Sweet Home: Sweet Lists
ว่าด้วยแฮร์รี่ พอตเตอร์

โดย เดรโก มัลฟอย

(เริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่พบกัน จนถึงปัจจุบัน)



สิ่งที่ไม่พอใจ

1. ตอนเจอกันครั้งแรก กำลังลองเสื้อครุมอยู่ในร้าน คนก็เยอะอยู่แล้ว ยังจะเข้ามาซื้อร้านเดียวกันให้ต้องรอนานขึ้นอีก

2. หักหน้าฉันตอนวันเปิดเทอมด้วยการปฏิเสธคำชวน แล้วหันไปคบกับเจ้าโง่วีสเซล

3. ได้เป็นซีกเกอร์ตั้งแต่ปีหนึ่ง (ทั้งๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลยซักครั้งด้วย!)

4. ทำหน้าระรื่นตอนกริฟฟินดอร์ได้คะแนนพิเศษ ทั้งๆที่สลิธิรินเกือบจะชนะอยู่แล้ว (นั่นมันโกงกันชัดๆ!)

5. หยาบคายใส่พ่อคนอื่นในร้านหนังสือตอนวันก่อนเปิดเทอมปี 2 (ถ้าพ่อฉันจะไม่ชอบหน้านายจนถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก)

6. เพื่อนนายหาว่าฉันใช้ไม้กวาดซื้อตำแหน่งซีกเกอร์ สมควรแล้วที่ต้องอ้วกออกมาเป็นทาก (แต่จะดีกว่านั้นถ้าเป็นนาย)

7. กล้าสาดคาถาใส่คนอื่นใน Duel Club --คำค้านว่า “ป้องกันตัว” ฟังไม่ขึ้น เพราะตอนนั้นฉันได้แผลไป 4 แผลถ้วน ไม่รวมความเจ็บใจซึ่งประเมินค่ามิได้

8. รวมหัวกับเจ้าทึ่มวีสเซลและยัยหัวฟูเกรนเจอร์กินน้ำยาสรรพรสเป็นแครบกับกอยย์มาหลอกฉัน

9. ทำเป็นอัศวินม้าขาวไปช่วยยัยจิ๋วจินนี่ วีสลีย์ (เท่ตายล่ะ)

10. ตอนปี 3 เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เพื่อนนายต่อยหน้าฉัน!!

11. ฮิปโปกริฟ ลูกรักของพ่อทูลหัวนายก็ทำร้ายร่างกายฉัน

12. เสนอหน้าไปเป็นตัวแทนคนที่ 4 ของการประลองเวทไตรภาคี

13. ชวนยัยปาราวาตี พาติลเป็นคู่เต้นรำ

14. ทำตัวเป็นอัศวินม้าขาวรอบ 2 ช่วยน้องสาวของเดอ ลา กูร์ ทั้งที่ไม่จำเป็น (หวังคะแนนความเท่อีกล่ะสิ!)

15. คบยัยตาตี่โช แชง

16. แล้วยังคบยัยหัวแดงจินนี่ วีสลีย์ต่ออีก!

17. ในห้องน้ำชั้น 3 ตอนปี 6 นาย-ทำ-ร้าย-ฉัน

18. หลังจากจบเรื่องแล้วก็พาฉันมาอยู่บ้านนายโดยไม่ถามกันก่อน

19. เสี้ยมสอนให้ดีลเรียกชื่อฉันเฉยๆ แล้วยังไม่ว่าอะไรตอนเฮเลนเรียกว่า...ด้วย

20. เอาชุดควิดดิชเปื้อนโคลนมาใส่ตะกร้าซัก—เพิ่มภาระ!

21. แกล้งใส่แครอทในกับข้าวอยู่เรื่อย –บอกแล้วนะว่าไม่ชอบ ไม่ชอบ

22. ตั้งแต่ทำงานที่กระทรวงก็เริ่มกลับบ้านไม่ตรงเวลา

23. 2 เดือนมานี่ นายสายตอนนัดกินข้าวที่ริตส์ 2 รอบแล้วนะ

24. ประชุม! ประชุม! ประชุม!

