เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
เท็นเดย์อิน เนปาล. นากาก็อต

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2552 เข้าสู่วันที่ 6 ของการเดินทางแล้วครับ เช้าวันนี้พวกเรายังอยู่ที่เมืองโพคารา วันนี้พวกเรานอนตื่นสายกว่าทุกวันที่ผ่านมา ตื่นกันประมาณ 7 โมงกว่าๆ นอนสบายๆ ไม่ต้องรีบตื่นเพราะวันนี้โปรแกรมเที่ยวของเราที่โพคาราไม่มี มีแต่โปรแกรมเดินทางกลับไปยังเมืองกาฐมาณฑุ(2) แล้วต่อไปยังเมืองปักตะปูร์(Bhaktapur) แล้วเลยขึ้นเขานากาก็อต(3)



ผมตื่นแล้วก็หยิบกล้องขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรม ไปเจอพี่ชาลี ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรียบร้อยแล้ว ขึ้นมาสูดอากาศยามเช้า ยืนส่องนก ส่องเขา ตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลาอาหารเช้า 8 โมงกว่าๆ บรรยากาศยามเช้าบนดาดฟ้าโรงแรม


อาหารเช้าของโรงแรมนี้ไม่ได้รวมอยู่ในค่าห้องนะครับ พวกเราสั่งให้ทางโรงแรมทำอาหารเช้าให้พวกเรา อาหารเช้าก็จะเป็น ออมเร็ต ขนมปัง ไข่ดาว กล้วย ชา กาแฟ ราคาคนละ 150 รูปี วันนี้พวกเราต้องเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศกลับไปยังเมืองกาฐมาณฑุ พวกเราจองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่วันแรกที่พวกเรามาพักที่นี่โดยให้ทางโรงแรมจองให้ราคาคนละ 90$ US ไฟล์เวลา 11.00 น. เวลา 9.30 น. พวกเราก็ได้ให้แท็กซีไปส่งที่สนามบิน ค่าแท็กซี่ 200 รูปี สนามบินอยู่ในเมืองโพคารา ไปถึงก็ไปเช็คอินที่เคาร์เตอร์ของ Yeti airlines เจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วใบใหม่ให้ พร้อมกับพวกเราต้องจ่ายค่าภาษีสนามบิน


สนามบินของที่นี่ไม่มีเครื่องสแกนกระเป๋านะครับ เค้าใช้คนสแกน เมื่อได้ตั๋วเสร็จแล้วต้องเอากระเป๋าไปเปิดให้เจ้าหน้าที่ดูที่ละกระเป๋า เมื่อตรวจแล้วไม่มีอะไรก็จะติดป้ายให้ผ่านการตรวจแล้ว ผมสังเกตุดูเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยดูเท่าไร ขอให้เปิดเป็นพิธี หลังจากนี้ซิครับก่อนเดินเข้าไปยังห้องผู้โดยสาร จะต้องตรวจทุกอย่างแยกห้องชาย-หญิง เปิดกระเป๋าดูแบบละเอียด ค้นตัวด้วยครับ ถ้าเจอสิ่งของต้องห้ามจะยึดทันที บางคนใช้เวลานานครับ ห้องพักผู้โดยสาร


พวกเราจองไฟล์ 11.00 น. แต่เรามาก่อนเวลาเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเวลาให้เป็น ไฟล์10.00 น. ก็ดีเหมือนกันจะได้ไปเร็วขึ้น ได้เวลาเครื่องบิน Yeti Airlines ที่มาจากกาฐมาณฑุ ก็มาถึงมีผู้โดยสารเต็มลำ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องบินเติมน้ำมันเรียบร้อยก็เรียกผู้โดยสารขึ้น ตั๋วไม่ได้ระบุที่นั่งใครอยากนั่งตรงไหนก็ได้


เครื่องบินเป็นเครื่องบินใบพัดลำเล็ก จุได้ประมาณ 30 คน เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่งเครื่องบินใบพัดลำเล็ก เคยนั่งแต่เครื่องบินใบพัดลำใหญ่ของการบินลาว รู้ลึกเสี่ยวๆ เหมือนกัน ผู้โดยสารเต็มลำส่วนมากเป็นฝรั่ง พวกเรานั่งแถวหลังสุด


นั่งประจำที่ก็จะมีแอร์ฯ สาวชาวนาปาลี เดินมาแจกสำลี กับ ลูกอม สำลีมีไว้สำหรับอุดหูป้องกันเสียงดังเครื่องบินครับ


