Chapter 10
ตอนที่ 10

“แฮ่ก แฮ่ก....เดรโก...” เสียงเรียกปนหอบของแฮร์รี่ พอตเตอร์ดังขึ้น

“อะไรอีกล่ะแฮร์รี่ นายช้าแล้วนะ” เดรโก มัลฟอยตอบมาด้วยเสียงคึกคักผิดกับคนถาม

“พัก....พัก...ก่อนเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ร้อนจะแย่แล้ว”

ใบหน้าขาวนวลที่มีเหงื่อเกาะพราวพอกันส่ายหน้า “เดี๋ยวก่อน กำลังสนุกเลย” คนพูดปัดเส้นผมสีทองเปียกชื้นให้พ้นจากแก้มใสซึ่งแดงก่ำเพราะความร้อน

“น่า พักก่อนเถอะนะ” แฮร์รี่พยายามชักจูง

เจ้าตัวเล็กเบะปากเมื่อถูกขัดใจ “ไม่มีน้ำอดน้ำทนเอาเสียเลย โอเคๆ พักก่อนก็ได้”

แดดยามบ่ายจัดจ้าพอสมควร เมื่อทั้งสองร่อนไม้กวาดลดระดับลงมาจากความสูงเหนือหมู่ยอดไม้ใหญ่ (เฮ้ ใครที่คิดเลยเถิดไปไกลก็กลับมาได้แล้ว) แฮร์รี่ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วเสกคาถาไปที่ลูกสนิชสีทองสำหรับฝึกซ้อมซึ่งบินฉวัดเฉวียนด้วยความเร็วระดับ 9 A ให้บินกลับมาสู่มือเจ้าของ เขาบังคับไม้กวาดให้บินตามไม้กวาดของเดรโกไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งพินซ์กำลังเล่นกับก็อกโกอยู่บนเสื่อ ข้าง ๆ มีตะกร้าปิกนิกใบใหญ่ที่เจ้าเอลฟ์เตรียมมา

ทั้งคู่ลงจากไม้กวาดแล้วเดินเข้าไปหาเด็กหญิง

“สนุกมั๊ย เดรก” พินซ์ถามเสียงใส เด็กน้อยเองก็แก้มแดงเพิ่งวิ่งเล่น

เดรโกยิ้ม “สนุกสิ” เขาหันไปถามชายหนุ่มที่เดินเคียงมาด้านหลัง “นายก็สนุกใช่ไหม แฮร์รี่”

“อือ สนุก” แฮร์รี่ตอบเบา ๆ เพราะยังไม่หายเหนื่อย แม้ว่าเขาจะชินกับการซ้อมหฤโหดของโค้ชทีมชาติ แต่การไล่จับลูกสนิชกับคนตัวบางตรงหน้านี้ 2ชั่วโมงรวดกลับทำให้เหนื่อยเสียยิ่งกว่า เพราะอดีตคุณหนูเอาแต่ใจนี่ไม่ยอมเลิกเล่นหากว่ายังไม่ชนะแฮร์รี่ แถมพอเขาแกล้งยอมแพ้เพื่อให้ได้พักยังถูกจับได้เสียอีก

“ชนะสาม แพ้สิบ เหลืออีก 7 ตา ถ้าฉันรู้ว่านายแกล้งแพ้อีกนะ” แฮร์รี่นึกหน้าคนพูดขู่ที่ทำตาดุแต่แก้มป่องนิด ๆแบบงอนหน่อย ๆ แล้วเขาก็อดยิ้มไม่ได้

ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อยืดสีเข้มข้างใน เขาทรุดนั่งใกล้กับเดรโกบนเสื่อ

“ไม้กวาดที่ยืมมาจากสมาคมควิชดิชใช้ดีไหม” เขาถามคนข้าง ๆ ที่กำลังสาละวนรื้ออาหารกลางวันออกมาจากตะกร้าโดยมีพินซ์กับก็อกโกเป็นผู้ช่วย

“ก็ดีนะ แต่มันดึงซ้ายไปนิด, พินซ์ อย่าแอบกินขนมทั้งที่ยังไม่ได้ล้างมือสิ” คนพูดตอบแล้วก็หันไปดุเด็กหญิง

“ของมันเก่าแล้วนี่นา” แฮร์รี่ว่าแล้วเข้าไปช่วยจัดข้าวของ

ทั้งสามกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วพินซ์ก็ลากเจ้าเอลฟ์บ้านซึ่งตอนนี้กลายเป็นเพื่อนเล่นคนใหม่ไปดูปลาที่ลำธารใกล้ ๆ “ดูพินซ์ นะก็อกโก อย่าให้ตกน้ำหรือตากแดดมากนัก” แฮร์รี่ย้ำแม้จะแน่ใจว่าเจ้าเอลฟ์ย่อมไม่ยอมให้ ‘นายน้อย’ ของมันมีอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นอันขาด

แฮร์รี่กับเดรโกช่วยกันเก็บข้าวของกลับใส่ตะกร้า แล้วก็นั่งพักเงียบ ๆ บนเสื่อใต้ต้นไม้นั้น สวนรุกขชาติบนเนินเขาแบบนี้ไม่มีคนผ่านไปมา โดยเฉพาะเมื่อแฮร์รี่เสกคาถาบังตาบริเวณรอบ ๆ ไว้แล้ว บรรยากาศจึงสงบเงียบ มีเพียงเสียงนกร้องเบา ๆ กับเสียงใบไม้เสียดสีกันยามลมพัดเท่านั้น

“เฮ้อ....ลมเย็นดีจัง” เดรโกถอนใจอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอนตัวพิงลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่ทั้งสองนั่งอยู่ เหยียดขาตามสบาย

“อือ” แฮร์รี่เห็นด้วย “ฮ้าว!!!!!!” เขาปิดปากหาว “เลยทำให้ง่วงเลยแฮะ”

“ง่วงก็นอนซะสิ” คนแนะเองก็หลับตาลงทำท่าง่วง ๆ เหมือนกัน แฮร์รี่มองเปลือกตาที่พริ้มหลับเห็นขนตางอนยาวเป็นแผงนั้นแล้วก็ยิ้ม

“นั่นสิเนอะ” ชายหนุ่มพูดแล้วก็เอนตัวลงนอน ศีรษะหนุนตักคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ก่อนหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าของตักที่กำลังเคลิ้มลืมตาโพลง “เฮ้ย อะไรของนาย”

“ก็นายบอกให้นอน” เสียงคนตอบยานคางเล็กน้อย

“ฉันบอกให้นอน ไม่ได้บอกให้นายมาใช้ฉันแทนหมอนนี่ ลงไปเลย” เขาพยายามดันศีรษะที่มีเส้นผมสีดำยุ่งเหยิงของอีกฝ่ายลงจากตักแต่ดูจะไม่เป็นผล

คนที่นอนอยู่ไม่สนใจ “อย่าน่า ฉันง่วงแล้วนะเดรโก” เขาพูดแล้วก็หลับตาลง ตอนแรกก็แค่อยากจะแกล้งอีกฝ่ายให้โมโหเล่น แต่เพราะความเหนื่อยจากการบินร่อนเมื่อครู่หรือเพราะตักนิ่มๆที่หนุนอยู่ก็ไม่รู้ ชายหนุ่มจึงวูบหลับไปจริง ๆ ทิ้งให้คนตัวเล็กซึ่งถูกปลุกขึ้นมาส่งเสียงลั่น ๆ อยู่คนเดียว

“เจ้าบ้าแฮร์รี่ อย่ามาหลับบนตักฉันนะเว้ย ลุกๆ” แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนนิ่งเป็นหินอย่างนั้น เดรโกก็ถอนใจอย่างจนปัญญา “เจ้าขี้เซา....”เขาพึมพำขณะที่ทำใบหน้าบึ้งเริ่มกลายเป็นสีชมพู

.....................................................................

“คุณพอตเตอร์! พอตเตอร์”

แฮร์รี่สะดุ้งดึงความคิดกลับมาจากภาพเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขากำลังนั่งประชุมอยู่กับฝ่ายปราบปรามของกระทรวงเวทมนต์นิวยอร์ก “ครับๆ” เขารีบขานรับ

“คุณคิดว่าแผนการของเราเป็นยังไง”

แผนการ แผนการอะไรนะ แฮร์รี่รีบคิด อ๋อ แผนดักจับการขนส่งเนคตาร์ที่ท่าเรือนั่นเอง เขาปรับสีหน้ากลับมาจริงจัง “ผมคิดว่าแผนการณ์นี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ เรารู้เพียงแต่ว่าทางฝ่ายอังกฤษจะส่งของมาที่ท่าเรือเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีคนส่งของมากี่คน แล้วจะมีใครคอยรับบ้าง ถ้าเราไปซุ่มดักอย่างเดียวอาจจะคลาดกันก็ได้มันเกิดเปลี่ยนแผน”

เจ้าหน้าที่หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

มอทโกเมอรี่ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมยกมือเท้ากับเท้าแขนเก้าอีเเอนหลังพิงพนัก เขาเดาความคิดของแฮร์รี่ถูก

“คุณจะเสนอให้เราส่งคนแฝงเข้าไปงั้นเหรอ”

ชายหนุ่มพยักหน้า พร้อมกับยืดหลังตรงพูดจริงจัง “ผมขอทำงานนี้เองได้ไหมครับ”

“ทำไม” ผู้เป็นหัวหน้าถามเรียบ ๆ

“ผมคิดว่าผมพอจะทำให้เจ้าโรนีย์พ่อค้าคนกลางของที่นี่เชื่อว่าผมเป็นเอเย่นค้ายาซึ่งจะสั่งของจำนวนมาก พวกมันคงไม่รังเกียจถ้าลูกค้ารายใหญ่จะขอไปดูการขนส่งด้วยตัวเองเพื่อความแน่ใจ”

“อืม....ก็มีเหตุผลนะ” มอทโกเมอรี่พยักหน้าเห็นด้วย “พวกคุณว่าไง” เขาหันไปถามผู้เข้าร่วมประชุม ทุกคนลงมติยอมรับข้อเสนอของแฮร์รี่

“แต่ว่าคุณจะเสี่ยงมากนะครับ คุณพอตเตอร์” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตือน “เราไม่รู้ว่าพวกมันมากันกี่คน การไปอยู่กลางดงพวกค้ายานี่....”

แฮร์รี่ยิ้มขรึม ๆ “ไม่เป็นไรครับ” เขาแวบคิดถึงใบหน้านวลกับดวงตาสีฟ้าที่ยิ้มสดใสมากขึ้น

“ผมคิดว่าอยากทำงานนี้ด้วยตัวเอง”

.....................................................................

“แฮร์รี่ เดี๋ยวก่อน” มอทโกเมอรี่เรียกชายหนุ่มหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง

“ครับหัวหน้า” มือปราบมารจากอังกฤษหันไปถาม “มีอะไรหรือครับ”

ผู้อาวุโสกว่าพูดเสียงขรึม “ช่วยตามผมมาหน่อย”

ญาติห่าง ๆ ของซีเรียส แบล็คเดินนำเขาลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างสุดของสำนักงานกระทรวง พวกเขาต้องเดินผ่านม่านคาถาตรวจจับเวทศาสตร์มืดหลายชั้น ก่อนจะมาถึงห้องโถงขนาดย่อม ๆ ที่นั่นมีบานประตูโลหะปิดสนิทคล้ายกับตู้นิรภัยในธนาคารของมักเกิ้ล ยามหน้าเหี้ยมใส่ชุดพ่อมดสีเทาเข้มสองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู มอทโกเมอร์รี่หยุดแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูง ยามจึงก้มคำนับก่อนจะปล่อยให้เขาผ่านไปยังประตู

มอทโกเมอรี่ใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่ประตูเป็นรหัส แฮร์รี่ยืนรออยู่เงียบ ๆ ห่างออกไปเล็กน้อย

ประตูบานใหญ่เปิดออก ยามปล่อยให้ทั้งสองเดินเข้าไปแล้วจึงปิดประตูตามหลัง

“ลูมอส” ผู้เห็นหัวหน้าของแฮร์รี่เสกคาถาจุดไฟที่คบเพลิงบนกำแพงเป็นระยะ ๆ ทำให้มองเห็นว่าพวกเขาอยู่ในอุโมงค์ยาวมืด พื้นและกำแพงปูด้วยหินหนาดูโบราณผิดกับสภาพภายนอกเมื่อครู่

“ที่นี่ที่ไหนกันครับ” ชายหนุ่มจากอังกฤษถามหลังจากที่เดินตามมาเงียบ ๆ

“แทนทารัส...สถานกักกันของกระทรวงเวทมนต์” มอทโกเมอรี่ตอบ ก่อนจะเสริม “คงคล้ายกับคุกอัสคาบันของประเทศคุณนั่นแหละ”

แฮร์รี่พยักหน้ารับรู้ “แล้ว...เราจะมาทำอะไรที่นี่ครับ”

ผู้แก่กว่าหันมามองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมมีคนที่อยากให้คุณพบ”

กำแพงยาวนั้นมีประตูอยู่หลายบาน มียามหน้าเหี้ยมคล้ายยามหน้าประตูเฝ้าอยู่ แต่มอทโกเมอรี่ไม่ได้หยุดที่ประตูบานไหน เขาพาแฮร์รี่เดินมาจนสุดอุโมงค์ที่เป็นประตูเหล็กเก่าทึบ มีชายแก่ผอมบางท่าทางเซื่องซึมในชุดคลุมรุ่มร่ามนั่งอยู่ด้านหน้า

มอทโกเมอรี่บอกสั้น ๆ “เรามาหามีเดียนา”

ร่างผอมเดินช้า ๆ เข้าไปไขกุญแจเปิดประตูแล้วผายมือเชิญพวกแฮร์รี่ให้เดินเข้าไปภายใน

ห้องขังเล็ก ๆ ที่มีลูกกรงเหล็กเก่า ๆ เรียงรายอยู่ทั้งสองด้านทางเดิน เสียงงึมงำ เสียงก่นด่าและเสียงโวยวายดังมาจากทุกทิศทาง แฮร์รี่มองเข้าไปภายในแต่ละห้องที่เขาเดินผ่านซึ่งแทบจะไม่ต่างกันเลย ห้องมืดชื้นที่มีเพียงม้านอนไม้จะพังมิพังแหล่ ร่างขะมุกขะมอมซุกที่อยู่ในเงามืดมุมห้องบ้าง เดินโวยวายอยู่คนเดียวบ้าง หรือมิฉะนั้นก็นอนร้องไห้กระซิก ๆ คร่ำครวญอยู่บนเตียง

“ห้องขังสำหรับนักโทษเก่าแก่ อาจจะไม่น่าดูนัก” มอทโกเมอรี่เอ่ยเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม

