โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

"เรียน = สนุก"

ในความคิดของผม

สิ่งที่ผู้เป็นครูต้องทำมากกว่าให้ความรู้
นั่นคือต้องปลูกฝังให้ผู้เรียนรู้สึกว่า
"เรียน = สนุก"
ไม่ใช่ "เรียน = น่าเบื่อ"

นี่เป็นประเด็นที่ผมคิดว่าเราอาจจะละเลย
มัวไปให้ค่าความรู้ว่ามันสูงส่ง ต้องยกย่อง ขึ้นหิ้ง
ต้องท่องจำ ต้องมีแบบแผน ต้องเคร่งครัด ต้องเคารพ
ซึ่งอะไรก็ตามที่มีคุณลักษณะแบบนี้ มันสนุกไม่ออกครับ

ตั้งแต่เด็ก เราทุกคนเลยแทบไม่มีใครชอบเรียน
และฝังใจว่าการเรียนคือความน่าเบื่อ
จบมาจึงอย่าหวังว่าฉันจะเรียนอีก ชาตินี้ลาขาด
ถ้าไม่จำเป็น ถ้าไม่ต้องเอาไว้อัพค่าตัว ไม่มีทางเรียน

ขนาดผมเอง เป็นเด็กเรียนเก่ง ที่หนึ่งของโรงเรียน ผมยังไม่ชอบเรียนเลย
จนกระทั่งมาค้นพบด้วยตัวเองว่า
ความรู้ที่มีสาระและสนุกด้วยนั้น มีอยู่จริง
คนสอนที่ให้ทั้งความรู้และความสนุกด้วยนั้น ก็มีอยู่จริง

ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ใช่ผมไม่เคารพครูบาอาจารย์
ผมอ่านออกเขียนได้ มีวันนี้ก็เพราะมีครูที่ดีคอยสั่งสอน
แต่อยากจะฝากถึงผู้เป็นครูว่า
อย่าลืมเพิ่ม "ความสนุก" เข้าไปใน "ความรู้" ด้วยครับ

เพราะถ้านักเรียนรู้สึกว่า "ความรู้ = ความสนุก"
เมื่อนั้นเขาจะออกขวนขวายค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเอง
และนั่นล่ะคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ครูจะมอบให้นักเรียนได้
เหมือนที่ใครบางคนบอกไว้ว่า
"คนทั่วไปจบความรู้ไว้ที่โรงเรียน
ส่วนคนสำเร็จเรียนรู้ตลอดชีวิต"

ขอให้สนุกกับการเรียนรู้ในทุกวันนะครับ


https://www.facebook.com/thisisboysthought?fref=nf




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 28 กรกฎาคม 2557 11:57:53 น.   
Counter : 1163 Pageviews.  

อ่านหนังสือให้ลูกฟัง









https://www.facebook.com/taiwis?fref=nf




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 27 กรกฎาคม 2557 14:20:20 น.   
Counter : 561 Pageviews.  

วันละ ๑๐ นาที เปลี่ยนโลกได้




ในปี ๑๙๘๔ โรงเรียนมัธยม Lewenberg Middle School กำลังจะถูกสั่งปิดเพราะผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนต่ำที่สุดในรัฐบอสตัน แม้กระทั่งครูเองก็เรียกโรงเรียนว่า “ถังขยะ” แต่เขตการศึกษาได้ให้โอกาสสุดท้าย โดยส่งผู้อำนวยการชื่
อ Thomas P. O'neill ไปแก้ปัญหา 

สิ่งที่ ผอ.โอนีล ทำเป็นอย่างแรกคือ เมื่อหมดชั่วโมงเรียนเวลา ๑๖.๐๐ ให้ครูและเด็กๆ “ทุกคน” หาหนังสือที่ตนชอบมาอ่าน ๑๐ นาที แล้วจึงกลับบ้าน (แน่นอน..ครูจำนวนหนึ่งต่อต้าน) ในไม่ช้าทุกคนก็เริ่มเห็นเด็กๆ เดินกลับบ้านกันเงียบๆ หลายคนถือหนังสือขึ้นไปอ่านต่อบนรถรับ-ส่ง (และแน่นอน.. ทุกคนอ่านหนังสืออื่นที่ไม่ใช่หนังสือเรียน) เด็กหลายคนเอาหนังสือไปอ่านต่อที่บ้าน และเวลาหลังเลิกเรียนเริ่มกลายเป็นชั่วโมงอันสงบสุข (เด็กๆเริ่มไม่แอะอะเสียงดัง) พอสิ้นปีการศึกษาปรากฏว่าผลรวมคะแนนของโรงเรียนดีขึ้น ! 