25. โดยรวมก็คือ ตอนนี้ “ฉันเหม็นขี้หน้านาย!”


สิ่งที่ทำให้พอใจ

26. ...........

(ถ้ารู้จักขอโทษแบบนี้ตั้งแต่ข้อแรกก็จบเรื่องแล้ว///)

++++++ Happy Ending (again) ++++++++



Talk#

Acacha

ฟิค...หลังจากหายหน้าไปนาน สั้นๆ(หน้านึงกับอีกไม่กี่บรรทัด) แต่เป็นสไตล์สวีทโฮม หุหุหุ คิดใน ร.พ. เริ่มพิมพ์ใน ร.พ. อีกเช่นกัน ก็ถือเป็นฟิครับปีใหม่เลยแล้วกันนะคะ Happy New Year ค่ะ >< (ขอให้ปีนี้เป็นปีที่มีความสุข~ อีกปีนึงกันทุกคน ^^

NaO

สวัสดีปีใหม่ค่า…ปีนี้ร้านน้ำชาฉลองปีใหม่ด้วยการเป็นนางพยาบาล เพราะอาม้า (ยาย) ป่วยตอนวันสิ้นปีเลย พอดีติดโน้ตบุ้คของปู่ (อุเคะของข้าพเจ้า) มานั่งทำงานที่คั่งค้าง เอาหนังภาค 1 มาดูกันแล้วเกิดคิดขึ้นมาได้ หวังว่าของขวัญเล็กๆ ชิ้นนี้จะเป็นนิมิตหมายอันดีว่า “ปีนี้เราก็คงแต่งฟิกกันต่อไป” นะ (ปลุกขวัญกันเอง)

สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!

ปล ข้อความระหว่าง …….. นั้นจะเป็นอย่างไรก็จิ้นกันเองน๊า - - ก็เจ้าดีลมันเคยบอกว่า ป๊ะป๋าเป็นพวก ‘ชอบง้อด้วยการกระทำ’ นี่นา หุหุหุ




Create Date : 03 มกราคม 2550
Last Update : 3 มกราคม 2550 15:03:38 น.
Counter : 1772 Pageviews.

0 comment
Sweet Home : หักเหลี่ยมเฉือนคม Internal Mission Part 1

‘--THE END--’

ตัวหนังสือสีดำ ตัวใหญ่เด่นชัดปรากฏขึ้นบนจอสีดำสนิท พร้อมๆกับเสียงเพลงประกอบดังลั่นห้องนั่งเล่นของบ้านพอตเตอร์ในยามบ่ายกลางฤดูร้อน แต่ร่างบางบนโซฟานุ่มที่ดูเหมือนจะปล่อยให้ทีวีเป็นฝ่ายดูมานานก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรับรู้จังหวะเพลงหนักๆ นั่นแม้แต่น้อย มือเรียวบางยังคงกำรีโมทไว้หลวมๆ ใบหน้าขาวเนียนถูกผมสีบลอนด์เส้นเล็กละเอียดบังไว้กว่าครึ่ง เอนซบลงกับหมอนใบโตบนที่วางแขน เปลือกตาบางปิดสนิท ขณะผ่อนลมหายใจช้าๆอย่างคนหลับสนิท จนกระทั่ง...

((Arrrrrrrrrr))

เสียงกริ่งจากประตูหน้าบ้านทำให้ร่างที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะสังเกตจอทีวีตรงหน้า

“อ้าว จบแล้วเหรอ”

ระหว่างที่รีบจัดการปิดทีวีให้เรียบร้อย คนที่ยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านก็เหมือนจะคอยไม่ไหวซะอีก เสียงคุ้นๆ เหมือนจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเจ้าดีล สมัยเรียนโรงเรียนมักเกิ้ลตะโกนเรียกชื่อเพื่อนอยู่หน้าบ้าน

...ฟังแว่วๆ เหมือนจะมาเอาของคืน...ท่าจะเป็นเจ้าพวกนี้ล่ะมั้ง?