แฮร์รี่จับลูกกรงเหล็กสนิมเขรอะ “ลูกกรงแบบนี้จะขังพ่อมดได้หรือครับ”

“อย่าดูแต่ภายนอกสิ” ผู้เป็นหัวหน้ายิ้ม “ลูกกรงพวกนี้อาบด้วยเวทมนต์ชั้นสูงจากกลุ่มพ่อมดที่เก่งที่สุดของอเมริกาตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศเชียวนะ ตามประวัติศาสตร์แล้วยังไม่มีนักโทษคนไหนแหกคุกนี้ได้เลย มันดีกว่าการใช้ผู้คุมวิญญาณเยอะ”

“นั่นสิครับ” แฮร์รี่เห็นด้วย ดีนะที่คุกอัสคาบันเองก็ปรับปรุงวิธีกักขังใหม่คล้าย ๆ กัน

พวกเขาหยุดคุยเมื่อเดินมาถึงหน้าลูกกรงเหล็กห้องหนึ่ง ซึ่งเงียบผิดกับห้องอื่น ๆ เพราะไม่มีเสียงใดใดลอดออกมาราวกับว่าไม่มีคนอยู่ภายใน ป้ายเหล็กเก่าคร่ำจนแทบมองไม่เห็นรอยสลักที่ปรากฏอยู่ แฮร์รี่พยายามเพ่งอ่าน

“มีเดียนา โกเดนไฟน์ โทษอุกฉกรรจ์ ปี 18... – ไม่มีกำหนด, เธอเป็นใครครับ”

“ภรรยาของเจสัน โกเดนไฟน์ คุ้นชื่อนี้ไหมแฮร์รี่” มอทโกเมอรี่ถามกลับ

ชายหนุ่มพยายามนึก โกเดนไฟน์ เขาเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ แล้วเขาก็เห็นภาพหนังสือเรียนลอยมาในความคิด
เจสัน โกเดรไฟน์ พ่อมดที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาที่สุดในประวัติศาสตร์โลกพ่อมดคนหนึ่ง เขามีผลงานสำคัญ ๆ มากมาย ตำราวิชาการปรุงยาส่วนใหญ่ที่ใช้เรียนในโรงเรียนพ่อมดยุคก่อนเป็นตำราของเขา “อ้อ โกเดนไฟน์คนนั้นเอง”
ผู้เป็นหัวหน้าบอกต่อโดยไม่รอคำตอบ “คนที่อยู่ในห้องขังนี้คือมีเดียนา ภรรยาของเขา”

“เธอต้องโทษข้อหาอะไรครับ”

“ฆาตกรรม.....เธอฆ่า...”

“สามีแล้วก็พ่อของตัวเอง” เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้นในเงามืด ก่อนที่ร่างผอมยับย่นร่างหนึ่งจะก้าวออกมา
มีเดียนา โกเดนไฟน์สวมเสื้อคลุมแม่มดสีขาวคร่ำจนกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผมสีขาวโพลนล้อมกรอบใบหน้าเหี่ยวย่นจนทำให้ดูน่ากลัว

“สวัสดีมีเดียนา” มอทโกเมอรี่ก้มศีรษะทักอย่างสุภาพ

ร่างในเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าเหี่ยวย่นไม่แสดงอารมณ์ใดใด “ไม่เจอกันนานเลยนะจอร์น” เธอหยุดที่หน้าลูกกรง มือผอมที่มีเล็บมือยาวจับซี่เหล็กผุ “พาใครมาด้วยละนั่น” ดวงตาสีฟ้าซีดที่น่าจะฝ้าฟางกลับดูสุกใสผิดกับลักษณะภายนอก

“แฮร์รี่ พอตเตอร์” มอทโกเมอรี่ตอบ แฮร์รี่ก้มศีรษะทักเธอ

คิ้วสีขาวเลิกขึ้น “อ้อ คนที่กำจัดโวลเดอร์มอร์”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดูคนพูดทันที เพราะถึงแม้จะผ่านมานานมากแล้ว เขาก็ยังไม่ค่อยได้ยินใครเรียก เจ้าแห่งศาสตร์มืดด้วยชื่อจริงบ่อยนัก ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’ ดูจะฝังความกลัวไว้ในจุดลึกสุดของพ่อมดแม่มดทุกคน

รอยหยักยิ้มบนใบหน้ายับย่น “แปลกใจรึไงพ่อหนุ่ม” เธอหันไปทางมอทโกเมอรี่ “แล้วเธอมาหาฉันทำไมรึจอร์น งานของฝ่ายปราบปรามมันว่างหรือไง”

“คุณไม่เปลี่ยนใจเรื่องลดหย่อนโทษหรือมีเดียน่า”

“เรื่องเดิมๆ” หญิงชราถอนใจ “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ฉันอยู่ในนี้ก็สบายดี” เธอถอยไปทรุดนั่งบนเก้าอี้โยกเก่า ๆ ที่อยู่ด้านหนึ่ง “พ่อกับเจสันคิดสิ่งที่เลวร้ายขึ้นมา ฉันต้องหยุดยั้งมัน” หลังผอมเกร็งพิงพนัก “แม้ว่าจะต้องฆ่าพวกเขา ตลกดีนะ นักปรุงยาพิษตายด้วยยาพิษ สาสมแล้วล่ะ” เสียงเนือย ๆ ผ่อนช้า

มอทโกเมอรี่พูดต่อ “แต่ยังมีสูตรของเนคตาร์หลงเหลืออยู่”

แฮร์รี่หันขวับไปมองผู้บังคับบัญชาทันที ดวงตาเขาเบิกกว้าง

“ไม่หรอก” เสียงตอบกลับมาจากเงามืดหลังกรงขัง “ฉันทำลายมันหมดตั้งแต่ตอนที่ฉันฆ่าเขาสองคนแล้ว” เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย “ไอ้ยาที่มันระบาดอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เนคตาร์หรอก คงจะมีใครคิดสูตรยาขึ้นมาแล้วเอาชื่อมาใช้เท่านั้นแหละ”

มอทโกเมอรี่สบตาชายหนุ่มเงียบ ๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณคงไม่รู้ว่าเจสันทำสำเนาสูตรยานี่แล้วส่งออกไปก่อนที่เขาจะตายหรอกนะ”

“เป็นไปไม่ได้” เสียงอุทานเบา ๆ

หัวหน้าฝ่ายปราบปรามพยักหน้า“เราเพิ่งพบจดหมายที่เขียนแนบไปกับสำเนานั้นที่บ้านของพ่อมดฝ่ายมืดคนหนึ่ง แต่ตัวสูตรยาหายไปแล้ว”

มีเดียน่าผุดลุกขึ้น “เจสัน....แม้แต่จะตายยัง....” เธอคำรามเคียดแค้น สีหน้าเจ็บปวด

“เพราะฉะนั้น” มอทโกเมอรี่เดินเข้าไปจนแทบติดลูกกรงเหล็ก “คุณช่วยย้ำกับเราหน่อยเถอะมีเดียน่า ช่วงที่เจสันกับพ่อของคุณปรุงยามีใครที่ติดต่อกับเขาบ้าง”

“จะมีใครเสียอีกล่ะ” เสียงแหบพร่าส่งสำเนียงรังเกียจอย่างชัดเจน “ถ้าไม่ใช่ไอ้เฒ่าสองหน้าแม็กซิมัส มัลฟอย ”

แฮร์รี่ที่ยืนฟังอยู่แทบจะอ้าปากค้าง ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง “คงไม่ใช่...”

มอทโกเมอรี่หันไปมองชายหนุ่มที่หน้าซีดเผือดลงถนัด

“ใช่ แฮร์รี่ เราพบจดหมายฉบับสุดท้ายของเจสัน โกลเดนไฟน์ที่คฤหาสถ์มัลฟอย”





Create Date : 02 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:29:59 น.
Counter : 741 Pageviews.

3 comment
Chapter 9
ตอนที่ 9

ด้านนอกสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ลมพัดพาเอาละอองน้ำสาดใส่กระจกหน้าต่างจนมองไม่เห็นด้านนอก หมัดของแฮร์รี่กระแทกเข้าใส่ประตูหนาครั้งแล้วครั้งเล่า ข้อนิ้วของเขาแตกเป็นแผลยับเลือดไหลหยดลงบนพื้น

โครม

หมัดขวาอัดเข้าไปบนพื้นไม้

โครม

หมัดซ้ายตามไปติดๆ

“โธ่เว้ย” ชายหนุ่มตะโกนก้องแต่เสียงฟ้าที่ร้องคำรามครืนกลบเสียงของเขาจนหมด

ชายหนุ่มไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกริ่งหน้าประตูที่ดังไม่ขาดระยะ เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีเสียงเรียกอย่างตกใจดังมาจากทางเดิน

“แฮร์รี่!”

จินนี่ วิสลีย์ในชุดเสื้อคลุมกันฝนอุทาน เธอยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิทของพี่ชาย แล้วรีบวิ่งเข้ามาพยายามดึงเขาออกจากประตูซึ่งเละเทะไม่แพ้มือของคนที่ชกมัน “ทำอะไรของเธอน่ะ หยุดนะ”

“ปล่อยฉัน จินนี่” ชายหนุ่มสะบัดตัวออก สติของเขาแทบไม่เหลือเพราะความเครียดถึงขีด

“ใจเย็น ๆ ก่อนรอนเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว” จินนี่ฝืนดึงแขนชายหนุ่มไว้“เขาเป็นห่วงเธอนะ เรื่องมัลฟอย...”

แฮร์รี่หันขวับมาจ้องหน้าคนพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ห่วงงั้นเหรอ!” คำพูดของรอนลอยวนไปมาในความคิด

นายปกป้องทายาทอันดับหนึ่งของผู้เสพความตาย ศัตรูของนายเอง

โทสะที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากเหตุผลใดบ้างทำให้ถ้อยคำพร่างพรูออกมา “เขาไม่ฟังฉันอธิบาย จินนี่ ไม่ฟังแม้แต่คำเดียว” เสียงชายหนุ่มแทบจะเป็นตะคอก “ปล่อยฉัน” เขากระชากแขนออกจากมือของจินนี่แต่หญิงสาวฝืนดึงไว้

“ไม่ปล่อย แฮร์รี่ เธอนั่นแหละหยุด มีสติหน่อยสิ มือเป็นแผลหมดแล้ว”

“ปล่อยให้มันเละไปเลย” คนซึ่งกำลังโกรธจัดไม่ฟังเสียง

“แฮร์รี่” จินนี่แทบจะตะโกนเรียกสติเขา เธอหลุดถ้อยคำที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมา

“อย่าเอาความเสียใจเรื่องรอนจะแต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี่มาปนกับเรื่องนี้”


ประโยคนั้นหยุดเขาได้ทันที ชายหนุ่มชะงักกึก“จินนี่...เธอ...ว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มงุนงงก่อนจะอึกอัก

“ไม่...ฉัน...ไม่ได้”

จินนี่ส่ายหน้าเบา ๆ “อย่าปฏิเสธเลยแฮร์รี่ ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว ความรู้สึกของเธอ...”

ดวงตาสีเขียวที่กรุ่นโทสะเมื่อครู่กลับส่อประกายเจ็บปวดกึ่งอับอาย “เธอ...รู้...ตั้งแต่เมื่อไหร่”

น้องสาวคนเล็กของวิสลีย์สงสารเขาจับใจ เธอพูดเสียงเบาลง “ตั้งแต่ตอนพวกเธออยู่ปี 6 หลังจากซีเรียสตายแล้วรอนกับเฮอร์ไมโอนี่เริ่มคบกัน ฉันเห็นสายตาเธอที่มองพวกเขา...มันไม่เหมือนเดิม” เธอเห็นอีกฝ่ายนิ่งอึ้งจึงดึงร่างที่ราวกับไร้วิญญาณนั้นออกมาจากตู้ที่มีเศษกระตกเกลื่อนกราด กดไหล่ให้เขาทรุดนั่งที่โซฟา

“ยิ่งพอรอนขอเฮอร์ไมโอนี่แต่งงาน เธอไม่รู้ตัวหรอก แฮร์รี่ เธอหน้าเศร้าทุกทีที่มองพวกเขาอยู่ด้วยกัน”

แฮร์รี่ทรุดลงนั่งโดยดี สีหน้าเขาซีดเผือด เขากระซิบถามเสียงแผ่ว “แล้วเฮอร์ไมโฮนี่กับรอนรู้หรือเปล่า”

“เฮอร์ไมโอนี่คงรู้จ๊ะ เขาพยายามเลี่ยงไม่ให้เธอเจ็บปวดมากกกว่านี้ ถึงไม่ได้คัดค้านที่เธอจะไม่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่รอนคงไม่สังเกตอะไร”

แฮร์รี่หลับตาเอนตัวพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนล้า “ฉัน...มัน...ทุเรศมาก...ใช่ไหม” ก้อนแข็ง ๆ มาจุกที่คอชายหนุ่ม “ทั้งที่สองคนนั้นเป็นเพื่อนรักของฉัน แต่ฉันกลับ...” ชายหนุ่มพยายามสะกดอารมณ์

“ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ทั้งเธอคงผิดหวังในตัวฉัน” เขาตัวสั่นกึก ๆ เขากล้ำกลืนความรู้สึกที่ล้นออกมาลงไปไม่ได้

“แฮร์รี่” จินนี่เรียกเสียงอ่อน เธอเข้าใจว่าตอนนี้คนตรงหน้าต้องการการปลอบโยน อาจจะเป็นเพราะสัญชาติญาณความเป็นแม่ เธอจึงเอื้อมมือไปดึงชายหนุ่มเข้ามาแล้วโอบกอดเขาไว้

“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันเข้าใจ เฮอร์ไมโอนี่เองก็เหมือนกันไม่เป็นไรนะ”

แฮร์รี่รู้สึกถึงความไออุ่นจากอ้อมแขนที่โอบรอบกาย ไออุ่นเหมือนที่มิสวิสวิสลีย์เคยกอดเขาตอนที่ซีเรียสตาย เขาสะอื้นฮักอย่างห้ามอยู่ “จินนี่...ฉันขอโทษ” เพียงประโยคเดียว น้ำตาที่เอ่อคลอทำให้นัยน์ตาเขาพร่ามัว นานมากแล้วที่ต้องเก็บกดความรู้สึกทุกอย่างไว้ หลายปีที่ไม่เคยร้องไห้อีก

จินนี่ลูบหลังคนในอ้อมแขนเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ไม่เป็นไรแล้ว”

หญิงสาวปล่อยให้เขาร้องไห้จนพอ เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่สงบลงมากหลังจากที่เขาได้ระบายความอัดอั้นในใจออกไปแล้ว เธอจึงถามขึ้น “แล้ว...เรื่องมัลฟอย....ตกลงเธอจะทำตามที่รอนบอกรึเปล่าแฮร์รี่”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้”

“งั้น...” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด “แล้วเธอเชื่อหรือเปล่าว่ามัลฟอยเป็นหัวหน้าของแก็งค้ายานั่น”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ฉัน...ไม่แน่ใจ จินนี่ แต่ว่าเดรโก...เอ่อ มัลฟอยน่ะ เขาผิดจากที่เราเคยรู้จักสมัยเรียนมาก และ...” เสียงเขาแผ่วหายไป

จินนี่จ้องตาเขา “และเธออยากจะเชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นคนค้ายานั่น, ใช่ไหมจ๊ะ”

แฮร์รี่พยักหน้า คอตกยอมจำนน

หญิงสาวยิ้มให้เขา “งั้นก็ลองเชื่อใจเขาดูก่อนก็ได้นี่จ๊ะ ข่าวบอกว่าวันอาทิตย์หน้านี้เรือก็จะส่งของมาจากอังกฤษแล้ว กระทรวงเวทมนต์จะดักจับพวกมันที่ท่าเรือ ถึงตอนนั้นเราก็รู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง”

ดวงตาสีเขียวที่เงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวมีแววกระตือรือร้นขึ้น “ถ้าหากว่าจับพวกค้ายาได้ เราก็พิสูจน์ได้ใช่ไหมว่าเดรโกไม่เกี่ยวข้อง” แล้วเขาก็ชะงัก “แต่...รอน...”

