ความสุขของคุณ (ผู้อ่าน) คือความสุขของเรา
Group Blog
 
All Blogs
 
โตขึ้น ... หนูอยากเป็นอะไร University Study Guide

โตขึ้น ... หนูอยากเป็นอะไร

บทความนี้ เขียนขึ้นมาเพราะ หลานของผมเองก็เริ่มๆจะสับสน คนละความคิดกับพ่อแม่ ลูกกำลังสับสน เพราะทั้งเพื่อน ทั้งพ่อแม่ ทั้งการยอมรับในสังคม สำหรับน้องๆทุกคนที่กำลังจะเริ่มเรียนชั้น ม.ปลาย และกำลังจะเลือกคณะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ยิ่งช่วงนี้คะแนนสอบ A-Net ออกมาเพื่อเอาไปยื่นเลือกคณะ ยิ่งทำให้หลายคนยิ่งสับสน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองและบุตรหลานที่มีความเห็นไม่ตรงกัน พ่อแม่อยากให้เป็นแบบนี้ เรียนคณะนี้ ลูกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่รู้จะเรียนอะไรดี เรียนตามเพื่อน ถามว่าชอบจริงๆหรือเปล่า อยากให้ถามตัวเองก่อนครับ

อันดับแรก เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราชอบอะไร อยากเรียนอะไร เอาเป็นว่าตอนเด็กๆ เราชอบอะไรล่ะครับ ชอบทานอาหาร ชอบสัตว์เลี้ยง ชอบเขียนหนังสือ เรียงความ ไดอารี่ ชอบคิดเลข ชอบภาษาอังกฤษ ชอบดนตรี ชอบศิลปะ ชอบซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ชอบคอมพิวเตอร์ อันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำตอบ ว่าเราชอบอะไร

อย่างผมเอง ตอนประถมก็เคยคุยกับอาจารย์ใหญ่ (ต้องขอขอบคุณอาจารย์บรรจง ทรงสัตย์ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเบญจมินทร์ในสมัยนั้น) ท่านถามผมว่า โตขึ้น เธออยากเป็นอะไร ผมตอบว่านักวิทยาศาสตร์ (ตอนนั้นที่ตอบก็คือเรียน ป.6) ท่านบอกว่า เป็นไม่ได้หรอก ไว้โตแล้วจะหาคำตอบได้เอง ว่าทำไมถึงเป็นไม่ได้

อาจจะเป็นที่คุณแม่ด้วย ที่สอนให้เขียนจดหมายหาคุณยายที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นเบอร์บ้านเพิ่มจะมี แต่ค่าโทรแพงมาก

พอมาเรียนมัธยม ก็ชอบเขียนไดอารี่ ตอนนั้นเขียนทุกวันให้เพื่อนในห้องอ่าน แล้วเพื่อนสนิทก็ชอบอ่านมากด้วย เราก็เลยรู้ว่า เราชอบเขียน อาจจะเป็นเพราะ ช่วงเด็กๆ สมัยเรานั้น มีการเขียนจดหมายกับคุณป้า คุณน้า ก็เลยทำให้เราได้ฝึกเขียน โดยเฉพาะแม่เราที่ชอบเขียนเช่นกัน เขียนจดหมายทีหลายหน้ากระดาษเลย แต่พอมีโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือแล้ว การเขียนจดหมายก็หายไป

นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้ว่าชอบอะไร นอกจากนี้การเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ในวิชาเอก ภาษาอังกฤษ - ฝรั่งเศส ทำให้เรารู้ว่า ภาษาอังกฤษเราดีตรงที่การอ่าน การแปล เราจำคำศัพท์ได้ ชอบวิชา Reading แต่ดันเกลียด Grammar ชิปเป๋งเลย ยิ่ง Listening ไม่กระดิกหูเลยสักนิด แม้จะเรียนห้อง Sound Lab ก็ตามทีเถอะ

ช่วง ม.ปลาย คุณพ่อซื้อคอมพิวเตอร์ให้ใช้ ก็ยังเงอะๆงะๆ เล่น Windows 3.1 แต่เมื่ออินเตอร์เน็ตเข้ามาแรกๆ ก็สนใจ Pantip.com เริ่มอ่านหนังสือคอมพิวเตอร์ Computer Time ต่อด้วย Computer Today รวมไปถึง Quick PC สนใจการประกอบคอมพิวเตอร์ ทำให้เราอยากเรียนวารสาร อยากทำหนังสือ อยากเป็นนักเขียน อยากทำงานด้านสื่อสารมวลชน และพ่วงมาอีกอย่างคือ มี idol ในหัวใจคือการเป็นนักเขียนคอมพิวเตอร์

