+-+-+-+-+-+-+-+ขอแนะนำหนังสือออกใหม่ในงานสัปดาห์แห่งชาติที่ผมเพิ่งซื้อมา+-+-+-+-+-+-+-+
เพื่อเป็นการต้อนรับงานหนังสือแห่งชาติ...ที่ผ่านไปแล้ว
หมายเหตุ-สำหรับท่านที่คิดว่า เอ่อ...เพื่ออะไร ขอชี้แจงว่า ความจริงบลอกนี้เขียนไว้ตั้งแต่งานหนังสือยังไม่เลิก แต่เนื่องจากดองบลอกไว้นานไปหน่อย เลยเพิ่งมีโอกาสสานต่อให้เสร็จ ตามสไตล์การเขียนบลอกแบบ slow but sure
ผมจะขอแนะนำหนังสือใหม่ที่ผมได้มาจากงานนี้ครับ แม้ว่าเท้าผมจะไม่ได้ไปเหยียบที่งานหนังสือเลย แต่ผมก็ได้หนังสือซึ่งออกมาใหม่ในงานนี้ที่ผมอยากได้เกือบครบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการฝากเพื่อนซื้อ ฝากน้องซื้อ หรือซื้อเองที่เชียงใหม่ ซึ่งที่นี่มีหนังสือใหม่ออกวางขายค่อนข้างเร็ว แม้จะตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะพยายามซื้อหนังสือไม่เกิน 20 เล่ม แต่ด้วยอาการรักพี่เสียดายน้อง ก็เลยทำไม่เคยได้สักที สุดท้ายก็เลยปิดยอดซื้ออยู่ที่...ขอไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาสปอยล์ตอนจบ (ทำเป็นหนัง 5 แพร่งไปได้)
มาดูกันดีกว่าว่า หนังสือออกใหม่ที่ผมซื้อมา มีเรื่องอะไรบ้าง
1.ดาวหางเหนือทางรถไฟ ทรงกลด บางยี่ขัน / สนพ. A book
หลังจากหนีไปเขียนเรื่องรักษ์โลก ช่วยโลกมานาน คุณทรงกลดกลับมาเขียนหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอีกครั้ง นับตั้งแต่ สองเงาในเกาหลี ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อน ตัวหนังสือของคุณทรงกลดฉลาด มีลูกเล่น มีอารมณ์ขัน เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก และสนุกทุกครั้งเมื่อได้อ่าน ด้วยฝีมือการเขียนของเขา ทำให้หนังสือที่เกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนแปลงโลก อย่าง ต้นไม้ใต้โลก และดอกไม้ใต้โลก ซึ่งด้วยตัวเนื้อหาแล้ว หนังสือน่าจะเครียดและหนัก แต่เขาก็เขียนออกมาได้อย่างสนุกและเพลิดเพลินในการอ่านอย่างไม่น่าเชื่อ หากจะพูดถึงเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ให้ผมบอกเองอาจจะไม่ครอบคลุม เลยต้องขอนำคำโปรยจากปกหลังซึ่งคุณทรงกลดเขียนเอาไว้ดังนี้
เรื่องราวของผู้ชายที่หลงรักการนั่งรถไฟ แล้วคิดการใหญ่ตีตั๋วคนเดียวเดินทางไปบนทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก ยาวแค่ไหน? ถ้านั่งแบบรวดเดียวใช้เวลา 6 วันเต็มๆ ผ่าน 3 ประเทศ จีน มองโกเลีย และรัสเซีย ระหว่างอยู่บนรถไฟต้องหมุนเข็มนาฬิกาเปลี่ยนเวลา 4 ครั้ง เป็นการเดินทางจากประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและค่อนข้างหนาวสู่ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกและหนาวที่สุดในโลก จากปักกิ่งสู่มอสโคว์ จากเอเชียสู่ยุโรป จากงิ้วสู่บัลเลต์ จากจัตุรัสเทียนอันเหมินสู่จัตุรัสแดง จากเหมา เจ๋อตงสู่วลาดิมีร์ เลนิน ตลอดระยะเวลา 14 วัน เขาได้พบกับบรรพบุรุษของมนุษย์ บรรพบุรุษชาวไทย ดอกไม้ในถ้วยชา ปลาคาร์พในสุขา ความลับในหิมะ ปีใหม่ในรถไฟ ตัวเดียว อันเดียว แต่หลายอัน เสียงร้องของแมมมอธ ประสบการณ์ที่ไม่มีรูปถ่ายมายืนยัน และความสัมพันธ์ระหว่างดาวหางกับทางรถไฟ
ผมได้ข่าวเกี่ยวกับโครงการหนังสือเล่มนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่กำหนดวางแผงก็ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนผมเกือบคิดว่า คงไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เสียแล้ว แต่สุดท้ายหนังสือเล่มนี้ก็ออกมาจริงๆ จากการอ่านไปได้บางส่วน พบว่าการรอคอยตลอด 2 ปีไม่น่าจะเป็นการรอคอยที่สูญเปล่า
2.คำสาปร้านเบเกอรี่ The Second Bakery Attack - ฮารูกิ มูราคามิ ผู้แปล - วชิรา, นาลันทา คุปต์, ไกรวุฒิ จุลพงศธร, จินนี่ สาระโกเศศ, สิงห์ สุวรรณกิจ, อนุสรณ์ ติปยานนท์// สนพ.กำมะหยี่
