กินเป็นบอกลาปัญหาแก๊สในท้อง
แก๊สในระบบย่อยเกิดจากการกลืนลมมากเกินไปและอาหารย่อยไม่หมดในลำไส้ใหญ่ เพราะทุกครั้งที่เรากลืนอาหาร เครื่องดื่มหรือแม้แต่น้ำลาย จะมีอากาศตามเข้าไปในกระเพาะเล็กน้อย อาหารที่เคลื่อนเข้าสู่กระเพาะจะถูกย่อยให้เล็กลงซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง เมื่อย่อยเสร็จแล้วสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุจะถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก ส่วนที่ไม่ถูกย่อยหรือของเสียจะเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ใหญ่เพื่อรอการขับถ่าย แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะเริ่มย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตที่ระบบย่อยไม่สามารถย่อย ได้และผลิตแก๊สออกมา
เรอ การเรอมักเกิดขึ้นหลังการกินอาหารเพื่อขับลมออกจากกระเพาะอาหาร โดยปกติกระเพาะอาหารของเราผลิตลมในท้องเองไม่ได้ แต่เกิดจากการกลืนน้ำลาย อาหาร เครื่องดื่ม โดยเฉพาะชนิดที่มีแก๊สคาร์บอเนต ยิ่งกลืน(กิน-ดื่ม)มากเท่าไรก็ยิ่งมีอากาศเข้าไปมากเท่านั้น และยิ่งทำให้เรอมากขึ้น การเรอไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อาจใช้ยาช่วยได้และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส
ท้องอืด ผู้หญิงมีอาการท้องอืดหลังอาหารมากกว่าผู้ชาย โดยไม่ทราบสาเหตุ มักเกิดจากการบีบตัวอย่างไม่ปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนบน หรือการคลายตัวของกล้ามเนื้อท้อง ปัจจุบันมียากระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนบน จึงช่วยลดอาการท้องอืดลงได้
อาการท้องอืดอาจเป็นส่วนหนึ่งของโรคลำไส้แปรปรวน (irritable bowel syndrome) ซึ่งความเครียด และความวิตกกังวลเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาการกำเริบ ท้องอืดยังอาจเกิด เพราะอาหารเคลื่อนตัวจากกระเพาะสู่ลำไส้ช้าผิดปกติ การดูดซึมอาหารผิดปกติ หรือได้รับการผ่าตัดระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีแก๊สเกิดขึ้นในปริมาณมาก
การวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงทำได้โดยการเอ็กซเรย์และส่องกล้อง
ในกรณีที่ท้องอืดจากระบบย่อยไม่ยอมรับอาหารที่กินหรือกินเร็วเกินไป ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดปัญหาและกินให้ช้าลง
แก๊สจากลำไส้ใหญ่
ลำไส้ใหญ่เป็นส่วนที่ของเสียถูกพักไว้เพื่อรอขับถ่าย ทำให้มีแบคทีเรียหลายชนิดอาศัยอยู่ มีทั้งชนิดที่เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดปัญหา แต่แบคทีเรียส่วนใหญ่มักจะสร้างปัญหา โดยใช้อาหารที่ระบบย่อยของคนเราย่อยไม่ได้มาเป็นอาหาร ซึ่งแบคทีเรียบางชนิดจะผลิตแก๊สมีเทนและไฮโดรเจน และอาจผลิตแก๊สได้มากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผายลม(ที่มีกลิ่นเหม็น)โดยกลั้นไม่อยู่
อาหารที่แบคทีเรียเหล่านี้ชื่นชอบเป็นพิเศษคือ คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ย่อยยากบางชนิด
* ฟรุคโตส เป็นน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้และน้ำผลไม้ น้ำเชื่อมที่ทำจากข้าวโพดซึ่งใช้ผสมเครื่องดื่ม คนส่วนใหญ่มีปัญหาในการย่อยฟรุคโตส จึงทำให้เกิดแก๊สมาก * แลคโตส เป็นน้ำตาลธรรมชาติพบในนม ผู้ที่ระบบย่อยผลิตเอ็นไซม์แลคโตสไม่พอหรือเอนไซม์ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงย่อยนมได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดแก๊ส ปวดท้อง และท้องเสียได้ อาจใช้วิธีเลี่ยงไปกินโยเกิร์ตแทนเพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตจะช่วยย่อยน้ำตาล ในนมได้ * แรฟฟิโนส เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่พบในถั่วและผักบางชนิดเช่น คะน้า บร็อคโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ * ซอร์บิทอล คือน้ำตาลแอลกอฮอล์ซึ่งใช้ทดแทนน้ำตาลเพื่อการควบคุมน้ำหนัก พบมากในลูกอม หมากฝรั่งและขนมหวาน ถ้ารับประทานมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้
อย่างไรก็ตาม อาหารประเภทเดียวกันอาจไม่ทำให้เกิดแก๊สในท้องเท่ากันเสมอไป ขึ้นอยู่กับความสามารถในการย่อยอาหารของแต่ละคนด้วย การปรับเปลี่ยนหรือหลีกเลี่ยงชนิดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สก็อาจลดปัญหาลมเสีย ในระบบย่อยอาหารได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอยังช่วยเร่งแก๊สให้เคลื่อนสู่ลำไส้เร็วขึ้น ลดอาการท้องอืดและช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
เทคนิคลดแก๊สในระบบย่อย
ลดลมในท้อง เช่น งดการสูบยาเส้น บุหรี่ ซิการ์ หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอม หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำโดยใช้หลอด หรือดื่มจากขวด เลี่ยงอาหารที่มีแก๊ส เช่น เครื่องดื่มอัดแก๊ส น้ำอัดลม วิปครีม ยาฟองฟู่ มิลค์เชค น้ำผลไม้ น้ำผึ้ง ฟรุคโตส กินให้ช้าลง การกินเร็วกลืนเร็วจะทำให้กลืนอากาศ เข้าไปมากขึ้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพูดคุยในระหว่างกินอาหารเพื่อไม่ให้อากาศเข้าสู่ระบบ ย่อยมากเกินไป ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ค่อยๆเพิ่มปริมาณอาหารเจ้าปัญหา หากต้องเพิ่มอาหารที่มีใยอาหารสูงและอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส ควรค่อยๆเพิ่มเพื่อให้ระบบย่อยได้ปรับตัวและอย่าลืมดื่มน้ำเพิ่มขึ้น จดบันทึกอาหารสร้างปัญหา โดยหมั่นสังเกตอาการของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นๆ
ที่มา Health & Cuisin
Create Date : 24 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 19:35:57 น. |
Counter : 4321 Pageviews. |
|
|
|