ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
+-+-+-+-+-+เที่ยวสัปดาห์หนังสือ โดยไม่ต้องเข้าไปในงานสัปดาห์หนังสือ+-+-+-+-+-+-+

update 9/4/09 8PM.

+-+-+เที่ยวสัปดาห์หนังสือ โดยไม่ต้องเข้าไปในงานสัปดาห์หนังสือ+-+-+


อนุญาตให้งงกับหัวข้อเรื่องได้ 1 นาที


เนื่องจากโดยนิสัยส่วนตัวแล้ว ผมชอบซื้อหนังสือลดราคา (อย่างที่เคยเขียนไว้ใน tag คราวที่แล้ว)


แม้ว่าจะเจอหนังสือที่อยากซื้อ อยากอ่านแบบสุดๆ ตอนนั้นเดี๋ยวนั้นเลย แต่ถ้าไปเจอมันอยู่ในร้านหนังสือที่ขายในราคาเต็มและผมไม่มีบัตรสมาชิก ผมก็มักจะรอไปซื้อที่งานหนังสือหรือไม่ก็ร้านที่ผมมีบัตรลดเสมอ (ไม่งั้นก็ยืนอ่านฟรีในร้านเลย....ความโฉดเฉพาะตัว ห้ามเลียนแบบ)


ที่ทำแบบนี้ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นคนใจเย็นหรอกนะครับ แต่เพราะกองหนังสือในตู้ที่ผมซื้อมาดองแล้วยังไม่ได้อ่านมีมากมายก่ายกองเหลือเกิน ขนาดที่ว่า ถ้าโลกนี้จะไม่มีการผลิตหนังสืออีกแล้ว (แบบหนัง Farenheit 451) ผมก็ยังจะมีหนังสือไว้ยังชีพต่อไปได้อีกหลายปีเลยล่ะครับ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะน่าอ่านขนาดไหน พอคิดถึงหนังสือดองกองมหึมาประมาณ 50 เล่มแล้ว ไม่ว่าหนังสือเล่มใหม่เรื่องไหน น่าอ่านแค่ไหน ต่อให้เป็นหนังสือรวมภาพน้องพอลล่าในชุดว่ายน้ำก็เหอะ ก็เข้าข่ายรอได้สำหรับผมเสมอ


แม้จะรู้ว่า การซื้อหนังสือในสัปดาห์หนังสือแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ยอมซื้อในร้านหนังสือ ถือเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียให้กับวงการหนังสือหลายอย่าง
นอกจากจะทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ อยู่ยาก สำนักพิมพ์ตั้งราคาสูงเกินจริงเผื่อนำไปลดราคา ระบบร้านหนังสือเสียสมดุลแล้ว ยังส่งผลให้เหล่าสำนักพิมพ์แห่กันออกหนังสือแค่ในช่วง สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เท่านั้น
ผมจึงอดทึ่งกับอุดมการณ์ของคุณมกุฏ อรดีแห่งสำนักพิมพ์ผีเสื้อที่ว่า จะไม่มีหนังสือของสำนักพิมพ์ผีเสื้อขายในงานนี้เด็ดขาด ไม่ได้


แต่ของอย่างนี้ เข้าตำราว่า “ผิดถูกรู้หมด แต่อดไม่ได้”
คือรู้ว่าไม่ดี แต่ก็ขอซื้อหนังสือในงานนี้ต่อไป ตราบใดที่ผมยังอยู่ในสภาพเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบนี้


แต่พอมาปีนี้ การไปสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกลายเป็นเร่องยุ่งยากสำหรับผม เพราะผมเพิ่งย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่เชียงใหม่ จะให้นั่งรถทัวร์เชียงใหม่-กทม.เพื่อไปงานนี้โดยเฉพาะเลยก็ดูเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปหน่อย
แถมร้านหนังสือในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นร้านนายอินทร์ สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ร้านสามัญชนก็พากันลดกระหน่ำ ร้านเล่าก็ออกบัตรสมาชิกลด 10% มาอีก ก็เลยตกลงใจว่า ซื้อหนังสือที่เชียงใหม่ก็น่าจะได้เหมือนกันล่ะน่า อย่าถ่อไปถึงโน่นเลย


แต่เนื่องจาก It’s written (ขอกระแดะเป็น Slumdog Millionaire หน่อยนะ 555) ทำให้น้องสาวของผมโทรมาบอกว่า "จะไปงานหนังสือ แล้วช่วงวันหยุดยาวจะมาหาที่เชียงใหม่ จะเอาอะไรไหม" โอ้ว อย่างซี่มันต้องถอน ก็เลยต้องจัดไป อย่าให้เสีย...
ด้วยความเกรงใจกลัวว่าจะแบกมาหนัก ผมเลยกะว่า ฝากให้น้องซื้อหนังสือมาให้ 10 เล่มพอ (นี่แกเกรงใจแล้วใช่ไหมเนี่ย...) โดยตรวจสอบดูในอินเตอร์เนทคร่าวๆ ว่ามีหนังสือเล่มไหนออกแล้วก็บอกชื่อหนังสือกับสำนักพิมพ์คร่าวๆ ให้น้องไปตามหาเอาเองตามยถากรรม


และเผื่อมีเล่มไหนหลุดรอดหูรอดตา ผมจึงบอกให้น้องไปดูที่บู๊ทของสำนักพิมพ์เจ้าประจำที่ผมชอบซื้อบ่อยๆ ซึ่งมีรายนามดังต่อไปนี้

-openbooks
-a book
-มติชน
-วงกลม
-สามัญชน
-สารคดี
-วินทร์ เลียววาริณ
-นายอินทร์
-ฟ้าเดียวกัน
-Alternative Writers
-เนชั่น
-ระหว่างบรรทัด


แล้วโทรเช็คดูว่า มีหนังสืออะไรที่น่าสนใจออกใหม่บ้าง


และแล้วหนังสือที่ผมฝากซื้อก็มาอยู่ในมือผมแล้วตอนนี้ (แต่ตังค์ค่าหนังสือยังไม่อยู่ในมือน้อง...แถวบ้านเรียกแอบชิ่ง)
เรามาดูกันดีกว่าว่า รายนามหนังสือผู้โชคดี (หรือเปล่า?) มีอะไรบ้าง




