Blog เล็กๆแห่งหนึ่ง รวมเกร็ดข่าวสาระประจำวัน กับ เรื่องที่อาจจะไร้สาระ ของ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในมหานครใหญ่แห่งหนึ่ง ในที่โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
Group Blog
 
All Blogs
 
Structure Change 'สื่อสาร' ดาวหลังวิกฤติ

ที่มา //www.bangkokbiznews.com



ไพบูลย์ นลินทรางกูร:ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กับไฟแนนซ์ ถือว่าเป็นผู้นำตลาดเป็นหุ้น "ยอดฮิต" ของนักลงทุน หลังวิกฤติได้เกิดคลื่นลูกใหม่กลุ่มพลังงาน กับปิโตรเคมี กลายมาเป็นทัพหน้าแทน หลังวิกฤติ "แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส" ครานี้แล้วจะถึงคิวกลุ่มไหน?

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : "ผมมองว่ากลุ่มสื่อสารจะมา" เสียงแทรกขึ้นท่ามกลาง "กูรู" หลายคนบนโต๊ะเสวนา Money Forum ที่จัดโดยกองบรรณาธิการ น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ


สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ไม่ใช่คนแรกที่เปิดประเด็น แต่เขาดูจะทำการบ้านในเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี "เพราะ Structure Change" นี่คือเหตุผลสั้นๆ

คำว่า Change คำนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้ บารัก โอบามา ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย คำว่า Structure Change ที่จะเกิดขึ้นกับหุ้นในกลุ่มสื่อสารนับจากนี้ ฟังดูแล้ว "มีน้ำหนัก" น่าเชื่อถือแบบไม่ต้องคิดมาก

โครงสร้างพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จะทำให้หุ้นกลุ่มสื่อสารสามารถสร้าง "เพดานใหม่" ได้ในอนาคต ผู้ใช้ที่มีอายุน้อยลง และเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น ส่วน "3G" ก็จะทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แต่ สุกิจ มองว่า 3G คงไม่เกิดขึ้นเร็วมากนัก แต่ Structure Change เกิดขึ้นแล้วโดยไม่จำเป็นต้องมี 3G ก็ได้

สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) ให้แง่คิดโชะๆ ว่า หุ้นที่จะให้ผลตอบแทนสูงหลังวิกฤติ ก็คือหุ้นที่ "ถูกบอมบ์" (ขาย) ลงมาหนักๆ ถูกขายแบบที่ไม่ค่อยมีเหตุผล หุ้นพวกนี้มีโอกาสขึ้นได้ 200-300%

วิธีดูง่ายๆ คือ บางบริษัทไม่มีหนี้ ช่วงที่เศรษฐกิจดีบริษัทอื่นเขาแห่ลงทุนบริษัทนี้ไม่ยอมลงทุน ผู้บริหารก็ไม่ชอบให้ข่าว ลองไปค้นหาเอาเองรับรองว่า "มี" หุ้นอีกแบบที่จะขึ้นเยอะหลังวิกฤติได้ คือ "หุ้นที่ใกล้เจ๊ง...แต่ไม่เจ๊ง"

"จากประสบการณ์ของผม หลังวิกฤติช่วงปี 2546 ตอนที่หุ้นขึ้นมา 117% ผมเคยดูพอร์ตของลูกค้าคนหนึ่ง เขามีแต่หุ้นเน่าๆ เต็มพอร์ต หุ้นพวกนี้ถูกบอมบ์ขายจนเละตุ้มเป๊ะ แต่เขาได้ผลตอบแทน 300% น่าทึ่งมาก"

ถ้ามองรวมๆ สุขวัฒน์ มองว่า หุ้นกลุ่มสื่อสาร ยังเป็นหุ้นที่โดดเด่น และได้รับผลกระทบน้อยเพราะคนไม่ได้ลดการใช้ลง เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีสงครามตัดราคาเหมือนในอดีตแล้ว เชื่อว่าผลประกอบการยังเติบโตได้ อีกกลุ่มหนึ่งที่ยังดีกลุ่มโรงไฟฟ้า มีดี 3 อย่าง คือ มีรายได้แน่นอน พึ่งดีมานด์ในประเทศ และมีกระแสเงินสดที่ดี จะเป็นหุ้นที่โดดเด่นได้หลังวิกฤติครั้งนี้

วิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ มองไปที่หุ้น "ไซส์กลาง-เล็ก" จะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3-6 เดือนหลังจากนี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่เน้นกลุ่มลูกค้าในประเทศ และกลุ่มค้าปลีก หุ้น 2 กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อย หุ้นหลายตัวยังมีผลประกอบการที่เติบโตได้ต่อเนื่อง

