เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
เท็นเดย์อิน เนปาล. ปักตะปูร์

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2552 ก้าวเข้าสู่วันที่ 7 ของการเดินทาง ช่างรวดเร็วซะกะไร การเดินทางเกินครึ่งทางแล้ว ถ้านับวันนี้ด้วยเราก็มีเวลาอยู่ที่เนปาลอีก 4 วันรวมวันเดินทางกลับในวันที่ 10 พฤษภาคมแล้ว

เล่าเรื่องของโรงแรม View point Hotel เป็นโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวพักมากที่สุด มีวิวที่สวยงามสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะครับ เช่น เป็นโรงแรมที่ค่อนค้างจะเก่าสร้างมานาน อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องก็ดูเก่าไปด้วย ในห้องไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไฟฟ้าเปิดปิดเป็นเวลา กลางวันไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ มาๆ ดับๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมถูกใจที่สุดนอกจากทำเลที่ตั้งของโรงแรมนี้ก็คือเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส เปิดเมื่อไรก็ร้อนทันที ร้อนได้ซะใจดีครับ

โปรแกรมของพวกเราวันนี้ก็คือ ตื่นเช้าๆ เพื่อไปรอถ่ายรูป แสงแรกของวัน กับชมบรรยากาศของเทือกเขาหิมาลัย สายๆ ไปเดินถ่ายรูปรอบโรงแรม เที่ยงๆ ออกเดินทางไปยังเมืองปักตะปูร์ พักที่โรงแรมในปักตะปูร์ 1 คืน

เช้านี้อากาศดีมาก พวกเราขึ้นไปยังดาดฟ้าของโรงแรมบริเวณจุดชมวิว พวกเราไปตั้งแต่ยังไม่เช้าเพื่อไปหาทำเลเหมาะ ตั้งขาตั้งกล้องเพราะถ้าสายคนจะเยอะ จะหาทำเลตั้งกล้องลำบาก พวกเราขึ้นมาบนนี้เป็นกลุ่มแรก ตั้งกล้องพร้อมถ่ายแสงแรกของวัน


เช้าวันนี้พวกเรามองเห็นเทือกเขาหิมาลัย แต่ไม่ชัดมากเพราะยังมีหมอกบดบังยอดเขาอยู่ แต่ก็ดีกว่าเมือวานที่ไม่สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาได้ พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวออกจากยอดเขา


บรรยากาศยามเช้าของขุนเขากับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้า


อาคารโรงแรมต่างๆ ก็ออกมารับแสงยามเช้าเช่นเดียวกับพวกเรา มองไปไกลจะเห็นยอดเขาคิดว่าน่าจะเป็นยอดเขา Langtang มีความสูงอยู่ที่ 7246 เมตร


ที่นากาก๊อตมีโรงแรม 5 ดาว เหมือนกันะครับก็คือ คลับหิมาลายา เป็นอีกหนึ่งโรงแรมมีที่ชมวิวดี ทุกห้องพักจะมีระเบียงสำหรับชมวิวที่ห้องพักได้เลย


ได้เวลา 7.30 น. อาหารเช้าพวกเราก็ลงมาที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารเช้าที่นี่ก็จะเป็น ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง กาแฟ ไมโล เท่าที่จำได้มีประมาณนี้ อาหารเช้าไม่ค่อยดีเท่าไรแต่ก็ต้องกินเพราะราคาห้องที่พวกเราพักรวมอาหารเช้าด้วย กินอาหารเช้าเสร็จพวกเราออกไปเดินถ่ายรูปกันรอบๆ โรงแรม เจอชาวบ้านกำลังแบกถังนมแพะไปส่งยังหมู่บ้านนากาก๊อต อยู่ห่างจากที่เราเห็นประมาณ 1 กิโลเมตร


