โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

โรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง (ตอนที่ 1)
ศ.น.พ.นิพนธ์ พวงวรินทร์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2548 09:43 น.

1.อัมพาตคืออะไร?

อัมพาต คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดหรือมีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอยังผลให้เซลล์ในสมองและการทำงานของสมองหยุดชะงัก อันจะมีผลตามมาทำให้ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตแสดงอาการอ่อนแรงของร่างกายซีกหนึ่งหรือทั้งสองซีก ในบางคนอาจจะหมดความรู้สึกของร่างกายซีกใดซีกหนึ่งหรือทั้งสองซีก บางรายอาจจะหมดสติ บางรายอาจจะตามองไม่เห็นบางรายอาจจะเดินไม่ได้ บางรายอาจจะพูดไม่ได้ บางรายอาจจะสับสน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการชนิดถาวรหรือเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เรียกว่า อัมพฤกษ์

ผู้ป่วยอัมพาตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่สูงอายุ แต่อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่อายุน้อย ก็อาจเกิดอัมพาตได้เช่นเดียวกัน ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงโรคร่วมด้วย

2.อะไรเป็นตัวที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพาต หรือปัจจัยอันใดที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต?

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต และเป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยง และให้การรักษาหรือป้องกัน ได้แก่ :

1.โรคความดันโลหิตสูง ภาวะนี้พบว่าเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและทำให้เกิดโรคอัมพาตได้มากทั้งชนิดหลอดเลือดแตกและหลอดเลือดตีบ ภาวะโรคความดันโลหิตสูงนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นอัมพาตมากกว่าคนปรกติสูงถึง 3-17 เท่า แล้วแต่อายุความรุนแรงของความดันโลหิตสูง

2.โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานเป็นเวลานานๆ โดยมิได้รับการรักษาหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติ จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดอัมพาตชนิดหลอดเลือดตีบได้สูง เพราะโรคเบาหวานทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งได้ง่าย โดยจะมีหลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย และถ้าเป็นที่หลอดเลือดของสมองจะเกิดอัมพาตขึ้น

อัตราการเสี่ยงของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้สูงกว่าผู้ป่วยปรกติถึง 2-4 เท่า

3.ภาวะที่มีไขมันสูงในหลอดเลือด ทั้งชนิด cholesterol, triglyceride, ซึ่งเป็นไขมันที่ไปเกาะผนังหลอดเลือดและจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็ง อันจะมีผลตามมาทำให้เกิดอัมพาตได้ง่าย

4.การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่นั้นจะเป็นปัจจัยเสริมทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพาตได้ง่าย โดยผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะมีโอกาสเป็นอัมพาตได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า

5.อื่นๆ ปัจจัยอื่นที่จะส่งเสริมให้เป็นอัมพาต ได้แก่ :

ก.Obesity หรือความอ้วน โรคอ้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และทำให้ผู้ป่วยมีไขมันในหลอดเลือดสูง อันจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้มากกว่าคนธรรมดา

ข.ภาวะเครียด การที่ผู้ป่วยเครียดมากเกินไปจะยังผลให้เกิดความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปรกติ และจะทำให้เกิดมีอัมพาตตามมาได้

ค.ภาวะขาดการออกกำลังกาย การที่ไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นปัจจัย ทำให้ผู้ป่วยอ้วนและเกิดภาวะเครียด ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสริมต่อการเกิดอัมพาต ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าการออกกำลังกายของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อาจมีผลให้ลดระดับของไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเพิ่มไขมันที่มีประโยชน์กล่าวคือทำให้หลอดเลือดไม่แข็งตัวได้อีกด้วย

3.อาการเตือนของโรคอัมพาตมีอะไรบ้าง?

โรคอัมพาตนั้นเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังผลให้เกิดความสูญเสียหน้าที่ การทำงานของร่างกายอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเตือนก่อนล่วงหน้า ซึ่งถ้าเผื่อเราทราบไว้ก็จะสามารถทำให้ผู้ป่วยมาหาแพทย์และได้รับการวินิจฉัย และบำบัดรักษาได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นเราควรรู้จักอาการเตือนของโรคอัมพาต ซึ่งมีดังต่อไปนี้ :

1.อาการอ่อนแรง หรือไม่มีแรงครึ่งซีก หรืออาการชาของแขนหรือขา ซีกใดซีกหนึ่ง ของร่างกายเป็นครั้งคราว

2.ภาวะที่พูดลำบาก ตะกุกตะกักหรือพูดไม่ชัด โดยอาการเป็นชั่วคราว หรืออาจจะนึกพูดไม่ได้เป็นครั้งคราว

3.ภาวะที่ตามืดหรือมองไม่เห็นไปชั่วครู่หรืออาจจะเห็นแสงที่ผิดปรกติ หรือเห็นภาพซ้อน

4.ภาวะที่มีอาการชาหรืออ่อนแรงของใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง

5.เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยปวดมาก่อน

6.เกิดภาวะวิงเวียนบ้านหมุนหรือเป็นลม

7.กลืนอาหารสำลักบ่อยๆ

4.หลังเกิดอัมพาตขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการอย่างไร และควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตที่มีอาการรุนแรง กล่าวคือ หมดสติ หรือซึมหรือพูดไม่ได้ หรือมี อัมพาตอ่อนแรงของร่างกายซีกใด ซีกหนึ่ง จำเป็นที่จะต้องไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพราะการรักษาที่รวดเร็วและทันท่วงที อาจช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ สำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีและมีอาการอัมพาต ญาติและผู้ดูแลผู้ป่วยไม่ควรทำให้ผู้ป่วยตกใจหรือพูดทำให้ผู้ป่วยเสียกำลังใจ เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้เมื่อพบแพทย์จะได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปรกติก็ได้ การร้องห่มร้องไห้ผิดหวัง เศร้าโศกเสียใจในระยะแรกที่เกิดอัมพาต ในขณะที่ผู้ป่วยรู้ตัวดีแล้วนั้นจะทำให้ผู้ป่วย อาการเลวลง

5.อัมพาตรักษาอย่างไร?

การรักษาอัมพาตนั้นวิธีการที่สำคัญ คือ ต้องรีบรักษาระยะแรกกล่าวคือ ต้องป้องกัน ไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยเกิดไปอันอาจจะต้องให้ยาลดบวมของสมอง บางรายอาจจะจำเป็นต้องให้การรักษาโดยการผ่าตัดและให้ยาร่วมกัน จะเป็นได้ว่าในการรักษาในช่วงแรกนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มิฉะนั้นผู้ป่วยบางรายแทนที่จะฟื้นตัวได้กลับจะเกิดภาวะอัมพาตถาวรตลอดไป โดยไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้

ผู้ป่วยอัมพาตระยะแรกจึงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ การรักษาโดยวิธีอื่นๆหรือรักษาทางไสยศาสตร์ต่างๆ ไม่ก่อให้เกิดผลดีกับผู้ป่วยและมักจะเกิดผลร้ายตามมา กล่าวคือ มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และจะทำให้การฟื้นตัวไม่สามารถเป็นไปได้อีกด้วย

ผู้ป่วยอัมพาตโดยทั่วไปๆ จะมีอันตรายสูงในช่วงสัปดาห์แรก กล่าวคือผู้ป่วยที่ถึงแก่กรรม มักจะเกิดในสัปดาห์แรก ภายหลังสัปดาห์แรกผู้ป่วยจะค่อยๆฟื้นตัวมาตามลำดับ แต่ต้องอาศัยการรักษาทางกายภาพบำบัดและต้องป้องกันมิให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ภาวะปอดอักเสบ ภาวะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะการติดเชื้อที่แผลนอนทับ เป็นต้น โดยทั่วๆ ไป ผู้ป่วยมักจะอยู่ในโรงพยาบาล 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมกับการรักษาทางยา

ส่วนการรักษาในระยะยาวจำเป็นที่จะต้องให้การรักษาเพื่อป้องกันมิให้เกิดอัมพาตซ้ำร่วมกับการทำกาย ภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของแขนขา และร่างกายให้กลับมาสู่สภาพใกล้เคียงกับภาวะเดิมมากที่สุด เท่าที่จะมากได้

โรคหลอดเลือดสมอง (จบ)
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2548 10:27 น.
คอลัมน์...สุขภาพน่ารู้สู่ประชาชน
โดย...ศ.น.พ.นิพนธ์ พวงวรินทร์

6.การดูแลผู้ป่วยอัมพาตที่จำเป็น เพื่อป้องกันความพิการ มีอะไรบ้าง?

ก.ภาวะอ่อนแรงครึ่งซีก ในระยะแรกที่ผู้ป่วยยังขยับแขนขาเองไม่ได้ การจัดท่านอนที่ถูกต้องและการพลิกตัวบ่อยๆ จะช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ให้เกิดภาวะข้อติดเกร็งและแผลนอนทับได้ ระยะต่อมาที่ผู้ป่วยเริ่มขยับแขนขาเองได้บ้างจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดแบบให้ผู้ป่วยทำเอง ซึ่งจะช่วยเร่งให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งและมีน้ำลายไหลจากมุมปากบ่อยๆ วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยให้ผู้ป่วยกลืนน้ำลายลงไปในคอบ่อยๆ การฝึกหัดใช้หลอดดูดน้ำจากในแก้วดื่มเองจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อของใบหน้าที่อ่อนแรงให้ฟื้นตัวดีขึ้น

ข.ภาวะกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ในระยะแรกของการเกิดอัมพาตจะมีกล้ามเนื้ออ่อนนิ่มปวกเปียก ในกรณีเช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ผ้าคล้องแขน แต่ในระยะต่อมากล้ามเนื้อจะมีอาการแข็งเกร็งทำให้ขัดขวางต่อการเคลื่อนไหว ในระยะนี้จะเป็นต้องให้ทำกายภาพบำบัดและอาจต้องให้ยาลดการเกร็งของกล้ามเนื้อร่วมด้วย