3.เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง What I Talk About When I Talk About Running - ฮารูกิ มูราคามิ ผู้แปล - นพดล เวชสวัสดิ์// สนพ.กำมะหยี่
แม้ผมจะพูดได้ไม่เต็มปากว่า ชอบผลงานของฮารากิ มูราคามิแบบเต็มร้อย แต่ก็ติดตามงานของเขามาหลายเล่ม และรู้สึกชอบตรงเวลาอ่านงานของเขาแล้ว ผู้อ่านจะรู้สึกมึน งง เหมือนโดนตีหัว และจะรู้สึกขนลุก เหมือนถึงหลอกหลอน (ผมบรรยายซะไม่น่าอ่านเลยใช่ไหม แต่หนังสือของเขาดีจริงๆ แนะนำให้ไปลองหามาอ่านดู) และเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้ผมต้องติดตามอ่านงานของเขาต่อไปเรื่อยๆ คำสาปร้านเบเกอรี่ เป็นผลงานรวมเรื่องสั้น แฟนมูราคามิรวมหัว ชุดที่ 2 ต่อจากชุดแรกอย่าง เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน (ซึ่งเป็นชื่อหนังสือที่ผมชอบมากที่สุดของปีที่แล้ว) แม้ผมจะชอบอ่านเรื่องยาวของเขามากกว่า แต่เรื่องสั้นของเขาก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ และเป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนที่อยากลองอ่านมูราคามิ แต่ไม่อยากอ่านหนังสือหนาๆ (ประมาณว่า เป็นมูราคามิ ฉบับเดโม่) แถมได้ดีกรีความล่องลอย หลอกหลอนก็ไม่แพ้เรื่องยาวสักเท่าไร อีกทั้งเล่มนี้ยังได้นักแปลที่น่าสนใจ 6 ท่าน อย่าง วชิรา, นาลันทา คุปต์, ไกรวุฒิ จุลพงศธร, จินนี่ สาระโกเศศ, สิงห์ สุวรรณกิจ, อนุสรณ์ ติปยานนท์มาร่วมงาน งานนี้แฟนทั้งขาประจำขาจรของมูราคามิ ไม่ควรพลาด
ส่วนอีกเรื่องนึงที่ออกมาคู่กัน คือ เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง เป็นบทความที่เขาเขียนเกี่ยวกับการวิ่ง มูราคามิเป็นคนที่ชอบวิ่งมาราธอนมากและวิ่งติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี จึงน่าสนใจว่า เขาจะถ่ายทอดถึงมันไว้ว่าอย่างไร
คุณนพดล ผู้แปล เขียนคำนำเอาไว้ว่า
เหมือนเช่นผู้อ่านทุกคน ผมรู้จักมูราคามิผ่านตัวหนังสือ กล่าวให้ชัด ต้องอ่านและคิดตาม ทุกตัวอักษร ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะสั้นหรือยาว หนึ่งเล่มหรือสิบกว่าเล่มที่ถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทยแล้วมองการเลือกสรรถ้อยคำ ได้เห็นการสานอารมณ์เนิบนาบนำไปสู่ความหม่นและภาวะติดขัดชะงักงันในโลกที่หมุนไปรวดเร็ว การระบายโลกด้วยสีเทา แต้มความสดใสน้อยนิดพอให้ชุ่มชื่นนับเป็นงานบั่นทอนสุขภาพอย่างยิ่ง เพราะยากจะหลีกหลบความอึดอัดขัดข้องไม่ให้กระเซ็นเปื้อนตัว ในเล่มนี้ได้อ่านชีวิตของมูราคามิ และวิธีการเติมพลังให้แกร่งเพื่อจะทำงานที่ตนรัก-เขียนนิยายสืบไป มองในแง่หนึ่ง เรารู้จักทำนองชีวิตของยอดนักเขียนผู้นี้ได้ดีขึ้น ชื่นชมการต่อสู้เงียบงันที่ไม่ได้ประกาศให้โลกได้รับทราบ และในอีกแง่ ผู้อ่านก็สมควรลุกมาออกกำลังกายเสริมความแกร่ง ให้ตนเองมากขึ้น...เพื่อจะได้ทำงานที่ตนรัก-เสพอรรถรสจากตัวหนังสือต่อไปอีกยาวนาน
แม้ราคาจะแพงไปสักเล็กน้อย (เมื่อเทียบกับมูราคามิของสนพ.อื่น) แต่ด้วยรูปเล่มที่สวยและเนื้อหาที่น่าสนใจ รับรองว่าคุ้มค่ากับราคาแน่นอน
4.On Literature คนชำรุดหรือมนุษย์โรแมนติค - อุทิศ เหมะมูล// สนพ.หนึ่ง
เป็นผลงานวิจารณ์วรรณกรรมจากอุทิศ เหมะมูล นักเขียนซีไรท์จากลับแล, แก่งคอย ซึ่งนอกจากจะเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยายแล้ว อุทิศยังเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์หรือวรรณกรรมลงในนิตยสารหลายๆ เล่ม (อุทิศเคยมีหนังสือรวมบทวิจารณ์ภาพยนตร์ออกวางขายชื่อ Outsider in Cinema)
งานวิจารณ์ของอุทิศ มีมุมมองที่ลึกซึ้ง บวกกับนิยายที่เขาเลือกเอามาเขียนแต่ละเล่มล้วนแต่เป็นนิยายคลาสสิค และน่าสนใจ บวกกับการออกแบบปกและรูปเล่มที่สวยงาม (แถมด้วยชื่อหนังสือที่เท่ที่สุดแห่งปี นับตั้งแต่ เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน ของฮารูกิ มูราคามิ) ในราคา 170 บาท ทำให้หนังสือเล่มนี้ เข้าข่าย ห้ามพลาด!