ผู้โดยสารนั่งประจำที่เรียบร้อย เครื่องบินเริ่มออกบินทันที ช่วงที่เครื่องบินเร่งเครื่องเพื่อจะบินขึ้นเสียงของเครื่องยนต์ดังมากๆ แต่พอขึ้นไปได้ระดับแล้วก็ไม่ดังเท่าไร ไม่ต้องใช้สำลีอุดหูก็ได้ ภาพเมื่อโพคารา ลาก่อนเจ้าโพคารา โอกาศหน้าคงได้มาเยือนเจ้าอีกแน่ๆ


นั่งเครื่องบินได้ประมาณ 25 นาทีกำลังดูวิวด้านล่างเพลินๆ ต้องตกใจอย่างแรงเพราะเครื่องบินสั่นทั้งลำ เหมือนตกหลุมอากาศ แถมบินเอียงมากๆ กัปตันประกาศบอกว่ากำลังจะลดระดับลงสู่สนามบินกาฐมาณฑุ ถึงได้รู้ว่าถึงแล้ว สาเหตุที่เครื่องบินสั่นทั้งลำเพราะกัปตันลดระดับพร้อมกับขับเอียงมากเร็วเกินไป แต่ยังลงไม่ได้เพราะสนามบินลานเวย์ยังไม่ว่าง ต้องบินวนถึง 3 รอบ เมืองกาฐมาณฑุ มุมสูง


เครื่องบินใช้เวลาทั้งหมดในการบินจากเมืองโพคารามายังเมืองกาฐมาณฑุประมาณ 30 นาที ลงเครื่องบินก็มีรถมารับไปส่งที่อาคารรับกระเป๋าสัมภาระต่างๆ ซึ่งอยู่นอกอาคารผู้โดยสารในประเทศ หน้าตาสถานที่รับกระเป๋าเป็นเพิงโล่งๆ เจ้าหน้าที่เอากระเป๋า เป้ ต่างๆ มาถึงก็โยนลงบนที่วาง ไม่มีสายพานกระเป๋าเหมือนสนามบินอื่นๆ ของใครอยู่ไหนก็ค้นหากันเอาเอง ผมไปเดินหารถเข็นกระเป๋าปรากฏว่าไม่มี เพราะคนรับจ้างเข็นกระเป๋าชาวเนปาลเอารถเข็นไปหมดแล้ว เราจึงจำเป็นต้องจ้าง ผมจ้างมายกกระเป๋า 2 คน 2 คัน ให้ไปส่งที่ลานจอดรถแท็กซี่ ผมให้ไปคนละ 50 รูปี เป็นจบกัน


เวลาขณะนั้นประมาณ 11 โมงกว่าๆ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือ ยอดเขานากาก็อต ซึ่งอยู่เลยเมืองปักตะปูร์ ไปประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นอีกหนุ่งยอดเขาที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมแนวเทือกเขาหิมาลัย สามารถมองเห็นยอดเขา Everest ไกลลิบๆ พวกเราเหมารถให้ไปส่งในราคา 1200 รูปี ไปส่งอย่างเดียวนะครับ เป็นรถตู้เล็กๆ นั่งได้ 4 คนพอดี ทางขึ้นยอดเขานากาก๊อต เป็นถนนเล็กๆ ระหว่างทางขึ้นก็จะมีหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ตลอดทาง


ระหว่างทางขึ้นเขานากาก็อต สองข้างทางจะเป็นท้องนาช่วงที่พวกเราไปกันเป้นช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวกันพอดี ภูมิปัญญาของชาวเนปาลคือการเอาต้นข้าวที่เกี่ยวแล้วแต่ยังมีไม่ได้ตีให้เมล็ดข้าวร่วง เอามาวางเรียงรายบนถนนให้รถที่วิ่งผ่านทับลงไปที่ต้นข้าว เมล็ดข้าวก็จะร่วงหล่นบนถนนแล้วชาวบ้านก็จะมาเก็บอีกที เป็นวิธีที่ไม่ต้องตีข้าวเหมือนชาวนาบ้านเรา แต่ชาวนาบ้านเราใช้วัว ควาย ในการเดินเหยีบบย่ำวิธีก็คล้ายๆ กัน พวกเราจอดถ่ายรูปกันบ้างระหว่างทาง


ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากสนามบิน พวกเราก็มาถึงโรงแรมที่ได้จองไว้ในตอนเช้าของวันนี้เอง โดยการโทรมาจอง ไม่ได้จองมาจากเมืองไทยสาเหตุที่ไม่ได้จองมาจากเมืองไทยเพราะว่า ทางโรงแรมไม่ได้ตอบรับการจองของผมทางอีเมล์ ทั้งทีผมส่งเมล์มาจองประมาณ 6-7 ครั้ง ก็ไม่มีเมล์ตอบรับมาแม้แต่ครั้งเดียว พวกเราเลยใช้วิธีโทรมาจอง View Point Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่บนยอดเขาสูงสุดของนากาก๊อต เป็นที่นิยมมากของชาวต่างประเทศ ราคาที่พวกเราจองมาก็คือ 45$US รวมอาหารเช้าด้วย เป็นห้อง Standard


เข้าเช็คอิน เก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อยพวกเราก็ไปกินอาหารเที่ยงกันที่ห้องอาหารของโรงแรมอยู่ชั้นบนวิวดีมากๆ มองได้รอบๆ แต่วันที่พวกเราไปฟ้าไม่เป็นใจหมอกยังคงหนาเหมือนเดิมมองเห็นได้ในระยะที่ไม่ไกล นั่งกินอาหารเที่ยงเสร็จพวกเราเริ่มออกมาตั้งกล้องเพื่อถ่ายวิว และ นก ภาพนี้ถ่ายจากระเบียงห้องที่พวกเราพัก อยู่ในมุมดีมากๆ


วิวอีกมุม ถ่ายจากระเบียงห้องที่พักเช่นกัน ฝีมือการถ่ายของพี่ชาลี


ภาพนาขั้นบันไดบนยอดเขานากาก๊อต ช่วงที่พวกเราไปเป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว จึงเห็นแต่ที่นาแล้งๆ ถ่ายจากระเบียงห้องเช่นกัน


ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ นั่งพักผ่อนสบายอารมณ์ สูดอากาศเย็นๆ สดชื่นดีครับ โรงแรมนี้มีดีอีกอย่างก็คือ มีดาดฟ้าโรงแรมที่สูงสามารถขึ้นไปถ่ายรูปวิว และชมเทือกเขาหิมาลัยได้มุม 360 องศา ภาพนี้ด้านหลังโรงแรม


พี่ชาลีกับทอยก็นั่งอยู่ที่ระเบียงถ่ายรูปนกกันไป ส่วนผมแอบไปนอนหลับพักเอาแรงในห้อง ส่วนอีกคนคืออรนั่งทำงานอยู่ในห้องทำ power point ในการไปเที่ยวแต่ละครั้งผมจะพกพา netbook ไปด้วยทุกครั้งเพื่อใช้หลายด้านด้วยกันคือ เอาไว้ copy รูปจาก CF Card กล้อง ใช้หาข้อมูลในการเดินทางในบางครั้ง ใช้โทรศัพท์ผ่าน Internet และใช้อีเมล์เมื่อจำเป็นหรือมีงานด่วน มีไว้ก็สะดวกหลายอย่างดีครับ พอได้เวลา 5 โมงเย็นพวกเราก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรม รูปนี้ถ่ายจากดาดฟ้าของโรงแรม จะเห็นระเบียงห้องของพวกเราสังเกตุจากเห็นกล้องพี่ชาลีตั้งอยู่ที่ระเบียง


บนดาดฟ้าของโรงแรมนี้จะเป็นจุดสูงที่สุดของยอดเขานากาก็อต สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ตลอดทั้งแนว แต่ในวันนี้ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะหมอกหนาไปหน่อย บนนี้จะมีป้ายบอกตำแหน่งของยอดเขาด้วย


มองจากดาดฟ้าของโรงแรมจะเห็นมีอีกหลายโรงแรมบนเขานากาก็อตเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก


พวกเราถ่ายรูปอยู่บนดาดฟ้า ก็ได้มีน้องสาวๆ ทั้ง 7 คน ขึ้นมาถ่ายรูปชมวิว พร้อมพวกเราอยู่บนดาดฟ้า น้องสาวทั้ง 7 คน มาถึงโรงแรมนี้ก่อนพวกเรา ถ่ายรูปกันได้ไม่นานก็เริ่มจะมืดค่ำ ลมแรงด้วย อากาศหนาวนิดหน่อย พวกเราทั้งหมดจึงได้กลับลงมาแยกย้ายกันเข้าห้อง