ค.ภาวะหมดความรู้สึกสัมผัสครึ่งซีกของร่างกาย ในกรณีนี้อาจเกิดภาวะอันตรายต่างๆได้ เช่น ถูกน้ำร้อนลวก ถูกไฟหรือเหยียบของมีคมเพราะผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือรับรู้ประสาทสัมผัสใดๆ และอาจเกิดเป็นแผลลุกลามใหญ่โตตามมาได้ จำเป็นต้องเตือนและสอนให้ผู้ป่วยระมัดระวังร่างกายซีกที่หมดความรู้สึกด้วยเช่นเดียวกับซีกที่ดี

ง.ภาวะอารมณ์แปรปรวน ผู้ป่วยอัมพาตบางรายอาจมีอาการสับสน ความจำเสื่อม หัวเราะหรือร้องไห้โดยไม่ได้ตั้งใจ และผิดกาลเทศะ โมโหง่าย ฉุนเฉียว ซึมเศร้าหรือทำอะไรเลอะเทอะแบบเด็กๆ ไม่มีเหตุผล ตลอดจนบางครั้งตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ การดูแลผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องให้กำลังใจแสดงความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย การเข้าใจและยินยอมรับสภาพของผู้ป่วย แต่ในบางรายอาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์และให้ยาควบคุมทางอารมณ์ด้วย

จ.ภาวะการพูดผิดปรกติ ผู้ป่วยอัมพาตซีกขวาบางรายจะมีปัญหาในการพูดกล่าวคือ บางรายฟังเข้าใจแต่พูดไม่ได้ บางรายฟังไม่เข้าใจแต่พูดไม่คล่องบางรายทั้งฟังไม่เข้าใจและพูดไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นผู้ป่วยอัมพาตบางรายจะมีอาการพูดไม่ชัดหรือพูดติดอ่าง ในกรณีดังกล่าวนี้จำเป็นต้องให้การบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญทางการฝึกหัดการพูดโดยใช้สื่อการติดต่อชนิดต่างๆ ช่วยการฝึกสอนออกเสียง การให้คำอธิบาย การให้กำลังใจต่างๆ ตลอดจนการเห็นอกเห็นใจผู้ป่วย จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้โดยเร็ว ส่วนมากอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ บางรายอาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือน

7.การทำกายภาพบำบัดอย่างง่ายๆ สำหรับผู้ป่วยอัมพาต มีอย่างไรบ้าง?

การทำกายภาพบำบัด เป็นหัวใจของการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยอัมพาตในระยะยาว ผลการดูแลรักษาผู้ป่วยอัมพาต จะแตกต่างกันอย่างมากมายระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับและไม่ได้รับการทำกายภาพบำบัด ดังนั้น ญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วย ตลอดจนตัวผู้ป่วยเองควรจะทราบถึงหลักการและการทำกายภาพบำบัดอย่างง่ายๆ ดังนี้

1.ระยะแรกเริ่มภายหลังเกิดอัมพาต

2.ระยะผู้ป่วยสามารถออกแรงทำกายภาพบำบัดเอง

3.ระยะผู้ป่วยกลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวและสังคม

ระยะแรกเริ่มภายหลังเกิดอัมพาต

ระยะนี้ผู้ป่วยมักไม่สามารถเคลื่อนไหวตนเองได้ และผู้ป่วยมักอยู่ในโรงพยาบาลหรือ สถานอนามัยสงเคราะห์ การทำกายภาพบำบัดในระยะนี้เป็นสิ่งจะเป็นเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อต่อต่างๆ ฝืดหรือติด ตลอดจนมิให้กล้ามเนื้อลีบ นอกจากนี้ยังป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา เช่น แผลนอนทับ ปอดอักเสบ เป็นต้น

การทำกายภาพบำบัดในระยะนี้ประกอบด้วย :

1.การจัดท่าผู้ป่วยให้เหมาะสมทั้งขณะนั่งหรือนอนอยู่ในเตียง โดยมากต้องอาศัยหมอนหนุนแขนขาที่เป็นอัมพาตและพลิกตัวบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง

2.ท่าการออกกำลังกายของแขนขาข้างอัมพาต โดยนักกายภาพบำบัดหรือพยาบาลจับแขนขาข้างนั้นเคลื่อนไหวขึ้นลง เหยียดงอบ่อยๆทุกวัน แต่ต้องทำด้วยความนุ่มนวล

3.ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้วิธีคล้องแขน หรือสลิงเพื่อป้องกันข้อติดแข็ง หรือภยันตรายต่อข้อต่อ

ระยะผู้ป่วยสามารถออกแรงทำกายภาพบำบัดเอง

ในระยะนี้มักจะเป็นระยะต่อมาจากระยะแรกภายหลังที่มีการฟื้นตัวของระบบประสาทและสมองสามารถสั่งงานให้กล้ามเนื้อทำงานได้เป็นบางส่วน ผู้ป่วยบางรายอาจมีการฟื้นตัวได้รวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ 2-3 วัน บางรายอาจใช้เวลานับเป็นสัปดาห์หรือนานเป็นเดือนๆ

อัมพาตเป็นโรคที่รุนแรง มีอัตราตายและอัตราพิการสูง ดังนั้นการป้องกันการเกิดอัมพาตจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตแล้ว และไม่ได้บำบัดรักษาต้นเหตุมักจะมีโอกาสเกิดซ้ำได้อีกบ่อยๆ บางรายงานสูงถึง 20% ของผู้ป่วยทั้งหมด

วิธีการป้องกันการเกิดอัมพาตสามารถทำได้โดย

1.การตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ถ้าความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องรักษาอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต เพราะโรคความดันโลหิตสูงมักจะมีสาเหตุจากหลอดเลือดแข็งในผู้สูงอายุ ในผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องลดอาหารเค็ม และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง

2.ไม่สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดของสมองและหัวใจตีบตันได้ง่าย

3.ลดน้ำหนัก อย่าให้อ้วนเกินไป ลดอาหารพวกไขมันสูงโดยเฉพาะคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์

4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเพียงพออย่างเหมาะสม อย่าทำแบบหักโหมและนานๆในครั้งหนึ่งๆ

5.รู้จักผ่อนคลายความเครียดและพักผ่อนอย่างเพียงพอ

6.ตรวจปัสสาวะและเลือดอย่างสม่ำเสมอ หาระดับน้ำตาลและไขมันเพื่อควบคุมไม่ ให้สูงเกินปรกติ

7.เมื่อเกิดมีอาการเตือนของโรคอัมพาตดังกล่าวแล้ว อย่านิ่งนอนใจต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนเพื่อการวินิจฉัยและบำบัดรักษาที่ทันท่วงที

8..ในรายที่สูงอายุควรได้รับการตรวจร่างกายประจำปีโดยแพทย์ทั่วไป

9.ในรายที่เป็นอัมพาตอยู่แล้ว ต้องรับประทานยาป้องกันการเกิดอัมพาตซ้ำ ตามคำสั่งของแพทย์โดยไม่งดยาเอง



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2548 11:31:25 น. 26 comments
Counter : 6241 Pageviews.  

 

การใช้วิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน


โดย: SN.2 IP: 61.19.28.82 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:37:18 น.  

 
ตอนนี้ คุณพ่อก็ป่วยเป็นโรคนี้อยู่เหมือนกัน หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองอุดตัน และมีอาการของโรคหัวใจด้วย
สงสารพ่อมาก อยากให้พ่อหายไว ๆ เพราะมีคนที่เคยเป็นแล้วหายกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ


โดย: JJ IP: 58.10.85.188 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:37:16 น.  

 


โดย: วรพนิต IP: 203.113.16.241 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:22:17 น.  

 
ขอเป็นกำลังใจให้คุณJJคะ...คุณพ่อของดิฉันก็เป็นโรคนี้เหมือนกันคะ....ตอนส่งเข้าโรงพยาบาลคุณหมอบอกให้ทำใจ แต่ทั้งคุณพ่อและทางครอบครัว รวมทั้งคุณหมอช่วยกันอย่างเต็มที่ตอนนี้....คุณพ่อดิฉันออกจากโรงพยาบาลและมีสุขภาพดีเป็นปรกติคะ อาการที่พบอยู่คือเกี่ยวกับการพูดประโยคยาวๆยังไม่ค่อยได้เท่านั้นเองคะ....เขียนmailมาคุยกันได้นะคะ...annou21@hotmail.com


โดย: แอน IP: 203.158.177.3 วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:16:19:28 น.  

 
เป็นความรู้ที่ดีค่ะ ใครมีอะไรสามารถปรึกษาได้ค่ะกำลังสนใจทำวิทยานิพนธ์เรื่องผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอยู่ค่ะหรือว่าใครมีข้อมูลก็ส่งให้ได้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: gik037@hotmail.com IP: 203.144.187.18 วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:17:11:55 น.  

 
case HT เพศชาย รูปร่างอ้วน อายุ 51 ปีหยุดยาเองนานประมาณ4 เดือน เครียด กินเหล้าแล้วอยู่มาวันหนึ่งมีอาการอ่อนแรงด้านซ้ายตรวจพบมีright basal glangian hematoma ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ4ซม. กำลังป่วยเมื่อ20/05/2550 ตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหายเป็นปกติหรือเปล่า และโอกาสที่จะหายเป็นปกติขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านได้บ้างและญาติจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง และมีความจำเปนมากน้อยแค่ไหนที่ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางไหมคะ


โดย: chuenjit2516@hotmail.com IP: 203.113.17.177 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:15:30 น.  

 
โรคนี้ถ้าหายก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นเหมือนเดิมได้ บางคนอาจจะกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติแต่ก็ไม่ร้อยเหมือนเดิม กำลังใจ การทำกายภาพบำบัดสำคัญมากๆๆ ใจต้องสู้ให้เต็มร้อยให้เข้มแข็งสู้ๆๆ ใครที่ยังไม่ป่วยก็ขอให้ดูแลตนเองดีๆ ทำงานก็ให้มีเวลาพักผ่อนคลาย อย่าเครียด กินอาหารที่มีประโยชน์ การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ความเข้าใจ ใส่ใจเมตตาเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วยเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด


โดย: น้องของผู้ป่วย IP: 203.113.56.73 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:20:50:51 น.  