ร่างบางลุกขึ้นเก็บแผ่นซีดีที่เกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินถือไปหน้าบ้าน พูดจากันอยู่ครู่เดียว ก็ส่งของให้แล้วเดินตัวปลิวกลับเข้ามายังห้องนั่งเล่นที่เก่า ตั้งใจจะหาน้ำเย็นๆ แก้ง่วง แต่เสียงบันไดที่ดังโครมครามไล่ตามขั้นมาจากชั้นบน ทำให้ขาเรียวหยุดชะงัก ดวงตาสีซีดต้องเงยขึ้นมองอย่างหงุดหงิด

“เดร เมื่อกี้ใครมาน่ะ?” เด็กชายร่างค่อนข้างสูงชะโงกหน้าลงผ่านราวบันได ลงมาถามร่างบาง ก่อนอีกฝ่ายจะเดินตัดไปทางห้องครัว

“เจ้าเด็กหัวฟ้าๆเขียวๆ ที่มาวันก่อน” เดรโกหยิบซีเรียลในชามบนโต๊ะอาหารขึ้นกินเปล่าๆ

“วิล? มาทำไม?” ดีลขมวดคิ้วครุ่นคิด เหลือบมองหน้าจอทีวีว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าบอกนะว่า.....” ดวงตาสีซีดเบิกกว้างพรวดพราดออกไปหน้าบ้าน ก่อนจะวิ่งโครมๆ กลับมามาคุกเข่าหน้าทีวี คุ้ยๆ ค้นๆ ชั้นวางของด้านล่าง ก่อนจะพบว่ากล่องซีดีตั้งเบ้อเริ่มที่เพิ่งยืมมาเมื่ออาทิตย์ก่อน หายไปหมดเกลี้ยง

“เฮ้ย!” ร่างค่อนข้างเก้งก้างลุกพรวดตะโกนถามคนที่ยังอยู่ในครัว

“เดร! เดรคืนซีดีที่ผมยืมวิลมาไปแล้วเหรอ!”

“อือ” เดรโกเดินออกมาจากห้องครัว มือยังถือชามซีเรียล ตอบรับหน้าตาเฉย

“เดรอ่ะ! ผมยังไม่ได้ดูเลยนะ!” คนเป็นลูกชายประท้วงลั่น

“ดูจบหมดแล้วล่ะ ก็ดีลไม่ยอมดูสักทีนี่”

พอเห็นอีกฝ่ายตอบพลางหยิบหนังสือที่ชั้นขึ้นมาเปิดพลาง เด็กชายผมดำก็ยิ่งฉุน “ผมอุตส่าห์ยืมมา ซีรีย์ฮ่องกงเรื่องนั้นหายากด้วยนะ วิลมันหวงจะตาย กว่าจะขอยืมมาได้ ลำบากแทบตายเลยนะ”

ดีลทิ้งตัวลงนั่งปุ่บข้างๆ เอามือบังๆ ไม่ยอมให้คนเป็นพ่ออ่านหนังสือ “รับผิดชอบมาซะดีๆ เลยเดร”

“โธ่เอ๊ย...กวนใจจริง”

เดรโกหันหนังสือหนีพร้อมกับออกปากบ่น กับอีแค่หนังมักเกิ้ลตะวันออกนั่นไม่รู้ทำไมเจ้าลูกชายถึงได้อยากดุนัก ไม่เหมือนจะสนุกเลย ดูสิ เปิดเรื่องไม่เท่าไหร่เขาก็หลับไปแล้ว แต่ท่าทางเด็กชายผมดำจะไม่ยอมง่ายๆ เซ้าซี้ต่ออยู่นั่นแล้ว

“เอ๊...ดีลนี่” สุดท้ายเดรโกเห็นว่าไม่พ้นแน่ๆ ก็เลยยอมแพ้ ร่างบางวางหนังสือลงบนตัก เอ่ยหน้าบึ้ง“เอ้า! จะให้รับผิดชอบยังไงก็บอกมา”

