Blog เล็กๆแห่งหนึ่ง รวมเกร็ดข่าวสาระประจำวัน กับ เรื่องที่อาจจะไร้สาระ ของ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในมหานครใหญ่แห่งหนึ่ง ในที่โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
Group Blog
 
All Blogs
 

กสิกรไทยเตือนปัญหาเงินฝืดคุกคามศก.ปีนี้

ที่มา //www.bangkokbiznews.com






กสิกรไทยเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้เข้าสู่ภาวะถดถอย หวั่นปัญหาเงินฝืดคุกคาม พร้อมแนะธปท.ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีแรงหนุนหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในวันนี้ (14 ม.ค.) 0.75% อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่ายังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อาจจะสะท้อนถึงแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจไทย พร้อมกับภัยคุกคามจากเงินฝืดโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 โดยมีประเด็นแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.ในระยะถัดไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจจะเริ่มพลิกกลับมามีอัตราที่ติดลบตั้งแต่เดือน ม.ค. 2552 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจโน้มลงสู่กรอบด้านต่ำของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยแรงกดดันเงินเฟ้อที่ได้ผ่อนคลายลงอย่างมาก จะเป็นปัจจัยที่เอื้อให้ กนง.มีพื้นที่มากพอสมควรในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไปเพื่อดูแลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อกลไกการส่งผ่านผลของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ ธปท.ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มที่

ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระบบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินอาจไม่ถูกปรับลดลงมาก
เท่ากับขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นผลจากประเด็นด้านความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการปล่อยสินเชื่อ
และต้นทุนในการตั้งสำรองหากสินเชื่อที่ปล่อยไปกลายเป็นหนี้เสีย

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่จะต้องจับตาในระยะถัดไป คือ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ตลอดจนแนวโน้มการส่งออกที่อาจจะหดตัวโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คงจะทำให้ ธปท.ต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายในการบริหารจัดการเสถียรภาพของค่าเงินบาท เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย พร้อมกับการสร้างสภาวะที่ผ่อนคลายทางการเงินเพื่อบรรเทาความเสี่ยงในช่วงขาลงของเศรษฐกิจ




 

Create Date : 15 มกราคม 2552    
Last Update : 15 มกราคม 2552 7:30:10 น.
Counter : 485 Pageviews.  

ฟันธงกนง.ลดดอกเบี้ยอาร์พีไม่ต่ำกว่า0.5%

ที่มา //www.bangkokbiznews.com

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดประชุมกนง.สัปดาห์หน้าลดดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 0.50% ห่วงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย บางช่วงเงินเฟ้อติดลบ ภาคธุรกิจระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) อาจมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงไม่น้อยกว่า 0.50% จาก 2.75% มาที่ 2.25% หรือต่ำกว่านั้น


ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กนง. ในการประชุมรอบแรกของปีในวันที่ 14 ม.ค. 2552 โดยเป็นผลจากความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีน้ำหนักเด่นชัดมากขึ้น

ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดความน่ากังวลลงค่อนข้างมาก ซึ่งคงจะเอื้อให้ กนง.มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก

ทั้งนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังคงมีความเปราะบางสูง โดยยังคงมีความเป็นไปได้ที่สำนักต่าง ๆ จะมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ลงอีกในระยะข้างหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยอาจมีแนวโน้มประสบกับภาวะถดถอยในช่วงไตรมาสที่ 4/2551 ต่อเนื่องถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2552 พร้อมกันนั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องและมีค่าติดลบในบางเดือนของปี 2552 ในทิศทางที่สอดคล้องกับทางการทั่วโลก

ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายมากขึ้นจากทางการไทย คงจะถูกฝากความหวังว่าจะสามารถช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะที่ซบเซาไปได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเครดิตและความกังวลเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของภาคธุรกิจที่ยังคงมีอยู่ ตลอดจนเสถียรภาพของรัฐบาล ยังคงเป็นประเด็นที่อาจทำให้กลไกการส่งผ่าน และประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายการเงิน และการคลังที่ผ่อนคลาย มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางภาวะที่ทุกภาคธุรกิจมีแนวโน้มจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ




 

Create Date : 12 มกราคม 2552    
Last Update : 12 มกราคม 2552 7:33:42 น.
Counter : 381 Pageviews.  

