงสาว คุณคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่คุณเห็นคือเรื่องจริง ! คุณพูดเรื่องอะไร ชลธิชาสะบัดหน้ามาหาเค้า ทั้งรู้สึกไม่พอใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่คนตรงหน้านี้พูดปริตรสืบเท้าตามมา ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องสองตาของหญิงสาวเพื่อสะกดจิต พลันนั้นภาพขณะที่ศรัณย์กำลังกลายร่างเป็นพญานาคก็ปรากฎภายในสองตาเขียวคล้ำของเค้า ไม่จริง... หญิงสาวถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัวก่อนจะพริ้มตาหลับ เค้าไม่ใช่มนุษย์ชลธิชา...เค้าไม่ใช่มนุษย์ คำพูดที่ดังก้องฉุดให้สองตาที่พริ้มหลับต้องเบิกมอง แต่ทว่า...กลับไร้ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มปริศนานามว่าปริตร นิลนาคคนนั้นอีกแล้ว เก็จลดานั่งเหม่อมองแม่น้ำอยุธยาที่สงบนิ่งอยู่บนศาลาริมน้ำหลังงามแห่งหนึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาดูงานที่วัดในเขตพระราชวังหลวง หญิงสาวหยิบจี้สีดำที่ห้อยคอขึ้นดูช้าๆ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมันอย่างหลงใหลก่อนนึกไปถึงใบหน้าอันเครียดขรึมของบุรุษร่างใหญ่ที่อยู่ในอาภรณ์สีดำนามว่าอำภุช นี่มันก็ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้วที่เธอได้รับสร้อยเส้นนี้มา มันยังคงอยู่ที่คอของเธอและยังไม่หายไปไหน มิหนำซ้ำเธอกลับรู้สึกถึงพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ทั้งการเคลื่อนที่ๆ รวดเร็ว การรับกลิ่นที่ดีเลิศและแม่นยำ รวมทั้งกำลังแขนและมือที่แข็งแกร่งขึ้น หญิงสาวคลายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงภาพตอนที่ตนเองมีชัยเหนือศราวินผู้ที่ยกตนเองประหนึ่งนางหงส์ผู้สูงศักดิ์ เธอไม่มีวันที่จะบินอยู่บนฟ้าตามที่ใจประสงค์ได้แน่... เธอเปลี่ยนไปนะดา... น้ำเสียงราบเรียบทำให้คนที่กำลังนั่งคิดอะไรเงียบๆ ต้องหันขวับมา ญาดาวีสืบเท้าขึ้นไปบนศาลาก่อนหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม คนเป็นเพื่อนเบือนหน้าหนีไปยังแม่น้ำกว้างพร้อมกับถอนหายใจจนได้ยินเสียง จะมาหาเรื่องอะไรชั้นอีกล่ะ? ฉันก็แค่เป็นห่วง พักนี้เธอดูแปลกๆ ชอบอยู่คนเดียว และก็...เจ้าอารมณ์มากขึ้น จบประโยค ดวงตาสีดำสนิทอันดุดันก็หันขวับมาจ้องมองญาดาวี กระแสจิตที่อาฆาตมาดร้ายไม่ได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสั่นสะท้านเลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่ถูกเธอจ้องมองจะต้องรีบหลบสายตาเว้นเพียงญาดาวีที่ไม่เคยจะหลบสายตาเก็จลดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชั้นไม่มีเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับเธอหรอกนะวี เสเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนยันกายลุกขึ้น ขอตัวก่อนนะ จบคำก็เดินดุ่มๆ ลงจากศาลาไปทิ้งให้คนข้างหลังต้องมองตามจนลับสายตา เก็จลดาเดินห่างออกไปไกลจนเกือบถึงรถยนต์อยู่แล้ว