สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
=สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ^_^ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า=
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
The matrix

The matrix

(เป็นหนังที่ผมดูแล้ว ไม่รู้เรื่อง ดุแล้วหลับในโรงหนัง เลยขออนุญาตินำบทวิเคราะห์ของท่านผู้รู้จากเวบพันทิป  มาใส่ในblog นี้ สักวัน ผมจะเอาแผ่นมาดูอีกสักรอบครับ )

----------------------------------------------------------------copy มาบางส่วน
อ้างอิงเรื่องเล่าของคุณ GODTING ซึ่งโดยรวมเป็นการสรุปเรื่องในภาคแรกเป็นหลัก
ขอจิ้มแบบนี้นะครับ เพราะไม่อยาก copy ทั้งหมดมันเกะกะ

ย่อหน้าแรก<<<
สงครามที่ว่านี้ มีเล่าไว้ใน The Second Renaissance I และ II ซึ่งเกิดจากวิทยาการของมนุษย์ที่พัฒนาระบบ Robot จนถึงขั้น AI ขั้นสูงซึ่งทำให้เครื่องจักรมีสติปัญญาสูงมาก จนเชื่อได้ว่าสติปัญญาของพวกมันอยู่ในระดับ มีจิตใจ และการตระหนักรู้เท่าเทียมมนุษย์เลยทีเดียว (เทคโนโลยี AI ในปัจจุบันนั้นยังทำไม่ได้ และปรัชญาหลายสำนึกในปัจจุบันไม่เชื่อว่ามันจะมี mind หรือ consciousness ในเครื่องจักร) ผมขอข้ามเรื่องมูลเหตุของสงครามนี้โดยสรุปว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร กลายเป็นสงครามระหว่าง2เผ่าพันธุ์นั่นเอง และท้ายที่สุดฝ่ายที่ได้เปรียบคือเครื่องจักร มนุษย์ที่จนตรอกได้มีมติว่าควรทำลายแหล่งพลังงานหลักของเครื่องจักรนั่นคือการทำลายท้องฟ้าเพื่อปิดกั้นแสงอาทิตย์ แต่มันสายไปแล้วเมื่อเครื่องจักรที่ชาญฉลาดได้นำเอาเจ้านายเก่า คือมนุษย์ไปศึกษาอย่างละเอียดจนรู้ว่า ก้อนเนื้อโปรตีนอย่างมนุษย์นั้นมีระบบร่างกายสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าหรือพลังานออกมาได้มากมาย เพียงแค่เลี้ยงไว้ไม่ให้ตายก็พอ นั่นคือทางออกสำหรับพลังงานใหม่ของเครื่องจักรและเกิดการออกแบบเมทริกซ์ขึ้นมาคุมขังมนุษย์ให้อยู่ในโลกแห่งความฝันหรือโลกจำลองอย่างเมทริกซ์ อย่างเพลิดเพลินและไม่รุ้ตัว กลายเป็นแหล่งพลังงานของนครเครื่องจักรในที่สุด

ตามเนื้อเรื่องในช่วงแรกได้เล่าว่ามนุษย์กลุ่มสุดท้าย และมีการมาของผู้ปลดปล่อยรุ่นแรก ได้หลบหนีไปสร้างไซออน นครใต้ดินซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายของมนุษย์ แต่มีข้อเท็จจริงภายหลังที่ขัดแย้งกับเรื่องเล่านี้ รวมถึงพวกบนยานที่คิดว่านี่เป็นปี 21xx แต่แท้จริงเมทริกซ์อาจจะดำเนินมายายนานกว่านั้นนับร้อยปี ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าต่อไป