“ฉันจะคุยกับรอนเอง” จินนี่ยิ้มเอ็นดูท่าทางของอีกฝ่าย “ตอนนี้เรายังไม่รู้ ก็คงต้องยกประโยชน์ให้ผู้ต้องสงสัยไปก่อนว่าเขาบริสุทธิ์ใช่ไหมจ๊ะ”

แฮร์รี่ค่อยยิ้มออกมาได้ “ขอบใจมากนะ จินนี่” เขากอดเธอหลวม ๆ ซบหน้าลงกับผมสีแดงเหมือนผมของแม่ “ถ้าเธอไม่มาฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว”

จินนี่ลูบผมสีดำยุ่งเหยิงนั้นอย่างเอ็นดูราวกับลูกศีรษะเด็กชาย “ฉันอยากเห็นหน้ามัลฟอยตอนนี้จริง ๆ ทำไมถึงทำให้เธอเชื่อถึงขนาดทะเลาะกับรอนได้”

แฮร์รี่ยิ้มก่อนจะพูดอู้อี้กับบ่าของหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่ามาก

“ฉันก็อยากให้เธอเจอหมอนั่น ไว้จะพามาแนะนำนะ เธอต้องชอบเขามากกว่าเมื่อก่อนแน่ ๆ”

เสียงแกรกเบา ๆ ที่ประตูหน้า เสียงพูดงึมงำของเอลฟ์ดังมา “ก๊อกโกคงกลับมาแล้ว” แฮร์รี่พูด “ก็อกโก มาทำความสะอาดเศษกระจกนี่ที” เขาเรียกมันเสียงก้อง ก่อนจะหันมาถามหญิงสาว “ว่าแต่..เมื่อกี้เธอเข้ามาได้ยังไง”


“เมื่อกี้ฉันมัวแต่ห่วงเธอ เลยต้องใช้เจ้านี่” จินนี่ชูกุญแจสีทองดอกเล็กดอกหนึ่งให้ดู “กุญแจสำรองสำหรับทุกที่ เฟร็ดกับจอร์ชให้ฉันมา เอาติดตัวไว้ไม่คิดว่าจะได้ใช้เหมือนกัน”

แฮร์รี่ส่ายหน้า “ฉันว่ากลับไปฉันต้องไปตรวจร้านเกมกลวิเศษวิสลีย์เสียหน่อยแล้ว ท่าทางจะยึดของผิดกฎหมายได้เพียบ”

เสียงเดินกึกกักมาถึงห้องนั่งเล่น เขาหันไปพูดทั้งที่ยังกอดจินนี่ไว้หลวม ๆ “ไปตลาดนานจริงนะ ก๊อกโ...”

ถ้อยคำขาดหายไปกะทันหันเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่เจ้าเอลฟ์บ้านตัวเดียว

ใบหน้าขาวของเดรโก มัลฟอยซีดเผือดลงเล็กน้อย ผมสีทองชื้นเพราะละอองฝนที่เพิ่งซาไป แต่ดวงตาเรียวสีฟ้ากลับเบิกกว้างตกตะลึงไม่แพ้กันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

แฮร์รี่รีบผละออกจากหญิงสาวในอ้อมแขน “เดรโก...เอ่อ…นี่…”

ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะพูดห้วน ๆ “ฉันเอาหมวกมาคืน” เขายื่นหมวกของแฮร์รี่ให้เจ้าเอลฟ์ที่ยืนอยู่ข้างแล้วรีบเดินผละออกไป “ขอโทษที่มาขัดจังหวะ” เสียงเย็น ๆ ลอยมา พร้อมกับเสียงปิดประตูโครม

แฮร์รี่หายตกตะลึง “เดรโก...เดี๋ยว” เขาลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อคลุมหันมาบอกหญิงสาว “จินนี่ ขอโทษนะ ฉันต้องออกไปก่อน”

“ไปเถอะๆ เร็วเข้า” จินนี่รุนหลังเขาออกไป

ชายหนุ่มทำท่าจะวิ่งตามคนตัวเล็กที่ออกไปแล้ว แต่เขาก็หยุดโผล่หน้ามาที่ประตูห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ยิ้มให้น้องสาวของเพื่อนรัก “จินนี่ ขอบใจมากจริง ๆ สำหรับเรื่องวันนี้” เขาบอกแล้วออกวิ่งไปทันที

จินนี่มองตามร่างสูงที่วิ่งออกไปจากห้องพักโดยไม่เหลียวหลัง เธอยิ้มบาง ๆ

“ขอให้มัลฟอยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เถอะนะแฮร์รี่ บางที...เธอจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกต่อไป”


เมื่อแฮร์รี่วิ่งลงมาถึงชั้นล่าง เดรโกก็หายไปแล้ว เขากำลังคิดว่าจะตามอีกฝ่ายได้ที่ไหน

“บ้านหมอนั่น” แฮร์รี่ตัดสินใจ เขาออกวิ่งไปยังอพาร์ตเมนท์ของมัลฟอยทันที เมื่อมาถึงประตูหน้าห้องชายหนุ่มก็เคาะประตูรัว “เดรโก เปิดหน่อย เฮ้ เมื่อกี้นายเข้าใจผิดนะ”

ประตูเปิดออกแต่ร่างที่ยืนอยู่กลับกลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก

“พินซ์ เดรโกล่ะ” เขาถามทันที

พินซ์ทำหน้าประหลาดใจ “อ้าว ไม่ได้ไปหาแฮร์รี่เหรอ เดรกบอกว่าจะแวะเอาหมวกไปคืนแฮร์รี่ก่อนไปทำงานนี่นา”

“ไม่เป็นไร” แฮร์รี่ขยับจะก้าวกลับ “พินซ์กินข้าวแล้วเข้านอนซะนะ อย่าออกไปข้างนอกคนเดียวล่ะ” เขาหันกลับมาเตือนแล้วออกวิ่งลงบันไดไป

เขาไปตามหาเดรโกที่ร้านซึ่งฝ่ายนั้นทำงานอยู่ แต่ก็ได้รับคำตอบว่าคนที่เขาตามหานั้นโทรมาขอลาหยุดเมื่อกี้นี้เอง “พอจะรู้ไหมครับว่าเขาไปไหน” แฮร์รี่ถามหัวหน้าคนครัว

“ไม่รู้สินะ เฮ้ย พวกเอ็งรู้บ้างรึเปล่า” ประโยคหลังหันไปถามคนครัวที่กำลังเตรียมข้าวของบนโต๊ะ

“ไม่รู้” เสียงห้วน ๆ ตอบมาจากเจ้าโทนี่ที่กำลังมองแฮร์รี่ด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่ชายหนุ่มไม่สน เขาเดินออกมาแล้วตรงไปยังร้านหม้อใบใหญ่รั่ว แต่ก็ได้รับคำตอบเดียวกันจากบ็อบว่าเดรกไม่ได้ไปที่นั่น

หายไปไหนของเขานะ แฮร์รี่คิดพลางชะลอฝีเท้าเดินไปตามทางเดินในเมือง ท้องฟ้าเปิดแล้วหลังจากที่เมฆฝนพัดผ่านไป ชายหนุ่มสั่งเกตเห็นมันเมื่อเขาเดินเข้ามาในสวนสาธารณะใกล้อพาร์ตเมนท์ของเดรโก เขากะว่าจะไปดูที่บ้านหมอนั่นอีกครั้งเผื่อจะกลับมา

“ว่าไงพ่อหนุ่ม” เสียงฟ่อ ๆ ทักดังมาจากด้านข้าง แฮร์รี่หันไปสบตากับดวงตาสีเหลืองกลมที่มองอยู่ เขาเดินเข้ามาในบริเวณสวนสัตว์โดยไม่รู้ตัว

“หวัดดีครับ พัฟเฟต” เขาขยับเปลี่ยนลิ้นเป็นภาษาฮาเซล ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้ากรงเจ้างูเหลือม

“หน้าตาเธอไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่า” เจ้างูเลื้อยเข้ามาใกล้จนเกือบถึงลูกกรงที่กั้นอยู่

แฮร์รี่ทรุดลงนั่งย่อตัว “ก็มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะฮะ” เขาพูดแล้วก็ถอนใจ

“งั้นเหรอๆ” พัฟเฟตพยักหน้าหงึก ๆ ราวกับคนแก่กำลังเตรียมรับฟังปัญหาของลูกหลาน “แม่หนูผมยาวนั้นก็คงมีเรื่องไม่สบายใจเหมือนกันสินะ เพราะเขาทำหน้าเหมือนเธอเปี๊ยบเลย”

แฮร์รี่เงยหน้าขึ้น “เขามาที่นี่เหรอครับ”

“ช่าย” เจ้างูตอบรับ “แม่หนูนั่นมานั่งอยู่หน้ากรงฉัน ตรงที่เธอนั่งอยู่นี่เลย แล้วก็ทำหน้าแปลก ๆ เดี๋ยวก็หน้าบึ้งเหมือนโกรธใครก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ทำท่าคิดจนคิ้วผูกโบได้แน่ะ แล้วยังทำตาเศร้า ๆ พิกลก่อนจะลุกออกไปด้วยนะ”

ดวงตาของแฮร์รี่วูบลง “งั้นเหรอฮะ” เขาถอนใจ “ผมเองแหละที่ทำให้เขาโกรธ”

“อ้าว ทำไมไม่ตามไปขอโทษเขาซะละ แม่หนูเพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้ก่อนเธอมานิดเดียวเอง”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที “เขาเพิ่งออกไป, จริงเหรอครับ ไปทางไหน” เขาลุกขึ้นยืนแทบจะเข้าไปเกาะกรงถาม

“เดินไปทางริมแม่น้ำโน่นแน่ะ” เสียงแหบ ๆ ตอบพลางหันศีรษะไปทางซ้ายมือ

“ขอบคุณมากครับ” แฮร์รี่ยิ้มแล้วรีบวิ่งออกไป

“ทำให้แม่หนูเขาหายโกรธให้ได้นะพ่อหนุ่ม” เจ้างูส่งเสียงไล่หลังมา

แฮร์รี่วิ่งมาจนถึงทางเดินเรียบริมแม่น้ำ พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง แล้วเขาก็เห็นแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังเดินเอื่อย ๆ เอามือล้วงกระเป๋า ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหา

“เดรโก” เขาเรียก

ศีรษะที่มีผมสีทองหันขวับมา เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเป็นใคร เจ้าตัวก็หันกลับพร้อมกับออกเดินลิ่ว ๆ หนี

แฮร์รี่ซึ่งขายาวกว่าก้าวตามร่างบางนั้นทัน “เดรโก เดี๋ยวก่อน” เขาดึงแขนอีกฝ่าย

คนตัวเล็กสะบัดแขนออกไม่ยอมมองหน้า “อย่ามายุ่งกับฉัน”

“เมื่อกี้นายเข้าใจผิดนะ” แฮร์รี่ไม่ยอมปล่อยมือ เขาจับแขนเรียวนั้นไว้แน่น “ฉัน กับจินนี่ไม่ได้...”

ใบหน้านวลเรียวเงยขึ้นทันที ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์ “ไม่เกี่ยวกับฉันนี่พอตเตอร์ นายกับยัยวิสลีย์นั่นจะทำอะไรมันก็เรื่องของพวกนาย” เขาว่าพลางพยายามดึงแขนออกจากมือของอีกฝ่าย “ปล่อยเดี๋ยวนี้” เสียงเริ่มดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“ไม่ปล่อย” แฮร์รี่พูดเสียงดังไม่แพ้กัน “นายกำลังเข้าใจผิดและฉันต้องอธิบาย”

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด”

“งั้นนายโกรธทำไมล่ะ”

คราวนี้เสียงที่ตอบกลับเกือบจะตวาด “ฉันไม่ได้โกรธเว้ย” ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะแรงโมโหหรืออะไรก็ไม่รู้

“ถ้าไม่โกรธนายก็อย่าหนีแล้วก็ฟัง” ชายหนุ่มจับบ่าคนตัวเล็กกว่าไว้ให้หันมาเผชิญหน้า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับจินนี่ เมื่อกี้เธอแค่ปลอบใจฉันเท่านั้น” เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้า “แล้วฉันก็ไม่อยากแย่งภรรยาใครด้วย”

ใบหน้าซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวชะงักเล็กน้อย “ภรรยา?” คำถามงุนงง

แฮร์รี่ยิ้ม “แล้วก็ว่าที่คุณแม่ด้วยนะ จินนี่เขาแต่งงานกับคุณหอประจำกระทรวงเวทมนต์นิวยอร์กมาตั้งเกือบปีแล้ว”

ดูเหมือนคนตรงหน้าเขาจะสงบขึ้น แต่ทิฐิก็ทำให้เจ้าตัวสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุมพร้อมกับหันหลังให้ พลางพูดเสียงห้วน “แล้วนายมาบอกฉันทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันสักหน่อย”

แฮร์รี่มองคนปากแข็งที่ยืนเกาะรั้วกั้นแม่น้ำ “อ้าว ก็เห็นนายเข้าใจผิดนี่ แล้ว...นายจะหายโกรธฉันรึยัง”

“ฉันไม่ได้โกรธ” เสียงพูดสะบัดนั้นบอกว่าประโยคที่ออกมาไม่จริงเลย

“อืม” แฮร์รี่พยักหน้า “ไม่ได้โกรธงั้นก็หันมาหน่อยสิ กลับบ้านนายกันดีกว่า”