ช่วงเด็กๆ สำหรับเพื่อนๆในยุคเรา อาจจะจำหนังสือ ไดโนสาร ได้ และช่วงนั้นเอง Pantip ก็เคยให้สมัครนักข่าวอาสา ทำให้เราอยากเป็นนักเขียน นักข่าว นั่นเอง

แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัย ก็ได้เลือกเรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษ เหตุผลเพราะอะไร ก็เพราะเราประมวลมาแล้วว่าอยากเขียน อยากแปล ชอบภาษาอังกฤษ ชอบคอม ชอบการอ่าน การเขียน เราชอบอ่านหนังสือ เราอยากเขียนหนังสือ อยากทำหนังสือ แม้ว่าจะเอ็นทรานซ์ไม่ติด ก็สอบเข้าราชมงคลได้ นี่คือการประมวลผลว่าทำไม เราถึงเลือกเรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษ ก็เพราะเราชอบการเขียน ชอบภาษา ชอบการแปล การอ่าน

ตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีวิชาการแปล เอ ทำไมเราได้เอ หรือว่าเราชอบ เวลาที่เราเรียน เรารู้สึกสนุก เราไม่ต้องเปิดดิกทุกตัวอักษร เราจำคำศัพท์ได้ เราแปลได้ เราชอบ สนุกกับมัน

เอาง่ายๆ ลองสังเกตว่า วิชาอะไรที่เราชอบ เราได้ A บ้าง พละเราก็จะไม่ได้เรื่อง เลขเราก็อาจจะเข้าขั้นงี่เง่า แต่สังคม เราได้ ภาษาไทย เราฉลุย ศิลปะพอไปได้แต่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร แค่นี้น้องๆก็พอจะรู้เลาๆแล้วว่า เราควรจะเรียนอะไร

หลายๆคนอยากเรียนนิเทศศาสตร์ สำหรับผมนั้นคิดว่าบางคนอาจจะมองภาพว่าเรียนนิเทศคือเป็นดารา คืออยากดัง คืออยากมีชื่อเสียง จริงๆแล้วภาพของการเรียนนิเทศศาสตร์ก็คือ การโฆษณา การทำงานด้านการสื่อสารมวลชน วิทยุและโทรทัศน์ การทำงานด้านสื่อต่างๆ ก็ตัดต่อ การทำงานด้านการสื่อสารมวลชน นักข่าว

หลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าอยากเป็นดารา ต้องเรียนศิลปกรรม เรียนนิเทศ ศิลปะการแสดง ถามว่าเรียนแล้วดีไหม ดีครับ แต่จะเป็นดาราดัง จะเป็นดาราที่มากความสามารถ ก็เพราะการฝึกฝน ความตั้งใจมากกว่า และอยู่ที่โอกาสมากกว่า ไม่ใช่แค่การเรียนเพียงอย่างเดียว

ต่อข้อถามว่า น้องๆอยากเรียนอะไร สำหรับผมแล้ว มีทั้งหมด 7 ตัวประมวลผล

ชอบเขียน / ชอบแปลภาษา / ชอบอ่าน / ชอบเป็นนักข่าว เขียนบอกเล่าเรื่องราว / อยากทำหนังสือ / อยากเป็น บอกอ (ตอนนั้นตำแหน่งมันดูเท่พิลึก) เหมือนกับตำแหน่ง Webmaster นั่นแหล่ะ / ชอบคอม ติดตั้งโปรแกรม ใช้อินเตอร์เน็ต

ถามว่าจบมาจะทำอะไร

จบมา ไม่คิดว่าจะได้ทำก็ได้ทำก็คือทำเวบ เคยทำเวบเล่นๆ แต่เราชอบ ก็เลยได้ทำเวบ แต่ทำในส่วนของ Web Content ก็คือเขียนบทความ แปล เขียนข่าว ที่นี้เราได้ทำในส่วนของการตลาด เราก็เลยได้แนวคิดทางการตลาด ทำให้เราชอบการตลาดขึ้นมา ชอบการเขียน การโปรโมทจุดขายต่างๆของสินค้าด้วย

เราชอบถ่ายทอดในการเขียนให้คนอื่นเข้าใจง่าย เราชอบที่จะเอาคอมพิวเตอร์มาพูดให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายไม่ต้องงงกับศัพท์เทคนิค เราชอบที่จะทำประโยชน์ให้คนอื่นด้วยการเขียน เพื่อการขายสินค้า ได้คิดคำโฆษณา ได้คิด Copy Writer คำโปรยโฆษณาและการทำโบรชัวร์ต่างๆ ถามว่าเอาอะไรมาใช้ เอาเรื่องการเขียน การแปล แนวคิดการตลาด ความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานที่ทำ