หมายเหตุ สำนักพิมพ์หนึ่ง เป็นสำนักพิมพ์ที่น่าจับตามองมากในขณะนี้ครับ ด้วยหนังสือแต่ละเล่มที่เขาเลือกพิมพ์ล้วนเนื้อหาดี รูปเล่มสวย ราคาถูกมาก แถมยังออกหนังสือมาเยอะมากจนติดตามอ่านกันไม่หวัดไม่ไหว ช่วยกันอุดหนุนสำนักพิมพ์นี้หน่อยนะครับ จะได้มีสำนักพิมพ์ดีๆ ให้อยู่คู่กับวงการหนังสือกันนานๆ
5.มังกรเซน - วินทร์ เลียววาริณ
ขอยอมรับว่า ช่วงหลังๆ ผมห่างหายไปจากการติดตามผลงานของคุณวินทร์นานพอสมควร ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมตามอ่านตามซื้อหนังสือคุณวินทร์แทบจะทุกเรื่อง อาจเป็นเพราะหลังๆ งานคุณวินทร์ไม่ค่อยถูกจริตผมสักเท่าไร (โดยเฉพาะงานชุดเสริมกำลังใจ) บวกกับมีนักเขียนใหม่ๆ ที่อ่านแล้วชวนให้ตื่นตาตื่นใจมากกว่า อีกทั้งงานคุณวินทร์ออกมาถี่มากจนผมติดตามอ่านไม่ทัน อีกสาเหตุหนึ่งคือ งานของคุณวินทร์หาซื้อค่อนข้างง่าย ทำให้เวลาผมมีเงินไม่พอที่จะซื้อหนังสือหลายๆ เล่ม ผมมักจะตัดงานของคุณวินทร์ออกจากรายชื่อทุกครั้ง เนื่องจากคิดเอาว่า เอาไว้เคลียร์หนังสือเก่าๆ ของเขาให้หมดก่อน หรือไม่ก็เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อหนังสือของเขาตอนหลังก็ได้
แต่หนังสือเรื่อง มังกรเซน คือข้อยกเว้นครับ เพราะผมเห็นหนังสือเล่มนี้ปุ๊บ ผมก็หยิบขึ้นมาจ่ายเงินปั๊บทันที ไม่มีลังเล นั่นเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทความ มังกรเซน จากมติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งผมติดตามอ่านมานาน โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบเวลาคุณวินทร์เขียนบทความมากกว่านิยาย เพราะผมรู้สึกว่า นิยายของคุณวินทร์นั้นถึงแม้จะครีเอท ข้อมูลแน่น มีลูกเล่นเยอะแค่ไหน แต่กลับไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ตัวละครเหมือนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา (คุณคำ ผกา เขียนถึงประเด็นนี้ไว้ใน อ่าน เล่มที่ 5 ลองไปหามาอ่านกันได้) บทความของคุณวินทร์ที่ผมชอบมากที่สุดในช่วงหลังๆ ของเขา คือ "ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล" เป็นการตั้งคำถามเชิงปรัชญา อภิปรัชญา ศาสนา จักรวาลวิทยา ซึ่งรวบรวมความรู้หลายแขนงมาย่อยให้เห็นถึงสังคมมนุษย์และจักรวาล ซึ่ง "มังกรเซน" ของคุณวินทร์ ทำให้ผมย้อนคิดถึงหนังสือเรื่องนี้อีกครั้ง ในมังกรเซน คุณวินทร์ถึงเซนในแง่ ประวัติศาสตร์เซน ผ่านประวัติและแนวคิดของ อาจารย์เซนคนสำคัญ ตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นอย่าง พระโพธิธรรม (ตั๊กม้อ) ถึงยุคปัจจุบัน เช่นติช นัท ฮันท์ และมีการแทรกนิทานเซนและเกร็ดความรู้ต่างๆ ลงไปด้วย
คุณวินทร์เขียนเรื่องเซนออกมาค่อนข้างสนุก มีการอธิบายเรื่องปรัชญาเซนที่เข้าใจโคตรยากให้ออกมาอ่านง่าย ผู้อ่านเข้าใจ (แต่จะเข้าใจจริงๆ หรือเปล่านั้นอีกเรื่อง) และเมื่ออ่านจบแล้ว คุณจะอยากต่อยอดด้วยการไปหาหนังสือเกี่ยวกับเซนเล่มอื่นๆ มาอ่านอีกเรื่อยๆ เป็นหนังสือของคุณวินทร์ที่น่าสนใจที่สุดเล่มหนึ่งในยุคหลังๆ เลยครับ หรือถ้าใครไม่มีเงินซื้อ ก็สามารถไปหาอ่านตามห้องสมุดทั่วไปได้ เพราะหนังสือเล่มนี้ของคุณวินทร์อยู่ในโครงการ เติมน้ำใจใส่ห้องสมุด บริจาคหนังสือฟรีให้ห้องสมุดทุกเล่ม (แต่ผมคงขอบาย ไม่ไปยืมที่ห้องสมุดเชียงใหม่ เพราะเข้าไปทีไร ต้องปวดใจกับความด้อยคุณภาพของห้องสมุดที่นี่ทุกที)
6.ไทยจัง - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ และ ชาคร ไชยปรีชา// สนพ.มหาสมุด