อนุมัติ6สถาบันการเงินตปท.ออกบาทบอนด์


พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์:คลังอนุมัติ 6 สถาบันการเงินต่างประเทศ ออกบาทบอนด์มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศรวม 6 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ภายในวันที่ 30 มิ.ย.52 ในวงเงินรายละไม่เกิน 4,000 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาท


สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ Agence Francaise de Developpement(AFD), ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะฟื้นฟูและพัฒนา(International Bank for Reconstruction and Development:IBRD), บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ(International Finance Corporation:IFC), Kommunalbanken Norway(KBN), Nordic Investment Bank(NIB) และ Swedish Export Credit Corporation(SEK)

ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ รมว.คลัง ได้เห็นชอบให้ปรับกำหนดการยื่นคำขออนุญาต และแนวทางในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคำขออนุญาตออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศ เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีความยืดหยุ่นสามารถปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา

โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ปีละ 4 ครั้ง คือ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และพฤศจิกายนของทุกปี

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตในรอบนี้และมีความประสงค์จะขออนุญาตในรอบถัดไปสามารถยื่นหนังสือแสดงความจำนงมาที่กระทรวงการคลังในเดือน ก.พ.52




 

Create Date : 10 มกราคม 2552    
Last Update : 10 มกราคม 2552 8:32:28 น.
Counter : 396 Pageviews.  

SCB ชู 6ยุทธศาสตร์ลุยสินเชื่อโต 3-5%

ที่มา //www.bangkokbiznews.com



กรรณิกา ชลิตอาภรณ์


:ไทยพาณิชย์ มุ่งสร้างฐานเงินกองทุนให้แกร่งเพื่อช่วยลูกค้าให้รอดวิกฤติ ชู 6 ยุทธศาสตร์หลักปี 2552 ยันปล่อยกู้ต่อแต่เน้นระมัดระวัง วางเป้าสินเชื่อโต 3-5%

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ถือว่า เป็นปีแห่งความท้าทาย เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบมายังภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทยแล้วจึงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้


แต่ในวิกฤตินั้นธนาคารมองว่ายังมีโอกาส ซึ่งธนาคารได้เปิดโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการเพิ่มเงินกองทุนให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ตัวเลขยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเมื่อธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งกว่าเดิมก็จะทำให้มีความสามารถในการช่วยเหลือลูกค้าให้รอดพ้นจากวิกฤติได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้แล้วธนาคารก็พัฒนาการบริหารจัดการด้านการเงิน เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าไม่ให้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล เพิ่ม รวมทั้งขยายเครือข่ายสาขาให้ครบ 1,000 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 949 สาขา ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการริเริ่มใหม่ๆ ด้วยการพัฒนาข้อมูลให้มีความรวดเร็ว กล้าเปลี่ยนแปลง ปรับตัวให้ทันต่อวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น โดยต้องรอบคอบ ระมัดระวังในการขยายธุรกิจและระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อเหมือนเดิม แต่ระมัดระวังมากขึ้น และยึดถือลูกค้าคือหัวใจ และเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินครบวงจร

“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้จัดประชุมพนักงานและมอบนโยบายไปแล้วว่าในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทาย ไม่ต้องกลัว การกลัวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัว แต่ระวัง รอบคอบมากขึ้น และให้ถือว่าเราต้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจุดหมายหลักของธนาคารคือ ต้องเป็นธนาคารที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร”

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสิ้นปีที่ผ่านมา การเข้าสู่มาตรฐานการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ของบาเซิล 2 นั้นส่งผลให้เงินกองทุนของธนาคารในสิ้นปี 2551 ลดลงประมาณ 1% เศษ เนื่องจากจะต้องคำนวณความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความเสี่ยงด้านตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้บีไอเอสของธนาคารลดลงในสิ้นปี 2551 เหลือประมาณ 15-16%

สำหรับยุทธศาสตร์หลักในปีนี้ 1.ดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่างๆ โดยเฉพาะลูกค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรม ที่กำลังลำบากอยู่ในขณะนี้ โดยกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนให้การช่วยเหลืออยู่ 2.การทำธุรกิจของธนาคารก็จะเน้นเรื่องความรอบคอบระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

3.ดูแลและควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เพื่อไม่ให้เป็นเอ็นพีแอล มากขึ้น และต้องการให้ลูกค้าเป็นคู่ค้ากับธนาคารในระยะยาว 4.สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา 5. ควบคุมค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ 6.สร้างความสามารถของพนักงานให้มีมากขึ้นพร้อมกับพัฒนาระบบงานให้ดีขึ้น

สำหรับสินเชื่อนั้นตั้งเป้าการเติบโตเท่ากับอุตสาหกรรมคือ 3-5% บนพื้นฐานจีดีพีเติบโต 0.5-2% ซึ่งเท่ากับประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็เชื่อว่าในปีนี้จะปรับตัวลดลง 1-2% อัตราแลกเปลี่ยนในสิ้นปีก็คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินฝากจะเติบโตแค่ 2%

ดร.วิชิต ยังกล่าวถึง การใช้เงินจากกองทุนประกันสังคมมาช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างนั้น ในขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้รับการติดต่อว่าจะให้ธนาคารเป็นผู้ปล่อยกู้ แต่ในประเด็นนี้จะต้องมีดูรายละเอียดการศึกษาให้รอบคอบว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เนื่องจากปัญหาของผู้ประกอบการในขณะนี้อยู่ที่คำสั่งซื้อไม่มี การผลิตสินค้าเพื่อขายจึงเหลือค้างสต็อก จึงต้องปรับลดคนงานลง