แต่พอพูดไปแล้วก็ชักจะรู้สึกว่าพลาด เพราะลูกกะตาสีฟ้าเหมือนของตนเองนั้นวาวขึ้นมาเหมือนนึกสนุก “งั้นเดรก็เล่าเรื่องที่ดูจบแล้วให้ผมฟังสิ” ใบหน้าเรียวยาวระด้วยผมยุ่งเหยิงหรี่ตา “อย่าบอกน๊า ว่าจำไม่ได้ ตัวเองดูเองแท้ๆ หรือแอบหลับอีก”

รู้นิสัยนี่นา หมู่นี้เดรชอบแอบงีบช่วงบ่ายอยู่ทุกวัน จนเขากับคุณพ่ออีกคนนึกว่าไม่สบาย แต่ฝ่ายนั้นก็ยังดื้อไม่ยอมรับ แถมยังหาโน่นหานี่มาเปิด ทำเหมือนตัวเองดูทีวีอยู่อย่างนั้นแหละ

ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วเมื่อถูกดักคอ “เล่าได้น่า ของแค่นี้เอง” รู้หรอกว่าตัวเองเผลอหลับไปจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมให้ลูกชายจอมแซวได้ล่ะ

...แต่งเรื่องเอาเองแล้วกัน เจ้าตัวแสบไม่รู้หรอก
.
.
.


Sweet Home : หักเหลี่ยมเฉือนคม Part I


ภาพการจราจรที่แออัด และเสียงของรถราที่อยู่บนถนนใหญ่สะท้อนขึ้นมาบนหน้าต่างกระจกทึบแสงของโรงแรมเพนินซูล่า หรือที่เรียกกันว่า เดอะ เพน ทั้งสภาพบนท้องถนนตามปกติคงไม่วุ่นวายขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสายฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมาในเวลาเที่ยงวันแบบนี้ แถมยังทำท่าจะตกปรอยๆ ไปตลอดทั้งวันอีกต่างหาก คนส่วนมากจึงเลือกที่จะทิ้งความน่าเบื่อบนท้องถนน หลบเข้าในตัวอาคารที่อยู่ใกล้ที่สุดเสียมากกว่า และหนึ่งในจำนวนนั้น ก็คือโรงแรมชื่อดังแห่งนี้

มือเรียวขาวทาบลงไปกับผนังกระจก ขณะที่ดวงตาสีซีดมองลงไปทางกลุ่มผู้คนที่ลงจากรถคันใหญ่ เพื่อเข้ามาในบริเวณล็อบบี้ชั้นล่าง ทั้งห้องมีเพียงความเงียบ และดูเหมือนเจ้าของห้องพักก็ดูจะพอใจกับสภาพนั้นไม่น้อย จึงไม่คิดที่จะทำลายความสงบนั้น จนกระทั่งฝ่ายที่ยืนรออยู่ด้านหลังมาร่วมครึ่งชั่วโมงเริ่มจะทนไม่ไหว

หลังจากชายหนุ่มผู้ติดตามของหัวหน้าแก๊งมังกรดำซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วเกาะฮ่องกงต้องมายืนแกล้งถอนหายใจดังๆ อยู่หลายรอบ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมเอ่ยปากกับคนที่ปล่อยให้ตนเองยืนรออยู่นานนั่นเสียที

“เดรโก เมื่อไหร่จะกลับบ้านซะทีล่ะ? พวกคุณลุงเป็นห่วงนายนะ รีบกลับเถอะ เดี๋ยวฉันเตรียมรถให้”

“อืม ก็เตรียมรถไปสิ เบลซ” รอยยิ้มจากใบหน้าเรียวทำให้คู่สนทนาเกือบจะคลี่ยิ้มตอบ แต่ก็ต้องเป็นอันหุบมุมปากลงเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “แต่นายไปคนเดียวนะ” ใบหน้าสวยหันกลับไปมองภายนอกหน้าต่างอย่างไม่แยแส “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ถึงจะนอนโรงแรมทั้งปี แก๊งเราก็ไม่สะเทือนหรอกน่า”