 
คุณพ่อสามีตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ศิริราชค่ะ แขนไม่มีแรง แต่ขายังพอขยับได้เองนิดหน่อย ปัญหาตอนนี้คือมีวิธีไหนไม๊คะที่จะทำให้ผู้ป่วยเองรู้สึกว่าจะต้องขยันแล้วก็ตั้งใจทำกายภาพบำบัด เพราะเท่าที่เห็นวันๆ ก็เอาแต่นอน วันนี้เริ่มกายภาพครั้งแรกทำได้นิดเดียวก็บ่นอืดออดซะแล้ว


โดย: Jamie IP: 58.147.64.123 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:12:58:10 น.  

 
คุณแม่ เป็นโรคความดันโลหิตสูงเส้นเลือดในสมองแตกได้รับการผ่าตัดสมองแล้วแต่เป็นอัมพาตมาประมาณ ปีกว่าแล้วค่ะ ตอนนี้ดิฉันมีปัญหาในเรื่องแผลกดทับที่ก้นกบของคุณแม่ มันได้ขยายลามเป็นรูกว้างและลึก ประมาณเท่ากำปั้นแล้วค่ะ แต่ได้พยายาม ดูแลและหมั่นทำความสะอาดแล้วด้วยน้ำเกลือล้างแผลผสมกับไฮโดรเจนเล็กน้อย หลังจากเช็ดแล้วก็ล้างอีกทีด้วยเบตาดีนพอแห้งก็ใส่ ยาซิลเวอร์(เป็นครีมสีขาว ๆ ) แล้วปิดด้วยผ้าก๊อต ทำวันละ 2 - 3 ครั้ง อยากทราบว่ากรณีทำแบบนี้แล้วต้องมีวิธีไหนอีกบ้างหรือเปล่าคะ อยากให้แม่หายจากแผลกดทับ เคยพาไปโรงพยาบาลโดยใช้สิทธิ์ 30 บาท แต่ผู้ช่วยกับพยาบาลก็ทำท่าจะรำคาญคล้าย ๆ กับว่ามาทำไมบ่อย ๆ ก็เลยต้องหาความรู้และเรียนรู้เอง เพื่อไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ แต่ดูแผลแล้วก็ดีขึ้นมากแต่มีปัญหาอีกเรื่องคือ คุณแม่ได้เจาะคอเพื่อดูดเสมหะ อยากรบกวนถามเรื่องการดูแลในเรื่องของหลอดคอด้วยนอกเหนือจากความสะอาดแล้ว มีอะไรต้องทำอีกหรือเปล่าคะ เพราะสังเกตว่าคุณแม่เริ่มมีเสมหะมาก ต้องดูดบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ติดเชื้อ เพราะให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดมาก รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
supinya_6@hotmail.com



โดย: supinya IP: 210.86.223.5 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:41:46 น.  

 
น้องชายเส้นเลือดในสมองแตกผ่าสมองเจาะคอให้อาหารทางสายยางเป็นอัมพาตตอนนี้ยังไม่ได้ปิดกะโหลก อยู่โรงพยาบาล 6 เดือนตอนนี้กลับมาพักฟื้นอยู่บ้านลืมตาได้เฉยๆ สะอึกบ่อยจนต้องซื้อเครื่องดูดเสลทประจำบ้าน ซื้อที่นอนลม ซื้อเตียงแบบโรงพยาบาล หาอุปกรณ์เหมือนโรงพยาบาล ฝึกบำบัดแบบ รพ.แนะนำ มาติดอุปกรณ์การฝึกยืนไม่รู้วาจะฝึกยืนอย่างไร ศูนย์ฟื้นฟูบำบัดมีที่ไหนบ้างใครทราบแนะนำให้ทราบด้วย malee292500@hotmail.com


โดย: ครูชายแดนแม่สอด IP: 125.26.229.48 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:19:05:09 น.  

 
เรียน ครูชายแดนแม่สอด

ดิฉันเคยไปรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบที่คลีนิคโรคสมอง ที่เอกมัย ซอย 21 ปัจจุปันหายดีและทำงานได้เหมือนคนปกติ ช่วงที่รักษาดิฉันเห็นผู้ป่วยหลายหลาย ทั้งสูงอายุ และกลางคน ที่เป็นโรคเกี่ยวเส้นเลือดมารักษาที่นี่คะ โดยคุณหมอที่รักษา คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นอาจารย์แพทย์ที่จุฬาค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอดูนะคะ


โดย: นิตยา นัดทะยาย IP: 203.155.9.153 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:07:14 น.  