หากว่าหญิงสาวไม่เหลือบไปเห็นสองร่างที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่เสียก่อน ชายหนุ่มแปลกหน้าและหญิงสาวที่อาฆาตแค้นเธอกับเพื่อนๆ นักหนาคนนั้น... ชั้นคิดว่าจะจัดการมันอาทิตย์หน้า เธอช่วยจัดเตรียมคนให้ชั้นด้วย ปริตรบอกกับนิทราเสียงขรึมภายหลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะจัดการกับลูกชายคนเดียวของภุชคินทร์แต่ทว่านิทรากลับเห็นไม่ตรงกัน เร็วเกินไป... สามคำที่ฉุดให้นาคหนุ่มต้องหันขวับมาอย่างไม่พอใจ ตอนนี้คุณอรวินทร์รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อำภุชก็คงรู้แล้วว่าชั้นเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้มากเกินไป วาสิตากำลังไม่พอใจชั้น... วาสิตา องครักษ์อันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์นาคเสนงั้นเหรอ? นาคหนุ่มลากเสียง ใช่ ชั้นเป็นสมุนของนาคเสน และวาสิตาคือนาคโอปปาติกที่เก่งที่สุดในบรรดาเหล่านาคสีดำทั้งหมด ก็ช่างปะไร เราไม่ได้ไปฆ่าพวกนาคสีดำซักหน่อย ปริตรยักไหล่พร้อมกับแสยะยิ้ม ไม่ได้ การปฏิเสธอย่างหัวแข็งทำให้นาคหนุ่มเริ่มไม่พอใจ ก่อนที่นายจะเกิด อำมาตย์จงกรดวางแผนหวังช่วงชิงมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตไปจากพวกตระกูลนิลนาค บางคนก็กล่าวว่านาคพวกนั้นหวังจะนำมณีสีเขียวอันมีฤทธิ์นั้นไปถวายให้แก่องค์ศรีโคตมะ บ้างก็ว่านาคเหล่านั้นหวังจะนำมาทำร้ายราชวงศ์นาคเสนเพื่อโค่นล้มอำนาจ แต่ไม่ว่าเหตุผลใดๆ นาคาพวกนั้นก็ต้องจบชีวิตลงด้วยเงื้อมือขององครักษ์ทั้งสาม... แต่ชั้นจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ไอ้นั่นมันลอยหน้าลอยตามีชีวิตอยู่แน่ แม่ของชั้นต้องตายก็เพราะพ่อกับแม่มันเป็นต้นเหตุ ปริตรตะคอกใส่นิทราเสียงเครือ ความจริงแล้ว ศฤงคาร พ่อของนายตายด้วยฝีมือขององครักษ์ทั้งสามรวมทั้งแม่ของนายด้วย จบคำนิทราก็ก้มหน้างุด นึกหัวเราะกับคำพูดของตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยั่วยุปริตรสารพัด กล่าวหาว่าเป็นเพราะกลิ่นจันทร์จึงทำให้นิลนาคต้องอยู่ไม่เป็นสุข จนเป็นเหตุให้ปณาลีต้องตาย... ชั้นไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดอย่างนี้นิทรา ชั้นไว้ใจเธอแค่ไหน เธอก็รู้... นาคหนุ่มชี้หน้านิทราอย่างเลือดขึ้นหน้า หญิงสาวมองเค้าอย่างน้ำตาคลอเบ้า นึกถึงความผิดที่ได้กระทำลงไป มันช่างไม่สมควรยิ่ง... ชั้นขอโทษปริตร ชั้นขอโทษ ได้โปรดหยุดเถอะนะ ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดมันจบลงแค่นี้ เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ไม่ ไหนเธอว่าจะยืนอยู่เคียงข้างชั้นจนกว่าเราจะกำจัดไอ้ครึ่งคนครึ่งนาคนั่นสำเร็จไง ชั้นจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจนี้แน่ ถ้าเธอไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องช่วย แล้วก็อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก !!! วันนี้พี่ดาวต้องไม่เชื่อแน่ๆ เลยค่ะว่าแม่ศราวินของเราไม่เจออะไรมา... ศรุตาลากเสียง ภายหลังจากโผบินออกมาจากบ้านของผู้เป็นนายตรงสู่คฤหาสน์หลังย่อมของตรีดาว รักตปักษ์เพื่อส่งข่าวความเคลื่อนไหว เจ้าของบ้านหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ปลายนิ้วหยิบน้ำส้มคั้นขึ้นจิบเบาๆ เจออะไร? อย่าบอกนะว่าเจอนาค... ศรุตาอ้าปากยิ้มเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ พี่ดาวนี่เก่งจัง เดาถูกได้ยังไงคะ ตรีดาวผายยิ้มแทนคำขอบคุณ ตาคิดว่าแม่หนูนั่นคงเคยเกิดเป็นนาคาเมื่อชาติที่แล้ว แต่ฤทธิ์เดชบางส่วนยังคงอยู่ ดวงตาเธอมีสีดำน่ากลัว ทรงอำนาจไม่เบา แถมที่คอยังห้อยจี้สีดำ...คล้ายๆ กับสร้อยของพวกกัณหาโคตมะ สร้อยของพวกนาคสีดำงั้นเหรอ? ทายาทหนึ่งเดียวแห่งตระกูลอันมีนามว่าผู้มีปีกสีแดงเปรยเสียงขรึมก่อนที่ศรุตาจะยกยิ้ม เมื่อหลายวันก่อนหนังสือพิมพ์ลงข่าวเรื่องที่พบรอยประหลาดในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ตอนที่อยู่กับศราวิน ตาอ่านใจความคิดแม่หนูนั่นเลยได้รู้ว่าห้องที่รอยคล้ายพญานาคนั้นไปหยุดอยู่เป็นห้องของเพื่อนสมัยมัธยมของศราวิน เธอชื่อชลธิชาค่ะ... มันต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับพวกนาคาแน่ ในเมืองหลวงแบบนี้ไม่ค่อยจะมีนาคตระกูลไหนกล้าเผยตัวโจ่งแจ้งแบบนี้หรอก ไปสืบมานะศรุตา ชั้นอยากรู้ว่ามันเป็นนาคตระกูลไหนถึงได้กล้ามาอยู่ใกล้ครุฑอย่างเรา... เรื่องนี้ทำให้นึกถึงมณีนิล มีเพียงนาคตระกูลเดียวที่อาจหาญอยู่ใกล้เรา... พวกนิลนาค ! คำพูดของศรุตาทำให้ดวงตาสีน้ำตาลแดงของครุฑสาวเบิกกว้างในฉับพลัน ความเคียดแค้นที่ยังไม่จางหายประหนึ่งเปลวเพลิงที่ยังลุกโชนอยู่ในใจของตรีดาวอยู่ทุกคืนวันคุกรุ่นรอวันที่จะเผาไหม้ทุกชีวิตที่ทำให้เธอเจ็บ พวกมันทำลายรักตปักษ์ ทำให้เธอสูญเสียสิตามัน ไตรเวทย์ และน้องชายคนเดียวของเธอ... ตรัศวิน ไม่แน่...มันอาจจะเป็นสมุนของนิลนาคก็ได้ หันมาหาศรุตาพร้อมกับบอกเสียงขรึม ไปสืบมาให้ได้ว่ามันเป็นใคร?... เพิ่งเข้ามาอ่าน งงๆแต่ก็สนุกดี ภาคก่อนมันชื่ออะไรหรอจะได้ตามอ่าน
โดย: yuechan IP: 119.42.120.157 วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:20:49 น.
ภาค 1 นาคสวาท
ภาค 2 นาคนิรมิต ครับ อันที่จริงภาคสองก็จบแล้วหละครับ แต่เพื่อนๆ ในบล็อกอยากให้เขียนภาคสามก็เลยจัดต่อจากภาคสอง... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:12:50 น.
เขียนเก่งจังคะ ยิ่งอ่านไปเรื่อยก็อ่านได้ง่าย ไม่วกวน สนุกมากๆๆๆๆๆๆ
จะรอตอนต่อไปคะ โดย: แม่ต้นข้าว IP: 115.87.32.190 วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:26:14 น.
ติดตามผลงานอยู่ค่ะ แต่งเก่งจัง
โดย: ล่องลอย IP: 172.168.1.77, 180.183.241.161 วันที่: 30 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:06:22 น.
|
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แต่ปริตรนี่นิสัยเดียวกะแม่ตัวเองเด๊ะเลย