มาดูที่แรกกันเลยดีกว่า





1.
Openbooks Review No.1 (Summer 2009)
ผู้เขียน: รวมผู้เขียน
บรรณาธิการ: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา


Bookazine (พ็อคเก็ตบุ๊คที่ออกเหมือนแมคกาซีน) ฉบับปฐมฤกษ์ เนื้อหาเกี่ยวกับแวดวงวรรณกรรม กำหนดออกปีละ 2 ครั้ง
แม้จะแอบหวั่นใจกับ bookazine ของสำนักพิมพ์นี้ เพราะชอบหยุดทำกลางคันทุกที อย่างเช่น openhouse, open dragon แต่เห็นว่าเนื้อหาน่าสนใจ เพราะเนื้อหามีทั้งเรื่องคุณ’รงค์, กนกพงศ์ฯลฯ แถมน้องบอกว่ารูปเล่มสวยมาก เลยต้องซื้อเก็บไว้






2. ผู้นำ อำนาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่
ผู้เขียน: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา


ชอบตั้งแต่ลงในนิตยสารค.คนแล้วครับ
ปกติผมชอบไปยืนอ่านคอลัมน์นี้ในค.คนฟรีตามแผงหนังสือ (คู่กับคอลัมน์คนในหนังของคุณธิดา ผลิตผลการพิมพ์) แต่เนื่องจากเจ้าของร้านหนังสือชอบส่งสายตาอำมหิตมาให้ ผมเลยอ่านแบบไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร สุดท้ายเลยอ่านแบบรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เร่องบ้าง แย่จริงๆ (ยังมีหน้าไปว่าเขาอีกนะเรา) พอเขาทำเป็นรวมเล่ม เลยถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะซื้อเก็บไว้
เป็นหนังสือที่เขียนดีมาก แต่ผมเป็นคนชมใครไม่เก่ง เลยขอยกเอาคำนำของคุณสฤณี อาชวานันทกุลมาลงไว้ในที่นี้แทน


“คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา หรือที่ผู้เขียนเรียกด้วยความภาคภูมิใจว่า พี่โญ เป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องการเมืองและนักการเมืองที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง ในบรรดานักเขียนไทยทั้งหมดที่ผู้เขียนรู้จัก
พี่โญมีความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ในการมองและเชื่อมร้อยบริบทต่างๆ ใน “ภาพใหญ่” ของสังคม เข้ากับ “ภาพเล็ก” ในระดับ “ความเป็นมนุษย์” ของนักการเมืองแต่ละคน ตลอดจนอธิบายปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเป็นมนุษย์กับอํานาจ อีกทั้งยังทําให้เรื่องที่สลับซับซ้อนอย่างการเมืองเป็นเรื่องเข้าใจง่ายและอ่านสนุก ด้วยลีลาและชั้นเชิงทางภาษาที่หาตัวจับยาก
ในเมื่อบริบทต่างๆ ที่แวดล้อมการเมืองย่อมแปรเปลี่ยนไปเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง การลงแรงจารึกบริบทเหล่านี้ไว้ในหน้ากระดาษ จึงทําให้ ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ เป็นอิสระจากพันธนาการของเวลา คือหยิบมาอ่านเมื่อใดก็เข้าใจเมื่อนั้น
ในทางกลับกัน การฉายภาพให้เห็น “ความเป็นมนุษย์” ของนักการเมือง ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ทางการเมืองไม่น้อยไปกว่าบริบทระดับสังคม ก็ช่วยให้เราสําเหนียกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของอํานาจ
และแยกแยะได้อย่างเที่ยงตรงมากขึ้นว่า ใครสมควรเป็น ฅ.คนข้างฝา ที่ควรค่าแก่การเคารพทุกยุคสมัย”






3. ทางโลก: สุรา ความรัก และนักสู้ประชาธิปไตย
ผู้เขียน: วรพจน์ พันธุ์พงศ์


สมัยก่อนชอบหนังสือของคุณวรพจน์มาก แต่ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนรสนิยม เริ่มเบื่อหนังแนวลุ่มลึกกับชีวิต หันไปชอบแนวเสียดสี ตลกร้าย ช่วงหลังเลยไม่ค่อยได้อ่านงานของเขาเท่าไร แต่ก็ยังตามซื้อหนังสือของเขาเก็บไว้ทุกเล่ม
ตอนแรกลังเลอยู่นานพอสมควรว่าจะซื้อเล่มนี้ดีไหม เพราะจากการลองไปเปิดหนังสือเล่มนี้อ่านที่ “ร้านเล่า” พบว่า หนังสือเล่มนี้โปร-พธม.ซะจนน่าขนลุก แถมเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ปาไปค่อนเล่ม จะหนีไปอ่านเรื่องกินเหล้า เดินป่า ความรักก็ไม่ค่อยมีให้อ่านเท่าไร แต่สุดท้ายก็ยังซื้อมาอ่านอยู่ดี ตามภาษาคนรักใคร่ (ในตัวอักษร)






4. จุดไฟในสายลม
ผู้ให้สัมภาษณ์: วรเจตน์ ภาคีรัตน์
เรียบเรียง: อธึกกิต แสวงสุข


อ.วรเจตน์เป็นอาจารย์ที่ยึดมั่นในหลักการเสมอ ในยุคที่หลักการโดนดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับหลักกู คำพูดของอาจารย์จึงเป็นความเห็นที่ควรรับฟัง เป็นที่น่าดีใจที่ทาง openbooks ใจปล้ำ รวมรวมคำพูดของอาจารย์ที่กระจัดกระจายออกมาเป็นรูปเล่มให้ได้อ่านกันแล้ว





5. ในพระปรมาภิไธย ประชาธิปไตย และตุลาการ
ผู้เขียน: ปิยบุตร แสงกนกกุล


สังเกตว่า ช่างนี้ trend หนังสือชื่อยาวกำลังมาแรง (เหมือนกับชื่อไทยของหนังทุกวันนี้ที่ไม่รู้จะยาวไปไหน...)
เนื้อหามุ่งวิจารณ์ตลก.ภิวัฒน์ (ผู้เขียนเขาย่อของเขาแบบนี้)
เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นเรื่องกฏหมายโดยตั้งใจเขียนให้คนทั่วไปอ่านรู้เรื่อง (แต่ก็ยังแอบมึนๆ อยู่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีความรู้ด้านนี้บรรจุอยู่ในสมองผมเลยแม้แต่น้อย)
ปกสวย สื่อความหมายดี สังเกตว่าเล่มก่อนของอาจารย์ปิยบุตรปกสีเหลือง คราวนี้เป็นสีฟ้า เลือกสีได้ชวนคิดดีมาก






จากที่ตั้งเป้าหมายว่า จะซื้อแค่ 10 เล่ม มาบู๊ทเดียว ล่อไป 5 เล่มแล้ว เจริญจริงๆ เลยผม...