“พูดแบบนั้นได้ยังไงเล่า” ชายหนุ่มผิวคล้ำขมวดคิ้วนิดๆ

คำถามของเขา กับคำตอบของคนตรงหน้าวนไปเวียนมาแบบนี้ไม่รู้กี่รอบมาหลายสัปดาห์แล้ว และดูเหมือนคนตอบจะไม่คิดเปลี่ยนใจเป็นอย่างอื่นเสียด้วย ถ้าเป็นสมาชิกคนอื่นของแก็งค์ ก็คงแค่รับคำแล้วก็เอาไปบ่นกันทีหลัง แต่กับคนที่ทั้งเป็นลูกน้อง ทั้งเป็นเพื่อนสมัยเด็ก จะไม่ห่วงกันเลยมันก็คงไม่ได้

“ขืนยังอยู่แบบนี้ นายถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มสมาชิกขั้นสูงแน่ ถึงนายจะขึ้นเป็นหัวหน้าตามฐานะมาหลายเดือนแล้ว แต่ภายในแก็งค์เราก็ยังไม่มั่นคงนัก แถมสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่น่าไว้ใจ สายเรารายงานว่า ทายาทของแก๊งสิงโตแดงเพิ่งกลับมาจากต่างประเท...”

“โอ๊ย พอทีเถอะ เบลซ” คนที่ทำเป็นไม่สนใจมาตั้งแต่ตอนแรกเป็นฝ่ายหมดความอดทนบ้าง “เรื่องพวกนั้นฉันฟังจนเบื่อแล้วทั้งพวกตาแก่ขี้บ่นฝ่ายเรา ทั้งข่าวบ้าบอของฝ่ายโน้น ฉันถึงต้องเผ่นออกมาอยู่นี่ไง และในเมื่อฉันอุตส่าห์หนีมาถึงนี่แล้ว ก็ขอให้ฉันอยู่สงบๆ มั่งเถอะ”

เดรโกผละออกจากหน้าต่างมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม สองแขนเรียวกอดหมอนใบโตแล้วหันหนีไปแกล้งนอนนิ่งเหมือนหลับ คนถูกตัดบทจึงได้แต่มองตาม ก่อนตัดสินใจจะกลับไปจัดการงานที่เหลือโดยดีไม่ลืมที่จะบอกให้บอดี้การ์ด 2-3 คนในกลุ่มที่ตามมาให้คอยดูแล ‘นายใหญ่’ ซึ่งยังคงความเอาแต่ใจเหมือนสมัยเป็น ‘คุณชายน้อย’ ของแก็งค์ไว้ครบถ้วน

“งั้นฉันกลับก่อนละกัน ถ้าจะกลับบ้านก็บอกพวกนั้นแล้วกัน เดรโก --- ที่สำคัญ พยายามอย่าออกไปไหน อย่างน้อยก็ภายในวันนี้...” เสียงพูดท้ายประโยคเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อเอ่ยถาม “ได้ไหมครับ...นาย?”

“เออน่า”

ร่างบางตอบกลับโดยไม่ยอมหันมามอง เขารอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องเบาๆ นั่นแล้ว ถึงได้เบ้หน้า

“นับวันยิ่งทำตัวเหมือนผู้คุม ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่ฟะ” ดวงตาสีอ่อนเหลือบมองบอดี้การ์ดหน้าเข้มที่ยืนประจำอยู่ที่ห้องแพนทรีตามคำสั่งมือขวาของหัวหน้าแก็งค์ที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่

ดูท่าจะจัดคนมาไม่เยอะ คงคิดว่าเขาจะเป็นเด็กดีนอนเล่นอยู่แต่ในห้องจริงๆ สินะ

ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มสนุกสมใจ

“เจ้าโง่เบลซ ถ้านึกว่าแค่ไอ้ลูกเต่าพวกนี้จะเฝ้าฉันได้ นายก็คิดผิดแล้ว”

..........................................................................