ผุ้หญิงชาวนาปาลี ทำงานหนักไม่แพ้ผู้ชายครับ


กลับโรงแรมนอนเล่น นั่งเล่นเพื่อรอเวลาเช็คเอาร์เวลา 12.00 น. สาเหตุที่พวกเราเช็คเอาร์เวลานี้เพราะไม่อยากไปนั่งรอเวลาเช็คอินโรงแรมที่ปักตะปูร์ พวกเราจ่ายค่าโรงแรมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงิน US ที่โรงแรมสามารถเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ไหนก็ได้แล้วแต่ตกลง พวกเราให้ไปส่งโรงแรมที่ปักตะปูร์ สนมราคา 800 รูปี ผมว่าค่อนข้างแพง แต่ผมแอบเห็นเจ้าหน้าที่โรงแรมยืนเงินใบละ 500 รูปีให้กับคนขับแท็กซี่ พวกเราโดนค่าหัวคิวแล้ว ครับ ได้เวลาแท็กซี่ก็ไปส่งเราที่โรงแรมในเมืองปักตะปูร์ Bhaktapur จอดส่งหน้าโรงแรมเลยครับ


Bhadgaon Gusethouse เป็นโรงแรมที่ทำเลดีอยู่ติดกับวัดเนียตาโปลา Nyatapola Temple พวกเราให้ทาง View point hotel จองให้ราคาห้องละ 50$US รวมอาหารเช้า โรงแรมนี้ถือว่าหรูครับแต่ทำไมห้องพักกของพวกเราไม่ได้เรื่องเลย เก่ามาก น้ำอุ่นก็ไม่มีถึงมีก็ไม่ค่อยร้อน ห้องแคบๆ เป็นโรงแรมที่พวกเราพักแพงที่สุดแต่ห่วยสุดไม่สมกับราคา บ่นเรื่องที่พักให้ฟังนิดหน่อย เก็บกระเป๋าเสร็จพวกเราก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน โดยเดินออกมาหน้าโรงแรมแล้วเดินผ่านวัดเนียตาโปลา ชื่อร้านจำไม่ได้แล้วสังเกตุในรูปคือร้านที่มีร่มสีเขียว ในรูปด้านซ้านมือคือวัดเนียตาโปลา


ร้านอาหารจะอยู่บน guesthouse บรรยากาศดี มองออกไปก็จะเห็นโรงแรมที่พวกเราพักตึกสีส้มๆ ส่วนที่เห็นคนนั่งนั้นก็คือร้านอาหาร Nyatapola Cafe ไม่ใช่โบราณสถานนะครับ ตั้งอยู่หย้าวัดเนียตาโบลา


มื้อเที่ยงวันนี้พวกเราสั่งอาหารไม่มากคนละชุดเท่านั้นแล้วแบ่งๆ กันกิน อย่างที่บอกครับสั่งไปแล้วรอไปอีกได้เลย 40นาทีอย่างเร็วถึงจะได้กิน พวกเราสั่ง ข้าวกับแกงเผ็ดไก่ 1ชุด และ ข้าวกับแกงเผ็ดแพะ 1 ชุด และ แกงกะหรี่ไก่กับแป้งชาปะติ 1 ชุด ส่วนก้อนๆ นั้นก็คือ ผักทอด เรียกว่า ปาโกดา เป็นอาหารเนปาล


เรื่องอาหาร ของกินต่างๆ ผมว่าที่เนปาลไม่แพง พวกเรากินมื้อนี้ไม่มากประมาณ 1000รูปี หรือประมาณ 500 บาท ราคานี้รวมค่าเครื่องดืมแล้วครับเป็นน้ำอัดลมหลายขวด กินข้าวเสร็จพวกเราก็เริ่มออกเดินสำรวจเมืองกันเลยครับ โดยมีจุดมุ่งหมายที่แรกของพวกเราคือ Batsala Temple ผมลืมเล่าเรื่องของคาผ่านประตูเข้ามาเที่ยวยังเมืองปักตะปูร์นี้ ราคาคนละ 300 รูปี สำหรับการเที่ยว 1 วัน แต่ผมได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่าเราต้องการอยู่เที่ยว 2 วัน เจ้าหน้าจึงขอดูพาสปอร์ตและทำการเขียนชื่อเราลงในตั๋ว พร้อมกับลงวันที่ในการเข้าเที่ยวว่าหมดอายุวันที่เท่าไร อย่าลืมนะครับถ้าต้องการเที่ยวหลายวันต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน ระหว่างทางเดินไปยังวัดฯ จะมีร้านขายของตลอดทาง ร้านขายผลไม้ขากลับพวกเรสมาแวะซื้อผลไม้กิน