“ไม่” คนตัวเล็กปฏิเสธชัดเจน “ฉันกลับของฉันเองได้ นายไปซะ”

แฮร์รี่ถอนใจก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขี้งอนขึ้นพาดบ่าพาเดินออกมาดื้อ ๆ

“เฮ้ย นายทำอะไรของนายน่ะ!” คนถูกอุ้มโวยวายแล้วก็พยายามดิ้น แต่คนตัวใหญ่กว่าจับขาไว้แน่น “ก็พานายกลับบ้านไง”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันกลับเองได้ ปล่อยนะเว้ยพอตเตอร์” มือเล็กพยายามจะชกแต่เมื่อถูกพาดไว้แบบนั้นจึงทำได้เพียงทุบหลังคนอุ้มดังพลั่ก

“โอ้ย อย่าทุบสิ” แฮร์รี่อุทาน “เดี๋ยวฉันเผลอปล่อยนายตกลงมาไม่รู้นะ” เขาว่าแล้วก็แกล้งปล่อยมือส่งผลให้ร่างบางทำท่าจะร่วงหลุดลงมาจนต้องเกาะคออีกฝ่ายไว้แน่น “เฮ้ย แก ไอ้บ้าพอตเตอร์” เสียงโวยวายดังขึ้นจนคนที่เดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะพากันหันมามอง

“เราแค่งอนกันน่ะครับ” แฮร์รี่บอกเสียงดัง “ผมกำลังง้อเขาอยู่” คนที่มองก็เลยพากันแอบยิ้มเป็นแถว ๆ

เดรโกหน้าแดงก่ำแต่ก็พูดเสียงเบาลง “คนมองแล้ว นายปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

แฮร์รี่จ้องหน้าคนพูด “งั้นนายบอกก่อนสิว่านายไม่โกรธฉันแล้ว”

ดวงตาสีฟ้ายังหงุดหงิดแต่ความอายมีมากกว่าเจ้าตัวเลยฝืนพูด

“โอเค ฉันไม่โกรธนายแล้ว พอตเตอร์ ปล่อยฉันลง”

ชายหนุ่มแอบยิ้มก่อนจะกอดร่างบางในอ้อมแขนไว้แน่น “ไม่ปล่อย...”

“อะไรของนายอีกฮะ พอตเตอร์” เสียงคนถูกกอดโวยวาย

ดวงตาสีเขียวส่อแววสนุกเมื่อได้แกล้ง “จนกว่านายจะเรียกฉันว่า แฮร์รี่”

ใบหน้าสวยงอง้ำ “เรื่องอะไรฉันต้องเรียกชื่อนาย พอตเตอร์”

“งั้น” แฮร์รี่ทำท่าจะยื่นหน้าเข้าไปหาแก้มใสของอีกฝ่าย

“เฮ้ย อย่านะ” คนหน้างอพยายามหลบหลีกพลางทำหน้าเหยเก

“จะเรียกรึเปล่า” สีหน้าคนถือไพ่เหนือกว่าคาดคั้นกลาย ๆ

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาแผ่ว “ก็ได้ แฮร์รี่ เรียกแล้ว ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

ชายหนุ่มยอมปล่อยอีกฝ่ายโดยดี เมื่อลงถึงพื้นกำปั้นเล็ก ๆ ก็สวนเข้าที่ท้องคนชอบแกล้งอย่างจัง

แฮร์รี่จุกจนเอามือกุมท้อง “เดรโก หมัดนายหนักนะเนี่ย”

ใบหน้าคนชกแดงก่ำยังฉุนไม่หาย “แค่นี้ยังน้อยไป ‘แฮร์รี่’ ” เขาพูดแล้วหันกลับเดินลิ่วไปตามทางเดิน

แฮร์รี่มองตามหลังอีกฝ่ายแล้วยิ้ม “เดรโก” เขาเรียกพลางเดินตาม “ฉันกินข้าวบ้านนายนะ”

“เรื่องอะไร”

“น่า หิวข้าวจะแย่แล้ว”

“ไม่เอา”

ทั้งสองเดินเคียงกันไป แฮร์รี่ได้แต่หวังในใจว่า วันอาทิตย์หน้าผลการลอบจับคงจะไม่มีคนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย





Create Date : 02 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:29:08 น.
Counter : 906 Pageviews.

5 comment
Chapter 8
ตอนที่ 8

เดรโกทรุดนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบาย ๆไร้ความประหม่าราวกับอยู่ในบ้านของตนเอง เจ้าของบ้านที่เดินตามมาเสียอีกที่หน้าเสียเพราะเจ้าเอลฟ์ตัวดีทำเหตุเมื่อครู่ เขานั่งลงตรงข้าม

“บ้านนายสวยดีนี่” ดวงตาสีฟ้ามองพิจารณาผ่าน ๆ สีหน้ายังคงเรียบเฉยเดาอารมณ์ไม่ออก

“บ้านของซีเรียสน่ะ” คนตัวโตกว่าพูดอุบอิบ “เอ่อ....เมื่อกี้ที่ก็อกโกพูด....คือ มันเข้าใจผิดนะ...เอ่อ” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่าก็เลยพยายามแก้ตัวไว้ก่อน

พินซ์นั่งจิบน้ำส้มคั้นเย็นเจี๊ยบที่ก็อกโกเอามาเสิร์ฟให้เด็กหญิงอยู่บนพรมนุ่มพลางเล่นกับลูกสนิชจำลองสำหรับฝึกมือของแฮร์รี่

“กาแฟขอรับ” ก็อกโกเอากากระเบื้องใบย่อมพร้อมแก้วสองใบมาวางบนโต๊ะหน้าระรื่นไม่รู้สึกสักนิดว่าทำให้ ‘นายท่าน’ ของมันเดือดร้อน “จะรับอะไรอีกไหมขอรับ นายท่าน นายผู้...”

“เฮ้ย” แขนยาวของแฮร์รี่เคยคว้าลูกสนิชได้ไวเท่าใด เขาก็เอื้อมไปปิดปากเจ้าเอลฟ์บ้านได้ไวเท่านั้น “หยุดเลย ก็อกโก ไปนอนซะ พวกฉันไม่เอาอะไรแล้ว”

เมื่อก็อกโกคล้อยหลังไปแล้วเขาก็หันกลับมายังคนที่นั่งตรงข้ามที่กอดอกมองนิ่งอยู่ “เดรโก...นาย ไม่โกรธใช่ไหม” ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบ เสียงพึ่บพั่บก็ดังขึ้นที่หน้าต่าง นกฮูกขนาดกลางสีน้ำตาลเข้มบินเข้ามาทิ้งจดหมายลงบนตักของแฮร์รี่ เขาเหลือบมองเดรโกซึ่งลุกเดินไปหาพินซ์แล้ว ชายหนุ่มจึงเปิดจดหมายออกอ่าน

“เรียนคุณ ฮ.พอตเตอร์ เนื่องด้วยสมาคมควิชดิชอเมริกันจะจัดการแข่งขันควิชดิชการกุศลนัดพิเศษระหว่างทีมชาติอเมริกันกับทีมชาติบัลกาเรียในวันที่....เอ๋ วันพรุ่งนี้นี่นา...” แฮร์รี่อุทาน

“และทางสมาคมทราบว่าท่านมาเยือนนิวยอร์กอย่างไม่เป็นทางการ จึงขอเรียนเชิญท่านเป็นแขกพิเศษสำหรับการแข่งขันนัดนี้โดยได้แนบตั๋วที่นั่งชั้นพิเศษมาด้วยแล้ว...” เขาปิดจดหมายเมื่อเดรโกเดินจูงมือพินซ์ซึ่งเริ่มงัวเงียอีกครั้งเข้ามา

“ฉันจะพาพินซ์กลับล่ะ” คนร่างบางบอกเรียบ ๆ

“เดี๋ยวฉันไปส่งนะ” แฮร์รี่บอก พลางดึงเอาตั๋วควิชดิชออกมาจากซอง “เออ เดรโก สมาคมควิชดิชอเมริกันเค้าส่งตั๋วรอบพิเศษมาให้ฉัน พรุ่งนี้เราพาพินซ์ไปดูด้วยกันไหม”

พินซ์กระตุกมือผู้ปกครองตาวาวขึ้นมาทันที “เดรก ควิชดิชที่เล่นกันบนไม้กวาดอย่างที่เดรกเคยเล่าน่ะเหรอ”

“ใช่แล้วล่ะพินซ์” แฮร์รี่ชิงตอบ “สนุกมากๆเลยด้วย” เขาพยายามชักจูงเด็กหญิงเพราะรู้ว่าผู้ปกครองของเธอจะใจอ่อนถ้าเจอคำขอของเด็กน้อย การชักจูงของเขาได้ผลเสียด้วย “พาหนูไปดูได้มั้ย เดรก นะ นะ”

“ไม่เอาน่าพินซ์ วันนี้เธอก็ไปเที่ยวสวนสนุกมาแล้วไง” เดรโกทำหน้าเซ็งเมื่อเจอลูกอ้อน

“มันไม่เหมือนกันนี่ แล้วพรุ่งนี้เดรกก็ว่าง” เด็กหญิงจำตารางงานของผู้ปกครองได้แม่นคงเพราะรู้ว่าวันไหนจะต้องอยู่บ้านคนเดียว

“ทีมชาติอเมริกันเจอกับทีมบัลกาเรียนะเดรโก วิกเตอร์ ครัมลงเป็นนัดสุดท้าย” แฮร์รี่พยายามโฆษณา แต่อีกฝ่ายหันมามองตาเขียว “ไม่ต้องมาชวน”

“ไปเถอะน่า” แฮร์รี่พยายามต่อ

“นะ เดรกนะ” พินซ์ร่วมมือกับเขาเต็มที่

“ดูอารมณ์ก่อน” เดรโกตัดบทหน้าบึ้งแล้วดึงพินซ์เดินออกไป แฮร์รี่ยิ้ม ถ้าลงหมอนี่ไม่ปฏิเสธก็แปลว่าตอบรับนั่นแหละ เขารีบเดินตามออก “เดรโก เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”

สายวันต่อมา ทั้งสามจึงนั่งตากแดดยามสายอยู่ในที่นั่งชั้นพิเศษแบ่งเป็นโซนส่วนตัวในสนามควิชดิชนอกเมืองนิวยอร์ก ที่นั่งชั้นล่างลงไปผู้คนอัดแน่นยัดเยียด ท่าทางควันหลงของควิชดิชเวิร์ลคัพยังคงลอยวนอยู่แน่ ๆ พิธีเปิดการแข่งขันแม้ว่าจะใหญ่โตมากแต่ก็เต็มไปด้วยสีสันตระกาลตาจากทีมบัลแกเรียไม่ผิดจากที่แฮร์รี่เคยดูตอนเขาอยู่ปีสี่ พินซ์ตื่นเต้นจนตาโตเมื่อเห็นพวกวีล่าตัวน้อย ๆ ร่ายระบำพริ้วไหว

“ดูสิๆ เดรก สวยจังเลย” เด็กหญิงชี้ให้เดรโกซึ่งกำลังทำหน้าเซ็งจัดกับพิธีเปิด

แฮร์รี่ซึ่งนั่งอยู่อีกด้านของเด็กหญิงถามขึ้นพลางเหลือบมองร่างบางที่นั่งกอดอกนิ่ง“สวยเท่าเดรกไหม พินซ์”

ศีรษะที่มีผมสีทองหันขวับมาทันที ดวงตาหรี่ลงบอกอารมณ์ว่าชักหงุดหงิดที่โดนแหย่

พินซ์ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยิ้มหวานเกาะแขนผู้ปกครองอย่างอ้อน ๆ “เดรกสวยกว่าตั้งเยอะ”

แฮร์รี่อมยิ้มไม่กลัวคนหน้าบึ้งที่ทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขา “นั่นสิ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เขาหันกลับไปพิงพนักเก้าอี้อย่างอารมณ์ดีปล่อยให้อีกฝ่ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปคนเดียว

จนเมื่อพิธีเปิดจบลง ผู้เล่นทั้งสองทีมลงสนาม แล้วเกมเริ่มนั่นแหละเดรโกค่อยสีหน้าตื่นเต้นขึ้น เป็นการแข่งที่สนุกทีเดียวเพราะทั้งสองทีมตั้งใจจะไม่ออมมือให้กันแม้ว่าจะเป็นการแข่งการกุศล ดูเหมือนวิกเตอร์ ครัมซึ่งลงเล่นเป็นนัดสุดท้ายก็อยากจะแก้มือหลังจากที่แพ้มทีมอังกฤษของแฮร์รี่ เขาบินฉวัดเฉวียนหลบซีกเกอร์ของอเมริกาที่คอยตามติดแย่งลูกสนิช เกมดำเนินไปเรื่อยๆเมื่อแดดเริ่มกล้าขึ้น

“ร้อนจัง” พินซ์งึมงำ เดรโกใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้เด็กหญิง “เธอลืมเอาหมวกมาใช่ไหม ฉันเตือนแล้วแท้ๆ” เขาบ่นแล้วดึงหมวกของตัวเองสวมให้เด็กในปกครอง ใบหน้านวลเองก็ถูกแดดจนกลายแก้มเป็นอมสีชมพูหน่อย ๆ แล้วเช่นกัน แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง

“ร้อนไหม เดรโก”

อีกฝ่ายซึ่งหันไปสนใจเกมในสนามตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ช่างเหอะน่า” ตาของมองตามร่างของซีกเกอร์ทั้งสองที่บินไปทางนั้นทางนี้ดูท่าทางเหมือนอยากลงไปเล่นเอง แฮร์รี่ถอนใจยิ้มเอ็นดูก่อนจะถอดหมวกของเขาไปสวมบนศีรษะที่มีผมสีทองนั้น คราวนี้ไม่มีเสียงประท้วงจากคนตัวเล็กที่กำลังสนุกเลยแม้แต่คำเดียว

การแข่งขันจบลงตอนเที่ยงพอดี ผลเป็นดังที่แฮร์รี่คาด วิกเตอร์ ครัมคว้าลูกสนิชได้และจบเกมส์อย่างไม่ยากเย็นนัก ฝูงชนเทออกมาจากสนาม ทั้งสามรอให้คนบางตาก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เดินจูงมือกัน (พินซ์อยู่กลาง) ออกมา แฮร์รี่เหลือบเห็นสีหน้าสนุกถูกใจของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ

“เดรโก” เขาถามยิ้ม ๆ

“หือ” อีกฝ่ายหันมา ริมฝีปากบางหยักยิ้มบาง ๆ เช่นกัน

“สนุกไหม”

“อือ”