เข้าปีที่ ๒ ผอ.โอนีล ให้ครู “ทุกคน ทุกชั้น” เริ่มการเรียนชั่วโมงแรกในตอนเช้าด้วยการอ่านหนังสือ(นวนิยาย หรือ วรรณกรรม)ให้นักเรียนฟัง ๑๐ นาที “ทุกวัน” ซึ่งส่งผลบวกอย่างมากต่อ ๑๐ นาทีที่ทุกคนอ่านเองในภาคบ่าย และเด็กส่วนใหญ่จะตามอ่านหนังสือที่ครูอ่านให้ฟังในตอนเช้า 

สิ้นปีการศึกษาที่ ๒ ผลคะแนนรวมของโรงเรียนดียิ่งกว่าปีแรก ชื่อเสียงของโรงเรียนก็ดีขึ้น และผู้ปกครองเริ่มส่งลูกสมัครเข้าเรียนมากขึ้น 

สิ้นปีที่ ๓ นักเรียน ๕๗๐ คนของโรงเรียน Lewenberg ทำคะแนนการอ่านได้สูงที่สุดใน Boston และมีผู้สมัครรอคิวเข้าเรียนจำนวน ๑๕ หน้ากระดาษ 

เรื่องของโรงเรียนได้รับการเขียนถึงในนิตยสาร Time ซึ่งต่อมาเป็นแรงบันดาลใจให้ Hiroshi Hayashi ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นทำตาม แล้วได้รับผลบวกเป็นอย่างมากในชั่วเวลาเพียง ๑ ปี และยังส่งผลต่อโรงเรียนอีกกว่า ๓,๕๐๐ โรงในญี่ปุ่น เมื่อ ผอ.ฮายาชิ ใช้เวลา ๒ เขียนจดหมายด้วยลายมือตนเอง ขักชวนโรงเรียนต่างๆใช้การอ่านหนังสือให้นักเรียนฟังเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นหลักฐานยืนยัน (อีกครั้ง) ว่าการอ่านให้ฟังเกิดผลดีต่อเด็กทุกกลุ่มอายุ และหนังสือจะไม่ถูกเด็กๆแตะต้องหากไม่มีคนช่วย(โฆษณา)ด้วยการอ่านให้ฟัง

https://www.facebook.com/taiwis?fref=nf




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 27 กรกฎาคม 2557 13:53:43 น.   
Counter : 1061 Pageviews.  

The 4-hour workweek (สบายดีแต่รวยได้)

เนื้อหาโดยย่อ


ทิม โมธี เฟอร์ริส นักธุรกิจหนุ่มวัยต้นสามสิบ ชวนคุณปลดปล่อยพันธะหน้าที่รัดตัวจากระบบ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ลดเวลาการทำงานสู่อิสระภาพไร้กรอบด้วยการจัดการใหม่ๆ แหวกแนวและมั่นใจ The 4 Hour Work Week หนังสือขายดีอันดับหนึ่งของนิวยอร์ก ไทมส์, วอลล์ สตรีท เจอร์นัล และ บิสิเนส วีค ได้รับการแปลและพิมพ์จำหน่ายใน 35 ประเทศ นี่คือหนังสือธุรกิจแนวใหม่ที่ทำให้วงการจับตา องค์กรใหญ่น้อยมากมายรวมทั้งมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกให้ความสนใจและยอมรับ ว่าเป็นแนวคิดการบริหารล้ำหน้าแห่งยุค เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความจำเจ อยากค้นหาไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เพื่อก้าวไปสู่ชีวิตอีกมิติ เป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยเงินทองและความสุข



คำนิยม
ใน ที่สุดก็มีหนังสือเล่มนี้ออกมาเสียที โลกของวิถีชีวิตแห่งการเดินทางนี้ รอวันป่าวประกาศมานานแล้ว และทิม เฟอร์ริสส์ก็เป็นททูตที่เหมาะสมที่สุด หนังสือเล่มนี้เป็นที่โจษจันแน่ครับ
-- แจ็ก แคนฟิลด์ --
หนึ่งในผู้ร่วมเขียนหนังสือ Chicken Soup for the Soul


หนังสือเล่มนี้มีให้คุณหมดตั้งแต่เรื่องการเกษียณแบบย่อมหรือการจ้างบริษัท ภายนอกมาจัดการกับชีวิต ไม่ว่าคุณจะเป็นทางกินเงินเดือน หรือเป็น CEO ของห้าร้อยบริษัทชั้นนำในนิตยสาร Fortune หนังสือเล่มนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปโดยสิ้นเชิง
-- ฟิล ทาวน์ --
ผู้เขียนหนังสือ Rule #1


ทิมทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้แต่ฝันสำเร็จ ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยอมเอาความลับนี้มาตีแผ่
-- สตีเฟน คีย์ --
นักประดิษฐ์มือเอก

สำนักพิมพ์    : บลิส พับลิชชิ่ง, บจก.