“ต้องคิดให้ดีเพราะผู้ประกอบการได้เงิน แต่ขายของไม่ได้ ให้เงินไปก็เหลือ ตอนนี้บริษัทให้คนออกเพราะขายของไม่ได้ อย่างบริษัทรถยนต์ที่ผลิตและขายไม่ออก ดังนั้น ไม่ใช่ว่าให้เงินไปช่วยอย่างหนึ่งแล้วต้องแก้ปัญหาอีกอย่าง”






 

Create Date : 08 มกราคม 2552    
Last Update : 8 มกราคม 2552 7:31:53 น.
Counter : 457 Pageviews.  

คลังถกธปท.ปล่อยกู้ซอฟท์โลนปั๊มเศรษฐกิจ

ที่มา //www.bangkokbiznews.com



กรณ์ จาติกวณิช



กรณ์ จาติกวณิช:คลังถกธปท.แก้กฏหมายเปิดทางปล่อยกู้ซอฟท์โลน ผู้ประกอบการรายย่อย-3 จังหวัดชายแดนภาคใต้-เพิ่มปริมาณเงินในระบบ-ลดดอกเบี้ย ปั๊มเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤติการเงินโลก

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังร่วมกับคณะของนายกรัฐมนตรีเดินทางไปหารือกับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การแก้กฎหมาย ธปท. เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟท์ โลน) ให้ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา 2.การเพิ่มปริมาณเงินในระบบให้เพียงพอ และ 3.การลดดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ


ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้เคยออกสินเชื่อซอฟท์โลนเพื่อนำเงินปล่อยสินเชื่อให้กับสถาบันการเงิน และนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 40,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายฉบับใหม่ไม่ให้ดำเนินการ ดังนั้น จึงต้องหารือร่วมกันว่ามีปัญหาติดขัดอย่างไร จะแก้กฎหมายได้หรือไม่

นายกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังเข้าใจ ธปท. ที่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องปล่อยกู้แบบซอฟท์โลนให้กับระบบ เมื่อหารือร่วมกันแล้วหาก ธปท. แก้ไขกฎหมายไม่ได้ กระทรวงการคลัง ก็จะระดมเงินด้วยการออกพันธบัตรเพื่อปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน

นอกจากนี้ จะหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) เพราะล่าสุด ธปท.ได้ประเมินปัญหาเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกับกระทรวงการคลัง จึงเชื่อว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยลงอีก ในการประชุมเดือน ม.ค.นี้ แต่จะลดลงเท่าไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

นอกจากนี้ ยังต้องหารือถึงการเพิ่มปริมาณเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในระบบอย่างเพียงพอด้วย ซึ่งหากเงินของรัฐบาลที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องให้ ธปท.พิจารณาแนวทางดังกล่าวไว้ด้วย โดยปัญหาสำคัญอยู่ที่การหาเงินมาใช้ เพราะ ธปท.มีหน้าที่ในการดูแลปริมาณเงินในระบบให้เพียงพอผ่านทางเครื่องมือต่างๆ นอกจากนั้น จะใช้สถาบันการเงินของรัฐเป็นเครื่องมือในการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบให้มากที่สุด ซึ่งทุกแห่งเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว

คาดประชุมกนง.14 ม.ค.นี้ หั่นดอกเบี้ยอาร์พีอีกรอบ

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คาดว่าในการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 14 ม.ค. จะมีการลดดอกเบี้ยอาร์พีลง รวมถึงการประชุมในครั้งถัดไปน่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังถดถอย

สำหรับการปล่อยสินเชื่อตามโครงการของรัฐแม้จะเป็นของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และสามารถช่วยเหลือรายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ธนาคารประชาชน ก็ควรเดินหน้าต่อไป แต่หากโครงการใดมีปัญหาจึงนำมาพิจารณาทบทวน

สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อออกสู่ระบบในปี 52 ยังใช้เป้าหมายเดิม 60,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของวงเงินสินเชื่อทั้งหมด







 

Create Date : 05 มกราคม 2552    
Last Update : 5 มกราคม 2552 23:13:18 น.
Counter : 552 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Rushing Dandy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ Bloggang ผมนะครับ
อยาก Comment อะไรเชิญได้เต็มที่ครับ
แล้วก็ยังไง ช่วยกรุณาสนับสนุน Sponsor link ด้านล่างนี้ ด้วยนะครับ




มีผู้เข้าชม Blog แห่งนี้นับตั้งแต่ 14 ธ.ค 51 แล้ว free counters
free counter

Friends' blogs
[Add Rushing Dandy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.