“งั้นไว้วันหลังเราไปซ้อมควิชดิชด้วยกันบ้างดีไหม” เขาชวน ไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเองก็เคยเป็นซีกเกอร์ของบ้าน

ดวงตาสีฟ้าจ้องอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มกวน ๆ ทำให้ใบหน้านวลดูสดใสกว่าปกติ“นายแน่ใจเรอะ เดี๋ยวเกิดฉันชนะขึ้นมาจะขายหน้าซีกเกอร์ทีมชาติอังกฤษนะ”

แฮร์รี่ยิ้มแต่ไม่ยอมตอบตามใจคิด ถ้าฉันแพ้แล้วทำให้นายยิ้มแบบนี้บ่อย ๆ ละก็ จะยอมแพ้ทุกวันก็ยังได้

ความชุ่มชื่นในจิตใจแสดงออกมาบนใบหน้าของแฮร์รี่อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะแยกจากเดรโกและพินซ์กลับมาถึงบ้านของซีเรียส ชายหนุ่มฮัมเพลงอย่างสบายใจ ขณะไขประตูบ้านเข้าไป เขาแปลกใจนิดหน่อยที่ก็อกโกไม่ยักรอเปิดประตูให้ ทีเมื่อคืนละรีบมาบริการทำให้เราเดือดร้อน

“ก็อกโก ฉันกลับมาแล้ว ขอน้ำฟักทองเย็นๆ สักแก้วสิ คอแห้งชะมัด” เขาร้องเรียกตั้งแต่ประตูหน้าบ้าน

เงียบ เจ้าเอลฟ์ยังไม่ปรากฏตัว

“ก็อกโก” แฮร์รี่เรียกอีกครั้ง เขาขมวดคิ้ว มีบางอย่างผิดปกติ

ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าลง มือล้วงหยิบไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเตรียมพร้อม เขาเดินค่อย ๆ เข้าไปในห้องรับแขก หน้าต่างเปิดอยู่ ม่านปลิวไสว แต่ข้าวของทุกอย่างในห้องอยู่ในที่ของมัน ไม่มีร่องรอยของผู้บุกรุก และ ไม่มีวี่แววของเจ้าเอลฟ์บ้านเช่นกัน แฮร์รี่ยืดตัวขึ้นยืนตรง

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นด้านหลังชายหนุ่ม พร้อมกับเงาร่างที่พุ่งเข้าใส่เขา แฮร์รี่ตวัดไม้กายสิทธิ์ชี้ไปตรงหน้า แต่ผู้โจมตีก็ไวไม่ใช่เล่น เขาปัดปลายไม้กายสิทธิ์เบนออกได้ฉับพลันด้วยแรงหนักจนแฮร์รี่เซถลา พร้อมกับที่ไม้กายสิทธิ์ของตนชี้ไปที่ชายหนุ่มในระยะประชิด แฮร์รี่กลับตัวทันควันตวัดสันเท้าเตะข้อมือของร่างนั้นจนไม้กายสิทธิ์กระเด็นออกจากมือ

“เฮ้ย ใจเย็นๆ ยอมแล้ว”

เสียงจากร่างที่เพิ่งถูกเตะไปหมาดๆ ร้องขึ้นก่อนจะถอดหมวกที่ปิดหน้าออก แฮร์รี่ร้องอุทานอย่างประหลาดใจปนฉุน

“รอน นายเล่นบ้าอะไรของนายวะเนี่ย”

ชายหนุ่มผมสีเพลิงร่างสูงโย่งที่ยืดตัวขึ้นนั้นยิ้มอารมณ์ดี “ก็แค่อยากทดสอบดูว่าเซนต์นายยังดีอยู่รึเปล่าเท่านั้นน่า แต่เมื่อกี้เตะแรงนะเว้ย เอาจริงเลยเรอะ” เขาลูบข้อมือตัวเองป้อย ๆ

“ไม่ต้องมาสำออยเลย” เสียงแฮร์รี่ยังไม่วายฉุน “แอบเข้ามาในบ้านคนอื่น แถมทำท่าจะทำร้ายเจ้าของบ้าน จะให้ฉันคิดว่าเป็นคนดีเรอะ” เขาถอดเสื้อคลุมออก แล้วเดินไปปิดหน้าต่างกระจกเพราะลมด้านนอกเริ่มกรรโชกแรง

“เมื่อกี้แดดดี ๆ อยู่ ฝนจะตกอีกแล้ว” รอนบ่น เขาถอดชุดชุดเสื้อคลุมพ่อมดเต็มยศราวกับว่าเพิ่งออกมาจากกระทรวงเวทมนต์อังกฤษออกแขวนแล้วเอนตัวนอนบนโซฟา“ดีนะฉันไม่ต้องมาทำงานที่นี่”

“บ่นไปเถอะ” แฮร์รี่ว่าพลางเดินไปชงชา “เอิลร์เกรย์ใช่ไหม” เขาถามทั้งที่จัดการชงชาเรียบร้อย

“รู้ใจไปซะทุกอย่างเลยน๊า” รอนแกล้งทำหน้าซาบซึ้งแต่ก็เอื้อมไปรับชาโดยดี “ฉันน่าจะขอนายแต่งงานมากกว่าขอเฮอร์ไมโอนี่ว่ะ รายนั้นนะตอนนี้บังคับให้ฉันกินแต่ชาเขียว กำลังคลั่งเรื่องวัฒนธรรมแม่มดตะวันออกอยู่”

“เขาก็สมเป็นเขาแหละน่า” แฮร์รี่ทรุดนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ที่เดียวกับที่เดรโกนั่งเมื่อคืนนั่นเอง “ก็อกโกไปไหน ทำไมยอมให้นายเข้ามาในบ้านได้ ตอนฉันมาที่นี่ครั้งแรกกว่ามันจะยอมรับว่าฉันรับมรดกบ้านหลังนี้จากซีเรียสยังอ่านพินัยกรรมอยู่ตั้งนานสองนาน”

“มันไปตลาด” รอนไม่ตอบคำถามที่สอง เขากลับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้ แฮร์รีรับไปเปิดอ่านแล้วก็ต้องอุทาน “เฮ้ย”

เพราะข้อความบนจดหมายฉบับนั้นเป็นลายมือเขา

ข้าพเจ้านายฮ. พอตเตอร์ ของรับรองว่านาย ร.วิสลีย์ซึ่งเป็นสหายของข้าพเจ้า มีสิทธิ์ในอหังสาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ของข้าพเจ้าทุกชิ้น และสามารถใช้สิ่งเหล่านั้นได้เทียบเท่ากับเจ้าของคือข้าพเจ้าเอง ลงชื่อ ฮ.พอตเตอร์

แฮร์รี่เพ่งมองชัดๆ ลายมือของเขาเองแน่ ๆ แต่เขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้เขียนมัน ชายหนุ่มเงยหน้ามองเพื่อนซี้ที่หลิ่วตาให้ “ขอเล่นใหม่ของเฟร็ดกับจอร์จ เครื่องเปลี่ยนข้อความ แค่มีลายมือเจ้าของเราก็สามารถสลับเปลี่ยนข้อความได้ตามใจ แต่อันนี้ไม่มีขายนะ”

“นายกับพี่ๆนายนี่น่าถูกจับเข้าอัซคาบันฐานเป็นอันตรายต่อความมั่นคงเสียจริง” แฮร์รี่บ่นพลางส่ายหน้า ถ้าพวกทำผิดกฏหมายเอาอุปกรณ์นี้ไปใช้อะไรจะเกิดขึ้นนะ “แล้วจะมาทำไมไม่ส่งจดหมายมาบอก ทำแอบๆเป็นโจรไปได้”

“เอาน่า” รอนผุดลุกขึ้นนั่ง “ถ้าไม่แอบมาจะได้เจอคนสวยของนายเหรอ”

“หา อะไรนะ” แฮร์รี่อ้าปากค้าง “คนสวยอะไร ใคร”

รอนยิ้มเป็นต่อ “อย่ามาปากแข็งน่า แฮร์รี่” เขาเอื้อมแขนยาวมาขยี้ผมสีดำยุ่ง ๆ ของชายหนุ่มอย่างเอ็นดู “เจ้ากะล่อนเอ๊ย เราก็สงสัยว่าทำไมนายกระตือรือร้นจะขอมาทำงานที่นี่คนเดียว ที่แท้ก็มีสาวแอบไว้ ไหนล่ะ ไม่พากลับมาบ้านด้วยเหรอ” เขามองไปรอบ ๆ ราวกับพยายามจะค้นหา ‘สาว’ ผู้เป็นเป้าหมาย

แฮร์รี่ยังไม่หายงง “เดี๋ยวๆรอน” เขายกมือทำท่าขอเวลานอก “ฉันยังไม่เข้าใจ สาวอะไรของนาย”

รอนขมวดคิ้วทั้งที่ยังยิ้มกวน “อย่ามาปากแข็งน่าไอ้หนู นายควงใครไปดูแข่งควิชดิชวันนี้ล่ะฮ๊ะ”

“เฮ้ นายรู้ได้ยังไง”

หนังสือพิมพ์เดลลี่ พร้อพเพ็ตฉบับบ่ายของวันนี้ถูกยื่นตามมา แฮร์รี่เปิดหน้าข่าวกีฬาแล้วก็ต้องตะลึง ช่องคอลัมน์เก็บตกขอบสนามที่มุมล่าง ภาพเขาเอี้ยวตัวไปสวมหมวกให้คนตัวเล็กผมยาวที่นั่งดูควิดดิชด้วยกันวันนี้ ด้านล่างภาพเขียนว่า ซีกเกอร์เจ้าเสน่ห์ของทีมชาติอังกฤษทำสาว ๆ น้ำตาตกเสียแล้ว สาวปริศนาจากนิวยอร์กคนนี้ใครจ๊ะแฮร์รี่

ภาพนั้นซูมเห็นใบหน้าชัดเจนจนไม่ต้องปฏิเสธว่านั่นไม่ใช่เขา แถมตัวชายหนุ่มที่เบี่ยงอยู่นั้นก็บังพินซ์ที่นั่งอยู่ตรงกลางมิดพอดี มันจึงราวกับว่าเขา ‘ควงสาว’ ไปดูควิชดิชกันสองคนจริง ๆ ยังดีที่ปีกหมวกบังใบหน้าของเดรโกไว้

“ช่างภาพของเดลี่พร็อพเพ็ตมาพักร้อนที่บ้านว่าที่แม่ยายน่ะ โชคร้ายหน่อยนะเพื่อน” รอนตบบ่าอีกฝ่ายดังปั๊บๆ “ว่าแต่นายนี่ปิดเงียบเลยนะ สาวน้อยคนนี้ใครวะ” เพื่อนซี้เหลือบมองข้างไหล่เขาพยายามเพ่งมองภาพนั้น

แฮร์รี่โล่งใจขึ้นเมื่อเพื่อนซี้อยู่ด้วย รอนอาจจะช่วยเราหาคำตอบเรื่องเดรโกได้ก็ได้ ชายหนุ่มคิดก่อนจะพูดเบา ๆ “รอน นายตั้งใจฟังหน่อยแล้วกันนะ มันอาจจะน่าตกใจหน่อยแต่ว่า ‘สาวน้อย’ คนนี้คือ...”

ใบหน้ารื่นเริงของรอนค่อย ๆ นิ่งลง ๆ เขานั่งฟังแฮร์รี่เล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่เขาพบกับเดรโก มัลฟอยอีกครั้ง เรื่องพินซ์ คำสาปที่มอทโกเมอรี่สันนิษฐาน รวมไปถึงหลอดของเหลวที่เขาพบในบ้านของฝ่ายนั้น เว้นตอนที่ชายหนุ่มคิดว่าไม่เกี่ยวกับประเด็น (เช่นตอนที่เขานอนค้างที่บ้านเดรโก) พอเขาเล่าจบใบหน้าของรอนก็กลายเป็นเคร่งขรึม

“แล้วนายจะทำยังไง” เขาถามเสียงเรียบ ๆ

แฮร์รี่ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าอาจจะมีการเข้าใจผิด หมอนั่นไม่น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกแก็งค้ายา”

รอนเอ่ยขัด “ฉันไม่คิดว่าเราจะไว้ใจหมอนั่นได้” เขายกมือกอดอกครุ่นคิด “นายอย่าลืมว่าพ่อของหมอนั่นอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของผู้เสพความตาย อำนาจของลูเซียส มัลฟอยต้องถ่ายทอดมาถึงลูกชายคนเดียวของเขาแน่นอน”

“รอน นายไม่เห็นสภาพหมอนั่นอย่างที่ฉันเห็นนะ”

“นายจะรู้ได้ยังไงว่าหมอนั่นไม่ได้กำลังหลอกให้นายติดกับ นายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของมัลฟอยมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว” รอนเริ่มเสียงแข็ง

“เดรโกไม่ทำอย่างงั้นหรอกน่า” เสียงแฮร์รี่ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว

รอนหรี่ตา “ถึงกับเรียกกันว่า ‘เดรโก’ เชียวเหรอ”

“เอ่อ” อาการตะกุกตะกักของแฮร์รี่ทำให้รอนยิ่งหน้าเครียดขึ้น

“แฮร์รี่ ฉันไม่คิดว่านายควรสืบคดีนี้ต่อแล้ว”

“รอน...” แฮร์รี่อุทาน

“นายกำลังโดนเจ้าซีดนั่นหลอก หลอดยาก็เป็นหลักฐานพอ”

“รอน เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่ายานั่นเป็นเนคตาร์…”

“หยุดเสียที แฮร์รี่” รอนตะโกน ชายหนุ่มนิ่งขึง “นายแน่ใจ นายเองก็คิดว่านั่นคือเนคตาร์ แต่นายพยายามปกป้องเจ้านั่น นายปกป้องทายาทอันดับหนึ่งของผู้เสพความตาย ศัตรูของนายเอง”

แฮร์รี่นิ่งอึ้ง เขากัดริมฝีปากแต่จนที่จะหาคำพูดแก้ตัว รอนเองก็เงียบไป เขาเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดอยู่มาสวม พูดด้วยเสียงเบาลง “ฉันแอบแว่บมาจากกระทรวง เดี๋ยวต้องกลับแล้ว” เขาเอ่ยต่อหน้าขรึม

สายตารอนเต็มไปด้วยความห่วงใย “เชื่อฉัน แฮร์รี่ หมอนั่นไม่มีทางกลับเป็นคนดีได้ ถอนตัวจากงานนี้หรือไม่ก็จับมันซะ” มือของผู้เป็นเพื่อนตบเบา ๆ ที่บ่าของแฮร์รี่ซึ่งยังคงยืนนิ่งสีหน้าเครียด

รอนเดินออกไปที่ประตู “กุญแจนำทางอยู่ที่รางระบายน้ำชั้นล่าง ฉันหวังว่าจะเจอนายที่ที่ประชุมฝ่ายสอบสวนวันจันทร์หน้า”เขาออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง ทิ้งให้ผู้เป็นเพื่อนยืนอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียว

แฮร์รี่กำหมัดแน่น กัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าของเขาตึงเครียด

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดกระแทกประตูตู้กระจกที่อยู่ข้างๆ จนมันแตกกระจาย

เพล้ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เขายังคงกระแทกหมัดใส่ประตู ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจมือที่โดนกระจกบาดจนเลือดหยดลงบนพรมบอกดวงๆ

เขาไม่ได้โกรธรอน เพราะส่วนหนึ่งในความคิดตนเอง เขารู้ว่ารอนพูดถูก เพียงแต่...