เป้าหมายต่อไปคือ สำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัด
(เนื่องจากไม่มีรูปสำนักพิมพ์ เลยขออนุญาตใช้รูปจากบลอกคุณ Grappa มาแทนโลโก้สำนักพิมพ์นะครับ)





6."เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน"
Firefly, Barn Burning and other stories
รวมเรื่องสั้นของฮารูกิ มูราคามิ ชุดแฟนคลับรวมหัวลำดับที่ 1/3
ผู้แปล: ปาลิดา พิมพะกร , วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา,ธนรรถวร จตุรงควาณิช ,นฆ ปักษนาวิน และโตมร ศุขปรีชา


ชื่อเรื่องชนะเลิศ...
แม้จะเป็นแฟนคลับมูราคามิขั้นเตาะแตะ และมีคนบอกว่ามูราคามิเขียนเรื่องยาวดีกว่าเรื่องสั้น อีกทั้งราคาก็ค่อนข้างสูง แต่พอเห็นว่าเป็นมูราคามิ ชื่อไทยที่สุดแสนอลังการ ชื่อคนแปลที่อยู่ในระดับรวมดาวหนุ่มสาวสยาม หน้าปกที่ไม่รู้มันคืออะไร...แต่ชอบ (ขอยืมชื่อหนังสั้นพี่เต๋ามาใช้หน่อยนะ) ก็เลยตัดสินใจซื้อเลยโดยไม่ลังเล
แต่ก่อนอ่านเล่มนี้ ขอกลับไปเคลียร์ Norwegian Wood ให้เรียบร้อยก่อน อ่านค้างมาจะครบ 5 เดือนแล้ว






7.The Catcher in the Rye
จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น
ผู้เขียน: J.D. Salinger
ผู้แปล: ปราบดา หยุ่น


เล่มนี้ชื่อหนังสือรองชนะเลิศ ฮ่าๆๆๆ
ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ เมื่อก่อนเคยอยากอ่านมาก จนเกือบคิดจะซื้อเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาอ่าน แต่พอหันไปดู Harry Potter ฉบับภาษาอังกฤษที่หยิบมาอ่านอยู่ 50 หน้าแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับอยู่บนชั้นหนังสือแล้ว เลยสำเหนียกถึงความเกียจคร้านในการอ่านหนังสือภาษาต่างด้าวของตัวเอง เลยล้มเลิกความคิดนี้ไปโดยปริยาย
แต่พอคุณปราบดามาแปลให้แบบนี้ ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว จะได้รู้สักทีว่า หนังสือที่เคยสั้นสะเทือนโลกทั้งใบเล่มนี้ จะเป็นอย่างไร






มุ่งหน้าไปที่บูทต่อไปเลยดีกว่า





กะจะมาซื้ออ่าน กับฟ้าเดียวกันเล่มใหม่ซะหน่อย แต่ยังไม่ออก คาดว่าคงจะตกเดือนอีกตามเคย
เลยซื้อหนังสือของนักเขียนคนโปรดที่ออกมารวดเดียว 2 เล่ม



8.อ่านผิด
9.ในเขาวงกต
ผู้เขียน: มุกหอม วงษ์เทศ








อันนี้หน้าปกชนะเลิศ ฮ่าๆๆ
ตอนแรกนึกว่าคุณประชา สุวีรานนท์ออกแบบให้ แต่ที่ไหนได้คุณมุกหอมแกออกแบบทั้งปกและรูปเล่มเอง ซึ่งรูปเล่มข้างในก็ดูพิถีพิถันมาก


ผมเป็นแฟนคลับคุณหมอมฮุก-มุกหอมมานานแล้ว เช่นเดียวกับที่เป็นแฟนคลับคุณคำผกาและอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล แต่หนังสือคุณคำ ผกากับอ.เสกสรรค์ ผมใช้หลักใช้ดีช่วยบอกต่อ แต่หนังสือคุณมุกหอมนี่ ไม่เคยและไม่ค่อยกล้าแนะนำใคร เฉพาะทางเกิน คนที่ชอบก็ชอบไปเลย คนที่ไม่ชอบก็จะอ่านแล้วแทบอยากเขวี้ยงทิ้ง (ความรู้สึกเดียวกับเมื่อครั้งแนะนำการ์ตูน คุโรมาตี้ ให้กับเพื่อนๆ)


เธอไม่ออกหนังสือใหม่มาเกือบ 3 ปี แต่พอจะออก ก็เล่นออกทีเดียว 2 เล่ม รวมกันความหนาเกือบ 800 หน้า ซึ่งคิดดูแล้ว ถือเป็นเรื่องสาหัสมากกว่าจะอ่านให้จบได้ เพราะหนังสือของเธอต้องละเมียดในการอ่านสุดๆ ไม่งั้นงง กับสำนวนเธอแน่นอน (ผมใช้เวลาอ่าน เล่นแร่แปรธาตุ หนังสือสุดหนาเล่มก่อนของเธอ เทียบเท่ากับเวลาที่ใช้อ่านหนังสือธรรมดา 4 เล่ม)


ได้ข่าวว่า เธอไม่ได้เขียนลงในมติชนแล้ว และมีข่าวแว่วๆ มาว่าเธอจะเลิกเขียนหนังสือ ก็ได้แต่ขอให้เธอเปลี่ยนใจ
คุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ เคยให้สัมภาษณ์ใน GM ว่า เขายินดีจะมอบพลังงานในการเขียนหนังสือของเขาทั้งหมดให้คุณมุกหอม เพื่อให้กลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง ผมอยากจะบอกว่า แบ่งของผมไปด้วยสิครับ (แต่คงเป็นพลังงานที่น้อยน่าดู แหะๆ)



+-+-+-+-+-+บู๊ท 4-Letter Word+-+-+-+-+-+-+


เห็นชื่อบู๊ทนี้ ใช่แล้วครับ
เป้าหมายของผม ก็จะเป็นใครไปได้ ไม่ต้องวุ่นวายเก็บไปคิด แค่นึกสักนิดก็คงรู้กัน
เขาก็คือ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร หรือ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" คนนี้นี่เอง!



