Mint's world.
|
||||
บทที่ 7 แสงสว่างแห่งความจริง บทที่ 7 แสงสว่างแห่งความจริง หญิงสาววัยย่างสามสิบปี รูปร่างได้โปร่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล ดวงตากลมใสสีน้ำตาลแดงเป็นประกายแวววับยามต้องแสงอาทิตย์ เคลื่อนกายเข้ามาหาศราวินด้วยท่วงท่าอันงามสง่าดุจนางพญาอินทรีย์... สวัสดีจ้ะ ฉันคือตรีดาว เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ คนที่ถูกทักนิ่งไปพักนึง ก่อนกระพริบตาปริบๆ ร่างกายคล้ายว่าได้รับพลังงานบางอย่าง ศราวินคลายยิ้มบางๆ ก่อนยกมือขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย คือ หนูชื่อศราวินค่ะ สนใจบ้านหลังนี้มาก ไม่ทราบว่า... เอ่ยบอกความต้องการหลังจากติดต่อกับคนรู้จักให้เธอได้พบกับเจ้าของบ้านผู้ลึกลับ ดวงตาสีน้ำตาลแดงเพ่งมองรูปหน้าอันคมคายและรูปร่างอันสง่างามของมนุษย์สาวตรงหน้า ศราวินประสานสายตากับฝ่ายตรงข้าม พลันนั้น...ร่างกายก็เหมือนได้รับพลังงานบางอย่าง พลังความแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่ ฉันยินดีขายบ้านนี้ให้กับหนู... รอยยิ้มของตรีดาวทำให้ศราวินรู้สึกปลาบปลื้มใจจนบอกไม่ถูก หญิงสาวค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย แหงนหน้ามองคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ในที่สุด...เธอก็จะได้เป็นเจ้าของมันแล้ว คือว่าอาทิตย์นี้หนูไม่ค่อยสะดวกน่ะค่ะ แต่หนูจะให้เงิน... เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ... อีกฝ่ายพูดดักทันควัน สายตาดุจนางพญาเหยี่ยวมองหน้าหญิงสาว ความจริงแล้วมีคนติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อบ้านหลังนี้หลายต่อหลายคน...แต่ว่า...ฉันก็ไม่ตัดสินใจขายให้พวกเค้า จนกระทั่ง... ตรีดาวยกเรียวมืออันอ่อนนุ่มแต่ทว่าแข็งแรงขึ้นจับฝ่ามือของศราวินพร้อมกับบีบเบาๆ กระแสไออุ่นบางอย่างแล่นเข้าสู่ปลายนิ้วของศราวิน หญิงสาวมองลึกลงไปยังสองตาของตรีดาว ภายในนั้นเธอมองเห็นภาพพญานกผู้แสนยิ่งใหญ่ กางปีกสีแดงฉาน โผบินเหนือนภากว้าง ฉันเลือกหนูแล้ว...รักตปักษ์ เลือกเธอ...ศราวิน ยามใดที่กลิ่นจันทร์หวนนึกถึงเรื่องในอดีต ดวงหน้าอันอิ่มเอิบก็ต้องเคร่งขรึมขึ้นทุกครา นี่มันยังไม่จบอีกงั้นหรือ? มณีนาคสวาทถูกค้นพบแล้วและมันก็ตกอยู่ในมือของนิลนาค แต่ทว่าเรื่องวุ่นวายยังคงไม่จบสิ้น หรือว่าเธอควรจะให้ภุชคินทร์กลับลงไปใช้ชีวิตที่บาดาล ปกครองตระกูลนิลนาค ทิ้งเธอกับลูกไว้บนโลกมนุษย์... ไม่มีประโยชน์หรอกจันทร์... น้ำเสียงกังวานใสที่คุ้นหูทำให้หญิงวัยสี่สิบต้องหันซ้ายขวา ยามนี้ย่างเข้าเที่ยงแล้ว พระจันทร์แรมแปดค่ำพอให้เห็นทิวโขงเป็นสีหม่น กลิ่นจันทร์พยายามหรี่ตามองสองร่างที่เดินขึ้นบันไดบ้านมาพร้อมกับร่างที่เปียกชุ่มด้วยหยดน้ำ ฉันเอง...