 
ตอนนี้ป่วยเรื้อรังมานานเกือบ2 ปีได้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคอะไรกันแน่..แต่ลองค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งทางการแพทย์ต่างแล้วเอามาวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลดู..อาการดังนี้นะคะ ปี 49 สค.ดิฉันค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองที่บริเวณต่อมพิทูอิทารี่ขนาด 4 มม.ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันบ่อยๆๆทุกๆๆ2 - 3เดือนจะมีอาการบ้านหมุนเวียนหัวเดือน ตค. 49 มีอาการตามัวๆๆมองเห็นไม่ชัดจับระยะโฟกัสไม่ค่อยได้ไปพบหมอตาหมอบอกว่ากล้ามเนื้อตาเกร็งให้ฝึกบริหารกล้ามเนื้อตาและใส่แว่นดิฉันทำมาตลอดแต่ไม่ดีขึ้นอาการเวียนหัวยังเหมือนเดิมตามัวๆๆมองไม่ชัดเดินเซๆๆสังเกตตัวเองเวลาเหนื่อยๆๆหรือเครียดตาแทบจะไม่เห็นเลยปี 50 กค.ทำMRI ขาดเนื้องอกเท่าเดิมโตมาเล็กน้อย 6 มม.หมอบอกไม่ขออ้างอิงถึง..อาการที่เป็นตอนนี้ตามองไม่ค่อยชัด..สมองดูเบลอๆๆจะคิดไรต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนพูดซึ่งแปลกกว่าเมื่อก่อนมากรู้สึกเหมือนประสิทธิภาพสมองดูลดน้อยถอยไป..ความจำก็ไม่ค่อยดีจำอะไรไม่ค่อยได้เมื่อก่อนเป็นคนความจำดี..จำแม่นเดี๋ยวนี้ลืมบ่อยอ้อ..ดิฉันอายุ 29 เองค่ะและเหนื่อยง่ายทำอะไรมากๆๆจะเป็นลมง่ายเวียนหัว
ลำบากมากค่ะไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ทรมานค่ะก็เลยเค้ามาหาความรู้ดูว่าเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองหรือเปล่าใครทราบข้อมูลกรุณาแจ้งด้วยนะคะจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง(ดิฉันเป็นคุณครูค่ะอยากให้ตัวเองหายไวๆๆสุขภาพดีเหมือนเดิมจะได้สอนเด็กให้มีความรู้ได้เต็มที่เหมือนเมื่อก่อน)kwanko_k@hotmail.com


โดย: ขวัญฤทัย ครุฑธา IP: 58.10.6.63 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:16:54:19 น.  

 
คุณปู่ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นเส้นเลือดที่ขนาดใหญ่ ทำให้มีอาการ ซีกขวาไม่มีแรง สิ้นแข็ง ไม่สามารถพูดหรือกลืนอาหารได้ ต้องให้อาหารทางสายยาง แล้วมีอาการซึมเศร้า สามารถรับรู้ได้ ฟังรู้เรื่อง แต่พูดไม่ได้ สื่อสารไม่ได้ ส่วนด้านซีกซ้าย เคยเป็นอัมพฤก แต่พอจะขยับหรือยกมือได้ รบกวนช่วยหน่อยเถอะค่ะ ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ขอคำแนะนำค่ะ แอดเอ็มมาคุยกานนะคะ ja_okfilm@hotmail.com จะนำคุณปู่กลับบ้านวันพฤหัสค่ะ


โดย: จ๋า IP: 125.24.74.254 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:17:18:08 น.  

 
ตอนนี้คุณแม่ของช่ามีอาการคล้ายๆเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นโรคอัมพาตเลย ชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า จากนั้นมาอีกวันนึง กลายเป็นเกร็งกล้ามเนื้อทั้งแขน ขา และลำคอ จากนั้นมาอีกไม่กี่วัน แม่รู้สึกว่าลิ้นแข็ง พูดไม่ค่อยชัด น้ำลายไหลตรงมุมปาก ช่ากลัวว่าคุณแม่จะเป็นโรคอัมพาต กลัวท่านจะเป็นอะไรมากกว่านี้ เรียนขอความคิดเห็นทั้งเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่อ่านเจอกระทู้นี้ ช่วยบอกวิธีหรือรพ.ที่ช่วยรักษาให้หน่อยได้ไหมคะ รวมถึงคุณหมอ หากว่าคุณหมอท่านไหนอ่านเจอกระทู้ของช่า ช่วยบอกความคิดเห็นหรือคำชี้แนะหน่อยนะคะ(กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง)นะคะ

preaw_chacha@hotmail.com <<===


โดย: ชาช่า preaw_chacha@hotmail.com IP: 124.120.1.183 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:17:36:13 น.  

 
คุณพ่อผมก็เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ ตอนนี้หลายเป็นปกติแล้วครับ หลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็หาทานยา เป็นยาภูมิปัญญาชาวบ้านครับ (ยาหม้อ) กินไม่ถึงอาทิตย์ ก็เดินได้ปกติเลยครับ แขนขาซีกขวาที่ไม่มีแรง ก็หายเป็นปกติเลยครับ ท่านใดสนใจ ก็สอบถามได้นะครับ ผมให้คำแนะนำได้ครับผม สงสารคนที่เป็นครับและเห็นใจคนในครอบครัวด้วยครับ ครอบครัวผมเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครับ โทรคุยกันได้ครับผมพอจะให้คำแนะได้ครับ 018-9952201 ครับ


โดย: อยากช่วยเหลือครับ IP: 58.9.28.143 วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:10:54:36 น.  