บนถนนด้านนอกตอนนี้ สายฝนยังคงโปรยปรายลงมา แต่ก็ลดความรุนแรงลงไปบ้างแล้ว รถขนาดกลางจอดลงตรงริมทางเดิน เลยตัวโรงแรมไปไม่กี่ช่วงตึก ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก้าวลงมาพร้อมกับหนังสือเล่มบางในห่อพลาสติก หยิบร่มพลาสติกเหลืองติดตราของสนามบินนานาชาติออกมากางถือไว้

“นายกลับเองได้แน่นะ แฮร์รี่?”

เจ้าของรถที่เป็นชายหนุ่มผมแดงชะโงกตัวออกมาจากที่นั่งคนขับ เอ่ยถามคนที่อาศัยรถมาทัวร์เมืองด้วยกันตั้งแต่เช้า

“สบายมากน่า หรือถึงจำทางไม่ได้จริงๆ จ้างรถไปก็หมดเรื่อง เกาะนี้มันบ้านเกิดฉันนะเฟ้ย แล้วที่ที่ฉันไปอยู่มาสิบกว่าปีก็ไม่ใช่ไซบีเรีย จะได้ล้าหลังซะขนาดไม่รู้จักแท็กซี่” ร่างสูงที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ รถ ตอบเสียงกลั้วหัวเราะในความวิตกกังวลเกินเหตุของเพื่อน

“เออๆ ถ้าอย่างงั้นก็ดี –โทษทีนะ ที่ไม่ได้ส่งนายถึงบ้าน รถติดชะมัดเลยว่ะ”

“ช่างเหอะ นายรีบไปได้แล้ว ก่อนจะถูกเฮอร์ไมโอนี่บ่นรอบที่ร้อยแปดสิบเก้าน่ะ” เขาแกล้งเย้า แถมตบท้ายด้วยสำนวนที่อีกฝ่ายบ่นให้ฟังทางจดหมายอยู่บ่อยๆ

แฮร์รี่มองรถของเพื่อนสนิทเลี้ยวหายไปอีกทางหนึ่งแล้ว จึงค่อยเริ่มคิดว่าจะไปฆ่าเวลาก่อนกลับบ้านได้ที่ไหน ร่างสูงออกเดินช้าๆ แจ็กเก็ตกีฬาคู่ใจกับร่มที่ถือติดมือมาตั้งแต่สนามบินช่วยกันความเย็นชื้นได้ดีเยี่ยม ที่จริงประเทศที่เขาเพิ่งจากมาก็มักจะมีฝนตกอย่างไม่บอกไม่กล่าวอยู่บ่อยๆ ชายหนุ่มเลยเคยชินจนกลายเป็นว่า เขาติดนิสัยชอบมองความเร่งรีบของผู้คนยามฟ้าคะนองด้วยสายตาเพลิดเพลินไปเสียแล้ว

นั่นไง...ไม่ต้องมองหานาน ดวงตาสีเขียวก็หยุดที่จุดหนึ่งห่างออกไปไม่มาก สิ่งที่เห็นทำให้ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาได้ในทันที

ร่างบอบบางในชุดสูทเรียบเนี๊ยบถือร่มคันใหญ่สีดำยืนอยู่ใกล้ซุ้มร้านขายซาลาเปาของลุงแก่ๆ คนหนึ่ง ใบหน้าเรียวขาวท่าทางครุ่นคิดหนัก พร้อมกับเดินกลับไปกลับมา ทำเหมือนจะผ่านเลยไปอยู่ 2-3 รอบแล้ว แต่ก็ยังลังเล ทำท่าจะเข้าไปซื้อก็เหมือนจะยังรีรอ ไม่เข้าไปสักที ทั้งที่สายตาก็ไม่ได้ละจากหม้อนึ่งอันโตควันกรุ่นกับป้ายไม้ที่เขียนเมนูไส้ซาลาเปาไว้ข้างๆ เลยด้วยซ้ำ