10.Lifescan มากกว่าที่ตาเห็น
ผู้เขียน: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"


หลังจากปีที่แล้ว ไปทักทายกับคุณหมอถึงที่ ปีนี้ถึงผมไม่ได้ไป แต่ผมก็ส่งน้องสาวผมไปแทน (น้องสาวผมเป็นหมอเหมือนกัน ไม่รู้จะเคยเดินสวนกันตามงานประชุมหรือเปล่า) ปรากฏว่า ไปหาแล้วไม่เจอ (หรืออาจเจอแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ได้ เพราะคุณหมอชอบทำตัวกลมกลืนกับคนในบู๊ทมาก) เลยอดได้ลายเซ็นมาโดยปริยาย


ตอนนี้ผมอ่านเล่มนี้จบแล้ว รู้สึกว่าดีและลงตัวกว่า 3 เล่มแรก และแอบหวังให้เขียน Lifescan เล่มสองออกมาอีก






ครบ 10 เล่มแล้ว แต่อย่านึกว่ายุทธการผลาญทรัพย์นี้จะยุติลงง่ายๆ
ไปที่บู๊ทต่อไปเลยดีกว่า


+-+-+-+-+-+บู๊ทสามัญชน +-+-+-+-+-+-+


11.บุตรธิดาแห่งดวงดาว
ผู้เขียน: เสกสรรค์ ประเสริฐกุล


รวบรวมมาจากคอลัมน์ในนิตยสารค.คน (อีกแล้ว)
บทความในเล่มนี้ คล้ายๆ กับในหนังสือ ผ่านพบไม่ผูกพัน บวกกับ ฟองเวลา ซึ่งเป็นหนังสือที่ต้องละเมียดอ่านทั้งคู่
ตอนนี้ผมอยู่ในอารมณ์หยาบกร้าน จึงขอเก็บเล่มนี้ไว้ก่อน รอหัวใจกลับมาละเมียดอีกครั้ง ค่อยหยิบมาอ่านละกัน (อนุญาตให้วิ่งไปอ้วกได้ ฮ่าๆๆ)









หลังจากเจอแต่บู๊ทคนน้อยๆ แล้ว ก็ได้เวลาไปบุกตะลุยบู๊ทคนเยอะๆ บ้าง
นั่นก็คือบู๊ทของ A book นั่นเอง


ก่อนจะเข้าไปในบู๊ท น้องผมบอกว่า ต้องยืนทำใจอยู่ข้างนอกประมาณ ครึ่งนาที เพราะคนเยอะมาก บูทแทบแตก ยังกับแจกฟรี
เนื่องจากในตอนนั้น คุณนิ้วกลมกำลังมาแจกลายเซ็น ก็เลยบอกน้องว่า ฝากขอลายเซ็นคุณนิ้วกลมให้ด้วย
พอโทรกลับไปเช็คข่าวคราวความคืบหน้าอีกที น้องบอกว่า ไม่รู้ว่านี่ นิ้วกลม หรือ ดองบังชิงกิ เพราะต่อคิวนานมาก กว่าจะได้ลายเซ็นมา ต้องยืนรอประมาณ ครึ่งชั่วโมงเพราะแถวยาวมาก แถมแต่ละคนก็หยิบหนังสือมาให้คุณนิ้วกลมเซ็นคนละ 3-4 เล่ม
น้องบอกว่าดีที่คุณทรงกลด บางยี่ขันไม่อยู่ ไม่งั้นบู๊ทอาจถึงขั้นถล่ม ฮ่าๆๆ


สุดท้าย ได้หนังสือจากบู๊ทนี้มา 3 เล่มดังนี้



12.ปอกกล้วยในมหาสมุทร
ผู้เขียน: นิ้วกลม


อ่านคร่าวๆ แล้วรู้สึกว่านี่คือ หนังสือคุยกับประภาส ในแบบฉบับของนิ้วกลม





13. ABC Vol.3 ปิ่นโต
ผู้เขียน: รวมผู้เขียน
บรรณาธิการ: ภูมิชาย บุญสินสุข


หลังจากผิดหวังจาก ABC เล่มก่อนหน้านี้ (Vol.2-Change) ตอนแรกคิดว่าจะเลิกซื้อเล่มนี้แล้ว
แต่พอลองพลิกเล่มนี้ผ่านๆ แล้วรู้สึกว่ามันน่าอ่านกว่าเล่มก่อน อีกทั้งเห็นชื่อคนเขียนหลายคนน่าสนใจ ทั้งคุณฮิมิโตะ ณ เกียวโต คุณนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ คุณสิริยากร เลยตัดสินใจซื้อมา
อ่านแล้วชอบกว่าเล่ม 1 เล่ม 2 แต่สงสัยผมจะไปติดภาพ Bookazine จาก openhouse ที่เนื้อหาแน่นเอี๊ยดเลยทำให้อ่าน Bookazine ที่เนื้อหาดูโหวงๆ เล่มนี้แล้วไม่ค่อยอิ่มเท่าที่ควร






14.เล็ตซึโก! ซาราริมัง
ผู้เขียน: บองเต่า


ชอบไปอ่านงานเขียนของเขาในบลอกอยู่แล้ว
ในฐานะที่เป็นชาวบลอกเหมือนกัน ผมเลยชอบอุดหนุนหนังสือที่ฐานะเป็นญาติคีย์บอร์ด (เลียนแบบสำนวนญาติน้ำหมึกของคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์) เผื่อผลบุญจะเหนี่ยวนำ ให้ได้ออกหนังสือกับเขาบ้าง แหะๆๆ






มาต่อกันที่สำนักพิมพ์นี้กันต่อเลยดีกว่า





15.จุดหมายที่ปลายเท้า (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ สุข 13)
ผู้เขียน: หนุ่มเมืองจันท์


เนื่องจากหนังสือชุดนี้ ออกทุกงานหนังสืออยู่แล้ว เลยทำให้ไม่ต้องไปสืบอะไรมาก ไปถึงหยิบเลย