รอยยิ้มกวนๆ บนใบหน้าขาวนวลลอยมาพร้อมคำพูด “เดี๋ยวเกิดฉันชนะขึ้นมาจะขายหน้าซีกเกอร์ทีมชาติอังกฤษนะ”

...เพียงแต่เขาไม่อยากที่จะยอมรับมันเท่านั้น



Create Date : 02 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:28:33 น.
Counter : 684 Pageviews.

3 comment
Chapter 7
ตอนที่ 7

เมื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์กลับมาถึงห้องพักในโรงแรมตอนสายวันนั้น ข้อความในเครื่องตอบรับโทรศัพท์ก็รออยู่แล้ว เสียงแจ้ว ๆ ของจินนี่ดังมา

“ว่าไงจ๊ะ พ่อนกฮูกราตรี” เสียงมีแววหมันไส้หน่อย ๆ “หายไปไหนทั้งคืนเลยเนี่ย ฉันอุตส่าห์โทรมาชวนไปกินข้าวที่บ้านเมื่อเย็นวาน เธอก็ไม่อยู่ โทรมาตอนเช้าก็ยังไม่กลับอีก แอบไปเที่ยวที่ไหน...” จินนี่เริ่มบ่นเหมือนคุณนายวิสลีย์แล้ว หรือนี่จะเป็นนิสัยปกติของคนเป็นแม่กันนะ

“คุณมอทโกเมอรี่เรียกพบบ่ายนี้นะจ๊ะแฮร์รี่” เสียงหญิงสาวเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย “อาจจะมีข่าวบางอย่างเกี่ยวกับ ‘สิ่งที่เธอก็รู้ว่าอะไร’ นะ” นั่นเป็นรหัสที่พวกเขาใช้เรียกแทนเนคตาร์ แฮร์รี่ขยับจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงจินนี่ยังดังมา

“อือ ถ้าจะติดต่อฉันล่ะก็ อย่าโทรมาที่บ้านนะจ๊ะ วันนี้ฉันไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้เธอไม่มีนกฮูกนี่เนอะ, แวะไปหาทอมที่กระทรวงฝากเขาไว้ก็ได้ แล้วเจอกันจ้ะแฮร์รี่”

เสียงขาดหายไป แฮร์รี่ล้วงเอาหลอดแก้วออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ชายหนุ่มคิดว่าเขารู้ว่าแล้วจะเอาเจ้านี่ไปให้ใครตรวจสอบ

บ่ายวันนั้นแฮร์รี่ไปพบมอทโกเมอรี่ รายงานข่าวที่ได้มาเมื่อวานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทั้งหมด (ยกเว้นเรื่องหลอดยาที่เขาเจอในบ้านเดรโก) ทางกระทรวงเองก็ได้รับข่าวกรองแบบเดียวกันว่า ของที่จะมาจากอังกฤษจะถูกส่งมาในสัปดาห์หน้า ข่าวของแฮร์รี่จึงเหมือนกับการย้ำความแน่ใจของทุกฝ่าย

“รอฟังข่าวจากเจ้าโรนีย์นั่นไว้ก็แล้วกันนะแฮร์รี่” มอทโกเมอรี่พูด เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือประสานไว้บนตักสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าปกติ “แล้วก็...จับตาดูนายเดรโก มัลฟอยด้วย”

“อะไรนะครับ!” แฮร์รี่อุทานแปลกใจ

ดวงตาสีดำคล้ายกับดวงตาของซีเรียสมองดูเขาด้วยสายตากังวล “ฝ่ายปราบปรามที่อังกฤษจับเด็กส่งยาได้คนนึง แต่มันกินยาฆ่าตัวตายในคุก คำสุดท้ายที่มันเพ้อก่อนจะหมดลมก็คือ เดรโก...”

แฮร์รี่นิ่งอึ้ง คำภาวนาของเขาท่าจะไม่ได้ผลเสียแล้ว

ชายหนุ่มออกมาจากห้องของฝ่ายปราบปรามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเอามือล้วงกระเป๋า ปลายนิ้วกระทบกับหลอดแก้วที่ใส่ไว้ในนั้น เขาตัดสินใจเดินเข้าไปยังฝ่ายค้นคว้าและวิจัยของกระทรวงเวทมนต์ประจำนิวยอร์ก เลขานุการประจำฝ่ายยอมให้เขาผ่านเข้าไปโดยดีเมื่อชายหนุ่มแสดงบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่พิเศษ

แฮร์รี่หยุดที่ห้องซึ่งมีป้ายติดไว้ที่ประตูว่า โทมัส มาโวโล่ แพทย์ประจำกระทรวงและนักวิจัยการปรุงยาศาสตร์มืด เขาเคาะประตูเบา ๆ

“เชิญครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากในห้อง แฮร์รี่เปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อกาวด์สีขาวกำลังนั่งค้นเอกสารและตำราตั้งสูงอยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมเรียบสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตาที่อยู่หลังแว่นตากรอบบางซึ่งเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร “แฮร์รี่ ลมอะไรหอบมานี่”

“ผมมาหาหัวหน้าก็เลยแวะมาทักน่ะ ทอม”

“นั่งก่อนสิ ห้องผมรกหน่อยนะช่วงนี้” เจ้าของห้องเชิญ ชายหนุ่มจึงทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “เห็นเมื่อวานจินนี่บอกว่าจะชวนคุณมากินข้าวที่บ้านเรา แต่คุณไม่อยู่ เขาเลยบ่นเสียยกใหญ่”

คนถูกบ่นยิ้มแหย “เขาฝากข้อความบ่นไว้เป็นกระบุงเลยเหมือนกัน ผมจะแวะมาฝากคุณบอกเขาด้วยว่าผมจะย้ายไปพักที่ห้องชุดของซีเรียสแล้ว เดี๋ยวจะเขียนที่อยู่ไว้ให้ เห็นว่าวันนี้จินนี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเหรอ”

“ครับ” ทอมขยับแว่นที่หลุดมาบนดั้งจมูก “เขาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเซนต์อาเบลน่ะ มันใกล้บ้านดี”

“ทำไมไม่ทำคลอดเองล่ะคุณหมอ” แฮร์รี่สัพยอกยิ้ม ๆ

ทอมยิ้มเขิน ๆ “ผมว่าเวลานั้นผมคงอยากยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ มากกว่าน่ะครับ” สามีของจินนี่ขยับเก็บเอกสารต่างบนโต๊ะแล้วถามต่อเรื่อย ๆ “เรื่องคดีเป็นไงบ้างครับ อ๊ะ เป็นความลับทางราชการรึเปล่า”

“ก็คืบหน้าไปนิดนึงแล้วล่ะ” แฮร์รี่หน้าขรึมลง “ผมมาหาคุณเพราะเรื่องนี้ด้วย” ชายหนุ่มหยิบหลอดแก้วที่แอบเอามาจากบ้านเดรโกวางตรงหน้าแพทย์หนุ่ม

“อะไรครับนี่” อีกฝ่ายถามพลางหยิบหลอดแก้วมาส่องดูอย่างสนอกสนใจ

“นั่นแหละที่ผมอยากรู้” แฮร์รี่ถอนใจหนักอก เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาขอร้อง “ช่วยตรวจสอบมันแล้วเก็บเป็นความลับหน่อยได้ไหมครับ”

สีหน้าของทอมจริงจังขึ้นเช่นกัน “แม้แต่กับคุณมอทโกเมอรี่หรือจินนี่หรือครับ” เขาถาม

แฮร์รี่พยักหน้า “ใช่”

โทมัส มาโวโล่มองชายหนุ่มนิ่งอยู่ก่อนจะยิ้ม “โอเค เพื่อนของจินนี่ก็คือเพื่อนของผม ผมจะตรวจสอบของหลอดนี้ให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมาก ทอม”

แฮร์รี่ลาแพทย์หนุ่มของกระทรวงเวทมนต์แล้วกลับมาที่โรงแรมนิวยอร์ก อินน์ เพื่อเช็คเอาท์ออก เขาเก็บเสื้อผ้าที่มีอยู่กระเป๋าเดียวแล้วขึ้นรถไฟใต้ดินไปที่บ้านของซีเรียส ห้องชุดบนตึกสูงสะอาดเรียบร้อยด้วยฝีมือ ‘ก็อกโก’ เอลฟ์ของครอบครัวแบล็ค มันรับเอากระเป๋าของชายหนุ่มไปจัดเก็บอย่างกระตือรือร้น

“นานแล้ว ก็อกโกไม่ได้จัดข้าวของให้นายท่าน ก็อกโกดีใจเหลือเกิน”

เจ้าเอลฟ์พูดพลางเอามือป้ายน้ำตาที่ไหลพราก ๆ ท่าทางน่าสงสารจนแฮร์รี่ไม่มีแก่ใจจะห้ามไม่ให้มันเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ชายหนุ่มรับประทานอาหารเย็นฝีมือของก็อกโก (ซึ่งอร่อยใช้ได้) เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินมานั่งอ่านสำนวนการสืบสวนเด็กส่งยาที่ทางอังกฤษส่งมา

“ไอ้นั่นเอ่ยชื่อ เดรโก จริงๆ ด้วย” ชายหนุ่มพึมพำคิ้วขมวด

วงหน้าขาวนวลลอยมาในความคิด เปลือกตาปิดสนิทเห็นขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสัน เส้นผมสีทองหยักเป็นคลื่นคลอเคลียแก้มใส กับริมฝีปากหยักนิด ๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในนิทราแสนสุข แฮร์รี่สั่นศีรษะแรงๆ ไล่ภาพนั้นออกไปจากหัว

“งานต้องเป็นงาน ถ้าเดรโกอยู่เบื้องหลังการค้าเนคตาร์จริง เราก็ต้องจับเขา” ชายหนุ่มนั่งนิ่ง “แต่ถ้าไม่ใช่ เราก็ต้องหาทางช่วยหมอนั่น” เขาคิดแล้วก็ผุดลุกขึ้นทันที “ก๊อกโก ฉันจะออกไปข้างนอก กลับมาตอนดึก ๆ นะ ถ้ามีโทรศัพท์หรือจดหมายก็รับไว้ที”

เอลฟ์ประจำบ้านโค้งให้อย่างงามราวกับพนักงานต้อนรับในโรงแรมชั้นหนึ่ง “ขอรับ นายท่าน”

แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากบ้าน เขาเพิ่งสังเกตว่าระยะทางจากห้องชุดใหม่นี้ไปยังอพาร์ทเมนท์

ของมัลฟอยใกล้กว่าระยะทางจากโรงแรมที่เขาเคยเดินมาแล้ว “ก็ดีแฮะ อยู่ใกล้ ๆ กัน” แต่เมื่อเขาไปถึงตึกเก่าหลังนั้น ปรากฏว่ามีพินซ์นั่งเหงาอยู่ที่โซฟาคนเดียว กำลังเล่นกับตุ๊กตาเก่าๆ อย่างหงอย ๆ

“อยู่คนเดียวเหรอ เดรโกไปไหนล่ะพินซ์” เขาลูบศีรษะเด็กน้อย

“วันนี้เดรกทำงานกะค่ำ กลับดึก...” สีหน้าของเด็กหญิงดูเซ็ง ๆ

“มีอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะฮึ” ชายหนุ่มทรุดนั่งข้าง ๆ แล้วก้มลงถาม

“วันนี้มีสวนสนุกที่ลานใกล้ที่ทำงานเดรก” เสียงพูดอุบอิบตามมา “แต่กว่าเดรกจะกลับมาแล้วกลับไปอีก งานก็คงเลิกแล้วล่ะ”

แฮร์รีมองศีรษะเล็กๆ ที่ก้มหงุบๆ ผิดหวังนั้นแล้วก็ยิ้มเอ็นดู “เอางี้ไหม เราไปรับเดรกแล้วไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน”

ใบหน้าเล็ก ๆ เงยขึ้นมองทันที ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย “จริงเหรอ แฮร์รี่จะพาหนูไปเหรอ”

“อือ เราไปรับเดรกกันนะ”

พินซ์จูงมือแฮร์รี่เดินมาถึงด้านหลังของร้านอาหารขนาดกลางร้านหนึ่ง เห็นเงาของคนครัวซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ล้วน ๆ เพิ่งเลิกงานจับกลุ่มกันอยู่หลังร้านเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ แล้วประตูหลังครัวก็เปิดออก เดรโก มัลฟอยในชุดเสื้อคลุมสีดำรวบผมเรียบร้อยเดินสะพายกระเป๋าเป้ออกมาพอดี

“จะกลับแล้วเหรอ เดรก” เสียงทักอ๋อแอ๊เสียงหนึ่งดังมาจากกลุ่ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาเมาได้ที่อยู่

“เออ” เสียงตอบไม่แยแสจากร่างบางที่เดินเลี่ยงออกมา หนึ่งในกลุ่มนั้นขยับมาขวางทางเขา “อย่าเพิ่งไปสิ จ๊ะ มากินเหล้าด้วยกันก่อนดีกว่า”

เสียงเฮดังมาจากกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลัง

“เฮ้ย ไอ้โทนี่เอ็งจะจีบเดรกรึไงวะ นั่นน่ะผู้ชายนะเว้ย”

“แล้วงายยยยย” เสียงตอบยานคาง แขนกั้นปิดทางไม่ให้คนที่ถูกขวางหลบออกไปได้ “ยังไม่มีใครพิสูจน์นี่หว่า ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหมอนี่ก็เปลี่ยนคนเดียว ไม่แน่น๊า....” ดวงตาฉ่ำด้วยแอลกอฮอร์ก้มพิจารณาวงหน้านวลซึ่งบัดนี้กำลังกัดริมฝีปากสะกดอารมณ์เต็มที่ “สวยขนาดนี้ อาจจะเป็นผู้หญิงก็ด๊ายยย”

มือสกปรกทำท่าจะเอื้อมเชยคางอีกฝ่ายแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อฝ่ามือหนัก ๆ ของแฮร์รี่ตะปบเข้าที่บ่า ดวงตาสีเขียวทอประกายดุ “อย่ายุ่งกับเขา” เสียงทุ้มเย็นบอกเรียบ ๆ

