|
|
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง (ตอนที่ 1) ศ.น.พ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2548 09:43 น. 1.อัมพาตคืออะไร? อัมพาต คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดหรือมีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอยังผลให้เซลล์ในสมองและการทำงานของสมองหยุดชะงัก อันจะมีผลตามมาทำให้ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตแสดงอาการอ่อนแรงของร่างกายซีกหนึ่งหรือทั้งสองซีก ในบางคนอาจจะหมดความรู้สึกของร่างกายซีกใดซีกหนึ่งหรือทั้งสองซีก บางรายอาจจะหมดสติ บางรายอาจจะตามองไม่เห็นบางรายอาจจะเดินไม่ได้ บางรายอาจจะพูดไม่ได้ บางรายอาจจะสับสน ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการชนิดถาวรหรือเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เรียกว่า อัมพฤกษ์
ผู้ป่วยอัมพาตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่สูงอายุ แต่อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่อายุน้อย ก็อาจเกิดอัมพาตได้เช่นเดียวกัน ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงโรคร่วมด้วย 2.อะไรเป็นตัวที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพาต หรือปัจจัยอันใดที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต? ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต และเป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยง และให้การรักษาหรือป้องกัน ได้แก่ : 1.โรคความดันโลหิตสูง ภาวะนี้พบว่าเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและทำให้เกิดโรคอัมพาตได้มากทั้งชนิดหลอดเลือดแตกและหลอดเลือดตีบ ภาวะโรคความดันโลหิตสูงนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นอัมพาตมากกว่าคนปรกติสูงถึง 3-17 เท่า แล้วแต่อายุความรุนแรงของความดันโลหิตสูง 2.โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานเป็นเวลานานๆ โดยมิได้รับการรักษาหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติ จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดอัมพาตชนิดหลอดเลือดตีบได้สูง เพราะโรคเบาหวานทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งได้ง่าย โดยจะมีหลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย และถ้าเป็นที่หลอดเลือดของสมองจะเกิดอัมพาตขึ้น อัตราการเสี่ยงของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้สูงกว่าผู้ป่วยปรกติถึง 2-4 เท่า 3.ภาวะที่มีไขมันสูงในหลอดเลือด ทั้งชนิด cholesterol, triglyceride, ซึ่งเป็นไขมันที่ไปเกาะผนังหลอดเลือดและจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็ง อันจะมีผลตามมาทำให้เกิดอัมพาตได้ง่าย 4.การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่นั้นจะเป็นปัจจัยเสริมทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพาตได้ง่าย โดยผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะมีโอกาสเป็นอัมพาตได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า 5.อื่นๆ ปัจจัยอื่นที่จะส่งเสริมให้เป็นอัมพาต ได้แก่ : ก.Obesity หรือความอ้วน โรคอ้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และทำให้ผู้ป่วยมีไขมันในหลอดเลือดสูง อันจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้มากกว่าคนธรรมดา ข.ภาวะเครียด การที่ผู้ป่วยเครียดมากเกินไปจะยังผลให้เกิดความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปรกติ และจะทำให้เกิดมีอัมพาตตามมาได้ ค.