16.รากหญ้าสร้างบ้าน ชนชั้นกลางสร้างเมือง
ผู้เขียน : นิธิ เอียวศรีวงศ์


แม้มุมมองบางอย่างของอ.นิธิจะไม่ค่อยตรงกับผมสักเท่าไร แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีคุณค่าในฐานะที่อาจารย์เป็นนายของภาษา และสามารถมองวัฒนธรรมของคนไทยได้อย่างทะลุปรุโปร่ง





มาต่อที่นี่กันเลย





17.จักรวาล 1x1 เมตร
ผู้เขียน: ม.ย.ร. มะลิ


เพิ่งสังเกตว่า ผมมีผลงานของเธอครบทุกเล่ม (ขนาดเล่มแรกๆ ของเธออย่าง แก้ผ้าอาบน้ำ ผมยังมีเลย)
พอเล่มใหม่ของเธอออกมา ก็เลยต้องขอสะสมให้ครบเซ็ทซะหน่อย
(เคยมีคนบอกผมว่า หน้าตาแบบผมไม่น่าอ่านหนังสือคุณม.ย.ร.เลย...ไม่รู้ว่าชมหรือด่าเนี่ย)
เนื้อหาเกี่ยวกับผู้คนหลากหลายอาชีพที่ใช้ชีวิตอยู่ในซอยทองหล่อ เป็นหนังสือที่อ่านง่าย สบายหัว ไม่ซับซ้อน (ที่สุดแล้วในบรรดาทุกเล่มที่ซื้อมา) เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องการพักหัวจากหนังสือคุณมุกหอม วงษ์เทศมาก





นอกนั้นก็เดินไปบู๊ทอื่นๆ บ้าง แต่ยังไม่มีเล่มไหนน่าสนใจ
สุดท้ายเลยขอจบการเดินไว้แต่เพียงเท่านี้ ราตรีสวัสดิ์...


สรุป


สุทธิแล้ว ได้หนังสือมาทั้งหมด 17 เล่ม (รวมกับที่มีอยู่ตอนนี้เป็น 77 เล่มพอดี) คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 13 ปี 7 เดือนกว่าจะอ่านหมด (ตอนนั้น ก็คงเป็นปี 2022 ปีที่ซึนามิจะท่วมโลก อย่างที่คุณทรนง ศรีเชื้อบอกไว้)


เก็บตก


-ตอนนี้อ่านจบไป 3 เล่มแล้วคือ Lifescan, จักรวาล 1x1 เมตร และจุดหมายที่ปลายเท้า (มีแต่เล่มอ่านง่ายๆ) ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าพอใจมากสำหรับยอดนักดองหนังสืออย่างผม


-เกือบได้ซื้อหนังสือคุณวินทร์ เลียววาริณแล้ว แต่เนื่องจากคุณวินทร์เขียนหนังสือเร็วมาก จนตามอ่านไม่ทันแล้ว (บุหงาปารียังไม่ได้เริ่มอ่านเลย คุณวินทร์ออกบุหงาตานีมาอีกแล้ว) เลยขอหยุดพักไว้ก่อน


-อยากซื้อ ดอกไม้ใต้โลก ของคุณทรงกลด บางยี่ขันเช่นกัน แต่ไม่ซื้อด้วยเหตุผลเดียวกับข้างบน คือ ยังอ่านต้นไม้ใต้โลก ผลงานเรื่องก่อนของเขาไม่จบเลย


-ไม่ได้ซื้อ วิชาสุดท้าย ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน 2 แต่ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลข้อข้างบน (เพราะอ่านเล่ม 1 จบแล้ว) แต่เพราะมีเพื่อนซื้อ แล้วกะว่ายืมเพื่อนอ่านฟรีดีกว่า


-ไม่ได้ซื้อระยะทางอันห่างใกล้ของนิ้วกลมและพิมปาย เพราะหนังสือหมด (ของเขาแรงจริงๆ)


-หลังจากนี้ อาจจะยังไม่ได้อ่านหนังสือใหม่เท่าไร เพราะต้องเคลียร์ ข้างหลังโปสการ์ด ของหลานเสรีไทย (136) ที่หนา 800 กว่าหน้า, หนังสือคุณมุกหอม วงษ์เทศ, หนังสือคุณฮารูกิ มูราคามิ และช่อการะเกดให้จบก่อน (แต่ละเล่ม ไม่ค่อยเข้าพวกกันเท่าไร แต่อ่านให้จบยากพอๆ กัน ฮ่าๆ)


*****************************


ใครมีความคิดเห็นอย่างไร ซื้อหนังสือไปกี่เล่ม อ่านหนังสือเล่มไหนจบไปแล้ว มาเม้นต์บอกกันได้นะครับ





Create Date : 09 เมษายน 2552
Last Update : 9 เมษายน 2552 21:55:41 น. 27 comments
Counter : 2322 Pageviews.

 
ปีนี้ผมซื้อแค่ 5 เล่ม

แล้วตอนนี้อ่านไป 4 เล่มแล้ว

ถือว่าประสบความสำเร็จจริงๆ 555


โดย: merveillesxx วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:4:16:29 น.  

 
พอดีนัดคุยงานที่สิริกิตต์ (จริงๆวางแผนแล้ว) ได้ซื้อหนังสือที่งาน อุตส่าห์ทำรายการไว้แต่ก็ยังเกินงบอยู่ดี


โดย: สายลมอิสระ IP: 125.26.186.88 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:6:56:44 น.  

 
ชอบชื่อเส้นแสงกับจะเป็นผู้คอยรับไว้ เหมือนกันเลยครับ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:7:16:27 น.  

 
ไปงานหนังสือ ๔ วันค่ะ แต่ละวันซื้อหนังสือเยอะเสียจนขนกลับแทบไม่ไหว บวกลบคูณหารแล้ว รวมทั้งหมดคราวนี้เกือบ ๒ หมื่น เพราะเป็นหนังสือออกใหม่เสียเยอะค่ะ


โดย: กุลธิดา IP: 67.141.244.42 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:8:26:51 น.  

 
ก็...ซื้อเยอะทุกงานล่ะค่ะ อ่านจบไปบ้างแล้วนิดหน่อย ^^

ส่วนตัวก็ยังมองว่า งานหนังสือเป็นงานที่กระตุ้นวงการวรรณกรรมอยู่ดีนะคะ และหนังสือใหม่ก็ลดพอๆ กับร้านข้างนอกด้วย

คนชอบอ่านหนังสือ ซ์อหนังสือทุกเวลาอยู่แล้วนะ


โดย: Clear Ice วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:8:43:11 น.  