ผ่านร้านผลไม้ก็จะเจอร้านขายผักสด แต่ไม่ใช่ตลาดสดนะครับ เป็นร้ายขายผัก


แหล่งน้ำสาธารณะ ถือเป็นแหล่งสำคัญมากๆ ของชาวบ้านในเมืองนี้ ลักษณะแห่งน้ำแบบนี้มีมานานมากๆ เป็นที่สำหรับชาวบ้านมาเอาน้ำ ขนน้ำกัลบไปใช้ที่บ้าน ตลอดทางเดินในเมืองผมจะเจออยู่เรื่อยๆ


ไปเรื่อยๆ ชมเมืองไป ถ่ายรูปไป ไม่นานพวกเราก็มาถึงวัด Batsala Temple ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญมากในอดีต เดินไม่ไกลจากวัดเนียตาโปลา ประมาณ 500 เมตร


บริเวณ Batsala temple


ในบริเวณนี้มีสถานที่สำคัญอีกแห่งนั้นก็คือ Peacock Window มีความสำคัญอย่างไรนั้นผมไม่มั่นใจ เพราะเห็นในแผนที่ที่ทางเจ้าหน้าที่แจกจะพูดถึงที่นี่


นักเรียนมัธยมเนปาลเลิกเรียนแล้วไม่รู้ว่าเดินไปไหนกัน แต่งตัวคล้ายๆ นักเรียนอินเตอร์บ้านเรา


ผมจะเล่าเรื่องที่แปลกๆ อีกเรื่องของที่นี่ เจอเด็กขายอะไรไม่รู้ คิดว่าน่าจะเป็นขนม หรือของกินเล่นไม่แน่ใจ วิธีกินของเค้าก็คือ เมื่อมีลูกค้ามาซื้อ คนขายก็จะส่งจานให้ ในถุงพาสติกใสจะมีลูกๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกแป้งทอดกรอบ คนขายจะหยิบลูกแป้งมาแล้วเอามีดผ่าแล้วเอาหอม ผัก ยัดใส่ตรงกลางลูก แล้วเอาลูกแป้งจุ่มลงไปในโหลน้ำจิ้มสีส้มๆ ขอบอกว่าจุ่มทั้งมือนะครับไม่ใช่เฉพาะลูกแป้ง แล้วเอาไปวางบนจานที่ลูกค้าถืออยู่ วิธีกินก็คือ ลูกค้าเอามือหยิบลูกแป้งใส่ปาก ทุกขั้นตอนที่บอกจะใช้มือทั้งหมด ให้สังเกตุมือของคนขายซิครับ ทั้งเล็บและมือจะออกสีส้มๆ เด็ดกว่านี้ก็คือ คนขายเอามือล้วงลงไปในโหลน้ำจิ้มเพื่อหยิบแก้วพาสติกที่จมอยู่ใต้โหลพร้อมกับตักน้ำจิ้มขึ้นมาเอาไปเทใส่จานให้ลูกค้า ในภาพเป็นการยกดืมน้ำจิ้มที่คนขายตักมาให้ อร่อยแค่ไหนดูได้จากเด็กนักเรียน 2 คน ยืนมองตาละห้อย ผมก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าจะอร่อยแค่ไหนแต่มีคนห้ามไว้ และมีพวกเราอีกคนที่เห็นแล้วทนดูไม่ได้ (อยากจะลอง) ไม่ใช่ อยากจะถอย ของกินชนิดนี้มีขายทั่วไปในเนปาล รสชาดออกเปรี้ยวๆ