ภาวะขาดการออกกำลังกาย การที่ไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นปัจจัย ทำให้ผู้ป่วยอ้วนและเกิดภาวะเครียด ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสริมต่อการเกิดอัมพาต ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าการออกกำลังกายของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อาจมีผลให้ลดระดับของไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเพิ่มไขมันที่มีประโยชน์กล่าวคือทำให้หลอดเลือดไม่แข็งตัวได้อีกด้วย 3.อาการเตือนของโรคอัมพาตมีอะไรบ้าง? โรคอัมพาตนั้นเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังผลให้เกิดความสูญเสียหน้าที่ การทำงานของร่างกายอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเตือนก่อนล่วงหน้า ซึ่งถ้าเผื่อเราทราบไว้ก็จะสามารถทำให้ผู้ป่วยมาหาแพทย์และได้รับการวินิจฉัย และบำบัดรักษาได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นเราควรรู้จักอาการเตือนของโรคอัมพาต ซึ่งมีดังต่อไปนี้ : 1.อาการอ่อนแรง หรือไม่มีแรงครึ่งซีก หรืออาการชาของแขนหรือขา ซีกใดซีกหนึ่ง ของร่างกายเป็นครั้งคราว 2.ภาวะที่พูดลำบาก ตะกุกตะกักหรือพูดไม่ชัด โดยอาการเป็นชั่วคราว หรืออาจจะนึกพูดไม่ได้เป็นครั้งคราว 3.ภาวะที่ตามืดหรือมองไม่เห็นไปชั่วครู่หรืออาจจะเห็นแสงที่ผิดปรกติ หรือเห็นภาพซ้อน 4.ภาวะที่มีอาการชาหรืออ่อนแรงของใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง 5.เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยปวดมาก่อน 6.เกิดภาวะวิงเวียนบ้านหมุนหรือเป็นลม 7.กลืนอาหารสำลักบ่อยๆ 4.หลังเกิดอัมพาตขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการอย่างไร และควรปฏิบัติตัวอย่างไร? ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตที่มีอาการรุนแรง กล่าวคือ หมดสติ หรือซึมหรือพูดไม่ได้ หรือมี อัมพาตอ่อนแรงของร่างกายซีกใด ซีกหนึ่ง จำเป็นที่จะต้องไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพราะการรักษาที่รวดเร็วและทันท่วงที อาจช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ สำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีและมีอาการอัมพาต ญาติและผู้ดูแลผู้ป่วยไม่ควรทำให้ผู้ป่วยตกใจหรือพูดทำให้ผู้ป่วยเสียกำลังใจ เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้เมื่อพบแพทย์จะได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปรกติก็ได้ การร้องห่มร้องไห้ผิดหวัง เศร้าโศกเสียใจในระยะแรกที่เกิดอัมพาต ในขณะที่ผู้ป่วยรู้ตัวดีแล้วนั้นจะทำให้ผู้ป่วย อาการเลวลง 5.อัมพาตรักษาอย่างไร? การรักษาอัมพาตนั้นวิธีการที่สำคัญ คือ ต้องรีบรักษาระยะแรกกล่าวคือ ต้องป้องกัน ไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยเกิดไปอันอาจจะต้องให้ยาลดบวมของสมอง บางรายอาจจะจำเป็นต้องให้การรักษาโดยการผ่าตัดและให้ยาร่วมกัน จะเป็นได้ว่าในการรักษาในช่วงแรกนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มิฉะนั้นผู้ป่วยบางรายแทนที่จะฟื้นตัวได้กลับจะเกิดภาวะอัมพาตถาวรตลอดไป โดยไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ ผู้ป่วยอัมพาตระยะแรกจึงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ การรักษาโดยวิธีอื่นๆหรือรักษาทางไสยศาสตร์ต่างๆ ไม่ก่อให้เกิดผลดีกับผู้ป่วยและมักจะเกิดผลร้ายตามมา กล่าวคือ มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และจะทำให้การฟื้นตัวไม่สามารถเป็นไปได้อีกด้วย ผู้ป่วยอัมพาตโดยทั่วไปๆ จะมีอันตรายสูงในช่วงสัปดาห์แรก กล่าวคือผู้ป่วยที่ถึงแก่กรรม มักจะเกิดในสัปดาห์แรก ภายหลังสัปดาห์แรกผู้ป่วยจะค่อยๆฟื้นตัวมาตามลำดับ แต่ต้องอาศัยการรักษาทางกายภาพบำบัดและต้องป้องกันมิให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ภาวะปอดอักเสบ ภาวะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะการติดเชื้อที่แผลนอนทับ เป็นต้น โดยทั่วๆ ไป ผู้ป่วยมักจะอยู่ในโรงพยาบาล 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมกับการรักษาทางยา ส่วนการรักษาในระยะยาวจำเป็นที่จะต้องให้การรักษาเพื่อป้องกันมิให้เกิดอัมพาตซ้ำร่วมกับการทำกาย ภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของแขนขา และร่างกายให้กลับมาสู่สภาพใกล้เคียงกับภาวะเดิมมากที่สุด เท่าที่จะมากได้