เพื่อนอีกคนจบเอกเดียวกัน ชอบเขียน ชอบแปลเหมือนกัน ตอนนี้ไปเขียนหนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดังหลายปีแล้ว นี่คือชอบกีฬา แล้วเอาวิชาที่เรียนมาใช้

ถามว่า ทำไมเรียนเอกภาษาแล้วไม่ทำงานโรงเรียน สายการบิน การฑูต สนามบิน เราก็เอาความชอบคอมพิวเตอร์ของเรามาใช้ร่วมกับการเขียน การแปล การรีวิว

คือการนำสิ่งที่เราชอบ มาผสานกับการเรียนที่เราได้ศึกษามานั่นเอง

ใครว่าเรียนแล้วไม่ได้ใช้ มันก็คือการประยุกต์ใช้ ไม่ใช่แค่การเรียนท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองแล้วลืมในที่สุด

อันดับแรกที่จะบอกน้องๆก็คือ เราชอบอะไร เรารักอะไร น้องคนนึงที่รู้จัก ก็อยู่ ม.ปลาย ตอนนี้เขียนรีวิวมือถือจนโด่งดัง หาเงินให้กับตัวเองได้แล้ว ถามว่าพวกน้องๆคนอื่นทำอะไรกันอยู่ บางคนเล่นกีฬาจนได้รางวัล เพื่อนเราก็กลายเป็นนักแบดชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความทะเยอทะยานที่จะทำตามฝันครับ

วันนี้ ผมได้ทำอะไรที่อยากทำ เพื่อให้คนรอบข้างภูมิใจแล้ว ได้เป็นนักเขียน นักแปล ได้เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้บริษัทในการขาย การโปรโมท ด้วยการเขียน ด้วยสมองของเรา เอาแค่ว่าน้องๆได้ทำตามที่ตัวเองรักและใฝ่ฝันอย่างแท้จริง

ผมเองเปลี่ยนมือถือบ่อย แต่การทำตรงนี้ไม่ได้สูญเปล่า เพราะเอามารีวิว เอามาเขียน เอามาถ่ายรูป สุดท้ายที่กลับมาก็คือเรื่องของความน่าเชื่อถือของเราเอง เรื่องของค่าตอบแทนมันก็เล็กๆน้อยๆสำหรับค่าบทความ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความสุขที่เราได้รับจากการทำงานที่เรารัก เพราะเราได้เรียนในสิ่งที่เราชอบนั่นเองแหล่ะครับ

สำหรับเรื่องมือถือ

ต้องขอบคุณ Pantip.com ขอบคุณคุณ Mchaw ขอบคุณคุณ CookieCompany, Mlife และเพื่อนอีกหลายๆคน ที่ทำให้ผมมีวันนี้ครับ

พวกคุณทำให้ผมมีพลังอยากเป็นนักเขียน นักรีวิวมือถือ

ขอบคุณทุกความรู้ที่มอบให้

ถ้าไม่มีพวกคุณทุกคน ผมก็ไม่มีวันนี้ วันที่ได้ทำอะไรที่เราชอบ เรารัก

สำหรับคุณ CookieCompany ผมถือว่าเป็นสุดยอดของคนที่ตามความฝันของตัวเอง ไม่ว่าใครจะว่าเขาเป็นยังไง แต่ผมว่า การที่เขารู้ว่าเขาชอบอะไร เขาก็ไต่ไปที่ตรงนั้นได้ครับ

เขาไปได้ที่ความฝัน โอกาส และคว้าความฝันของเขา

หลายๆคนอาจจะมีความฝัน แต่ยังไม่มีโอกาส

มี 3 สิ่งที่อยากจะบอกครับ

เวลา

โอกาส

อนาคต

เราใช้เวลาทำประโยชน์ให้กับคนรอบข้างด้วยสิ่งที่เราชอบ เรารัก เพื่อส่งความสุขให้กับคนอื่น อย่างการรีวิวมือถือ ถามว่าเป็นธุรกิจไหม ใช่ครับ แต่ถามว่าคนที่อ่านได้ประโยชน์ จากการที่เราได้สละเวลาเพื่อเขียน เพื่อได้สร้างความสุขจากการใช้สินค้านั้นไหม ได้รับครับ

โอกาส จริงอยู่ว่าหลายๆคนมีความสามารถ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ออกรายการ ได้มี "โอกาส" ในการแสดงความสามารถของตนเองให้คนอื่นได้รู้ว่า เราคือ kuru ของวงการ

นางสาวไทย นางงามจักรวาล อาจจะไม่ใช่คนสวยที่สุดในโลก ผมไม่เห็นคนสวยจริงๆเขาประกวดแบบนี้สักที แต่เป็นเพราะคนที่สวยที่สุดในการประกวดครับ แต่ไม่ใช่ของโลก ไม่ใช่ของประเทศ ผมเชื่อว่าคนในประเทศมีคนสวยกว่าบนเวทีเยอะ แต่สิ่งที่เขาไม่มีก็คือ "โอกาส" ไงครับ

