4 บริษัทยักษ์ใหญ่ย่านซิลิคอนวัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ร่วมตกลงกันเพื่อหาข้อยุติในคดีร่วมกันกีดกันและกดค่าแรงพนักงานของตน ก่อนจะมีการตัดสินของศาลในเดือนหน้าซึ่งหากแพ้คดีทั้ง 4 บริษัทอาจต้องสูญเงินถึง 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัทกูเกิล แอปเปิล อินเทล และอะโดบี้ ร่วมกันหาข้อตกลงเพื่อหาทางออก หลังถูกฟ้องในคดีร่วมกันกีดกันและกดค่าแรงของพนักงานบริษัทซึ่งแสดงให้เห็นถึงด้านมืดของบริษัทในย่านซิลิคอนวัลเลย์ โดยมีนางสาวเคลลี เดอร์โมดี ทนายฝั่งโจทก์เป็นพยานในข้อตกลงครั้งนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆของข้อตกลง
หลังการตกลงกัน ทางโฆษกของบริษัท'อะโดบี้'ได้ออกมากล่าวว่าบริษัทไม่เคยทำผิด แต่ที่ทำข้อตกลงนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง และภาระที่เกิดจากความไม่แน่นอนระหว่างการดำเนินคดี เช่นเดียวกับบริษัท'อินเทล'ที่ออกมายืนยันว่านโยบายการรับสมัครของบริษัทไม่ได้กีดกันคนมีความสามารถในตลาดแรงงานอย่างแน่นอน ขณะที่ทางบริษัท'กูเกิล' และบริษัท'แอปเปิล'ปฏิเสธที่จะพูดถึงกรณีดังกล่าว
เมื่อปี 2553 กระทรวงยุติธรรมสืบพบการแลกเปลี่ยนข้อมูลเงินเดือนของพนักงานที่เป็นความลับระหว่างหลายบริษัท นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงว่าจะไม่รับพนักงานของอีกบริษัทหนึ่งเข้าทำงานด้วย เพื่อป้องกันการแข่งขันเรื่องค่าแรง และล่าสุดพบหลักฐานอีเมลโต้ตอบฉบับหนึ่งระหว่างนายอีริก ชมิดท์ อดีตซีอีโอของกูเกิล กับ นายสตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล ที่มีใจความว่า พนักงานรับสมัครงานของกูเกิลที่ชวนพนักงานแอปเปิลย้ายข้ามมานั้นจะถูกไล่ออก โดยสตีฟ จ๊อบส์เองได้ส่งอีเมลนี้ต่อไปถึงผู้บริหารฝ่ายบุคคลพร้อมรอยยิ้ม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริหารฝ่ายบุคคลของกูเกิลได้กระจายสัญญาไม่ทำการโทรไปขายลูกค้าที่ไม่รู้จักให้บริษัทคู่แข่งอื่นๆด้วย
ในคดีนี้ฝ่ายทนายความที่เป็นตัวแทนพนักงานกว่า 64,000 คนได้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการกระทำของ4บริษัท และถ้าศาลตัดสินว่าทั้งหมดมีความผิดตามข้อกฎหมายต่อต้านการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดอำนาจตลาดด้วยอาจทำให้ต้องชดใช้ถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะมีการตัดสินวันที่ 27 พฤษภาคมนี้
สำหรับการเจรจาเพื่อยุติคดีกีดกันและกดค่าแรงพนักงานนั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ระหว่างบริษัทวอล์ท ดิสนีย์ บริษัทพิกซาร์ และบริษัทซอฟท์แวร์อินทิวท์ โดยบรรลุข้อตกลงการจ่ายค่าเสียหาย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในคดีแรงงานแบบเดียวกัน แบ่งเป็นวอลท์ดิสนีย์เสียค่าเสียหาย 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอินทิวท์เสีย 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