อรวินทร์ อีกฝ่ายวิ่งโผเข้ากอดกลิ่นจันทร์ไว้แน่น...รูปร่างหน้าของเธอดูเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเช่นกัน อร...มันกำลังจะเกิดเรื่องใช่มั้ย? จะเกิดอะไรขึ้นอีก กลิ่นจันทร์ดันร่างอีกฝ่ายออกเบาๆ ภุชคินทร์เดินเข้ามาหา มองตาผู้เป็นภรรยาก่อนจะถอนหายใจยาว ปริตร...ลูกชายของพี่ปณาลีขึ้นมาที่นี่ เขาจะทำลายศรัณย์... หมายความว่ายังไง ทำไมลูกชายของพี่ปณาลีต้องทำอย่างนั้นด้วย ผู้เป็นแม่ร้องถาม อรวินทร์ขบกรามแน่นก่อนสาวเท้าไปยังระเบียงกว้าง ดวงตาเขียวคล้ำทอดมองสายหมอกยามดึกเหนือลำน้ำโขง มันเป็นความโกรธ เกลียดชัง...และด้วยการยุยงของนิทรา... เมื่อปริตรรู้ว่าแม่เขาตายเพราะเรื่องมณีนาคสวาท เขาก็เริ่มไล่เรียงหาสาเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมด...มัน... เพราะฉันและภุชคินทร์เป็นต้นเหตุใช่มั้ย? กลิ่นจันทร์จ้องหน้าอรวินทร์ตรงๆ แต่ไม่ว่ายังไง ศรัณย์ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้...ฉันคิดว่าเธอห้ามปริตรได้ ต้องหยุดเขานะอร อย่าให้เขาทำอะไรศรัณย์ แน่นอนจันทร์ ฉันไม่อยากเห็นตระกูลนิลนาคต้องมาฆ่าฟันกันเองแน่ แต่ว่า...ยังมีปัญหาอีกข้อนึง... อรวินทร์หลุบตาลงต่ำก่อนผินหน้าไปหาภุชคินทร์ อาการนิ่งเฉยของสามีทำให้กลิ่นจันทร์เริ่มรู้สึกใจไม่ดี เมื่อเห็นว่าภุชคินทร์ปฏิเสธที่จะพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง อรวินทร์จึงหันมาบอกกับกลิ่นจันทร์ตรงๆ ศรัณย์...ลูกชายของเธอ เขามีสายเลือดนาคในร่างมนุษย์อยู่ครึ่งนึง...แน่นอนว่า เขาต้องมีอะไรที่เหมือนกับนาค เธอหมายความว่ายังไงอร... กลิ่นจันทร์ลากเสียงค้าง ความหนาวยะเยือกของสายหมอกแผ่ซ่านเข้าสู่อณูขุมขน ฉันแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ มีอิทธิฤทธิ์และสามารถอ่านใจคนอื่น ศรัณย์เองก็เช่นกัน อีกไม่นานเขาจะเริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง การที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งขึ้น ประสาทสัมผัสที่ไวทั้งกลิ่นและเสียง และฤทธิ์ที่นาคทุกตนพึงมี... หากว่าเขาพบว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา และรู้ว่าพ่อของเขา... คนพูดเอียงหน้ามาหาภุชคินทร์ที่ยืนนิ่ง ไม่ใช่มนุษย์ หากเขาได้รับรู้เรื่องราวที่เหนือความคิดของมนุษย์ทั่วไป เขาจะรับมันได้รึเปล่า... มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นชล บอกฉันหน่อยได้มั้ย? ญาดาวีกระชับมือเพื่อนสนิทพร้อมกับบีบเบาๆ เกือบชั่วโมงที่ชลธิชาเอาแต่นั่งเงียบหลังจากที่นัดพบญาดาวีที่ร้านไอศกรีมเล็กๆ แห่งนี้ หญิงสาวก้มหน้างุดพร้อมพริ้มตาหลับ ภาพวงหน้าอันอบอุ่นของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นฉายวาบขึ้นมาก่อนที่มันจะซ้อนทับด้วยโครงหน้าคมเข้มที่เครียดขรึมของศรัณย์... ชล... ญาดาวีสะกิดคนเป็นเพื่อนอีกครั้งจนชลธิชาสะดุ้งโหยง เธอมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฉันฟังมั้ย? ชลธิชาผ่อนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกเบาก่อนหยิบเอากระเป๋าเงินสีดำสนิทส่งให้ญาดาวี กระเป๋าเงินใครเหรอ?... ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยถามอย่างแปลกใจแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของชลธิชาจึงรีบเปิดมันออก ญาดาวีค่อยๆ หยิบเอาบัตรประชาชนเจ้าของกระเป๋าออกมา นายปริตร นิลนาค... ดวงตากลมรีเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนแหงนหน้าขึ้นมองชลธิชา นี่...ทำไมนามสกุลเขาเหมือนกับศรัณย์... เอ่ยถามเพื่อนสาวอย่างสงสัย ชลธิชากัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง คือ...ผู้ชายคนนี้เขาช่วยฉันไว้จากอุบัติเหตุตอนกลับคอนโดน่ะ แต่พอดีเขาทำกระเป๋าตกไว้ฉันก็เลยเก็บไว้ แต่ว่าคืนนั้นศรัณย์มาหาฉันที่ห้องพอดี เขาเห็นกระเป๋าเงินนี่และก็ได้เห็นบัตรใบนี้... อย่าบอกนะว่า... ญาดาวีอ้าปากค้าง เขาไม่เชื่อเรื่องที่ฉันบอก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ทำไมเขาถึงต้องโกรธมากมายขนาดนั้นด้วยทันทีที่เห็นบัตรใบนี้...ฉันเองก็สงสัยนะวี ผู้ชายคนนั้น...กับศรัณย์ เกี่ยวข้องอะไรกันรึเปล่า มีบัตรประชาชนแบบนี้ หาตัวได้ไม่ยากหรอก ถ้าหากว่าศรัณย์เขาไม่เข้าใจเธอ เราก็ต้องตามหาผู้ชายคนนี้และก็พามาคุยกับศรัณย์ ให้เขายืนยันว่าเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่ศรัณย์คิด... ให้ตามหาเขาเหรอ? ชลธิชามองเลยไปยังบัตรประชาชนที่ญาดาวีถืออยู่ เธอจะได้เจอเขาอีกรึเปล่านะ...ผู้ชายที่ดูลึกลับคนนั้น คนที่มีดวงตาสีเขียวคล้ำเหมือนศรัณย์ไม่มีผิดเพี้ยน นั่นไงศรัณย์... ญาดาวีอ้าปากร้องเสียงดังจนคนในร้านหันมามอง ชลธิชามองผ่านกระจกหน้าร้านออกไปก็ได้เห็นร่างสูงใหญ่กำลังถือของให้เก็จลดากำลังรอข้ามถนนที่ติดขัด รอด้วยชล... ญาดาวีลุกพรวดตามร่างเพื่อนรักก่อนรีบวิ่งไปชำระเงินและตามชลธิชาออกไปติดๆ หญิงสาวแหวกม่านผู้คนที่เดินขวักไขว่ ตรงสู่ร่างหนาที่มองไม่เห็นเธอ เก็จลดาเกาะแขนแข็งแกร่งของศรัณย์ไว้แน่นขณะเดินข้ามถนน รถราที่ขับอย่างฉวัดเฉวี่ยนทำให้การข้ามถนนตอนนี้อันตรายไม่ใช่น้อย กว่าหลายวันที่ไม่ได้พบหน้าเขาหัวใจของชลธิชาก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าคมคายลอยเด่นอยู่ตรงนั้น เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง...เธอจะไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้แน่ หญิงสาวก้าวขาออกวิ่งตัดหน้ารถยนต์จนเกือบชนร่างเข้าอย่างจังยังดีที่รถคันหน้าจอดให้เธอข้ามผ่าน หญิงสาวจ้องมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มก่อนถลาร่างวิ่งไปข้างหน้าในขณะที่จักรยานยนต์คันหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วและมันก็ปะทะเข้ากับร่างบางอย่างแรง ชล... ญาดาวีกรีดร้องสุดเสียง ร่างหนาที่ข้ามผ่านถนนกว้างหันหลังขวับมามองในทันใด ร่างบางในชุดนักศึกษาล้มคว่ำอยู่บนพื้น เลือดสีแดงสดรินไหลออกมาจากหัวเข่าและศีรษะที่แทกกับพื้นถนนอย่างแรง มอเตอร์ไซด์ที่พุ่งชนกระเด็นไปล้มอยู่ข้างฟุตบาต มือหนาปล่อยถุงสัมภาระออกในทันใด สองเท้าวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่ไร้สติบนพื้นถนนทันที ชล...ชลครับ ศรัณย์ตบแก้มเย็นชืดของหญิงสาวเบาๆ หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รีบพาเธอไปโรงพยาบาลเถอะ... ญาดาวีบอกเสียงเครือ ศรัณย์ช้อนร่างที่โชกเลือดขึ้นอุ้มไว้ก่อนที่ญาดาวีจะเดินนำหน้าไปยังแท็กซี่ที่ร้องเรียกพวกเขาด้วยความเห็นใจ ศรัณย์เอาแต่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระวนกระวาย กลิ่นคาวเลือดที่เปรอะเปื้อนทั่วเชิ้ตสีขาวของเขาทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งนัก... เขาไม่ควรทิ้งเธอแบบนี้ ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะดูแลเธอ... ญาดาวีปาดน้ำตาตัวเองออกเบาๆ ก่อนระบายลมหายใจเพื่อขับไล่ความเครียดเกร็ง ชลธิชาคงไม่เป็นอะไรมาก ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองเธอด้วย... ทำไมชลต้องกระเสือกกระสนมาหาศรัณย์แบบนั้นด้วย...ทำยังกับว่าไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นสิบปี เก็จลดาทรุดนั่งลงข้างๆ พร้อมกับถุงเสื้อผ้าหลายใบที่ไปเดินเลือกซื้อพร้อมกับศรัณย์ ญาดาวีลุกพรวดขึ้นในพลันนั้น ร่างบางหันหน้าไปหาเก็จลดาที่จ้องมองเธออย่างไม่พอใจเช่นกัน อย่ามาจ้องหน้าฉันแบบนี้นะญาดาวี เธอก็รู้ว่าฉัน... เธอทำไมเก็จลดา เธอจะทำอะไรฉัน? ญาดาวีกระชากเสียงถาม เก็จลดาดีดตัวเองขึ้นประจันหน้ากับอีกฝ่ายในทันใด เธอเคยรับรู้ความทุกข์ของเพื่อนบ้างมั้ย? รู้ทั้งรู้อยู่ว่าศรัณย์กับชลเป็นแฟนกันแต่ก็ยังหน้าด้านชวนเค้าไปเที่ยวกันสองต่อสองแบบนั้น...เธอต้องการอะไรกันแน่ ฉันรู้แค่ว่าศรัณย์ไม่สบายใจ ฉันก็แค่เป็นเพื่อนคลายเหงาเค้าเท่านั้น แต่ถ้าเธอจะคิดแบบนั้นล่ะก็...ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ รอยยิ้มเหยียดหยัดของเก็จลดาทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของญาดาวีดุดันน่ากลัว เธอมองเข้าไป... ญาดาวีตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย ชี้มือไปที่ห้องฉุกเฉินที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนก้มหน้านิ่งอยู่ คนที่อยู่ในนั้นน่ะ เพื่อนเธอนะ...