ร่างของผู้คุกคามที่กำลังโงนเงนหันกลับมาเผชิยหน้า “เอ็งเป็นใครวะ” เดรโกใช้จังหวะนั้นก้าวหลบออกมายืนข้างชายหนุ่ม แฮร์รี่ใช้แขนโอบบ่าอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ “ฉันเป็นเพื่อนของหมอนี่” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ดวงตาสีฟ้าบอกความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากค้าน

โทนี่มองจ้องหน้าคนที่เข้ามาขัดจังหวะ ตอนแรกคิดว่าจะใช้ความเป็นเจ้าถิ่นข่ม แต่เมื่อเห็นร่างสูงบึกบึนของอีกฝ่าย พิจารณาลำหักลำโค่น แถมสายตาเอาเรื่อง เขาก็คิดว่าการถอยทัพไปน่าจะดีกว่า จึงปล่อยให้แฮร์รี่โอบไหล่เดรโกเดินออกไปหาพินซ์ที่ยืนรออยู่ไม่ห่างนักโดยดี

“ปล่อยได้แล้ว” คนที่ถูกโอบสะบัดตัวออก

“นายติดหนี้ฉันนะ” แฮร์รี่พูด สีหน้ากลับมายิ้ม ๆ ต่างจากเมื่อครู่

“ใครติดหนี้นาย ฉันไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย แล้วพาพินซ์ออกมาทำไมเนี่ย” ดวงตาสีฟ้าก้มมองเด็กหญิงด้วยสายตาดุ ๆ

“หนูอยากเที่ยวสวนสนุก ก็เลยขอให้แฮร์รี่พามารับเดรก” เด็กหญิงบอกพลางดึงแขนชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้าง ๆ

แฮร์รี่รีบบอก “ฉันเป็นคนชวนพินซ์ออกมาเองแหละ”

“ไม่ใช่หนูอยากออกมาเอง”

“พอเลยๆ” เดรโกตัดบทด้วยการโบกมืออย่างรำคาญ “ช่วยกันดีจริงนะพวกนาย” เสียงคนพูดหมันไส้แต่ก็ไม่ได้ว่าต่ออะไรหลังจากนั้น แฮร์รี่หลิ่วตาให้พินซ์ซึ่งแอบยิ้มโล่งอกเหมือนกัน

ทั้งสามเดินจูงมือกันมาถึงบริเวณสวนสนุก (แฮร์รี่กับเดรโกจูงมือพินซ์คนละข้างนะ ไม่ใช่เดินจูงมือกันเอง) แสงไฟสว่างไสวกับเครื่องเล่นนานาชนิดทำเอาดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง พินซ์เล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ อย่างร่าเริง เธอถือขนมสายไหมสีชมพูในมือหนึ่งอีกมือลากร่างบางของผู้ปกครองให้เดินตามโดยมีแฮร์รี่เดินเคียงไปใกล้ ๆ เขาสังเกตว่าเดรโกเองก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาก เขายิ้มเป็นต่อเมื่อเล่นเกมส์ยิงเป้าชนะแฮร์รี่ แต่ก็หน้าหงิกเมื่อชายหนุ่มดันเล่นเกมส์หยิบตุ๊กตาจากเครื่องเกมส์ตู้ได้ดีกว่า

ทั้งสามเดินกลับบ้านเมื่อเวลาดึกมากแล้ว พินซ์ซึ่งเล่นจนหมดแรงหลับซบอยู่บนหลังของแฮร์รี่ มือกอดตุ๊กตาซึ่งชายหนุ่มได้มาจากการเล่นเกมส์ไว้แน่น

แฮร์รี่พูดทำลายความเงียบขึ้นมา “เดรโก”

“หือ”

“ขอโทษนะที่วันนี้ฉันพาพินซ์ออกมาตอนดึกโดยไม่ได้บอกนายก่อน”

เดรโกมองดูเด็กหญิงในปกครองซึ่งบัดนี้หลับพริ้มแต่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

“ไม่เป็นไร ดูท่าทางพินซ์จะสนุกเป็นพิเศษ ฉันไม่เห็นยัยนั่นยิ้มแฉ่งอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”

แฮร์รี่มองหน้าขาวนวลซึ่งถูกแสงไฟจากโคมริมทางอาบไล้จนดูละมุนขึ้น เขาถอนใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองกลุ้มมาทั้งวัน เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาอยากจะถามหมอนี่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกส่วนของหัวใจก็อยากจะเก็บเวลาแบบนี้ไว้ให้นานที่สุด

“เดรโก” ชายหนุ่มเรียกเบา ๆ

“ว่าไง” ร่างเล็กตอบเสียงเอื่อย ๆ

“เอ่อ.....” ถาม ถามสิ แฮร์รี่ “ฉันอยากจะถามนายว่า...”

ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แววตาที่ดูเป็นมิตรขึ้นมากนั้นทำให้ชายหนุ่มชะงักเปลี่ยนใจ

“ฉันอยากจะถามนายว่า....นายเป็นพ่อของพินซ์รึเปล่า”

ดวงตาของเดรโกเบิกกว้าง “หา!” เขาแทบจะตะโกน “นายคิดว่าฉันเป็นพ่อยัยนี่เรอะ”

แฮร์รี่งุนงง “อ้าว ก็นายบอกพินซ์ว่าแพนซี่เป็นแม่ แล้วถ้างั้นใครจะเป็นพ่อล่ะถ้าไม่ใช่นาย สมัยเรียนดูนายกับเขาก็จี๋จ๋ากันดีออก”

“อย่ามาตลกน่าพอตเตอร์” เสีนงเดรโกลดความดังลงแต่สีหน้ายังดูหงุดหงิด “ฉันไม่ได้จี๋จ๋ากับแพนซี่ แล้วสภาพฉันตอนนี้มีลูกกับใครได้รึไงหา” พูดแล้วเจ้าตัวก็หน้าหงิกลงไปอีกเพราะโดนจี้จุด

“เอ่อ...ก็...” ชายหนุ่มหน้าแหย “งั้นใครเป็นพ่อของพินซ์ล่ะ แล้วทำไมแพนซี่ต้องฝากให้นายเลี้ยงพินซ์แทนด้วย”

“อยากรู้จริงนะนาย บอกให้ก็ได้ พ่อของพินซ์คือ...”

“เดรก” เสียงโหวกเหวกของสองหนุ่มทำให้เด็กหญิงตื่นขึ้นมา เสียงงัวเงียบอกเบา ๆ “หนูหิวน้ำ”

ผู้ปกครองหันไปบอกเสียงเรียบ “ก็อยากกินสายไหมไปตั้งเยอะ ดึกป่านนี้ไม่มีร้านขายน้ำแล้ว รอแป๊บนึงนะพินซ์เดี๋ยวก็ถึงบ้าน”

“ไม่เอา หนูหิวน้ำนี่” เสียงเด็กหญิงเริ่มงอแงเพราะดึกมากแล้ว

“พินซ์” เสียงเดรโกชักดุ

“เดี๋ยวๆ” แฮร์รี่รีบห้าม “บ้านฉันอยู่แถวนี้เอง แวะก่อนดีกว่า”

“เดี๋ยวก็ถึงบ้านฉันแล้วเหมือนกัน”

“บ้านนายยังอีกตั้งไกล พินซ์งอแงจะแย่แล้วเห็นไหม”

เดรโกนิ่งอยู่อึดใจ “ก็ได้”

เดรโกรับพินซ์ซึ่งกำลังงัวเงียอยู่มาอุ้มเพื่อให้แฮร์รี่หยิบกุญแจไขเปิดห้อง แต่แล้วประตูบ้านก็เปิดออกเอง ร่างก็อกโกซึ่งรอเปิดประตูบ้านให้แฮร์รี่ปรากฏขึ้น “นายท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ”

“เดรกนั่นตัวอะไรน่ะ”

“เอลฟ์ประจำบ้านที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไงพินซ์” เสียงตอบเซ็ง ๆ

ดวงตาของเจ้าเอลฟ์ประจำบ้านเบิกตากว้างเท่าที่ตาโปนของมันจะโปนได้อีกเมื่อมองเห็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม คนร่างบางใบหน้าสวยมีผมยาวสีทองที่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆอยู่ แล้วมันก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับโค้งให้อย่างงาม

“สวัสดีขอรับ นายผู้หญิงกับนายน้อย”

“เฮ้ย ยังไม่ได้เป็น เอ้ย...ไม่ใช่” แฮร์รี่ตะกุกตะกัก สีหน้าเดือดร้อนหันไปมองคนข้างหลังซึ่งหรี่ตามองเอาเรื่อง “ฉันไม่ได้สอนมันนะ” ชายหนุ่มรีบบอก

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย” เสียงคนพูดเรียบสนิทแต่สายตาสีฟ้าก็ยังอดทำให้ชายหนุ่มร้อนตัวกลัวความผิดไม่ได้






Create Date : 02 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:23:26 น.
Counter : 656 Pageviews.

2 comment
Chapter 6
ตอนที่ 6

แฮร์รี่เหลือบมองแก้วว่างเปล่าถูกกระแทกลงกับโต๊ะแล้วเหล้าแก้วใหม่ก็มาถึงมือคนที่นั่งข้าง ๆ เขาแก้วแล้วแก้วเล่า เขาสะกิดร่างบาง “เฮ้ มัลฟอย ฉันว่าพอเหอะ”

ดวงตาสีฟ้าซีดที่บัดนี้แดงก่ำหันมามองเขาอย่างเลื่อนลอย “อย่ามายุ่ง” เสียงคนพูดยังห้วนแม้ว่าจะแผ่วลงแล้วหันไปกินเหล้าต่อ “นายกลับไปก่อน” คนถูกเตือนไล่เสียอีก

สภาพอย่างนี้จะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไงเล่า ชายหนุ่มคิด เขาเหลือบไปแอบทำสัญญาณบอกบ็อบว่าช่วยเพลา ๆ ลงหน่อย ดูเหมือนบาร์เทนเดอร์จะเข้าใจ เหล้าแก้วต่อไปจึงมาเสิร์พช้าลง แฮร์รี่จิบเหล้าที่เหลือค่อนแก้วของเขา ชายหนุ่มเองก็รู้สึกมึน ๆ เล็กน้อยแล้วเช่นกัน

“เดี๋ยวนายก็ได้นอนที่นี่หรอก พินซ์ตื่นมาไม่เจอจะเป็นห่วงนะ” เขาเตือนเรียบ ๆ

เดรโกยกเหล้าขึ้นดื่ม “นั่นสิ พินซ์....ยัยเด็กนั่นยิ่งชอบวุ่นวายอยู่ด้วย” ร่างบางเริ่มโอนเอน จนเจ้าตัวต้องคว้าขอบโต๊ะไว้ “พูดแจ๊ว ๆ เหมือนแพนซี่ไม่มีผิด”

แฮร์รี่หันมาเมื่อได้ยินชื่อมารดาของเด็กหญิง ความสงสัยในใจกลับมาอีก “นั่นสิ ถ้าอยู่กับแพนซี่ก็คงเสียงจิ๊กจั๊กทั้งวันแน่” เขาแกล้งเออออไปด้วย

ดวงตาสีฟ้าซึ่งบัดนี้แดงก่ำสลดลง “แต่แพนซี่ไม่อยู่แล้ว น่าเสียดาย...” เสียงเขาค่อยๆ แผ่วแล้วขาดหายไป

“อ้าว เฮ้ มัล....เดรก เดรก”

แฮร์รี่อุทานเมื่อศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองเอนงอกแงกก่อนจะฟุบไปกับโต๊ะ ชายหนุ่มพยายามเขย่าไหล่บางนั้นแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าตอบสนอง “เฮ้ย นายอย่ามาหลับที่นี่นะ เฮ้”

บ็อบเดินเข้ามาดู “โฮ่ เมาหลับอีกแล้ว” เขาว่าพลางเช็ดเคาเตอร์ แฮร์รี่เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้คนในร้านเริ่มบางตา ลีซึ่งลงมาจากร้านบะหมี่ข้างบนก็เริ่มทำความสะอาดโต๊ะต่าง ๆ แล้ว “ปล่อยไว้ที่นี่แหละ เฮนรี่” บ็อบบอกด้วยท่าทางเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“หมอนี่กินเหล้าหนักแล้วก็เมาหลับแบบนี้ทุกทีแหละ เดี๋ยวใกล้ๆ เช้าก็ตื่นออกไปเอง”

“ผมว่าผมพาเขาไปส่งบ้านดีกว่าครับ” แฮร์รี่ว่าพลางดึงเจ้าคนตัวเล็กขี้เมาขึ้นมา

เจ้าของร้านเลิกคิ้ว “นายรู้จักบ้านเดรกด้วยเหรอ”

ชายหนุ่มหน้าฉงน “ครับ”

“อืม แปลกนะ เจ้าเดรกมาที่ร้านฉันเป็นปี ๆ แล้วไม่เห็นมีใครรู้จักบ้านหมอนี่สักคน แล้วหมอนี่ก็ไม่เคยพาใครมาเที่ยวด้วย”

แฮร์รี่ยิ้มแหย เขาเองก็รู้จักบ้านมัลฟอยเพราะตามพินซ์ไปเหมือนกัน “ก็ผมเป็น ‘เพื่อนเก่า’ เขานี่ครับ”

ชายหนุ่มประคองร่างบางแบกขึ้นหลังโดยไม่ลำบากนัก เจ้าหนูนี่ตัวเบากว่ากระสอบน้ำหนักที่เขาต้องเคยแบกตอนเก็บตัวฝึกควิชดิชเสียอีก ศีรษะเล็ก ๆ พิงซุกอยู่กับบ่าของชายหนุ่ม “อือ....” เสียงครางอืออาอย่างไม่พอใจเมื่อเจ้าตัวถูกลากออกมาจากร้านที่อบอุ่นออกมาสู่ถนนยามค่ำที่อากาศเริ่มเย็น

“อย่าบ่นเลยน่า” แฮร์รี่พูดกับร่างที่แบกอยู่บนหลัง “ฉันเตือนนายแล้วนี่นาว่าเดี๋ยวจะเมาก็ไม่เชื่อ” เขาเริ่มออกเดินไปยังจุดที่วางกุญแจนำทางบนถนน ตอนนี้คงดึกมากแล้วเพราไชน่าทาวด์เองก็เริ่มจะเงียบ ชายหนุ่มอดพิศวงในใจไม่ได้

“ถ้าเมื่อก่อนมีใครมาบอกว่าเราจะต้องมาแบกเจ้าคุณหนูจอมหยิ่งนี่กลับบ้านเราคงขำตายแน่ เฮ้อ…” เขาถอนใจบา ๆ ก่อนจะก้าวต่อไป

