BAY แบงก์กรุงศรีทุ่ม 2 พันล้าน ฮุบเอไอจี AIG
ที่มา //www.bangkokbiznews.com
แบงก์กรุงศรีฮุบกิจการเอไอจี ธนาคารเพื่อรายย่อยและเอไอจีคาร์ด จากกลุ่มเอไอเอ มูลค่า 2,055 ล้าน ดันฐานสินเชื่อเพิ่มเป็น 14%
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารครั้งพิเศษเมื่อวานนี้ (5 ก.พ.) มีมติ อนุมัติให้ธนาคารดำเนินการเข้าซื้อหุ้นธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย (AIGRB) ซึ่งประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยและบริษัทเอไอจี คาร์ด (ประเทศไทย) หรือ AIGCC ซึ่งประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจากลุ่มเอไอจี คอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ และบริษัทในเครือ คิดเป็นมูลค่ารวมของรายการทั้งสิ้น 2,055 ล้านบาท (มูลค่า ณ วันที่ 30 ก.ย.2551) โดยมีบล.ภัทรเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคาร
ปัจจุบันธนาคารเอไอจีรายย่อยดำเนินธุรกิจหลักด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเอนกประสงค์ และสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์ โดย สิ้นปี 2551 มีสาขาทั้งหมด 10 สาขา และเข้าถึงลูกค้าผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 1,800 แห่งทั่วประเทศ
ธนาคารเอไอจีเพื่อรายย่อย มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,197 ล้านบาท ส่วนฐานะการเงินของธนาคารเอไอจีเพื่อรายย่อย ณ สิ้นปี 2551 ก่อนสอบทานมีรายได้รวม 1,928 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 35,356 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,170 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทเอไอจี คาร์ด (ประเทศไทย) ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักบัตรเครดิตและได้ขยายธุรกิจไปยังการให้สินเชื่อบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน และในปี 2548 ได้เริ่มสินเชื่อเงินสดหมุนเวียนพร้อมใช้เพื่อจับตลาดธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่มีการเติบโต
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2551 บริษัทเอไอจี คาร์ดมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 720 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,915 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 10,246 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 79 ล้านบาท
นายตันกล่าวว่า ผลประโยชน์ที่ธนาคารคาดว่าจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรผ่านช่องทางการขยายธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากทั้งสองกิจการมีโครงสร้างธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่ออื่นๆ และธุรกิจบัตรเครดิต รวมทั้งสินเชื่อบุคคล
ด้านนายสรสิทธิ์ สุนทรเกส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การควบรวมดังกล่าวเป็นไปตามกรอบแผนทางการเงิน ที่กำหนดให้สถาบันการเงิน"มีสถานะเดียว"เนื่องจาก เอไอจี รายย่อยกับธนาคารกรุงศรีอยุธยามีผู้ถือหุ้นร่วมกัน ทั้งนี้ตามเงื่อนไข สถาบันการเงินต่างๆต้องดำเนินการให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะส่งผลให้ฐานสินเชื่อของธนาคารกรุงศรีอยุธยาโตถึงระดับ 14%ลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 2.2 แสนบัตร
"ถึงตอนนี้แต่ละแห่งก็สามารถดำเนินการตามปกติ จนถึงกระบวนการควบรวมเสร็จสิ้น ซึ่งมีเวลาถึงสิ้นปี ดังนั้นลูกค้าไม่ต้องตกใจ ในทางกลับกันการควบรวมทำให้สถานะแบงก์กรุงศรีอยุธยา แข็งแกร่งมากขึ้น "นายสรสิทธิ์ กล่าว
นายสรสิทธิ์ กล่าวว่าการควบรวมครั้งนี้จะทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีสินทรัพย์ เพิ่มเป็น 778,000 ล้านบาท สินเชื่อ 557,000 ล้านบาท เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจากเดิม 14.9%และในส่วน เอไอจี รายย่อย 26% รวมกับจะอยู่ที่ระดับ 15% ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล จะรวมกันที่ 6.17%
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2552 7:28:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 459 Pageviews. |
|
|
|
| |