โรคหลอดเลือดสมอง (จบ) โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2548 10:27 น. คอลัมน์...สุขภาพน่ารู้สู่ประชาชน โดย...ศ.น.พ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ 6.การดูแลผู้ป่วยอัมพาตที่จำเป็น เพื่อป้องกันความพิการ มีอะไรบ้าง? ก.ภาวะอ่อนแรงครึ่งซีก ในระยะแรกที่ผู้ป่วยยังขยับแขนขาเองไม่ได้ การจัดท่านอนที่ถูกต้องและการพลิกตัวบ่อยๆ จะช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ให้เกิดภาวะข้อติดเกร็งและแผลนอนทับได้ ระยะต่อมาที่ผู้ป่วยเริ่มขยับแขนขาเองได้บ้างจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดแบบให้ผู้ป่วยทำเอง ซึ่งจะช่วยเร่งให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งและมีน้ำลายไหลจากมุมปากบ่อยๆ วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยให้ผู้ป่วยกลืนน้ำลายลงไปในคอบ่อยๆ การฝึกหัดใช้หลอดดูดน้ำจากในแก้วดื่มเองจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อของใบหน้าที่อ่อนแรงให้ฟื้นตัวดีขึ้น ข.ภาวะกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ในระยะแรกของการเกิดอัมพาตจะมีกล้ามเนื้ออ่อนนิ่มปวกเปียก ในกรณีเช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ผ้าคล้องแขน แต่ในระยะต่อมากล้ามเนื้อจะมีอาการแข็งเกร็งทำให้ขัดขวางต่อการเคลื่อนไหว ในระยะนี้จะเป็นต้องให้ทำกายภาพบำบัดและอาจต้องให้ยาลดการเกร็งของกล้ามเนื้อร่วมด้วย ค.ภาวะหมดความรู้สึกสัมผัสครึ่งซีกของร่างกาย ในกรณีนี้อาจเกิดภาวะอันตรายต่างๆได้ เช่น ถูกน้ำร้อนลวก ถูกไฟหรือเหยียบของมีคมเพราะผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือรับรู้ประสาทสัมผัสใดๆ และอาจเกิดเป็นแผลลุกลามใหญ่โตตามมาได้ จำเป็นต้องเตือนและสอนให้ผู้ป่วยระมัดระวังร่างกายซีกที่หมดความรู้สึกด้วยเช่นเดียวกับซีกที่ดี ง.ภาวะอารมณ์แปรปรวน ผู้ป่วยอัมพาตบางรายอาจมีอาการสับสน ความจำเสื่อม หัวเราะหรือร้องไห้โดยไม่ได้ตั้งใจ และผิดกาลเทศะ โมโหง่าย ฉุนเฉียว ซึมเศร้าหรือทำอะไรเลอะเทอะแบบเด็กๆ ไม่มีเหตุผล ตลอดจนบางครั้งตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ การดูแลผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องให้กำลังใจแสดงความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย การเข้าใจและยินยอมรับสภาพของผู้ป่วย แต่ในบางรายอาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์และให้ยาควบคุมทางอารมณ์ด้วย จ.ภาวะการพูดผิดปรกติ ผู้ป่วยอัมพาตซีกขวาบางรายจะมีปัญหาในการพูดกล่าวคือ บางรายฟังเข้าใจแต่พูดไม่ได้ บางรายฟังไม่เข้าใจแต่พูดไม่คล่องบางรายทั้งฟังไม่เข้าใจและพูดไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นผู้ป่วยอัมพาตบางรายจะมีอาการพูดไม่ชัดหรือพูดติดอ่าง ในกรณีดังกล่าวนี้จำเป็นต้องให้การบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญทางการฝึกหัดการพูดโดยใช้สื่อการติดต่อชนิดต่างๆ ช่วยการฝึกสอนออกเสียง การให้คำอธิบาย การให้กำลังใจต่างๆ ตลอดจนการเห็นอกเห็นใจผู้ป่วย จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้โดยเร็ว ส่วนมากอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ บางรายอาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือน 7.