ย่อหน้าที่สอง<<<
Agent คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่อาศัยอยุ่ในเมทริกซ์ พร้อมกับอีกหลายๆโปรแกรม หน้าที่คือ ทำลายล้างผู้ต่อต้าน ระบบเมทริกซ์ ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น นักจารกรรมแบบ มอเฟียส ที่เจาะระบบเข้ามาจากภายนอก หรือโปรแกรมภายในเอง ที่ต่อต้านระบบ, โปรแกรมที่ผิดพลาด, ต่อต้านการถูกลบ หรือไม่ทำหน้าที่ตามงานที่ควรจะทำ (ตัวอย่างเช่น การตามล่า พวกที่หนีออกจากเมทริกซ์ หรือนักจารกรรมที่กลับเข้ามาใน Matrix ทั้งสามภาค และ World Record กับ A Detective Story, การตั้ง target ทำลาย the keymaker ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบ, การไม่เป็นมิตรกับโปรแกรมแปลกปลอมอย่าง Merovingian หรือ The Oracle ซึ่งระบบอ้างว่าไม่จำเป็น(แม้ The Oracle จะมีความจำเป็นในความจริงเบื้องหลัง) , การจัดการกับ พิกัดที่เสียหรือเป็น Bug อย่างใน Beyond, การไล่ล่าผู้อพยพใน Mega City ซึ่งเป็นเมืองนอกกฏหมายที่มีพวก โปรแกรมหลบหนี(เพราะไม่อยากถูกลบ) เข้าไปซ่องสุมอยู่มากมายโดยมีคนใหญ่คนโต แบบ Merovingian ปกครองอยู่)

ความสามารถของ Agent นั้นไม่ได้สูงส่งอย่าง superman เนื่องจากผู้ออกแบบ Matrix ก็เป็นเครื่องจักรที่ไม่ยอมให้มีอะไรทำงานอย่างไม่เป้นระบบ ดังนั้น Agent จึงยังตกอยู่ภายใต้กฏทางฟิสิกส์(ปลอมๆ)ของเมทริกซ์เช่นกัน แต่สามารถยืดหยุ่นได้เล็กน้อยเช่นพลังการต่อสู้ที่สามารถรีดเร้นออกมาได้เกินคนและความว่องไวที่สูงกว่าคนปกติ หรือโปรแกรมทั่วๆไปที่ปลอมแปลงมาในรู้ลักษณ์บุคคล อื่นๆมาก Agent เป็นโปรแกรมที่มีเสรีในเมทริกซ์ระดับหนึ่งคือ สามารถเข้าออกได้แทบทุกโปรแกรมโดยย้ายจากร่างของมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้อย่างอิสระ เพื่อตามล่า เป้าหมาย ในทุกกรณีดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

แต่แม้จะมีความสามารถสูง ก็ยังไม่สามารถต่อกรกับพวกที่เหนือกว่า เช่นผู้ปลดปล่อย(The One) หรือโปรแกรมระดับสูงอย่างเซแรฟ(คนคุ้มกันThe Oracle ได้) แม้กระทั่งใน Mega City ก็คิดว่ามีโปรแกรมที่ถูกดัดแปลงโดย Merovingian และมีฝีมือเหนือกว่า Agent หรือแม้แต่บางคนเป็นโปรแกรม Agent รุ่นเก่าที่ถูกปลดระวาง หลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ด้วยซ้ำ



ย่อหน้าที่สาม<<<
กลับมาที่ นีโอ ผมคงแนะแต่เพียง ถ้าต้องการเห็นภาพของนีโอตอนเป็น โธมัส แอนเดอร์สัน ให้ดู The Kid's sotry ซึ่งเป็นลักษณะของผู้สงสัยใน เมทริกซ์และหาทางออกไปจากมัน จะต่างกันก็ตรงที่ The Kid (หรือชื่อคือ พร็อพเพอร์)นั้นมีศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวนีโอ และพร้อมจะทำได้ทุกอย่างหากเป็นคำพูดของนีโอ