 
พ่อเราก้อเปงอะอยู่ๆก้อเปงตอนกลางดึกวันที่26กุมภาพันธ์2551 ตอนนี้ออกจาก ร.พ. แล้วเปงอัมพาดซีกขวาโอกาสหายไม่หายหมอบอกว่าต้องทำกายภายบำบัดภายใน3เดือนตอนนี้บำบากมากๆหมดเงินไป6-7หมื่นแล้ว
อยากได้เพื่อนที่หัวอกเดียวกันคุยด้วยจัง sor_romeo@hotmail.com tel..083-9773792ขอคำปรีกษาด้วย


โดย: ซอ กาญจนบุรี IP: 124.157.172.64 วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:12:17:18 น.  

 
อยุ่อเมริกาค่ะ เมื่อกี้โทรกลับบ้าน แม่บอกพ่อเข้าโรงพยาบาลดด่วน กำลังภาวนาอย่าให้เป็นอะไรมากเลย กลัวว่าจะเป็นอัมพาตค่ะ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกดปรดช่วยลุกด้วยนะคะ อย่าให้พ่อเป็นอะไรเลยนะคะ...พ่อกำลังเอีกซเรย์สมองอยู่ค่ะ..อีกสัก 1 ชม คงโทรกลับไปคุยกับหมอได้...พ่อขา...หนูรักพ่อนะ..ใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ


โดย: ggg IP: 71.222.53.32 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:15:55 น.  

 
ใครที่มีคนที่รักหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้ และยังเป็นไม่มาก เราแนะนำให้ลองรักษาทางแพทย์แผนจีนดูนะ พ่อเราเส้นเลือดในสมองแตก รักษาหมอแผนปัจจุบัน โรงพยาบาลที่รักษาเฉพาะทางทางด้านนี้ ตอนแรกหมอบอกว่าพ่อดีขึ้นเร็วมาก เพราะนอน ร.พ. 20 วันก็เดินได้ปกติ เริ่มพูดจาเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้น แต่กลับบ้านได้ 1 วัน พ่อก็มีอาการลิ้นแข็ง อ่อนแรงครึ่งซีกขวา เราก็รีบแบกกันไป ร.พ. อยู่ ร.พ. อีก 20 วันก็กลับบ้่าน อยู่บ้านได้ 2 สัปดาห์ชักอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนเข้าเดือนที่ 6 อาการที่ได้เพิ่มมาคือพ่อเดินไม่ได้แล้ว ไม่พูด แต่ดูยังเข้าใจ เห็นใครยังมียิ้มบ้าง แต่พ่อก็ยังชัก และวนเข้าวนออกโรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ โดยหมอก็ไม่ทราบว่าทำไมคุมชักไม่ได้ พอเข้าเดือนที่ 10 หมอบอกว่าหมอการันตีได้เลยว่าคุณพ่อจะไม่สามารถเดินได้อีก ให้พวกเรารับสภาพให้ได้ ค่อยๆ ทำใจให้ได้ และดูแลกันให้ดีที่สุด เรากับแม่เลยคิดว่ามันไม่มีอะไรแย่กว่านี้แล้ว เลยไปรักษาทางแผนจีนแถวเอกมัย ซึ่งมีใบประกอบโรคศิลป์ถูกต้อง หมอเอาใจใส่ดีมาก มาฝังเข็มให้ถึงที่บ้าน ทั้งๆ ที่คลีนิคก็มีลูกค้ามากมายอยู่แล้ว โทรถามเกือบทุกวันว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง ฝังเข็มแล้วเป็นไง กินยาจีนแล้วเป็นไง จนเรา้ต้องบอกหมอว่าหมอไม่ต้องเครียดมากนะคะ แค่หมอตั้งใจและใส่ใจที่จะรักษาและช่วยเหลือพวกเราก็ดีใจกันมากแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฝังเข็มร่วมกับกินยาจีนไม่ถึงสองอาิทิตย์ พ่อก็เริ่มพูด เริ่มเดินแบบต้องพยุง ซักระยะก็เิดินด้วยตัวเอง แต่โชคร้ายที่อาการชักบ่อยๆ ของพ่อยังเป็นอยู่ พอชักเราก็ต้องไป ร.พ. หาหมอแผนปัจจุบัน เค้าก็จะฉีดแวเลี่ยมให้หลับๆๆๆๆ พอตื่นมา ทุกอย่างก็หายไปหมด พ่อกลับไปนอนเหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา
ใครที่เพิ่งเป็น หรือเป็นไม่มาก คือไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลทุกสองสัปดาห์เพราะอาการชักแบบพ่อเรา เราว่าหมอจีนที่เราได้มีโอกาสเจอ ได้มีโอกาสรู้จัก อาจจะช่วยพวกคุณได้นะ missjeab@hotmail.com


โดย: Jiraporn IP: 202.91.18.205 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:51:41 น.  