ได้เวลา 1 ทุ่มตรงพวกเราก็ไปกินอาหารเย็นกันที่ห้องอาหารของโรงแรม วันนี้นมีนักท่องเที่ยวผมสีทองเยอะมากๆ เต็มโรงแรม มีผมดำคือคนไทยเราเท่านั้น


อาหารของนักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาพักที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่ต์ ส่วนของพวกเราเป็นการสั่งต่างหากไม่ได้สั่งแบบบุฟเฟ่ต์เพราะพวกเราไม่ได้มาแบบกรุ๊ปทัวร์ อยากจะบอกคนที่มาเที่ยวเนปาลเองนะครับว่า ในการสั่งอาหารต้องสั่งล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง คือถ้าเราต้องการกินข้าว 1 ทุ่มตรงก็ต้องมาสั่งไว้เมื่อเวลา 6 โมงเย็นหรือก่อนหน้านั้น แล้วแจ้งกับเค้าว่าเราต้องการกินเวลาเท่าไร ถ้าไม่ทำเช่นนี้จะรอนานมาก เป็นทุกร้านนะครับจะบอกให้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคนเนปาลทำอาหารนานมาก พวกเราจึงสั่งไว้เมื่อเวลาก่อน 6 โมงเย็น มาถึงก็จะเห็นอาหารตั้งรออยู่แล้ว พิซซ่าหน้าเห็ด ผมชอบมาก


ชามนี้เป็นบะหมี่น้ำของแท้ๆ เป็นเส้นหมี่ที่ทำจากไข่ ก่อนหน้านี้ที่โพคาราพวกเราสั่ง Noodle เค้าจะเอาเส้นมาม่าแล้วเติมน้ำร้อนมาให้เรากิน แต่คราวนี้ของแท้มีผักด้วย


ส่วนชามนี้เป็นอาหารอินเดียแท้ๆ คือ แกงกระหรี่ไก่กินกับแป้งชาปะติ อร่อยดีมาก


ก่อนมาเนปาลพวกเราทำใจเรื่องอาหารว่าจะกินกันไม่ได้ ผ่านไปได้ 6 วันพวกเราอร่อยกับอาหารเนปาลมากๆ กินกันได้อร่อยถูกใจทุกคนไม่มีใครบ่นเรื่องอาหารของที่นี่ กลัวจะเหม็นกลิ่นเครื่องเทศ ผมว่ามีกลิ่นเหมือนกันแต่ไม่แรงมากเหมือนที่อินเดีย



ผ่านไปแล้วครับ 6 วันของการเดินทาง วันพรุ่งนี้เช้าพวกเราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอดูแนวเทือกเขาหิมาลัย ในยามเช้า แต่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือไม่ สายๆ พวกเราก็จะลงจากเขานากาก็อตเพื่อไปยังเมืองปักตะปูร์ เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของเนปาล เป็นเมืองมรดกโลกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นต้องรอชมครับ




Create Date : 08 กรกฎาคม 2552
Last Update : 14 กรกฎาคม 2552 10:33:37 น. 6 comments
Counter : 4639 Pageviews.

 
:-) ตามมาอ่านอีก...เผื่อรู้ว่าที่ว่าตั๋วเครื่องบินเจ็ตไม่ได้เขียนเลขที่นั่งไว้ เป็นที่นั่งมั่วตามใจหรือเปล่า? ค่ะ ...เตรียมไว้จะจ้องวิ่งขึ้นชิงที่นั่งริมหน้าต่างด้านไหนที่ถ่ายรูปยอดเขาเอเวอเรสต์ระยะใกล้ได้อย่างไร? ค่ะ

เมื่อไหร่จะจบวันสุดท้าย..จะตามหลังไมค์ทีหลังค่ะ


โดย: Oiltrips IP: 113.53.26.106 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:55:11 น.  