เกี่ยวกับเรื่องทางเลือกนั้น เรื่องนี้นำเสนอ "ทางเลือก" มาตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้ว โดยเฉพาะโฟกัสที่การเลือกของนีโอ หากใครยังจำได้ ที่มีหนุ่มร็อคกับเพื่อนมาหานีโอเพื่อซื้อโปรแกรมผิดกฏหมายจากนีโอ คนเหล่านี้มีการแฝงนัยยะของการเลือกเข้าไปแล้ว ชื่อของตัวหลักสองคนที่สนทนากับนีโอ ผู้ชายคือ Choi และผู้หญิงที่มีกระต่ายอยู่ที่หลังคือ Dujour ทั้งสองชื่อเป็นการเล่นคำ ซึ่งแปลความหมายในท้ายที่สุดได้ว่า การมาของทั้งสองคนคือ "ช้อยส์(ทางเลือก) สำหรับวันนี้" ในการติดตามทั้งสองออกไปพบกับทรินิตี้

(ที่จริง ชอย(Choi) นั้นเคยถูกกำหนดให้เป็นตัวละครที่มีบทบาท หากใครเคยโหลด movie script ที่เป็น version เก่ามาดูจะพบว่า จริงๆแล้วชอย เป็นสมาชิกของยานลำหนึ่งที่มาจากไซออน และมีการเข้ามาทำภารกิจร่วมกับ ทรินิตี้ด้วย จึงไม่แปลกที่ทรินิตี้ทำไมถึงรู้ว่า ชอยและดูจัวร์จะมาหานีโอ ในตอนที่แฮคเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของนีโอตอนเริ่มเรื่อง)

การย้ำในประเด็นทางเลือกนั้นยังมีส่งต่อไปถึงภาค 2 และ 3 ที่แม้จะเน้นไปทางบทบู๊ และการอธิบายภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมดมากกว่าจะยัดปรัชญาจานด่วนเข้าไปในหนังมากมาย แต่เรื่องทางเลือกนั้นยังมีไปจนที่สุด

ย่อหน้าที่สี่<<<
"Alice in Wonderland" เป็นการเล่นกับเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่ม ถ้าย้อนกลับไปก่อนที่ชอย จะมาหานีโอ คงจะจำได้ว่า ทรินิตี้บอกนีโอว่า ให้ตามกระต่ายสีขาวไป ถ้าใครเคยอ่านวรรณกรรมเด็ก อย่าง "Alice in Wonderland" คงจะรู้ว่า อลิซก่อนจะเข้าไปสู่ Wonderland ก็ได้ติดตามกระต่ายสีขาวไปนั่นเอง และเหตุการณ์ถัดมาทั้งหมด จนกระทั่งบนรถที่นั่งไปกับทรินิตี้ และไปพบกับมอเฟียส จึงไม่เกินเลยไปนักที่มอเฟียสจะพูดกับนีโอว่า คุณคงรู้สึกว่าได้ตกลงมาในรูกระต่ายแล้วสิ อนึ่งนัยยะของ "Alice in Wonderland" ยังแฝงเกี่ยวกับเรื่องของ การหลับและการตื่น คงจะรู้กันว่า อลิซที่ไปในวันเดอร์แลนด์ทั้งหมดนั้น เป้นเพียงการฝัน แต่ท้ายเรื่องกลับมีของจากความฝันติดไม้ติดมือเธอออกมา น่าสงสัยว่า อลิซ กำลังฝันหรือตื่นอยู่ อะไรคือโลกแห่งความเป็นจริง แม้แต่ชื่อของ มอเฟียส และยานเนบูคาเนสซาเอง ก็เป็นการย้ำประเด็นของ การหลับและการตื่น เพราะมีที่มีจากตำนานโบราณที่เกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้