การทำกายภาพบำบัดอย่างง่ายๆ สำหรับผู้ป่วยอัมพาต มีอย่างไรบ้าง? การทำกายภาพบำบัด เป็นหัวใจของการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยอัมพาตในระยะยาว ผลการดูแลรักษาผู้ป่วยอัมพาต จะแตกต่างกันอย่างมากมายระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับและไม่ได้รับการทำกายภาพบำบัด ดังนั้น ญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วย ตลอดจนตัวผู้ป่วยเองควรจะทราบถึงหลักการและการทำกายภาพบำบัดอย่างง่ายๆ ดังนี้ 1.ระยะแรกเริ่มภายหลังเกิดอัมพาต 2.ระยะผู้ป่วยสามารถออกแรงทำกายภาพบำบัดเอง 3.ระยะผู้ป่วยกลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวและสังคม ระยะแรกเริ่มภายหลังเกิดอัมพาต ระยะนี้ผู้ป่วยมักไม่สามารถเคลื่อนไหวตนเองได้ และผู้ป่วยมักอยู่ในโรงพยาบาลหรือ สถานอนามัยสงเคราะห์ การทำกายภาพบำบัดในระยะนี้เป็นสิ่งจะเป็นเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อต่อต่างๆ ฝืดหรือติด ตลอดจนมิให้กล้ามเนื้อลีบ นอกจากนี้ยังป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา เช่น แผลนอนทับ ปอดอักเสบ เป็นต้น การทำกายภาพบำบัดในระยะนี้ประกอบด้วย : 1.การจัดท่าผู้ป่วยให้เหมาะสมทั้งขณะนั่งหรือนอนอยู่ในเตียง โดยมากต้องอาศัยหมอนหนุนแขนขาที่เป็นอัมพาตและพลิกตัวบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง 2.ท่าการออกกำลังกายของแขนขาข้างอัมพาต โดยนักกายภาพบำบัดหรือพยาบาลจับแขนขาข้างนั้นเคลื่อนไหวขึ้นลง เหยียดงอบ่อยๆทุกวัน แต่ต้องทำด้วยความนุ่มนวล 3.ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้วิธีคล้องแขน หรือสลิงเพื่อป้องกันข้อติดแข็ง หรือภยันตรายต่อข้อต่อ ระยะผู้ป่วยสามารถออกแรงทำกายภาพบำบัดเอง ในระยะนี้มักจะเป็นระยะต่อมาจากระยะแรกภายหลังที่มีการฟื้นตัวของระบบประสาทและสมองสามารถสั่งงานให้กล้ามเนื้อทำงานได้เป็นบางส่วน ผู้ป่วยบางรายอาจมีการฟื้นตัวได้รวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ 2-3 วัน บางรายอาจใช้เวลานับเป็นสัปดาห์หรือนานเป็นเดือนๆ อัมพาตเป็นโรคที่รุนแรง มีอัตราตายและอัตราพิการสูง ดังนั้นการป้องกันการเกิดอัมพาตจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตแล้ว และไม่ได้บำบัดรักษาต้นเหตุมักจะมีโอกาสเกิดซ้ำได้อีกบ่อยๆ บางรายงานสูงถึง 20% ของผู้ป่วยทั้งหมด วิธีการป้องกันการเกิดอัมพาตสามารถทำได้โดย 1.การตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ถ้าความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องรักษาอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต เพราะโรคความดันโลหิตสูงมักจะมีสาเหตุจากหลอดเลือดแข็งในผู้สูงอายุ ในผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องลดอาหารเค็ม และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง 2.ไม่สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดของสมองและหัวใจตีบตันได้ง่าย 3.ลดน้ำหนัก อย่าให้อ้วนเกินไป ลดอาหารพวกไขมันสูงโดยเฉพาะคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ 4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเพียงพออย่างเหมาะสม อย่าทำแบบหักโหมและนานๆในครั้งหนึ่งๆ 5.รู้จักผ่อนคลายความเครียดและพักผ่อนอย่างเพียงพอ 6.ตรวจปัสสาวะและเลือดอย่างสม่ำเสมอ หาระดับน้ำตาลและไขมันเพื่อควบคุมไม่ ให้สูงเกินปรกติ 7.เมื่อเกิดมีอาการเตือนของโรคอัมพาตดังกล่าวแล้ว อย่านิ่งนอนใจต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนเพื่อการวินิจฉัยและบำบัดรักษาที่ทันท่วงที 8..ในรายที่สูงอายุควรได้รับการตรวจร่างกายประจำปีโดยแพทย์ทั่วไป 9.ในรายที่เป็นอัมพาตอยู่แล้ว ต้องรับประทานยาป้องกันการเกิดอัมพาตซ้ำ ตามคำสั่งของแพทย์โดยไม่งดยาเอง