อนาคตเราจะเป็นยังไง เราจะทำตามความฝันได้ไหม หลายๆคนอาจจะเคยทะเลาะกับพ่อแม่ อยากให้เรียนโน่น เรียนนี่ สุดท้ายคุณเอาดีด้านไหนได้บ้างครับ ถ้าเรียนตามพ่อแม่ สุดท้ายเราไม่ได้ชอบจริงๆ สุดท้ายก็ทำประโยชน์อะไรให้ใครไม่ได้สักคน

ขอแค่เรียนในสิ่งที่เราชอบและรักจริงๆ และทำประโยชน์ให้คนอื่นก็ดีนะครับ

สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า ถ้าเรารักที่จะทำอะไร ขอให้ค้นหาตัวเองให้เจอ ผมชื่นชม The Star ทุกคนมาก เขาอาจจะเรียนไม่เก่ง บ้านยากจน แต่เขาก็เป็น "คน" คนที่คว้าดาว คว้าความฝันของตัวเอง เพื่ออะไรครับ เพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง คนที่เรารัก ความสำเร็จไม่ได้มาจากใบปริญญา แต่มาจากหัวใจที่กล้าที่จะคว้าดาว ตามความฝันของตัวเอง

เชื่อว่าถ้าเรามีความสุข ไปถึงดวงดาวได้ พ่อแม่เราก็ดีใจครับ หากเพื่อนๆมีปัญหาเรื่องการเรียน การเลือกคณะ อยากให้ลองพิจารณาตามบทความนี้ แล้วนำไปอธิบายกับคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ด้วยความตั้งใจจริงของน้องๆทุกคน เพื่อที่จะหาคำตอบว่า เราไม่ได้เรียนตามเพื่อน เราชอบของเราจริงๆ เราเดินตามทางของเราจริงๆ

มีเพื่อนหลายคนเรียนแล้วไม่ชอบ สุดท้ายก็ออกแล้วเข้ามหาวิทยาลัยเปิด สุดท้ายก็ทำงานได้ดิบได้ดี คนเอ็นทรานซ์ไม่ติด ก็ได้ดิบได้ดี ผมเองก็พูดได้อีกว่า เอ็นซ์ไม่ติด แต่ถามว่า ที่ประสบความสำเร็จทุกวันนี่้ เพราะอะไรครับ ไม่ได้มีเงินเยอะ ไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่ได้มีคนยกย่อง แต่เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ และพ่อแม่ก็มีความสุขด้วยครับ

เผยแพรเพื่อเป็นวิทยาทานโดย yokekung
สงวนลิขสิทธิ์อ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน


Create Date : 04 เมษายน 2552
Last Update : 4 เมษายน 2552 21:47:54 น. 2 comments
Counter : 1322 Pageviews.

 
ตอนสมัยจะเอนท์ เคยสับสนมากมายค่ะ
จะเรียนอะไรดี
ชอบศิลปะๆ
แต่ที่บ้านก็จะเตือนว่า
มันไม่ดี เรียนแล้วจะไปทำงานอะไร
เราเลยเลือกเรียนบริหารค่ะ
แล้วจบมาทำงานรู้สึกว่า ไม่ได้ชอบเอาซะเลย
เรา้เลยสนับสนุนน้องเราตลอดเลยว่าอยากเรียนอะไรก็เรียนเลย
ชอบอะไรก็เรียนอย่างนั้น
อย่าเรียนตามค่านิยม
เรียน ทำในสิ่งที่ตัวเองรักมีความสุขกว่าค่ะ


โดย: san (gs_toy ) วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:22:35:09 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ
^^


โดย: Honou IP: 124.120.179.77 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:1:16:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yokekung
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ความสุขของคุณ คือความสุขของเรา

Yokekung Blog

เราเชื่อว่า ถ้าคุณได้อ่านบล็อกเรา แล้วมีความสุข เราก็มีความสุขเมื่อเห็นคนอ่านมีความสุข

ความสุขจากการแบ่งปันความรู้ ทิป เทคนิคต่างๆทั้งคอมพิวเตอร์ ไอที กล้องดิจิตอล มือถือ แม่และเด็ก พัฒนาการเด็ก

ติดต่อรับงานเขียน รีวิว ออกงานอีเว้นท์ yokekungworld [at] gmail.com
Creative Commons License
yokekung.bloggang.com โดย yokekung อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ yokekung.bloggang.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ http://yokekung.bloggang.com
Visit M.B.A. for IT-Smart Program
จำนวนคนที่เข้ามาดูพร้อมกับคุณ
Friends' blogs
[Add yokekung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.