ย่อหน้าถัดมา(ไม่นับแล้ว อิอิ)<<<
ประโยคแรกผมขอเลยไปถึงประโยคของมอเฟียสในโปรแกรมจำลอง ซึ่งเป็นเมทริกซ์ขนาดเล็ก "Welcome to the desert of Real" ประโยคซึ่ง quote มาจากคำพูดสำคัญ ของนักปรัชญาในอดีตคนหนึ่ง ในระหว่างที่อยู่ในโปรแกรมจำลองซึ่งคล้ายกำเมทริกซ์ มอเฟียสได้เล่าความจริงทุกอย่างเท่าที่พอจะรู้ให้กับนีโอฟัง เป้นความจริงที่ทำให้นีโอ ซึ่งอาจจะยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าขณะนี้คือความจริงหรือฝัน แม้จะตื่นขึ้นจากเมทริกซ์แล้ว รู้สึกว่ารับไม่ได้ รับไม่ทัน และเกิดการต่อต้านความจริงในที่สุด

หลังจากตั้งสติและยอมรับได้ในระดับหนึ่ง นีโอกลับเข้าสู่การทดสอบและฝึกฝน เพื่ออย่างน้อยเขาจะได้เป็นกำลังพลให้แก่กองทัพของไซออน สิ่งที่มอเฟียสพยายามปลดปล่อยนีโอไม่ใช่การฝ่าฝืนโปรแกรมหรือกฏทางฟิสิกส์(ปลอมๆ)ในโปรแกรม หากแต่เป็นการปลดปล่อยจิตใจ ออกจากพันธนาการทางมโนสำนึกของมนุษย์ต่อโลกภายนอก ทั้งการถามว่า มอเฟียสเก่งในนี้ได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ฝึกฝนมาดีงั้นรึ , เหนื่อยรึ, หายใจหอบรึ จริงๆแล้วมันคืออะไร มอเฟียสได้ยำว่า การปลดปล่อยจิตใจให้พ้นจากสิ่งหลอกลวงนี้ "Don't think you are, Know you are" (ไม่รู้ว่าผมเขียนได้ถุกต้องหรือเปล่า จำมาคร่าวๆ) เป็นการรับรู้ด้วยตนเอง

กลับมาที่เรื่องของไซเฟอร์ ชายผู้ต้องการกลับสู่เมทริกซ์โดยการทำสัญญากับพวกเอเจนท์ แลกกับการจับกุมมอเฟียส (ในตอนนั้นพวกเอเจนท์ยังไม่รู้ว่า นีโอ คือใครและจะมีพัฒนาการอะไร มอเฟียสซึ่งมีรหัสเข้าเมนเฟรมของไซออนจึงมีความสำคัญกว่า) หลังจากเข้าไปในเมทริกซ์ ไซเฟอร์ได้ส่งสัญญาณระบุพิกัดของพวกเขาในเมทริกซ์ (มือถือที่โยนลงถังขยะ) เพื่อให้พวกเอเจนท์สามารถมาดักรอจับกุมก่อนที่พวกเขาจะหนีออกจากเมทริกซ์ในภายหลัง (ส่วนเรื่องยานเนบฯนั้น ผมคิดว่าไม่เกี่ยวและคิดว่าเซนตินอลมีความสามารถที่จะ search and destroy ยานที่เข้ามาในระยะส่งสัญญาณแฮคเข้ามาในเมทริกซ์อยู่แล้ว)

(เด็กที่ว่าอาจจะเป็นอนาคตผู้ปลดปล่อยรุ่นถัดๆไป คนที่โกนหัวโล้นเหมือนเณรน้อย และได้บอกกับนีโอว่า there is no spoon นั้นภายหลังได้ออกจากเมทริกซ์โดยได้รับความช่วยเหลือจากยานลำหนึ่งและพามาส่งที่ไซออน เด็กคนนี้เองคือคนที่ฝาก ช้อนเก่าๆ กับพร็อพเพอร์ให้นำมาให้นีโอ ก่อนที่นีโอจะออกาจกไซออนเืพื่อกลับสู่เมทริกซ์อีกครั้งในภาครีโหลด)