 
"ตอนนี้ผมอยู่ในอารมณ์หยาบกร้าน จึงขอเก็บเล่มนี้ไว้ก่อน รอหัวใจกลับมาละเมียดอีกครั้ง"
^
^
อื้อหือ... อ่านแล้วลมตีกระเพาะวาบขึ้นมาเลยครับ 5555++

ผมก็มีเส้นแสงที่สูญหายฯ กับจะเป็นผู้คอยรับไว้ฯ แล้วเหมือนกัน ตอนนี้กำลังกระดื๊บ กระดื๊บ อ่านเส้นแสงที่สูญหายฯอยู่ (เป็นแฟนมุราคามิในระดับแรกเกิด) คาดว่ากว่าคุณฟ้าดินจะอ่าน Norwegian Wood จบ ผมคงจะอ่านเล่มนี้จบพอดี

ส่วนใหญ่หนังสือที่ซื้อจะดูดีมีสาระทั้งนั้นเลยนะครับ (เป็นหนังสือที่ผมมักจะมองข้ามทุกครั้งที่เห็น 555++)


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:8:54:34 น.  

 
ผมรออ่านหนังสือคุณมุกหอมเหมือนกัน


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:9:36:52 น.  

 

“ผิดถูกรู้หมด แต่อดไม่ได้”
เผลอตัวไปสองวัน เกินงบไปโขค่ะ


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:10:57:29 น.  

 
อยากอ่านของมุกหอม กับ ของอ.นพพร..

หยิบแล้ววางๆหลายรอบ ก่อนตัดใจ


โดย: Tentty วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:13:09:19 น.  

 
อ่านจบไปกี่เล่มแล้วคะ


โดย: beambongga IP: 61.7.145.148 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:15:56:30 น.  

 
ได้มา 12 เรื่องครับ
เป็นหนังสือ 10 เล่ม (1 เล่มในนั้นเจ้าของสนพ.ใจดีมากแถมมาให้ :-))
การ์ตูน 2 ชุด

ขณะนี้กำลังเสพอย่างหื่นกระหาย แต่ด้วยอัตราไม่เร็วนัก เพราะชอบละเลียดครับ

Norwegian Wood ผมก็อ่านค้างไว้เช่นกัน ไปได้ประมาณ 2/3 เล่มแล้ว แต่ค้างไว้กว่า 5 เดือนแล้วครับ

คุณฟ้าดินอ่านหนังสือแนวค่อนข้างเครียดนะเนี่ย


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.191.204 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:19:12:28 น.  

 
ซื้อเล่มของมูราคามิที่ออกใหม่เหมือนกันเลยค่ะ


โดย: hospitalgirl วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:23:18:00 น.  

 
ฝากน้องซื้อเหมือนกันค่ะ
รายการที่ 4 6 10

ยอดจำนวนการดองก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเงาตามตัว


โดย: renton_renton วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:23:28:54 น.  

 
อืมม์...หลายเล่ม ก็อยากอ่าน
หลายเล่ม ก็ดูจะหนัก (สมอง) เกินไป

แต่เรื่องซื้อเยอะ ซื้อน้อย ไม่ต่างกันนักสำหรับชาวหนอนหนังสือ

อยากรู้ว่า ได้อะไรมา ก็ต้องตากลับไปรื้อหาที่ blog เราละกัน

ปีนี้ งบน้อย เดินกันแบบม้วนเดียวจบไปเลย


โดย: นัทธ์ วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:23:46:46 น.  

 
หนังที่ได้ดูช่วงนี้
(ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้ชอบได้ดูแต่หนังที่ชวนให้ปวดตับ)

สัปดาห์หนังไทย

-หนุมานคลุกฝุ่น[F]
ความไร้สติเหลือทนของหนังไทย

-ว้อ หมาบ้ามหาสนุก [C] รอบ 2
ที่ต้องดู 2 รอบ ไม่ใช่ว่าอยากดู แต่ต้องเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหยิบเอามาดู
หนังแฝงนัยยะทางการเมืองที่ชวนขบคิด และทางผู้สร้างมี sense ในการทำหนังตลกได้ดีทีเดียว เสียแต่หนังถูกยัดเยียดอะไรที่ไม่เข้าท่ามาเยอะไปหน่อย

--ฟ้าใสใจชื่นบาน [D+]
ถ้าจะดูที่ตัวหนังอย่างเดียว โดยไม่สนใจบริบทอื่นๆ เลย
หนังเรื่องนี้มีคุณภาพไม่แตกต่างจากหนังตลกไทยในยุคนี้เรื่องอื่นๆ สักเท่าไร นั่นคือ คุณภาพค่อนข้างต่ำ
แม้จะมีมุขตลกที่เข้าท่าอยู่บ้าง ถ่ายภาพได้สวยงาม และนักแสดงบางท่านก็แสดงทักษะในการแสดงได้ดี แต่เสียดายที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้ดูดีขึ้นมาเลย หนังมีงานสร้างที่หยาบ เนื้อหาไร้แก่นสาร การกำกับไร้ทิศทาง จังหวะหนังกระตุก บทกลวง ไม่สนใจสมจริงทางประวัติศาสตร์และมีการใช้คำพูดสมัยใหม่เต็มไปหมด ตัวละครแทบทุกตัวแบนราบไร้มิติและมีการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล
ยิ่งถ้าเราพิจารณาตัวหนังโดยคำนึงถึงภูมิหลังและบริบทของเหตุการณ์ที่หนังเรื่องนี้นำมาอ้างอิงด้วยแล้ว (6 ตค. 2519) หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่แย่เท่านั้น แต่เข้าข่ายสถุนรส (Bad taste) เลยทีเดียว

-โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต[C-]
พยายามจะเป็น Shutter แต่สุดท้ายกลับได้หนังผีที่น่ารำคาญยิ่งกว่าบ้านผีปอบ 2008 ซะอีก

-ซูเปอร์แหบ แสบสะบัด[C+]
แม้จะเป็นเนื้อเรื่องเดิมๆ แต่ก็ทำออกมาลงตัวดี นักแสดงเล่นดีทุกคนแม้กระทั่งคุณฟิล์ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณเนาวรัตน์) เว้นก็แต่น้องมดที่ควรยุบบททิ้งแล้วโอนมาให้อิมเล่นแทน
เพลง Touch My Heart เหมาะกับเรื่องมาก ผมเคยใช้เป็นริงโทนอยู่ช่วงนึง ฮ่าๆๆ

-A Moment in June[B]
หนังมีบางอย่างขาดๆ เกินๆ (โดยเฉพาะคุณน้อย เล่นได้เกินมาก) อาจเป็นเพราะผู้กำกับยังหน้าใหม่ แต่โดยรวมๆ ถือว่าดูดีทีเดียว ถือเป็นผู้กำกับมีฝีมือที่น่าจับตา
ส่วนตัวคิดว่าฟัง เพลงความคิด 3 นาที ปริมาณความซึ้งยังมากกว่าดูหนังเรื่องนี้ 2 ชม.เสียอีก

-Wonderful Town [A+] รอบ 2
One of the Best Thai Movies I’ve Seen in My Life!