สบายดี แต่รวยได้ แปล : คุณสุเมธ โพธิ์โสภณ 

ฉีกกฎเดิม ๆ ของวงจรชีวิตการทำงาน ตื่นแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำแต่งตัว กระโจนเข้าหาการจราจรติดขัด เร่งรีบเข้าตำออฟฟิศ เริ่มวงจรการทำงานระบบเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ตกค่ำเดินสะโหลสะเหลกลับบ้าน ทิโมที เฟอร์ริสส์ ชาย หนุ่มวัยต้นสามสิบ ทำงานมาแล้วหลายที่ แต่ไม่มีบริษัทไหนให้คำตอบเขาได้ว่าจะทำงานไปเพื่ออะไร ค่าตอบแทนรายเดือนทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือไม่ เขาจึงเดินออกจากกรอบเดิมๆ เข้าสู่โลกใหม่ โลกที่ทำให้เขาหาเงินได้มากกว่าเดิมหลายเท่า แต่จำนวนชั่วโมงทำงานน้อยลง โดยเฉลี่ยเขาทำงานเพียงสี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ได้ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินมากพอให้เขาได้เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกได้ตลอด ปี 

ทิม แนะวิธีทำเงินแบบง่าย ๆ ที่รู้กันทั่วไปมาปรับใช้ในแบบที่ไม่มีใครนึกถึง จัดการกับเรื่องน่าปวดหัวและสร้างเวลาว่างในชีวิตให้มากขึ้นได้โดยไม่เสีย งาน จนมีเงินไหลเข้ากระเป๋าไม่ขาด แถมยังมีเวลาว่างสำหรับหาความสุขให้ชีวิตอย่างเพียงพอ 

ค้นหา ประสบการณ์เศรษฐีมิติใหม่ได้ใน สบายดี แต่รวยได้ (THE 4-HOUR WORKWEEK) 

ผลงาน ทิโมที เฟอร์ริสส์ แปลโดย สุเมธ โพธิ์โสภณ 
บลิส พับลิชชิ่ง จัดพิมพ์ 
**สำหรับคนมีหัวคิดทันสมัย ชอบความท้าทาย แปลกใหม่ ในการทำธุรกิจ **



หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ How to อย่างแท้จริง เพราะอธิบายทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แบบ Step by Step ที่หาได้ยากในหนังสือตามท้องตลาดทั่วๆไป เพราะหนังสือตามท้องตลาดทั่วๆไป มักจะเป็นหลักการหรือไม่ก็องค์ความรู้ซะส่วนใหญ่ 

แต่หนังสือเล่มนี้สอนให้คนอ่านสามารถคิดวิเคราะห์และลงมือทำตามได้เลย ที่เหลือก็คือ มีใครลงมือทำอย่างจริงจังตามที่หนังสือเล่มนี้บอกเอาไว้หรือไม่ก็แค่นั้นเอง 

ขอบคุณ Tim Ferris ที่เขียนหนังสือ The 4-hour workweek เล่มนี้ขึ้นมา 


ขอบคุณภาพประกอบจาก









 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 11:07:43 น.   
Counter : 5463 Pageviews.  

งาดำ ราชินีแห่งพืชน้ำมัน ราชันย์แห่งธัญพืช

งาดำ: ราชินีแห่งพืชน้ำมัน ราชันย์แห่งธัญพืช...สยบมะเร็ง โรคข้อเสื่อม ทุกการอักเสบปรับผิวพรรณ


โดย..."รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ" นักวิทยาศาสตร์ไทย หน่วยวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ค้นพบความมหัศจรรย์ของ สารสกัดงาดำ (เซซามิน)


งาดำ ราชันย์แห่งธัญพืชนั้นถูกมนุษย์ค้นพบว่ามีความมหัศจรรย์ และสรรพคุณที่เป็นเลิศมาตั้งแต่สมัย 5,000 ปีมาแล้วในแถบประเทศเอธิโอเปีย และได้ถูกนำเข้ามาปลูกกันอย่างแพรหลายในประเทศแอฟริกาเหนือ อินเดีย จีน และเอเชียใต้



หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ร้านหนังสือซีเอ็ด หรือร้านหนังสือชั้นนำทั่วไทย รายได้ส่วนหนึ่งใช้สำหรับการพัฒนาหน่วยวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิด คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.08 5572 5666  //www.facebook.com/AiyaraCareShare





 

Create Date : 15 มิถุนายน 2555   
Last Update : 15 มิถุนายน 2555 22:03:44 น.   
Counter : 1418 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]