ในบรรดา blogger ทั้งหมด นอกจากคุณแทนไท ประเสริฐกุลและคุณแฟนผมตัวดำแล้ว (ขอเชียร์คนกันเองหน่อย) นักเขียนที่ผมรู้สึกคลิกกับมุขตลกของเขามากที่สุด และขำในเกือบทุกมุขที่เขาปล่อยก็คือ คุณนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเขาเขียนเสียดสี หรือจิกกัดสิ่งที่มัน surreal ในสังคมไทยนั้น หลายครั้งทำให้ผมหัวเราะจนตกเก้าอี้ไปเลย และเมื่อเขากับคุณก่อ ชาคร มาเขียนในสิ่งที่เข้าทางเขาและสิ่งที่ผมชอบอ่านแบบนี้ หนังสือเล่มนี้จึงเข้าข่ายพลาดไม่ได้สำหรับผม เห็นแบบนี้แล้วต้องซื้อทันที ...(เอ...หรือจะรอให้ลดครึ่งราคา เหมือนหนังสือ "ที่โรงภาพยนตร์ไกลบ้านคุณ" ดี แหะๆๆ)
คำโปรยที่ปกหลังของหนังสือเล่มนี้มีดังนี้ครับ 'ไทยจัง!' ไม่ใช่นวนิยายญี่ปุ่นโพสท์โมเดิร์นอะไรทั้งนั้น แต่เป็นหนังสือไทย เขียนโดยคนไทยท้องถิ่นแท้ๆ (อาจมีเชื้อจีนผสมบ้าง) ที่ว่าด้วยวัฒนธรรมเซอร์เรียลบ้างไม่เซอร์เรียลบ้างที่อาจพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของพวกเรา อาทิเช่น ทำไมต้องไปมุงดูหนังกันหน้าร้านโฮมเธียเตอร์, จังหวะการปักป้ายฝังลูกนิมิตตามต่างจังหวัด, ความคัลท์ของรายการพาชิมอาหาร, ขอบพิซซ่า, วัฒนธรรมชนเผ่าของคนขับแท็กซี่เมืองไทย ไปจนถึง รปภ.ตรวจกระเป๋าหาระเบิด ตามรถใต้ดิน ฯลฯ อีกมากมายที่เห็นแล้วอาจจะต้องเอามือกุมขมับแล้วกัดฟันพูดว่า 'มันไทยจัง...' แล้วเอามือชกกำแพง
7.คำวิเศษ Say the Magic Words - ภูมิชาย บุญสินสุข//สนพ. a book
คุณบิ๊ก ภูมิชายเป็นนักเขียนที่ผมชื่นชอบและรู้สึกเพลิดเพลินไปกับงานเขียนของเขาครับ ตัวหนังสือของเขาลื่นไหล อ่านสนุก แฝงความกวนตีนในแบบที่ผมชอบ ไม่เก๊ก และเมื่อเขาเขียนในสิ่งที่เขารักและเชี่ยวชาญ อย่างเรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ก็ยิ่งทำให้บทความของเขาเป็นบทความที่น่าอ่านมากขึ้น ด้วยความลื่นไหลของตัวหนังสือเขา ทำให้หนังสือ 2 เล่มก่อนของเขา อย่าง "ศัพท์หมู" และ "เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็เช้า" เป็นหนังสือที่ผมใช้เวลาอ่านไม่ถึง 2 วัน ซึ่งนับว่าเป็นสถิติที่น่าตกใจสำหรับคนที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนึงไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์
คำวิเศษ เป็นหนังสือที่รวบรวมคำศัพท์เด็ดๆ ที่นำไปใช่ในสถานการณ์ทั่วไป นอกจากจะอ่านสนุกแล้วยังได้เติมความรู้ลงในสมอง (อย่างที่คุณทิวา สาระจูฑะบอกไว้ฉบับ 5 ชอบ 5 ไม่ชอบของสีสัน) อ่านแล้วก็อิจฉา อยากเขียนหนังสือให้ได้แบบนี้จัง
8.อาจารย์ในร้านคุกกี้ - นิ้วกลม// สนพ.มติชน
นิ้วกลม เป็นนักเขียนที่ผมประสบปัญหา ตามอ่านหนังสือของเขาไม่ทัน เช่นเดียวกับ หนังสือของวินทร์ เลียววาริณ, สฤณี อาชวานันทกุล (ซึ่งเป็นนักเขียนคนละขั้วสเปคตรัมกับคุณชาติ กอบจิตติ ซึ่งเขียนหนังสือช้ามาก กว่าหนังสือของเขาจะออกมาทีละเล่ม ผู้อ่านต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก) แต่ถึงจะมีหนังสือของนิ้วกลมที่ผมยังไม่ได้อ่านวางกองอยู่ที่บ้านมากกว่า 5 เล่ม แต่ผมก็บ่ยั่น เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความขุนพลอาจารย์บาน (เป็นชื่อคอลัมน์ที่ชวนจั๊กจี้มาก) ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่ผมติดตามเป็นประจำในมติชนสุดสัปดาห์ (แปลว่า ชอบไปยืนอ่านฟรีที่ 7-11) อยู่เสมอ ซึ่งการซื้อหนังสือมาอ่านแบบรวดเดียวจบน่าจะได้อรรถรสมากกว่าการอ่านในมติชนทีละขยัก ผมชอบมุมมองของบทความในหนังสือเล่มนี้ คือ นิ้วกลมมองทุกสิ่งเป็นอาจารย์ของเขา และมองแห่แง่มุมสอนใจในการใช้ชีวิตได้จากสิ่งรอบกาย ทำให้เรารู้ว่า บางทีแรงบันดาลใจหรือสิ่งที่เตือนใจเราก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม ตรงข้าม บางทีมันอาจอยู่ข้างๆ ตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ใครที่อยากได้แรงบันดาลใจ อ่านเล่มนี้แล้วไม่ผิดหวังครับ