หนังเทศ
-Bangkok Dangerous[D+]
เล่นแข็งทุกคน ส่วนบทอ่อนยวบ

-The Day the Earth Stood Still[C-]
ถ้าไม่ได้คุณเจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ช่วยไว้ ผมคงทนดูหน้าคุณคีอานู รีฟต์และน้องจาเดน สมิธไม่ไหว
อีกตัวอย่างของการเอาวัตถุดิบดีๆ มาทำซะเสื่อม

-The Reader[B]
หนังเกือบจะดีแล้ว แต่ก็ดีไม่สุด
คงต้องโทษหนังช่วงหลังที่สุดเนือย เมคอัพราวกับละครช่อง 7 และคุณ Ralph Fiennes ที่ทำให้หนังที่ทำท่าจะดี กลายเป็นแค่ พอดูได้
ส่วนตัวคิดว่าคุณเคต วินสเลตเล่นหนังเรื่อง Revolutionary Road ดีกว่าเรื่องนี้

-Yes Man[C]

-Bedtime Stories [D]

-Revolutionary Road [B+]

-Happy-Go-Lucky [A+]
One of the Best Movies I’ve seen this year so far.
ชอบคาแรคเตอร์ป๊อบปี้ของนางเอกมาก ดูเป็นผู้หญิงสวยใสไร้สติที่ชวนให้ทำความรู้จัก


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:0:01:23 น.  

 
ได้มากี่เล่มจำไม่ได้แล้ว แต่ทุกเล่มอยู่ในกองดองหมด ตอนนี้เอาเล่มเก่าๆออกมาอ่านให้จบให้สิ้นเวรกรรมกันไปเสียที รู้สึกเหมือนเป็นโทษทัณฑ์ยังไงไม่รู้เหมือนกัน

ตอนนี้ดันนั่งอ่าน The Historian ล่าตำนานเลือด (อลิซาเบธ คอสโตวา) อยู่ครับ อาอี๊คอหนังสือประจำบ้านยื่นมาแล้วแกมบังคับให้อ่าน เขาจะได้รู้ว่าควรอ่านหรือไม่(แล้วมันหนา 600 กว่าหน้าอะครับ 5+)

ตอนนี้เวลาผ่านมา 4 วัน อ่านไปได้ 65 หน้าถ้วน สปีดคงที่มาก


โดย: nanoguy IP: 125.26.172.27 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:1:55:59 น.  

 
ไม่ค่อยได้อ่านงานแนวนี้เลยค่ะ
แต่อยากได้เล่มนี้จัง"เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน"
ชื่อชวนให้อยากรู..ว่าข้างในนั้นจะเป็นอย่างไร


โดย: nikanda วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:6:00:42 น.  

 
ค่อยๆ อ่านไปสิคะ

เสียดายหนังสือ เดี๋ยวเค้าจะน้อยใจแล้วเรียกร้องให้คุณปลวกมากินเป็นการประท้วงน้า อิอิ



ผมจึงอดทึ่งกับอุดมการณ์ของคุณมกุฏ อรดีแห่งสำนักพิมพ์ผีเสื้อที่ว่า จะไม่มีหนังสือของสำนักพิมพ์ผีเสื้อขายในงานนี้เด็ดขาด ไม่ได้
^
^
งงอะค่ะ เพราะก็เห็นว่าในงานมีหนังสือของสนพ.ผีเสื้อขายนี่นา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:17:33:38 น.  

 
+ เอ่อ ... วิธีการได้หนังสือจากงานหนังสือมาปีนี้ ช่างเก๋มากมายอ่ะครับ (ป่านนี้น้องคุณฟ้าดินคงนึกเจ็บใจว่าชั้นไม่น่าโทรถามเลย นอกจากเสียเวลาไปซื้อ, เสียพลังงานในการขนไปให้ถึงเชียงใหม่ ... แล้วยังอาจต้องเสียทรัพย์ฟรีอีกต่างหาก!! เหอๆๆ )

+ นิสัยเหมือนกันอีกแล้ว ... ชอบซื้อหนังสือตอนลดราคา (โดยเฉพาะช็อคโซน) ในงานหนังสือฯ และชอบไปอ่านฟรี (โชคดีที่กรุงเทพฯ มีร้านใหญ่ๆ เยอะ เลยไม่ต้องปะทะกับพนักงานยักษ์ขมูขีทั้งหลาย ให้เค้ามาทำสายตาค้อนควักใส่ )

+ เท่าที่ดูจากรายชื่อหนังสือ มันออกแนวหนักๆ สาระ การเมือง มากมายเลยอ่ะครับ ผมว่าผมอ่านหนังสือที่มีสาระได้ ก็ยังไม่ขนาดนี้ สุดยอดครับผม

+ ทั้งเรื่องชื่อหนังสือเท่ห์ๆ กับเรื่องหน้าปกแจ่มๆ นั่น เห็นด้วยเป็นที่ยิ่งหมดเลยอ่ะครับ

+ ผมคงจะมีเวลาอ่าน Lifescan ตอนช่วงกลับบ้าน (ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป) นี่แหละน่อ ไปอยู่ใกล้ๆ คุณฟ้าดินเลยแฮะ (ลำปาง ... หนา) ครับ

+ กองดองผม ก็มีเป็นภูเขาเลากาเช่นกัน (ตอนทำบ้านใหม่ปลายปีที่แล้ว เลยสั่งต่อตู้หนังสือบิวด์อินไว้ทั่วบ้านเลย! หุๆ ) และคาดว่าอาจมีโอกาสอ่านจริงๆ จังๆ หลังเกษียณ! อ่ะครับ เอิ๊กๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:0:10:02 น.  