ครู่เดียวชายหนุ่มก็มาถึงกุญแจนำทาง รองเท้าสเก็ตข้างเดิมนั้นยังวางพิงกับถังขยะขนาดใหญ่ แฮร์รี่ขยับตัวเพื่อให้ร่างบางนั้นสบายขึ้น “ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านนายแล้ว” เขาเอื้อมมือไปแตะรองเท้าสเก็ต แล้วก็ถูกดูบวูบมาโผล่ที่ผนังตันในซอยใกล้อพาร์ตเมนท์ของมัลฟอย

“อ๊ะ โธ่เอ๊ย ทำไมมาตกเอาตอนนี้วะ” ชายหนุ่มคิดอย่างหัวเสีย สายฝนเทกระหน่ำลงมาทันทีที่พวกเขาหลุดออกมาจากกุญแจนำทาง น้ำเย็นเฉียบกระทบใบหน้าและเสื้อคลุมของทั้งสองจนชุ่ม แต่ร่างบนหลังเขาหลับเงียบไม่รู้สึกตัวแม้สักนิด

“มันโชคร้ายอะไรของเราเนี่ย” แฮร์รี่งึมงำหัวเสีย เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋า ร่มเก่า ๆ คันหนึ่งวางทิ้งอยู่ใกล้ ๆ กำแพง “เอ็กซิโอ ร่ม” เขาสะบัดไม้กายสิทธิ์ ร่มคันนั้นบินหวือมาหาชายหนุ่ม เขากางมันออก สภาพของมันยังดีอยู่น่าจะกันฝนได้บ้าง

“วิงกาเดียมเลวิโอซา” แฮร์รี่ปล่อยให้ร่มลอยอยู่เหนือศีรษะแล้วค่อย ๆ แบกมัลฟอยที่ร่างเปียกโชกกลับบ้านอย่างทุลักทุเลมากขึ้น

เขาใช้คาถาเปิดประตูเพราะสภาพของเจ้าของบ้านตอนนี้ต่อให้เอาฮิฟโพกริฟฟ์มาลากก็คงไม่ฟื้น แฮร์รี่พยายามก้าวเข้าไปในบ้านอย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าพินซ์ที่หลับอยู่อีกห้องหนึ่งจะตื่น เขาแบกเดรโกเข้าไปในห้องนอนแล้ววางร่างนั้นลงบนฟูก “เฮ่อ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” ชายหนุ่มเช็ดใบหน้าที่เปียกโชกเพราะสายฝนพลางมองดูร่างที่หลับไม่รู้เรื่องนั้น “อือ....” เสียงครางงึมงำราวกับไม่พอใจเสื้อคลุมเปียกชื้นของตน

“ปล่อยไว้ได้ปอดบวมตายแน่” แฮร์รี่คิด เขาสะกิดเรียก “มัลฟอย เฮ้ มัลฟอย”

ร่างบางหันหลังหนีทำท่าจะซุกผ้าห่มหาไออุ่น

“เฮ้ย นายนอนอย่างนี้ไม่ได้นะ เปลี่ยนเสื้อก่อน”

เงียบ ศีรษะที่มีผมสีทองซุกนิ่งกับหมอน แฮร์รี่มองนิ่งก่อนจะถอนใจเฮือก เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าข้าง ๆ เปิดออกแล้วหยิบเสื้อนอนตัวโคร่งกับผ้าเช็ดตัวออกมา “อย่ามาว่าฉันทีหลังแล้วกัน”

ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อให้เจ้าขี้เมาที่งึมงำไม่พอใจเมื่อถูกกวนอีกครั้งแต่ก็ยอมเปลี่ยนเสื้อโดยดี รูปร่างของหมอนี่ผอมบางเป็นเด็กจริง ๆ แฮะ เมื่อเปลี่ยนเสื้อพร้อมกับใช้ผ้าซับผมที่เปียกชื้นเสร็จร่างเล็กก็คลานกลับไปซุกผ้าห่มนอนต่อ แฮร์รี่ค่อยมีเวลาพิจารณาตัวเอง เสื้อคลุมของเขาก็ชื้นไม่แพ้กัน

“เฮ้ มัลฟอย” เขาเรียกทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบ “ขอยืมเสื้อนายตัวนึงนะ”

“ฮือ อือ” แฮร์รี่ถือว่านั่นเป็นคำอนุญาต เขาจึงเดินไปหยิบเสื้อยืดกับผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อออกมาอีกครั้ง ผมสีแดงเพลิงที่เกิดจากอำนาจเวทมนต์ก็กลับเป็นผมสีดำยุ่งเหยิงดังเดิม แฮร์รี่เดินเข้ามาทรุดนั่งข้าง ๆ ฟูกพลางใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้น เครื่องดื่มสีเขียวนั่นเริ่มออกฤทธิ์ ชายหนุ่มรู้สึกมึนงงจนนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเขาจับอยู่ที่ร่างเล็กซึ่งนอนหลับสนิทท่าทางสบายบนฟูก

“หนอย ให้เรากินเหล้าเป็นเพื่อนจนมึน แถมตากฝนแบกมาอีก จะกลับโรงแรมไหวไหมเนี่ย” เขาคิดพลางสลัดศีรษะ
“ฮือ....” มัลฟอยพลิกตัว มือควานหาผ้าห่มที่หลุดออกไป

“หนาวละสิ นายนี่นอนดิ้นเหมือนกันนะเนี่ย” แฮร์รี่มองอย่างเอ็นดูพลางดึงผ้าห่มมาห่มให้ เขาลูบศีรษะปกคลุมด้วยผมสีทองนั้นอย่างลืมตัวราวกับลูบผมน้องเล็ก “มัลฟอย” เขาเรียกเบา ๆ

“อือ” เสียงงึมงำราวกับตอบรับ

“ฉันเรียกนายว่าเดรโกได้ไหม”

“อือ” มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว

“ฉันแวะมาที่บ้านนายอีกได้รึเปล่า” แฮร์รี่เริ่มมึนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ร่างเล็กบนฟูกพลิกหันหลังให้เขา “อือ…”

“เดรโก....” เสียงชายหนุ่มเริ่มแผ่วลง ตาเขาหนักจนแทบจะลืมไม่ขึ้น

“อือ”

“ฉันง่วงชะมัดเลย...”

แล้วเขาก็หลับไปข้าง ๆ กับร่างเล็กนั่นเอง


แสบตาชะมัด ใครปิดหน้าต่างทีซิ โอย ปวดหัวด้วย จริงสิเมื่อวานเราไปกินเหล้าที่ร้านบ็อบมานี่นา

ฮื่อ หนาวจัง ผ้าห่ม ผ้าห่มไปไหนแล้ว อ๊ะ หมอนข้างนี่นา กอดหมอนข้างก็ได้ ถึงจะแข็งไปหน่อยแต่ก็อุ่นดี

เดี๋ยวสิ เราไม่มีหมอนข้างนี่นา

เดรโก มัลฟอยลืมตาขึ้นมอง ‘หมอนข้าง’ ของเขา ดวงตาสีฟ้าจึงปะทะกับดวงตาสีเขียวที่จ้องมองแบบง่วง ๆ อยู่พอดี

“เฮ้ย” ร่างเล็กออกแรงแถบเข้าที่ท้องอีกฝ่ายโดยไม่ต้องคิด “โอ๊ย” คนตัวใหญ่กว่าที่นอนหมิ่นเหม่อยู่แล้วเลยกระเด็นตกฟูกไป

แฮร์รี่เอามือกุมท้องลุกขึ้นนั่ง “อูย ทักทายแบบนี้แต่เช้าไม่ดีนะ เดรโก”

“นาย! นาย !” คนเพิ่งตื่นผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “นายมานอนที่นี่ได้ยังไง”

“ก็เมื่อคืนนายเมา แล้วฉันก็แบกนายกลับมาไง”

สายตาหงุดหงิดมองผมเผ้ายุ่งเหยิงของตัวเองแล้วมองกวาดไปที่เสื้อนอน ใบหน้านวลเรื่อขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ “แล้วใครใช้ให้นายเปลี่ยนเสื้อฉันฮ๊ะ” เสียงเกรี้ยวกราดยังหาเรื่องต่อ

“ฝนมันตก ฉันกลัวนายจะปอดบวมตาย ก็เลย....” เอาละสิ ทำคุณบูชาโทษเสียแล้ว แฮร์รี่

“ใช้คาถาทำให้แห้งก็ได้ นายเป็นพ่อมดรึเปล่า” คราวนี้เสียงตะเบ็งดังลั่น

ชายหนุ่มยิ้มแหย “เออเนอะ ลืมไปเลย” เขาขยี้ผมตัวเองแบบเขิน ๆ แต่ก็ไม่ช่วยให้อีกฝ่ายคลายความหงุดหงิดลงเท่าไหร่ “นายออกไปเลย ไป” เดรโกชี้นิ้วไปทางประตูห้อง

“งั้นฉันออกไปรอข้างนอกนะ เดรโก” ชายหนุ่มเดินออกไปโดยไม่รอฟังเสียงประท้วงที่ลั่น ๆ ตามมา

“เฮ้ย ฉันหมายถึงออกไปจากบ้านฉัน แล้วก็ใครอนุญาตให้เรียกฉันว่าเดรโก...”

แต่แฮร์รี่ปิดประตูห้องเสีย กั้นเสียงอีกฝ่าย แล้วก็กั้นสายตาของเดรโกที่อาจจะเห็นว่าสีหน้าของเขาเองก็งุนงงไม่แพ้กัน แต่เป็นความงุนงงว่าทำไมตนเองถึงได้นอนจ้องใบหน้ายามหลับสนิทนั้นอยู่ได้ตั้งนานต่างหาก

ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้แสงส่องเข้ามาแล้วเดินไปทรุดนั่งที่โซฟา แสงสะท้อนบางอย่างกระทบกับตาของเขา แฮร์รี่จึงเงยหน้าขึ้นมองบนหลังตู้ติดผนังที่มาของแสงนั้น มีบางอย่างที่สะท้อนแสงแดดได้ วางอยู่ในตำแหน่งสูงเกินกว่ามือของพินซ์จะหยิบถึง แต่แฮร์รี่สามารถเอื้อมไปหยิบมาได้อย่างสบาย ๆ

มันเป็นแท่งแก้วขนาดเล็ก ยาวประมาณ 2 นิ้ว แพ็คเรียงเป็นแผงประมาณ 5 หลอดวางเรียบร้อยในกรอบโลหะเพื่อกันกระแทก ภายในแท่งแก้วบรรจุของเหลวสีเงินขุ่นข้น จากฝุ่นที่จับอยู่บนผิวแท่งแก้วและกรอบเหล็กบ่งบอกว่ามันคงจะถูกวางทิ้งไว้บนหลังตู้นี้นานพอสมควร

ชายหนุ่มหยิบแท่งแก้วออกมาแท่งหนึ่ง หย่อนมันลงในกระเป๋าเสื้อคลุมอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ เขาค่อย ๆ วางกล่องโลหะนั้นกลับเข้าที่เดิมเมื่อมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นจากด้านหลัง แฮร์รี่หันขวับไปมอง

พินซ์ยืนอยู่ตรงนั้น เด็กหญิงยังสวมชุดนอน มือข้างหนึ่งลากหมอนใบเล็กออกมาด้วย ท่าขยี้ตาอย่างงัวเงีย ทำให้แฮร์รี่ยิ้มออกมาได้ “อรุณสวัสดิ์ พินซ์”

ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างประหลาดใจ “แฮร์รี่ มาแต่เช้าเลย”


อ้อ ฉันนอนที่นี่ต่างหาก ชายหนุ่มคิดแต่ไม่ได้ตอบ เขาเลี่ยงบทสนทนาไป “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเดรโกก็จะออกมาแล้ว” พินซ์พยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องไป

ไม่ทันขาดคำประตูห้องนอนก็เปิดออก เดรโกเดินหน้าบูดบอกอารมณ์ว่ายังหงุดหงิดไม่หายก้าวปึงปังไปที่ครัว เขาคุ้ยข้าวของกุกกักก่อนจะเริ่มทำอาหารเช้า แฮร์รี่เดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เท้าคางมองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่สาละวนอยู่กับกะทะบนเตา
“พินซ์ ตื่นได้แล้ว กินข้าว” เสียงตะโกนปลุกเด็กหญิงโดยที่เจ้าตัวไม่หันกลับมา

“มาแล้ว!!!!!!” เสียงร่าเริงของเด็กหญิงดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะโดยไม่สังเกตสิ่งผิดปกติ

“เดรโก” แฮร์รี่เรียก “นายยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”

มัลฟอยหันกลับมาวางจานไข่ดาวลงบนโต๊ะ “กินซะ พินซ์” เขาสั่งแล้วหันไปชงกาแฟ

“เดรโก....”

คราวนี้เจ้าตัวคนถูกเรียกหันกลับมาหน้าหงิก “ใครให้นายเรียกฉันว่าเดรโก”

แฮร์รี่ยิ้ม “ก็นายไง เมื่อคืนฉันถามแล้ว นายบอกว่า อือ”

แก้วกาแฟกระแทกโครมลงบนโต๊ะ “มนุษย์แถวบ้านนายเค้าเรียกนั่นว่าการอนุญาตเร๊อะ”

“เอาน่า เอาน่า” ชายหนุ่มพยายามทำท่าหยวน “ว่าแต่...นายจะไม่ทำอาหารเช้าเผื่อฉันเลยเหรอ ตอนนี้ฉันหิวจะตาย”

จานออมเล็ตถูกกระแทกลงตรงหน้า “กินซะ แล้วรีบ ๆ กลับไปเลย” คนทำบอกแล้วทรุดนั่งฝั่งตรงข้าม แฮร์รี่มองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารแล้วก็ยิ้ม เขาลงมือกินอาหารเช้าฝีมือของอดีตคู่อริเป็นครั้งแรก

“เมื่อคืนได้ข่าวอะไรบ้าง” เสียงบอกว่าอารมณ์คนถามเริ่มเย็นลง

“โรนีย์บอกว่าของหมด” แฮร์รี่ตักออมเล็ตใส่ปาก อร่อยดีแฮะ “ต้องรอล็อตใหม่ส่งมาจากอังกฤษ”

ชายหนุ่มหวนคิดถึงคำฝากของพ่อค้าตลาดมืด บอกเดรกด้วยว่าของที่เขาสั่งจะมาคราวหน้าเหมือนกัน แฮร์รี่รู้สึกถึงน้ำหนักของแท่งแก้วที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ สีหน้าแจ่มใสของเขาขรึมลง

อย่าให้หมอนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนคตาร์เลยเถอะ





Create Date : 02 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:20:25 น.
Counter : 708 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]