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2548 11:31:25 น. |
|
26 comments
|
Counter : 6241 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: SN.2 IP: 61.19.28.82 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:37:18 น. |
|
|
|
โดย: JJ IP: 58.10.85.188 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:37:16 น. |
|
|
|
โดย: วรพนิต IP: 203.113.16.241 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:22:17 น. |
|
|
|
โดย: แอน IP: 203.158.177.3 วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:16:19:28 น. |
|
|
|
โดย: gik037@hotmail.com IP: 203.144.187.18 วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:17:11:55 น. |
|
|
|
โดย: chuenjit2516@hotmail.com IP: 203.113.17.177 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:15:30 น. |
|
|
|
โดย: น้องของผู้ป่วย IP: 203.113.56.73 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:20:50:51 น. |
|
|
|
โดย: Jamie IP: 58.147.64.123 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:12:58:10 น. |
|
|
|
โดย: supinya IP: 210.86.223.5 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:41:46 น. |
|
|
|
โดย: ครูชายแดนแม่สอด IP: 125.26.229.48 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:19:05:09 น. |
|
|
|
โดย: นิตยา นัดทะยาย IP: 203.155.9.153 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:07:14 น. |
|
|
|
โดย: ขวัญฤทัย ครุฑธา IP: 58.10.6.63 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:16:54:19 น. |
|
|
|
โดย: จ๋า IP: 125.24.74.254 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:17:18:08 น. |
|
|
|
โดย: ชาช่า preaw_chacha@hotmail.com IP: 124.120.1.183 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:17:36:13 น. |
|
|
|
โดย: อยากช่วยเหลือครับ IP: 58.9.28.143 วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:10:54:36 น. |
|
|
|
โดย: ซอ กาญจนบุรี IP: 124.157.172.64 วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:12:17:18 น. |
|
|
|
โดย: ggg IP: 71.222.53.32 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:15:55 น. |
|
|
|
โดย: Jiraporn IP: 202.91.18.205 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:51:41 น. |
|
|
|
โดย: ลำปาง IP: 222.123.213.191 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:15:08:34 น. |
|
|
|
โดย: อุ๊ IP: 58.147.56.128 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:12:45:34 น. |
|
|
|
โดย: หนึ่ง IP: 117.47.132.177 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:0:44:33 น. |
|
|
|
โดย: เอก IP: 202.176.93.27 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:21:49:43 น. |
|
|
|
โดย: ชวนากร IP: 115.67.230.8 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:46:28 น. |
|
|
|
โดย: ลลิตพรรณ IP: 125.26.130.45 วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:12:10:17 น. |
|
|
|
โดย: กิตติพงษ์ IP: 110.49.156.243 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:2:17:56 น. |
|
|
|
โดย: น้ำปั่น IP: 125.26.79.142 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:9:56:39 น. |
|
|
|
| |
|
|
sriphat |
|
|
|
โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
|
|
การใช้วิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน