"อินเทล" แต่งตั้ง "สนธิญา หนูจีนเส้ง" นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ ต่อจาก "เอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ" ที่เกษียณอายุการทำงาน...
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการเกษียณอายุการทำงานของนายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ หลังจากเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2540 ตลอดระยะเวลา 35 ปี ในแวดวงเทคโนโลยี นายเอกรัศมิ์ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาวงการเทคโนยีในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยได้แต่งตั้ง นายสนธิญา หนูจีนเส้ง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการขายและพัฒนาธุรกิจ เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแทน
นายอูเดย์ มาร์ตี้ ผู้อำนวยการ อินเทล ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ผมและพนักงานอินเทลขอขอบคุณในความมุ่งมั่นตลอดมาของคุณเอกรัศมิ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ท่านประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายในหน้าที่การงาน และเราขอส่งความปรารถนาดีแด่คุณเอกรัศมิ์ให้ประสบแต่ความสุขในชีวิตหลัง เกษียณ และผมมั่นใจว่าคุณสนธิญาจะสามารถสานต่อหน้าที่ของคุณเอกรัศมิ์ในการเป็นผู้นำองค์กรที่แข็งแกร่งสำหรับตลาดประเทศไทยซึ่ง เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออินเทล และถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทอินเทลในประเทศไทย นายเอกรัศมิ์ ได้มีบทบาทขับเคลื่อนโครงการสำคัญหลายโครงการที่ส่งเสริมความก้าวหน้าให้แก่ วงการเทคโนโลยีของไทย เช่น ICT PC (People PC) ในปี 2546 โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อคนไทย (My Family PC) ระหว่างปี 2548-2549 และ โครงการคอมพิวเตอร์ทั่วไทย โครงข่ายทั่วถึง (Be Amazing) ในปี 2556 ที่กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในการรับรู้ถึงประโยชน์และเป็นเจ้าของอุปกรณ์ไอที และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น
นอกจากนี้ นายเอกรัศมิ์ ยังได้สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ให้แก่วงการไอทีผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตัว ประมวลผลจากอินเทล ตั้งแต่ เพนเที่ยม เอ็มเอ็มเอ็กซ์ (Intel Pentium MMX) จนถึงอินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 (4th Generation Intel Core Processor) ที่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ตามมามากมาย เอกรัศมิ์มีความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมผลักดันให้เห็นถึงประโยชน์ในการใช้บรอดแบรนด์ในประเทศไทยตลอดมา และความมุ่งมั่นดังกล่าวส่งผลให้ตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์เติบโตมากกว่า 6 เท่าตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งสร้างโอกาสและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้แก่วงการเทคโนโลยีในประเทศไทยเป็นอย่างมาก.