ยืนดูการขายลูกแป้งทอดไม่นานเพราะมีคนคลื่นไส้ พวกเราจึงเดินต่อเพื่อไป Durbar Square Bhaktapur ต้องเดินย้อนกลับเพราะ Durbar อยู่ใกล้ๆ กับวัดเนียาโปลา แต่พวกเราไม่ได้เดินกลับทางเดิม พวกเราเดินไปอีกทางเพื่อที่จะได้ได้รูปไปเรื่อยๆ สภาพบ้านเมืองของเมืองปักตะปูร์ อาคารจะสร้างด้วยอิฐแดงผสมกับไม้ และถนนในเมืองก็จะปูด้วยอิฐแดง สภาพบ้านเรือนจะเป็นแบบนี้


เดินไปเจอชาวบ้านเอาถัง อุปกรณ์ต่างๆ มารอขนน้ำกลับไปใช้ยังบ้าน ที่เนปาลจะเป็นเช่นนี้ตลอด เป็นเพราะว่าเค้าไม่นิยมเดินท่อน้ำไปถึงบ้าน


ระยะทางไม่ไกลกันจาก Butsala temple ไปยัง durbar Square เดินประมาณ 30 นาทีก็มาถึง Durbar Square Bhaktapur เป็นพระราชวังเก่า เป็นที่ประทับของกษัตรย์เนปาล


บริเวณ durbar ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ที่สำคัญหลายอาคาร ผมไม่ขอเล่าประวัติความเป็นมาเพราะกลัวข้อมูลผิด จะเล่าเฉพาะที่มีข้อมูล และ เรื่องราวที่ได้พบเห็นเท่านั้นนะครับ บริเวณ Durbar


ประตูวิหารทองคำ หรือ Golder Gate เป็นประตูเข้าสู่วิหารราชวัง ถัดไปจะเป็นพระราชวัง 55 หน้าต่าง หรือ The Palace of 55 Windows ซึ่งเป็นพระราชวังทีเก่าแก่และสวยงามมาก เสียดายพวกเราไม่ได้เข้าไปเพราะที่หน้าประตูทางเข้าจะมีทหารยืนถือปืนอยู่ ในวันที่พวกเราไปเค้าไม่อนุญาตให้เข้า


ภายในบริเวณ Durbar Sauare bhaktapur ไม่กว้าง ไม่แคบ สามารถเดินชมไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นาเกิน 1 ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ หลายอาคาร มีความสำคัญแตกต่างกันไป เท่าที่ผมเห็นอีกไม่นานผมว่าจะไม่สวยและจะพังเพราะว่าในบริเวณ durbar นี้ ชาวบ้านสามารถขับรถยนต์ และ มอเตอร์ไซค์ สามารถขับเข้ามาได้ และสถานที่ต่างๆ สามารถปีนขึ้นไปนั่งเล่นได้ ไม่มีกฏข้อห้ามอะไร


ถ่ายรูปได้ไม่นานเพราะใกล้จะมืดค่ำแล้ว แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้เช้าพวกเรามีโปรแกรมมาถ่ายรูปที่นี่อีกครั้ง พวกเราเดินกลับไปยังบริเวณวัดเนียตาโปลา ซึ่งอยู่ติดๆ กับ Durbar Square แต่พวกเราเดินอ้อมนิดหน่อยจึงได้รูปนี้มา
บรรยากาศบ้านเมืองปักตะปูร์


เดินมาถึงยังหน้าโรงแรม พวหเราเดินกันเป็นวงกลมคือไปอีกทางกลับอีกทาง เริ่มหิวข้าวก็เลยกินข้าวเย็นกันที่ Nyatapola Cafe ซึ่งอยู่ติดหน้าโรงแรมที่พวกเราพัก พวกเราขึ้นไปนั่งชั้นบนเพื่อให้ได้บรรยากาศ


เวลาขณะนั้นประมาณ 6 โมงเย็นที่เนปาลยังไม่มืด พี่ชาลีสั่งข้าวไก่ทอดใส่ผักต่างๆ หน้าตาน่ากินได้ยินว่าอร่อยด้วย อร่อยหรือไม่ดูสีหน้าของทอยมองข้าวของพี่ชาลีซิครับ