"แต่พอเศรษฐกิจกลับมาดี นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุน ยังไงหุ้นบิ๊กแคปก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะหุ้นบิ๊กแคปจะขึ้นตามฟันด์โฟลว์"

ในฐานะนักกลยุทธ์ สุกิจ แห่งสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ส่งสัญญาณเสียวๆ ว่า ช่วงปลายปีนี้ยังมีความเสี่ยงที่เฮดจ์ฟันด์จะถล่มขายหุ้นอีกรอบ ถ้าจะซื้อถือยาวรอเป็นปีหน้าเลยดีกว่า ถ้าเศรษฐกิจจะต่ำสุด..ดอกเบี้ยต้องต่ำสุดก่อน ช่วงที่ต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยหุ้นถึงจะเริ่มขึ้น ส่วนการเล่นหุ้นช่วงที่เหลือของปีนี้ เล่นแค่ 30-40% ของพอร์ตก็พอ

หุ้นที่จะให้ผลตอบแทนสูงหลังวิกฤติในมุมมองของนักกลยุทธ์รายนี้ เขาให้แง่คิดไว้สั้นๆ ว่า หุ้นตัวนั้นราคาต้อง "ต่ำผิดปกติ" และเป็นหุ้นที่มีประวัติการ "จ่ายเงินปันผลสูง"

ส่วนเกณฑ์ในการ "กรองหุ้น" ที่นักลงทุนควรนำไปใช้ คือ 1) หุ้นตัวนั้นต้องผ่านวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 มาได้อย่างแข็งแกร่ง 2) มีสภาพคล่องสูง และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย 3) ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ต่ำกว่า 1 เท่า 4) จ่ายเงินปันผลสูงกว่าเงินฝากประจำ

หุ้นที่เข้าขั้น "ปลอดภัย-ไว้ใจได้-ไร้กังวล" ในมุมมองของ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย สรุปมาได้ 4 ตัว คือ BANPU ADVANC CPALL และ SCC

ด้านนักกลยุทธ์จาก บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะนำว่า หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด คือ หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ "ยังเหนื่อยอีกนาน" เพราะจะอยู่ในช่วง "วัฏจักรขาลง" ในช่วงนี้ 6 เดือนถึง 1 ปีข้างหน้านี้

"การเลือกหุ้นช่วงนี้ต้องยึดเอา Dividend เป็นตัวตั้ง อย่ายึด Capital Gain เป็นตัวตั้ง แล้วคัดหุ้นคอมโมดิตี้ออกไป ส่วนพอร์ตหุ้นช่วงนี้เล่นแค่ 30-40% เน้นถือเงินสดไว้ 60-70%" วิชชุ กล่าว

ไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ ให้แง่คิดว่า ถ้าเกิด SET Index ลงไป 380 จุดอีกครั้ง จะมีกลยุทธ์เลือกหุ้นอย่างไรดี เขาแนะนำให้เลือกหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาด และได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว อย่างหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันอาจจะไม่ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่แล้ว เพราะราคาที่ลงไปมันสะท้อนราคาน้ำมันที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้ว

"ที่ต่างชาติขายสุทธิมาตั้งแต่ต้นปี 1.4 แสนล้านบาท 60% เขาขายกลุ่มพลังงาน 10% ขายแบงก์ ต่อไปถ้าเขาจะขายอีก คิดว่า ขายแบงก์มากกว่า ถ้ามองในแง่กลยุทธ์เล่นหุ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เล่นกลุ่มพลังงานเซฟกว่าแบงก์"

บิ๊กบอส บล.ทิสโก้ ไม่แนะนำวิธีการลงทุนแบบ "อยากเอาชนะตลาด" เพราะคุณเอาชนะตลาดยาก ในภาวะที่หุ้นยังผันผวนสูง

"พยายามจะฉลาดกว่าตลาดในช่วงนี้ ยากมาก เชื่อผมเถอะคุณหาหุ้นดีๆ แล้วซื้อเก็บเอาไว้ดีกว่า นักลงทุนสถาบันยังเทรดลำบากเลย ควรให้ผ่านช่วง 3-6 เดือนนี้ไปแล้วค่อยกลับมาเก็งกำไร เพราะตลาดหุ้นตอนนี้มันไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยกำไร แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ราคาจึงผันผวนสูง"



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 6:37:55 น. 0 comments
Counter : 547 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Rushing Dandy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ Bloggang ผมนะครับ
อยาก Comment อะไรเชิญได้เต็มที่ครับ
แล้วก็ยังไง ช่วยกรุณาสนับสนุน Sponsor link ด้านล่างนี้ ด้วยนะครับ




มีผู้เข้าชม Blog แห่งนี้นับตั้งแต่ 14 ธ.ค 51 แล้ว free counters
free counter

Friends' blogs
[Add Rushing Dandy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.