9.วารสาร "อ่าน" เล่ม 5 ฉบับ ชาตินิยมเก่า จินตกรรมใหม่ //สนพ.อ่าน
อ่าน เป็นวารสารราย 3 เดือนที่ว่าด้วยการอ่าน ทั้งอ่านวรรณกรรม อ่านหนัง อ่านสถาปัตยกรรม และอ่านศิลปะอื่นๆ โดยเน้นไปในเชิงวิจารณ์และอ่านระหว่างบรรทัด เป็นวารสารที่เนื้อหาแน่น ลึกซึ้ง มากไปด้วยศัพท์วิชาการ ไม่แพ้ฟ้าเดียวกัน วารสารในเครือเดียวกันเลย หลังจากรอมานาน ในที่สุด อ่าน เล่มใหม่ก็ออกมาเสียที แม้เล่มนี้จะออกวางแผงช้ามากจนต้องกลายเป็นฉบับควบ 6 เดือน แต่เนื้อหาในเล่มก็ยังคงความน่าสนใจอยู่เหมือนเดิม ทั้งคุณชูศักดิ์ และคุณคำ ผกาเขียนถึง วินทร์ เลียววาริณ (ซึ่งคุณคำ ผกา เขียนได้แสบสันต์มาก) อ.ธงชัย และเรณู ปัญญาดี เขียนถึง Imagined Communities ของเบน แอนเดอร์สัน และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย แม้เนื้อหาจะแน่น อ่านแล้วค่อนข้างหนักหัว ไม่เหมาะกับการอ่านฆ่าเวลา จนทำให้หลายคน ซื้อมาเก็บไว้แต่ไม่ได้อ่าน แต่ผมเชื่อว่า ถ้าลองเจียดเวลาว่างให้หนังสือเล่มนี้สักวันสองวัน คุณจะได้รับสาระจากการอ่านอย่างเต็มอิ่มแน่นอน หมายเหตุ-ปกสวยๆ เป็นฝีมือคุณประชา สุวีรานนท์
10.Design + Culture 2 - ประชา สุวีรานนท์// สนพ.อ่าน
ขออภัย ภาพเบอร์เล็กน้อย เนื่องจากใช้กล้องมือถือถ่าย
Design + Culture เล่ม 1 เป็นหนังสือที่ผมชอบมากครับ และเคยนำมาเขียนแนะนำไว้ในบลอกนี้แล้ว เข้าไปอ่านดูได้ที่ลิ้งค์
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=birdwithnolegs&month=06-2009&date=20&group=8&gblog=7
โดยเนื้อหาในเล่มนี้ ไม่ได้เขียนถึงเรื่อง ดีไซน์ ประมาณว่า การออกแบบคืออะไร เคล็ดลับการออกแบบให้เตะตาคนต้องทำอย่างไรบ้างแต่เพียงอย่างเดียว หนังสือเล่มนี้ยังพูดถึง"คัลเจอร์" หรือวิธีคิดวิธีมองโลกที่อยู่เบื้องหลังนักออกแบบด้วย แถมยังชี้ชวนให้เราเห็นสิ่งที่กว้างไกลไปกว่าเรื่องของการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง วัฒนธรรม อุดมการณ์ (ส่วนนี้นำมาจากคำนำของสำนักพิมพ์) โดยมองเรื่องทั้งหมดนี้โดยมองจากการออกแบบ พูดง่ายๆ คือ ใช้การวิเคราะห์ดีไซน์ เป็นเครื่องมือสื่อผ่านไปวิเคราะห์คัลเจอร์นั่นเอง
ตอนนี้ ดีไซน์คัลเจอร์ออกเล่ม 2 มาแล้ว เนื้อหาของหนังสือมีความลึกขึ้น และหนักขึ้นกว่าเล่มแรก ด้วยราคาที่สูงขึ้นเป็น 385 บาท แม้จะเป็นราคาที่ชวนปาดเหงื่อก่อนซื้อแต่ก็น่าสนใจมากเมื่อเทียบกับรูปสวยๆ และอาหารสมองมากมายที่ได้รับกลับไปหลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ
11.กรรมสุตรา Global Grammar - ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา// สนพbooks
ผมติดตามงานของคุณภิญโญมาตั้งแต่สมัย นิตยสาร open และปัจจุบันก็ยังติดตามผลงานของเขามาตลอด คุณภิญโญเป็นนักเขียนที่เข้าข่าย เห็นชื่อปุ๊บ ซื้อหนังสือปั๊บ โดยไม่ต้องเปิดดูเนื้อหาข้างในมาก่อน งานในหนังสือเล่มนี้ เป็นการรวมเล่มมาจากนิตยสาร Image ลักษณะเป็นกึ่งเรื่องสั้นกึ่งเรื่องจริง โดยคุณภิญโญเขียนไว้ในคำนำว่า