 
สวัสดีครับพี่

สามเล่มในใจ
ที่ต้องซื้อแน่ๆ
ซื้อที่เชียงใหม่นี่ล่ะครับ

1.งานของพี่วรพจน์
2.งานของอาจารย์เสก
และ 3. งานของพี่หนุ่มเมืองจันทร์


ไม่มีทางพลาดแน่นอนครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:6:59:54 น.  

 
น่าอ่านทั้งนั้นเลย
แต่ต่อไปพยายามจะไม่ไปซื้อหนังสือที่งานสัปดาห์หนังสือทีละเยอะๆ

ใช้วิธี อยากอ่านเล่มไหนก็ซื้อทีละเล่ม ค่อยๆเลือก ค่อยๆอ่านดีกว่า แพงหน่อยก็คงไม่เยอะเท่าไหร่

อ่าน ทางโลก ของพี่วรพจน์จบแล้ว ยังชอบสไตล์ การเขียนของแกอยู่นะ แต่ เรื่อง พธม. นี่ no comment จริงๆว่ะ

- อยากอ่าน The Catcher in the Rye
จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น ด้วย เ ดี๋ยวหยุดยาวสงกรานต์ คงเคลียร์สต๊อคหนังสือที่อ่านค้างไว้ซักเล่มสองเล่มก่อน ค่อยซื้อ

- ของ อ.เสก งานคราวก่อน ซื้อ รวมบทความปกแข็งมา 2 เล่มยังอ่านไม่จบ ถ้าจบก็คงได้ซื้อเล่มใหม่นี้

- ส่วนหนังสือ การเมือง กับคุณมุกหอม ไว้่ว่างๆ จะไปยืมอ่านเด้อ

ป.ล. ตกลงชอบ นางเอก happy go lucky เหรอ เหอ เหอ สำหรับผม ปวดตับมาก



โดย: calcium_kid วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:17:10:33 น.  

 
คุณกุลธิดา>
20000 โอ้ว! เยอะมาก
ผมเคยซื้อหนังสือเยอะที่สุด 7000 บาท ต้องต้มมาม่ากินไปหลายวันเลยทีเดียว

คุณแฟนผม>
ตอนพิมพ์ประโยคนี้ ผมก็แอบมีลมตีกระเพาะวาบเหมือนกันครับ

คุณ beambongga>
3 เล่มครับ (และคิดว่าคงจะคาอยู่ที่ตัวเลขนี้อีกนาน)

คุณ renton>
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนซื้อเล่ม 4 เหมือนกัน
ตอนแรกก็แอบลังเลกับเล่มนี้นิดหน่อย แต่ก็คิดว่า ดูแล้วคงไม่มีบุคคลรอบข้างตัวผมซื้อแน่นอน จะไปขอยืมใครมาอ่านก็คงจะยาก ก็เลยซื้อเลยดีกว่า

คุณ nanoguy>
เป็นหลานที่ดีมากครับ 555
ถ้าเป็นผม ผมจะแอบเอาไปซ่อนไว้สัก 4-5 วันโดยไม่อ่านแล้วกลับมาบอกว่า ดีมากๆ ครับเล่มนี้...

คุณ nikanda>
แนะนำให้หามาอ่านครับ
แต่ไม่รับรองนะว่าจะชอบหรือเปล่า (อ้าว!)

คุณสาวไกด์ใจซื่อ>
ทางสนพ.ผีเสื้อไม่ได้เป็นคนนำมาขายนะครับ รู้สึกว่าทางดวงกมลจะเป็นนำมาขายให้ ครับ

คุณบลูยอชท์>
น้องผมชินแล้วล่ะครับ ยิ่งกว่านี้ผมก็เคยทำมาแล้ว 555

คุณ Calcium_kid>
ผมไม่ค่อยชอบทางโลก เพราะคุณวรพจน์เขียนถึงพธม. ในเชิง Emotional เหลือเกิน เหมือนพยายามจะไป Romanticize (ใช้คำถูกหรือเปล่าเนี่ย 555) การต่อสู้นี้เหลือเกิน จนรู้สึกอยากคลื่นไส้ –เหมือนอ่านบทความของอ.สุวินัย
ว่าแล้วก็ต้องขอไปอ่านฟ้าบ่กั้นแก้เลี่ยนซะหน่อย



โดย: ฟ้าดิน วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:22:38:05 น.  

 
พักหลังผมไม่ค่อยได้ไปงานหนังสือแล้วครับ
เบื่อมหกรรมและสภาพของผู้คนในงานอะไรแบบนี้ และเห็นด้วยกับแนวคิดของคุณมกุฏ


Openbooks Review > น่าซื้อมากครับ

บุตรธิดาแห่งดวงดาว > เดี๋ยวได้ซื้อแน่ๆ

ทางโลก > โปร พธม.
แต่ล่าสุด "วรพจน์" ไปร่วมลงชื่อหนุนเสื้อแดงกับ "เครือข่ายราษฎรนักเขียน ศิลปินประชาธิปไตย" แล้ว
ทำเอาหลายคนงงกันใหญ่


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:7:09:14 น.  

 
หนอนหนังสือตัวจริง อิอิ


โดย: printcess of the moon วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:8:37:02 น.  

 
ชอบตัวหนังสือของวรพจน์
แม้บางทีเนื้อเรื่องบางเรื่องจะขัดใจเรามั่งก็ตาม
ยังไงก็ชอบชื่อนี้แฮะ วรพจน์ พันธุ์พงศ์


ร้านหนังสือสามัญชนยังไม่เคยไปเลย
แบบว่าไกลเกิ๊นนนนน...หางดงปู้น


โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:12:13:49 น.  

 
เหมือนมาเดินงานหนังสอเองเลยนะนี่

อ่านเรื่องสั้นก่อนเรื่องยาวของมูราคามิก่อนได้นะ ได้อรรถรสในการอ่านแตกต่างกัน


โดย: grappa วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:8:44:15 น.  

 
อุ๊ย ชอบ "สถุลรส" จังเลย วิจารณ์ได้แสบไส้มากๆ (โดยเฉพาะกับ "Moment in June")


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:21:54:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.