 
เดียร์ ลุงเต่า

- เคยนั่งเครื่องใบพัด เล็กกว่านี้อีกครับ ลุงเต่า
แบบว่า ในใบ safety กับ แอร์ฯ บอกว่าให้ใช้เบาะรองนั่งเป็นชูชีพ กรณีลงฉุกเฉินในน้ำ เออ...คงจะได้ใช้หรอก

- เครื่องแบบกระโดด มากๆๆๆๆ ตอนลงแกจะเอาหัวลง ลดระดับที
กระเพาะอาหารเคลื่อนมาที่คอหอยเลย ดีว่าตอนกลับ ขอเบียร์มา 1 ดื่ม
พอได้เบียร์ก็รู้สึกผ่อนคลาย ว่าเออ จะทำอะไรก็ทำ ประกันจ่ายอยู่แล้ว 555

- ลุงเต่า ก็ค่อยๆ ขยับทวีป ไปแล้วกัน
โอกาสหน้าไปพวก south pacific ฟิจิ ซามัว ตาฮิติ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สายการบิน jet ก็เป็น lowcost ของออสซี่ มั๊ง

เชียร์จังเลยนะ คอยดูแต่รูปอย่างเดียว


โดย: ลุงบอย IP: 112.143.7.201 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:6:22:10 น.  

 
Oiltrips;
- ไม่ต้องไปมั่วครับ ผมจะบอกวิธีซึ่งผมก็ทำ ให้ไปยืนรอเบริเวณประตูทางออกไปขึ้นเครื่อง เพื่อพร้อมจะเข้าคิว พอเจ้าหน้าที่เรียกเราก็รีบไปยืนให้คิวแรกๆ เท่านั้นก็จบ แล้วเวลาเดินไปขึ้นเครื่องให้เดินเร็วๆ
- ให้นั่งด้านซ้ายของเครื่อง คือเมื่อเวลาเราเดินขึ้นเครื่องหันหน้าไปทางท้ายเครื่องที่นั่งจะอยู่ทางขวามือเรา แต่พอเรานั่งเสร็จหน้าต่างจะอยู่ทางซ้ายมือเรา จะได้วิวเทือกเขาหิมาลัยตลอดทางครับ
- ใกล้แล้วครับวันนี้ได้วันที่ 7 แล้วครับ อีกนิดเดียวครับ ยังมีเรื่องสนุกๆ เล่าอีกครับ


ลุงบอย;

- ตื่นแต่เช้ามาเข้าเน็ตเลยนะ
- ลุงบอยไปนั่งที่ไหนอยากลองนั่งบ้าง เค้าให้ใช้เบาะรองเวลาเราถไลลงจากเครื่องมั่ง ไม่ได้ให้เราเอาไว้เกาะ 5555

- เหมือนกันเลยลุงบอยลำที่นั่งนี้ ทั้งกระโดด ทั้งสั่น ลดระดับเร็วมาก ไม่รู้กัปตันมันจะรีบไปไหน ลำนี้ไม่มีเบียร์แจกมีแต่ถั่วแขก 1 ถุง

- ก็พยายามลองๆ ดูอยู่ ก็มีแพลนเหมือนกันมาอยากจะไปแถบนั้น เก็บแถวๆ บ้านเราก่อน ทริปต่อๆ ไปก็ว่าจะไปแถบอินโด รอดูรีวิวนะ

- ลุงบอยไปเที่ยวไหนมาเล่าให้ฟ้งบ้าง อย่าลืมนะครับ


โดย: taotao_s วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:40:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ๆ
กำลังหาข้อมูลเที่ยวเนปาลปีหน้า ได้ข้อมูลของพี่ๆแล้วช่วยน้องได้เยอะมากเลย แต่ที่มากกว่านั้นคือพี่ทอย ฮ่าๆๆคุ้นมาก น้องเคยทำงานกับทีมพี่เกด สุดปรารถนา ไว้ยังไงน้องอาจจะขอคำแนะนำนะคะ


โดย: แก้ว IP: 110.168.5.48 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:26:44 น.  

 
แก้ว

ขอคำแนะนำต่างๆ ได้ครับ ขอบคณมากครับสำหนับคำชม


โดย: taotao_s วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:14:18:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ กำลังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเนปาล รวมแก็งกัน 9 คน ในทีมให้ดิฉันเป็นหัวหน้าทีม ก็ยังมึนๆกับข้อมูลอยู่ ขอรบกวนถามข้อมูลนะค่ะ
ดิฉันแพลนคือ
วันแรก อยู่กาฎมาณฑุชมเืมือง
วันที่สอง เที่ยวรอบนอก วันเดย์ทัวร์
วันที่สาม ไปเมืองนากาก็อต นอนค้าง 1 คืน
วันที่สี่ กลับมานอนค้างที่กาฎมาณฑุอีกคืน

ขอคำแนะนำด้วย่ะ ขอบคุณมาก

darkylove8@hotmail.com


โดย: Nureehan Ya-ngoh IP: 110.164.215.189 วันที่: 13 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:55:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.