เมื่อเรื่องสั้นชุดนี้ทยอยตีพิมพ์ ได้มีผู้อ่านจำนวนหนึ่งเขียนจดหมายเข้ามาถามบรรณาธิการบริหารว่า เรื่องสั้นในแต่ละตอนนั้น เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ (เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงยิ่ง) บรรณาธิการบริหารคือ คุณคำรณ ปราโมช ณ อยุธยาได้กรุณาตอบจดหมายไปว่า จะจริงหรือแต่งนั้นผู้เขียนมิได้เฉลย จึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นสำคัญ คำตอบดังกล่าวได้รับการขยายความอีกครั้งจากคุณนิภา เผ่าศรีเจริญ บรรณาธิการผ่านคำโปรยในหน้าสารบัญว่า เป็นงานเขียนแนว อิงเรื่องจริงพิงนิยาย ซึ่งพอจะให้นิยามเรื่องสั้นชุดนี้ได้อย่างกระชับ และผู้เขียนก็ไม่ติดใจที่จะขยายความนิยามของเรื่องสั้นชุดนี้อีกต่อไป ด้วยต้องการให้ภาระดังกล่าวเป็นของผู้อ่าน หลังจากอ่านเรื่องราวทั้งหมดจบลง
ผมรู้สึกว่า คุณภิญโญเขียนหนังสือเหมือนเขียนพู่กันจีน นั่นคือพริ้วไหวเหมือนบทกวีแต่รักษาความหนักแน่นด้วยข้อมูลและเอกสารอ้างอิง จึงน่าติดตามว่า ครั้งนี้คุณภิญโญจะตวาดพู่กันมาเป็นตัวหนังสือให้เราได้อ่านกันอย่างไร
12.วาณิช 60 -วาณิช จรุงกิจอนันต์// สนพ. openbooks
ถ้าเปรียบตัวหนังสือของคุณวาณิช เป็นอาหาร น่าจะเปรียบได้กับอาหารรสจัด อ่านไปต้องซี้ดปากไป น่าเสียดายที่ช่วงหลังๆ คุณวาณิชจะไม่ค่อยได้เขียนหนังสือสักเท่าไร (น่าเสียดายที่นักเขียนที่ผมชื่นชอบหลายท่าน แทบไม่ออกผลงานใหม่ๆ มาเลย ทั้งคุณชาติ คุณวาณิช คุณนิคม รายยวา ฯลฯ) ผมติดตามงานเขียนของคุณวาณิชตั้งแต่สมัยอยู่มติชน จนปัจจุบันคุณวาณิชเหลือเขียนแต่ที่ Image ที่เดียว เวลาผมเห็นหนังสือ Image ตามร้านอาหารหรือที่ไหน ผมก็มักจะเปิดหาบทความคุณวาณิชเป็นหน้าแรกเสมอ นานๆ ทีจะมีหนังสือคุณวาณิชออกมา ต้องรีบซื้อเก็บ เพราะคิดว่า กว่าจะมีผลงานใหม่ของแกออกมาอีกคงอีกนาน
13. Openbooks Review No.2
เป็นนิตยสารราย 6 เดือน เพื่อแนะนำหนังสือในเครือ open และแนะนำหนังสืออื่นๆ ที่น่าสนใจ แม้จะไม่ได้รสชาติครบถ้วนเหมือนนิตยสาร open ที่ผมเคยติดตามสมัยก่อน แต่เนื้อหาข้างในก็มีความน่าสนใจอยู่มาก อาทิเช่น
-The Brother Gardeners เรื่องของคนทำสวน: โตมร ศุขปรีชา -เดวิด ฟอสเตอร์ วอลเลซ สูงส่งสู่สามัญ มหัศจรรย์แห่งภาษา และคุณค่าของปัจเจกในสังคมสูตรสำเร็จ: สฤณี อาชวานันทกุล -วิจารณ์ควบ สะพานมรณะ และ หลายชีวิต: ภาณุ ตรัยเวช -ความหมายของการหายใจ: เมื่อ Rick Warren ตอบคำถาม Modern Dog: นิ้วกลม -นักประพันธ์ทรูแมน คาโพทิ กับชุมนุมจดหมายของเขา: นพพร สุวรรณพานิช -แอ่วอีสาน ล่องใต้ ไปกับภาพถ่าย 'รงค์ วงษ์สวรรค์: วรพจน์ พันธุ์พงศ์ -interviews อุทิศ เหมะมูล: อนารยชนโกธิก -interviews ศักดิ์ชัย กาย: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ฉัตรวิชัย พรหมทัตตเวที บทสนทนาสั้นๆ ถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
คุณภิญโญเคยเขียนใน เล่ม 1 ว่า เขาไม่คิดจะหากำไรจากหนังสือเล่มนี้ เพราะอยากทำไว้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หนังสือในเครื่อโอเพ่น ทำให้ราคาหนังสือออกมาถูกเหลือเชื่อ ซื้อได้โดยไม่สะเทือนกระเป๋าสตางค์ อ่านแล้วหายคิดถึง open เป็นกอง
14.จักรวาลในสวนดอกไม้ - ฮิมิโตะ ณ เกียวโต// แพรวสำนักพิมพ์ 15.ครัวหรรษา จากปลาร้าถึงวาซาบิ - ฮิมิโตะ ณ เกียวโต// สนพ.มติชน 16.รักไม่เคยชิน - คำ ผกา// สนพ.ฟรีฟอร์ม 17.เมนูปรารถนา Desirable Taste - ฮิมิโตะ ณ เกียวโต// สนพ.ฟรีฟอร์ม 18.ส้นสูง สโนไวท์ ลิปสติก Femme Fleur Flirter - กุสุมาลย์ ณ กำพู, คำ ผกา// สนพ.ฟรีฟอร์ม
ผมเป็นแฟนคลับคุณคำ ผกา หรือในอีกนามปากกาว่า ฮิมิโตะ ณ เกียวโต มานานแล้วครับ แม้บทความของเธอจะตรง แรง จิกกัดไม่ไว้หน้า จนมีทั้งคนชอบและคนเกลียด แต่เธอเป็นนักเขียนจุดยืนที่แข็งที่สุด
คุณ Fallingangels เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ดีมาก ผมเลยขอคัดลอกมาดังนี้...