(ไซออนตระหนักถึงเรื่องของไซเฟอร์จึงมีการคิดค้นโปรแกรมทดสอบ ในanimatrix ตอน Program เป็นโปรแกรมทดสอบคนที่น่าสงสัย โดยการเชิญชวนให้กลับเข้าไปในเมทริกซ์ ผู้ที่ปฏิเสธคำเชิญชวนเท่านั้นจึงจะผ่านการทดสอบ เพราะไซออนคงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบไซเฟอร์ขึ้นมาอีก)

ย่อหน้าถัดๆมา<<<
เกี่ยวกับเทพยากรณ์นั้น ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วเทพยากรณ์จะไม่รุ้อนาคตหรอกครับ (ภายหลังเธอก็เฉลยเองว่าเธอไม่สามาระพยาการณ์อนาคตของเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้ (คือไม่มีในฐานข้อมูลสถิติของเธอ คือจริงๆแล้วเธอเป็นโปรแกรมดาต้าเบสระดับสูงอีกโปรแกรมที่หาทางยุติสงคราม และความสามารถพิเศษอีกอย่างคือสามารถมองเห็น source code ได้เหมือนนีโอและอาจจะเห็นบางอย่างที่มากกว่านั้น ซึ่งเรียกกันว่า "อนาคตที่ควรจะเป็น")

เทพยากรณ์เป็นเหมือนคนที่เดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร และตอบโจทก์ในสิ่งที่เขาต้องการจะทำ หรือทางเลือกที่ควรจะไป แม้ในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นไปเพื่อกระบวนการสอดคล้องในเมทริกซ์ก็ตาม

บทสนทนาของนีโอกับเทพยากรณ์นั้นแอบแฝงอะไรไว้หลายอย่าง เทพยากรณ์บอกนีโอว่าเขาไม่ใช่ผู้ปลดปล่อย แต่ก็ไมได้บอกซะทีเดียวว่าเขาไม่ใช่ผู้ปลดปล่อย รวมทั้งได้ไกด์ว่าการเป็นผู้ปลดปล่อยนั้นเป้นอย่างไร  เหมือนกับการตกหลุมรักคือเมื่อเป็น จะรู้เอง ไม่ใช่คิดว่าเป็นแล้วจะเป็น ซึ่งย้อนกลับไปสู่การปลดปล่อยตัวเองจาก "อคติ" บางอย่างแบบเดียวกับตอนที่นีโอ ฝึกต่อสู้กับมอเฟียสเพื่อปลดปล่อยจิตใจนั้น คำว่า Know Thyself ที่เขียนไว้บนประตูห้องที่เทพยากรณ์อยู่สื่อความหมายได้ดีแล้วว่าแท้ที่จริงสิ่งที่เทพยากรณ์พูด นีโอจะรู้เอง แม้แต่นีโอที่บอกว่าเขาไม่ใช่ the one แต่เขาคือ neo และตอนหลังก็เป็น neo ในที่สุด (จริงๆผมว่ามอเฟียสเองก็ไม่ได้รุ้อะไรเลย นอกจากศรัทธาอย่างแรงกล้าในผู้ปลดปล่อย และเชื่อในคำพูดของเทพยากรณ์อย่างแรงกล้าเช่นกันว่าเขาจะเป็นผู้ที่ได้พบกับ the one เขาจึงเป้นคนที่ศรัทธาในตัว the one มากที่สุดในฐานะ the one ไม่ใช่ในฐานะ neo ซะทีเดียว ซึ่งเจตนาตรงนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในที่สุดตอนท้ายในภาค revolution หลังจากได้รู้ว่า สงครามไม่หยุดติแม้จะทำตามเงื่อนไขแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นเล่ห์กลของฝ่ายเครื่องจักร)

แม้ขีดความสามารถของนีโอจะสูงขึ้น จนเข้าขั้นวิปลาศ(เช่นการหลบกระสุน) แต่เขาก็ยังไม่เชื่อและไม่ยอมรับว่าตัวเองคือ the one เขาคือ Neo เท่านั้น

น่าแปลกที่ Smith ยอมเรียกคนอื่นๆด้วยชื่อใหม่ แต่ไม่ยอมเรียกนีโอว่านีโอกลับเรียก แอนเดอร์สันอย่างสม่ำเสมอ อะไรคือโลกจริงและโลกเมทริกซ์ซึ่งเป็นโลกแห่งความฝันของมนุษย์ อัตตาของเราอยู่ที่ไหน ในขณะที่ สมิธซึ่งเกิดแก่เจ็บตายในโลกจริง พอๆกับโลกเมทริกซ์ อาศัยอญุ่ในทั้งสองโลกซึ่งไม่ว่าจะโลกไหนก็ไม่ต่างกัน อัตตาของสมิธเป้นการคาบเกี่ยวระหว่างสองโลก ในขณะที่ แอนเดอร์สันคือคนคนหนึ่งที่ตายไปแล้วและทิ้งตัวตนจอมปลอมไว้เบื้องหลัง กับนีโอ ชายอีกคนที่เกิดใหม่ในโลกจริง มอเฟียสได้เคยบอกว่า เราไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละคนเป็นใครเพราะในเมทริกซ์คือดลกปลอมทั้งนั้น นีโอ กับแอนเดอร์สัน จึงเป้นภาพของคนเดิมที่ขาดจากกัน ในขณะที่ สมิธคือคนเดิมที่อยู่ในทั้งสองโลกและคาดหวังจะหมดภาระหน้าที่ในเมทริกซ์และกลับออกไปสู่อิสระภาพภายนอกเช่นกัน อะไรคือความจริงที่คาบเกี่ยวกัน ระหว่างสองฝ่าย คือสิ่งที่เกินขึ้นตามมาอีกมากมาย


ในภาคต่อมา เราจะพบว่าหลังจากการฟื้นกลับคืนมาของนีโอหลังจากตายแล้วนั้น ไม่ได้มีแต่นีโอเท่านั้นที่ปลดปล่อยตัวเองจากเงื่อนไขในเมทริกซ์ แต่สมิธเองก็ได้รับการปลดปล่อยเช่นกัน นีโอมีความสามารถเหนือมนุษย์ราว superman มองเห้น source code ได้ คงพัฒนาการของเขามาจากพัฒนาการเดิมของมนุษย์ที่พยายามปลดปล่อยตัวเองจากเมทริกซ์ ส่วนสมิธมีพัฒนาการมาจากความสามารถเดิมของเอเจนต์ คือการแทรก code เข้าออกโปรแกรมอื่น ท้ายที่สุดคือการจำลองตัวเองเข้าไปกัดกินทุกชีวิต ทุกโปรแกรมในเมทริกซ์ ไม่ว่าจะเป้นมนุษย์หรือเครื่องจักร ล้วนถูกสมิธเข้าครอบงำสิ้น เกิดเป็นเงื่อนไขที่ถูกนำเสนอในการต่อสู้ของภาคถัดๆมา

แหล่งที่มา
//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2008/04/A6503069/A6503069.html







Create Date : 08 มกราคม 2558
Last Update : 13 มิถุนายน 2558 9:41:39 น. 0 comments
Counter : 1294 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bestyx
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]





เป็นคนเรียบง่าย สบาย ๆ ..คิดอะไรได้ช้า.. คิดไม่ค่อยทันคนอื่น...เขียนอะไรไม่ค่อยเป็น... เลยต้องหาสิ่งที่คนอื่นคิด สิ่งที่คนอื่นเขียน มาเก็บรวบรวมไว้อ่าน เพื่อให้ตนเองได้ฉลาดขึ้น เป็นคนที่ไม่ชื่นชอบหรือหลงใหลสิ่งใดเป็นพิเศษ ..แต่ก็ค้นหาหาไปเรื่อยๆ.. จนกว่าได้จะพบเจอ....แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งค้นหาก็ .."ยิ่งยาก".. ที่จะพบ เพราะโลกกว้างใหญ่เกินไปที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะเรียนรู้ได้หมด

Friends' blogs
[Add bestyx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.