 
ตอนนี้คุณลุงก็เป็นโรคนี้อยู่คะ หมอบอกว่าเป็นเส้นเลือดสมองตีบ เมื่อเร็ว ๆ นี้หมดสติ รีบพาไปโรงพยาบาลได้ทันตอนนี้อาการดีขึ้นความจำเริ่มกลับเป็นปรกติแต่มีอาการนึงที่น่าเป็นห่วงคือมีอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาที่ผู้ป่วยไม่สามารถลืมตาเองได้ แต่สามารถมองเห็นได้ตามปรกติถ้าใช้มือช่วยดึงเปลือกตากเลยอยากทราบว่าเกี่ยวข้องกับโรคนี้ด้วยหรือไม่ แล้วมีวิธีการรักษาอย่างไร ขอคำปรึกษาด้วยค่ะ nuy_isl@hotmail.com
ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ


โดย: ลำปาง IP: 222.123.213.191 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:15:08:34 น.  

 
อยากทราบว่า รพ.ไหนที่สามารถรักษา อาการโรคหลอดเลือดสมองได้ดี เนื่องจากเป็นเส้นเลือดใหญ่ ตอนนี้ขยับไม่ได้เลยครึ่งซีกแล้วด้านซ้าย ป่วยมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ใครมีข้อมูลอะไรขอความอนุเคราะห์ด้วยค่ะ สงสารพ่อมาก


โดย: อุ๊ IP: 58.147.56.128 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:12:45:34 น.  

 
ท่านใดมีวืธีการรักษาช่วยบอกด้วยนะครับ ตอนนี้แม่ป่วยเป้นโรคนี้ สงสารแม่มาก หรือ add มาคุยปรึกษากันได้ rsermsak@hotmail.com


โดย: หนึ่ง IP: 117.47.132.177 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:0:44:33 น.  

 
เมลมาคุยได้ครับ ยินดี ผมจบกายภาพบำบัดมา พอจะให้คำแนะนำไรได้บ้าง ake_debsirin@hotmail.com


โดย: เอก IP: 202.176.93.27 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:21:49:43 น.  

 
ตอนนี้คุณแม่มีอาการป่วยไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรมีอาการทานน้ำแล้วสำลักแต่ทานข้าวอาหารแห้งได้ชาที่มือขาไม่มีแรงไอบ่อยๆ เวลาไอก็จะปวดจากท้ายทอยไปถึงศรีษะ


โดย: ชวนากร IP: 115.67.230.8 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:46:28 น.  

 
ตอนนี้พ่อมีอาการคล้ายจะเป็นอัมพาดค่ะแต่ไปโรงพยาบาลสามครั้งแล้วหมอก็มีแต่บอกไม่เป็นไรเป็นเส้นเลือดสมองตีบเอายาแก้ปวดไปทานไม่ทำCT-scanให้เลยแค่ซักประวัติแล้วก็ให้กลับบ้านทั้งที่พ่อชาครึ่งตัวพร้อมอ่อนแรงซีกซ้ายใครรู้จักหมอหรือคลีนิกดีๆที่อุบลราชธานีช่วยบอกหน่อยนะคะ(kkk_kikku@hotmail.com)
ขอร้องค่ะ


โดย: ลลิตพรรณ IP: 125.26.130.45 วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:12:10:17 น.  

 
ปรึกษาหน่อยครับ คือพ่อผมเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
รักษามาได้ประมาณ 7 เดือน ซึ่งตอนนี้ทางสามารถเดินเองได้ทำอะไรเองได้บ้างแล้ว ++แต่ติดอยู่นิดเดียว คือพูดได้ แต่ไม่สามารถพูดสนทนาโต้ตอบในเรื่องเดียวกันได้++ ลักษณะอาการคือ คำถามต่าง ๆ ที่ถามท่านไป ท่านจะพูดตอบออกมาอยู่ในกรอบเรื่องเดิมๆ (สมมุติ ถามเรื่อง กิน ท่านตอบเรื่องรถ , ถามว่าทำอะไร ท่านก็จะตอบออกมาเรื่องรถ ไม่ทราบว่าอาการแบบนี้รักษาอย่างไรครับ มีวิธีปฎิบัติกับท่านอย่างไร ขอคำปรึกษาหน่อยครับ+++


โดย: กิตติพงษ์ IP: 110.49.156.243 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:2:17:56 น.  

 
ลองทานยาน้ำสมุนไพรจีนฮั้วลักเซียมดูนะคะขวดเดียวก็เห็นผลแล้วได้ รับอนุญาติจาก อ.ยให้ขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน
มี ส.ค .บ คุ้มครองผูบริโภคด้วย ทะเบียนเลขที่ G369/53
มีสุดยอดสมุนไพรจีนถึง 67 ชนิดอยู่ในขวดเดียวกันไม่มีสารพิษ สารหนู สารปรอท สารสเตรียรอยด์ หรือสารเคมีมีพิษใดใดเจือปนในยาน้ำสมุนไพรขนานนี้ถ้าตรวจพบเราให้ปรับ 1 แสนบาททันที นี่คือหลักประกัน สอบถามข้อมูลฟรีที่ 081-1322883 น้ำปั่น


โดย: น้ำปั่น IP: 125.26.79.142 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:9:56:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]