ผมกล้าจะเสนอลงไปเลยทีึเดียวว่า "คำ ผกา" เป็นนักเขียนที่มีจุดยืนแข็งที่สุดคนหนึ่งของประเทศนี้ทีเดียว. ..เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะชอบ หรือเกลียดคำ ผกา แต่มันคือข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับ
คำ ผกานั้นมีจุดยืนในฐานะนักสตรีนิยมอย่างแรง มานานและมั่นคงมากๆ (ต่อต้าน "ปิตาธิปไตย (Patriarchy System) - กรุณาอย่าแปลว่า "พ่อปกครองลูก" แต่มันแปลว่า ระบบที่ "ชายอยู่เหนือหญิง) และศรัทธากับ Liberal Democracy ขั้นลมจับทีเดียว
นอกจากนี้ "ความบ้าต่อความเชื่อว่ามนุษย์ต้องมีจุดยืน ในทางใดทางหนึ่ง" นี้เอง ยังปรากฏอยู่ในงาน "วิจารณ์/วิพากษ์" ของเธอแทบทุกชิ้นด้วย
งานหนังสือปีนี้ มีหนังสือของเธอออกวางขายรวดเดียวถึง 5 เล่ม! นับเป็นข่าวดีและข่าวร้าย ข่าวดีคือ ได้อ่านงานของเธออย่างจุใจ ส่วนข่าวร้ายคือ เกิดอาการกระเป๋าแฟบไปชั่วคราว
ตอนนี้ผมกำลังรอ หนังสือรวมบทความของเธอจากมติชนสุดสัปดาห์อยู่ครับ หวังว่าคงจะได้อ่านเร็วๆ นี้
มาไล่ดูหนังสือของเธอทีละเล่มเลยดีกว่า
เล่มแรก "จักรวาลในสวนดอกไม้" คุณฮิมิโตะ เขียนถึงดอกไม้และการทำสวน โดยรวบรวมมาจากคอลัมน์ Garden-Nary ในนิตยสาร Image พร้อมด้วยภาพประกอบจากคุณไทวิจิต แม้จะเขียนเรื่องสวน แต่คุณฮิมิโตะก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของตัวเธอเอง นั่นคือ มักจะมีการสอดแทรกชีวิตรักลงไปเชื่อมโยงกับการทำสวนของเธอด้วย ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ หนังสือเล่มนี้คือ เมนูปรารถนา เวอร์ชั่นที่เปลี่ยนจาก "ทำครัว" เป็น "ทำสวน" นั่นเอง
เล่มที่สอง "ครัวหรรษา จากปลาร้าถึงวาซาบิ" เป็นเรื่องของฮิมิโตะสมัยที่ไปเรียนปริญญาเอกอยู่ในเกียวโต โดยเข้าไปเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น โดยหนังสือบอกเล่าถึงมุมมองชีวิตของเธอผ่านอาหารที่เธอต้องทำและประสบพบเจอในดินแดนแห่งนี้ เป็นหนังสือที่สดใสที่สุดในบรรดา 5 เล่มนี้ครับ ใครอยากทดลองอ่านงานของเธอแบบไม่ฮาร์ดคอร์มาก ผมแนะนำเล่มนี้ครับ
ส่วนอีก 3 เล่ม เป็นหนังสือชุดของฟรีฟอร์ม "รักไม่เคยชิน" เป็นการรวบรวมบทความเกี่ยวกับเพศ ความรัก กิ๊ก เซ็กซ์ นู้ด และความสัมพันธ์อันซับซ้อนในสังคมสมัยใหม่ เป็นหนังสือที่แสบสันต์ที่สุดในบรรดา 5 เล่มนี้ อ่านไปต้องซี้ดปากด้วยความร้อนแรงตามไปด้วย
ส่วน"เมนูปรารถนา" เป็นฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 2 (ฉบับแรกเป็นของสนพ.ระหว่างบรรทัด ซึ่งผมหาซื้อได้ในราคาลดราคา 50 บาท) โดยเพิ่มเติมเรื่องเข้าไป เนื้อหาเกี่ยวกับอาหารและความสัมพันธ์ของมนุษย์ โดยในบทนึงคุณฮิมิโตะจะเขียนถึงเมนูอาหารสักอย่างและเอาเมนูนั้นเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ในชีวิตที่เธอเคยพบมา
ส่วนเรื่องสุดท้าย "ส้นสูง สโนไวท์ ลิปสติก" เป็นจดหมายโต้ตอบกับระหว่างคำ ผกาและกุสุมาลย์ ณ กำพู เหมือนกับคอลัมน์ "ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน" ของวินทร์และปราบดา ในเวอร์ชั่นเฟมินิสต์กว่าและปากจัดกว่า
สำหรับคนที่ชอบคำ ผกา ผมแนะนำว่า ให้ซื้อมาครบทั้งชุด 5 เล่มแล้วอ่านรวดเดียวต่อกันเลย จะได้อรรถรสในการอ่านแบบสุดๆ
19.แสงแดดเป็นไข้ - 'รงค์ วงษ์สวรรค์// สนพ.ฟรีฟอร์ม 20.ไฉไลเป็นบ้า - 'รงค์ วงษ์สวรรค์// สนพ.ฟรีฟอร์ม 21.ไม่นานเกินรอ - 'รงค์ วงษ์สวรรค์// สนพ.ฟรีฟอร์ม