ร้านนี้ปิดร้านประมาณ 1 ทุ่มตรงนะครับ พวกเรานั่งจนร้านปิดก็มืดค่ำพอดี จึงพากันลงมาเดินเล่นบริเวณหน้าวัดเนียตาโปลา ซึ่งบริเวณนี้ก็มีสถานที่ศักดิ์สิทธ์ที่ชาวฮินดูนับถือมากๆ นั้นก็คือ Bhairabnath Temple ตลอดเวลาที่พวกเรานั่งกินอาหารเย็นก็จะเห็นชาวเนปาลมากราบไหว้ พร้อมกับเคาะระฆัง


ข้างๆ วัดจะมีชาวบ้านตั้งวงมีการตีกลอง ตีฉิ่ง ฉาบ ในตอนแรกๆ ผมคิดว่าเป็นการร้องเพลงโชว์นักท่องเที่ยวหรือให้ชาวบ้านฟัง ที่ไหนได้พอเข้าไปดูใกล้จึงได้รู้ว่าเป็นการสวดมนต์


บริเวณวัดเนียตาโปลายามค่ำนั้นจะกลายร่างเป็นตลาดโต้รุ่งเหมือนบ้านเรามีร้ายขายของกินเยอะไปหมดแต่เป็นรถเข็นนะครับ ไม่ใช่เป็นแบบตั้งร้าน มีเป็นสิบๆ คันครับส่วนมากขายของทอด สารพัดของทอด ผมได้แต่เดินดู และ ก็ถ่ายรูป พ่อค้าแม่ค้าเมื่อเจอกล้องก็จะหันมายิ้มครับ ไม่เจอใครดุด่าเลยครับ ต้องขอชมชาวเนปาล


เดินถ่ายรูปและชมวิธีชีวิตชาวนาปาลี ทั้งวันจนเหนื่ยล้า พวกเราก็เข้าโรงแรมนอน เพื่อเก็บแรงไว้ตื่นเช้าๆ เพื่อขึ้นไปดาดฟ้าของโรงแรมถ่ายรูป ยามเช้าเมืองปักตะปูร์ หมดไปอีกวันรวมวันนี้ก็ 7 วันแล้ว

เรื่องราวการเที่ยวเนปาลชองพวกเราทั้ง 4 คน ยังไม่จบนะครับ ยังมีเรื่องราวมาเล่าอีกนะครับ ติดตามต่อนะครับ



Create Date : 14 กรกฎาคม 2552
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 19:01:57 น. 5 comments
Counter : 5983 Pageviews.

 
เข้ามาชมค่ะ รูปสวยมากเลยค่ะ


โดย: Freedom of Life วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:26:43 น.  

 
ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกค่ะ เขียนเล่าสนุกน่าติดตามมาก


โดย: flymom IP: 97.127.27.242 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:32:58 น.  

 
Freedom of Life;
flymoon;

* ขอบคุณทั้ง 2 ท่านมากๆครับ ที่แวะชม และ สำหรับทุกคำชม ครับ ยังไม่จบนะครับเหลือ 3 วัน จากทั้งหมด 10 วัน ติดตามนะครับ


โดย: taotao_s วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:45:18 น.  

 
ตามมาอ่านด้วย...ถ่ายภาพทำให้ฉันหลงเสน่ห์การเดินทางไปเนปาล ต้องเก็บข้อมูลทุกครั้ง แล้วจะติดตามต่อไปค่ะ

...เรื่องกินๆ ก็ทำได้ ต้องปรับให้ตัวเป็นชาวบ้านเหมือนเดิม ดูความสะอาดก่อนกินโดยไม่ทำให้ท้องป่วนค่ะ


โดย: Oiltrips IP: 125.24.42.151 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:27:47 น.  

 
Oiltrips;
- ใจเย็นๆ นะครับยังไม่จบ และยังไม่ครบ 10 วันเลยครับ เดี๋ยวจะไม่ครบวันตามชื่อเรื่อง
- เรื่องของกินก็ต้องระวัง เพราะเราไม่คุ้นกับอาหารของเค้าอาจจะท้องเสียได้ มีหลายๆ คนที่มาแล้วท้องเสียครับ
- ติดตามต่อนะครับ


โดย: taotao_s วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:32:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.