แต่ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ได้ ญาดาวีกำมือแน่น ในขณะที่อีกฝ่ายจ้องมองอย่างไม่กริ่งเกรง กล้าดียังไงมาตะคอกใส่หน้าคนอย่างเก็จลดา ดวงตาสีดำสนิทเปล่งประกายของความดุดันน่ากลัว แสงไฟที่ให้ความสว่างเริ่มติดๆ ดับๆ ไอหมอกสีดำน่ากลัวเริ่มเข้าปกคลุมรอบกายจนญาดาวีรู้สึกหนาวยะเยือกแต่ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกกริ่งเกรง...พลันนั้นเอง หญิงสาวก็มองเห็นดวงแก้วสีเหลืองทองสุกสว่างในมโนจิต ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองเก็จลดาแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองสุกสกาว... แสงไฟกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง เก็จลดาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มขยับไม่ได้ก่อนที่มันจะรู้สึกคล้ายกับว่ามีใครเอาเข็มมาทิ่มแทงทั่วร่าง อยากจะกรีดร้องแต่ทว่าริมฝีปากกลับไม่ขยับเขยื้อน... คุณหมอ...ชลเป็นยังไงบ้างครับ เสียงแหบเครือของศรัณย์ที่เอ่ยถามแพทย์ผู้ดูแลคนเจ็บทำให้ญาดาวีถอนสายตาออกมาจากเก็จลดา ร่างบางวิ่งตรงไปยังหน้าห้องฉุกเฉินในขณะที่เก็จลดายืนหอบหายใจก่อนจะหันไปมองตามหลังเพื่อนสนิทที่มีพลังอำนาจบางอย่างที่เหนือกว่าเธอ คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ อาการกำลังทรงตัว แต่ทั้งนี้ต้องรอฟังผลเอ็กซ์เรย์สมองอีกทีนึงก่อนครับ ให้ผมเข้าไปเยี่ยมเธอได้มั้ยครับ ชายหนุ่มร้องขอก่อนที่อีกฝ่ายจะผายยิ้มอ่อนโยน ผมขอโทษด้วยนะครับ เอาเป็นว่าหลังจากดูผลเอ็กซ์เรย์แล้วดีกว่า คงเป็นพรุ่งนี้เช้าผมถึงจะให้เข้าเยี่ยมนะครับ แพทย์วัยกลางคนเดินผ่านหน้าทั้งคู่ไปจนลับสายตา ญาดาวียกมือขึ้นตบไหล่ศรัณย์เบาๆ ด้วยความเห็นใจ รออีกนิดน่าศรัณย์ ยัยชลต้องไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้ก็ได้เห็นหน้าเธอแล้ว ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนเบือนหน้ามองผ่านกระจกไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทข้างใน... อย่าเป็นอะไรเลยนะชล... ความสงสัยจะคลายลงเมื่อได้อ่านบทต่อๆ ไปครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 25 มิถุนายน 2554 เวลา:18:20:04 น.
สนุกมากมาย อยากให้อัพลงไวๆคับ
โดย: กระต่ายน้อย IP: 172.20.128.107, 203.144.130.176 วันที่: 27 มิถุนายน 2554 เวลา:9:15:38 น.
|
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
มาถึงตอนนี้ก็ขอเดาว่า
ญาดาวี คือ หนูพิณภัทร์
เก็จมณี คือ พศิตา
ศราวินคือ ตรัศวิน แต่ภาคนี้กลายเป็น หญิง ไป
ทั้งสามนี่กลับมาเกิดใหม่หรือเปล่าค่ะคุณมิ้นท์
สงสัยอีกอย่าง ว่าตกลง วายุยังเป็นวิญญาณครุฑอยู่หรือค่ะ งี้ก็ไม่ได้ครองคู่ก็หนูภัทรน่ะสิ
ภาคที่แล้วคนตายเยอะมาก เลยสับสนว่าใครมาเกิดใหม่บ้าง แต่ขอเดาไว้ก่อนอิๆ