เวลาศิลปินผู้สร้างสรรค์ท่านใดเสียชีวิตไป ผลที่ตามมาก็คือ มักจะมีการนำผลงานเก่าๆ หรือผลงานที่ยังไม่เคยนำออกมาเผยแพร่ นำมาวางขายกันยกใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น ไมเคิล แจ็คสัน ที่ก่อนเสียชีวิต จะหาซื้ออัลบั้มของเขาได้สักอันก็หายากหาเย็น แต่พอไมเคิลเสียชีวิตปุ๊บ กลับมีอัลบั้มทุกชุดของเขาออกวางจำหน่ายทันที เช่นเดียวกับพญาอินทรีย์แห่งตัวอักษรอย่างคุณ รงค์ ที่มีหนังสือใหม่ๆ ของเขาออกมามากมายเกือบ 10 เล่ม ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี สำหรับผู้ที่ชื่นชอบผลงานของคุณ'รงค์อย่างผม และในงานหนังสือนี้ มีงานของคุณ'รงค์ที่จัดทำโดยสนพ.ฟรีฟอร์ม 3 เล่ม โดยมีชื่อที่คล้องจองกัน อย่าง แสงแดดเป็นไข้ ไฉไลเป็นบ้า และ ไม่นานเกินรอ แม้จะเป็นผลงานที่เขียนมานานแล้ว แต่ตัวอักษรทุกตัวยังคงความทันสมัย เรียกได้ว่า อ่านเมื่อไรก็ไม่รู้สึกเชย ลองอ่านดู แล้วจะพบว่า คำโปรยบนปกหนังสือที่เขียนไว้ว่า 100 ปี "จะมีนักเขียนแบบนี้สักคนหนึ่ง" ไม่ใช่เรื่องโม้เกินจริง
22.Once Upon Sometimes - ทรงศีล ทิวสมบุญ// แพรวสำนักพิมพ์
แม้จะไม่ได้ติดตามหรือรู้จักผลงานแนว Graphic Novel มากนัก แต่ผมก็ติดตามงานของนักเขียนแนว Graphic Novel ชื่อดังคนนึงมาตลอดครับ นักเขียนคนนั้น คือ ทรงศีล ทิวสมบุญ ลายเส้นและผลงานของเขามีเอกลักษณ์ สวยแบบดาร์คๆ และเข้ากับเนื้อเรื่องที่เขาเขียนอย่างพอเหมาะพอเจาะ ผลงานเล่มใหม่ของเขา เป็นการรวบรวมเอามาจากคอัมน์ Once Upon Sometimes ใน a day ซึ่งแม้ผมจะมี a day ทุกเล่มแล้ว แต่ก็ยังซื้อหนังสือเล่มนี้เก็บไว้ เนื่องจากความสวยของหนังสือเล่มนี้ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เกิดกิเลส อยากภาพภาพให้สวยได้แบบนี้บ้าง
23.เขาเรียกผมว่าบร๊ะเจ้า - โจ๊ก โซคูล// สนพ.เนชั่น
ขอปิดท้ายด้วยหนังสือที่เมพขิงๆ เล่มนี้ ที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เป็นเพราะผมเป็น So Coolian หรือ เพื่อเป็นการชาบูๆ บร๊ะเจ้าแต่อย่างใด แต่ผมชื่นชอบงานเขียนของคุณโจ๊กมานานแล้ว สมัยที่พวกเรายังเห่อ Hi5 ผมมักจะเข้าไปอ่าน journal ของคุณโจ๊กสม่ำเสมอ เพราะคุณโจ๊กเขียนหนังสือเก่ง แถมยังเขียนสนุก เขียนเป็นเรื่องเป็นราว จนตอนนั้น ผมอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า เขียนดีแบบนี้ น่าจะมีคนติดต่อให้ไปรวมเล่มนะเนี่ย และแล้ว ความฝันของผมก็เป็นจริง เพราะมีหนังสือเล่มนี้ออกวางขายเรียบร้อยแล้ว อย่าเอาเปรียบเทียบกับหนังสือที่ดาราเขียนเล่มอื่น เพราะในเล่มนี้ ท่านจะได้พบกับมุมมองแปลกๆ และสถานการณ์ขำๆ ที่คุณโจ๊กถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีอารมณ์ขัน จนอ่านจบแล้ว ต้องไปหาแพะบูชาคนเขียนหนังสือเล่มนี้สัก 3 ตัว ต้องลองครับ!
**************************************
สรุปแล้ว งวดนี้ ปิดบัญชีที่ 23 เล่มครับ เกินเป้าหมายไปแค่ 3 เล่มเท่านั้นเอง แหะๆๆ แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ ซื้อหนังสือเล่มไหนกันบ้าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่ช่อง comment ข้างล่างได้เลยนะครับ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่าน...
Create Date : 29 ตุลาคม 2552 |
|
28 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 5:48:56 น. |
Counter : 3402 Pageviews. |
|
|
|
หนังสือที่เขียนถึงน่าอ่านทุกเล่มเลยเชียวค่ะ
คนไม่เคยอ่านมูราคามิชักอยากอ่านขึ้นมาบ้างเลย
มีโอกาสจะตามไปหามาอ่านบ้างค่ะ
ขอบคุณที่แนะนำนะคะ