ท่าทางราวกับเด็กๆ ทั้งที่สวมชุดทางเต็มยศแบบนั้น ทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

...ท่าทางจะอยากกินมากเลยนะนั่น

แฮร์รี่ก้าวตรงเข้าไปหา พยายามไม่ส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว จนกระทั่งชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลัง ใกล้กันจนได้ยินเสียงบ่นงึมงำเบาๆ จากร่างนั้น “บ้าชะมัด ทำไมต้องทำเป็น..แร....บิ...ครี...ด้วยนะ”

“หืม ว่าอะไรนะ?”

ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปถาม จนเกือบจะเกยคางกับไหลบอบบางของร่างตรงหน้าได้อยู่แล้ว

เดรโกที่กำลังหงุดหงิดได้ที่เผลอพูดตอบออกไปโดยไม่ได้คิด “ก็บอกว่าทำไมต้องทำเป็น....อ๊ะ! นายเป็นใคร?” ท้ายประโยคสะดุด เพราะคนพูดเพิ่งรู้สึกตัวว่า จู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้มายืนเสียชิด พอเห็นรอยยิ้มจากคนแปลกหน้า คิ้วเรียวก็ชักขมวดมุ่น “ไม่ได้ยินที่ถามรึไง?”

“คนที่บังเอิญผ่านมาน่ะ” ใบหน้าเรียวยาวตอบยิ้มๆ ดวงตาสีเขียวมองใบหน้าเรียวสลับกับร้านขนม “เธออยากกินนั่นใช่เหรอ ทำไมไม่ซื้อล่ะ?” เขาถามด้วยเสียงใจดี ที่จริงถ้าอีกฝ่ายเป็นเด็กเล็กที่ไม่มีเงิน เขาคงจะซื้อขนมให้ แต่ดูจากอายุแล้ว สงสัยว่าขืนทำอย่างนั้นคงได้โดนโกรธแน่

“จะอยากกินหรือไม่อยากก็คงไม่รบกวนคุณหรอก ถ้าจะซื้อก็เข้าไปก่อนสิ”

...เห็นไหมยังไม่ทันไรก็หงุดหงิดจริงๆ ด้วย

ใบหน้าเรียวยาวเลิกคิ้วนิดๆ เขาเดินผ่านร่างบางเข้าไปในซุ้ม “อาแปะครับ ขอซาลาเปาไส้ครีมสองลูกครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกลุงแก่ๆ ที่เป็นคนขาย ชายชรารีบจัดการใช้ตะเกียบคู่ใหญ่คับซาลาเปาที่ทำเป็นรูปกระต่ายมีหูประดับออกมาห่อ พลางเสนออย่างใจดี

“อาตี๋ ลื้อจะกินเลยหรือเปล่า มานั่งนี่ก็ได้นะ บอกอาหนูที่ยืนอยู่โน่นด้วยสิ” เจ้าของร้านบอกพลางชี้มือไปยังบันไดหินของตึกหลังร้านที่มีกันสาดยื่นออกมาพอจะบังสายฝนด้านบนได้

แฮร์รี่คลี่ยิ้มตอบชายชรา “ขอบคุณครับ” เขาเดินกลับไปหาร่างบางที่ยังยืนขมวดคิ้ว ยื่นห่อขนมให้พร้อมกับเอ่ยชวน “เอ้า! อาแปะแกบอกว่าเราเข้าไปนั่งในร่มได้นะ จะได้ไม่เปียกไงล่ะ”

คำชวนทำให้คนตัวเล็กกว่าที่เผลอรับห่อซาลาเปารีบปฏิเสธ “ผมไม่กินหรอก คุณเอาคืนไปเถอะ” มือเรียวยื่นของที่เพิ่งได้รับมาให้อีกฝ่าย แม้ว่ากลิ่นแป้งนึ่งอุ่นๆ หอมๆ มันจะแสนยั่วน้ำลายก็ตาม

“อ้าว เธอมายืนอยู่ตั้งนาน ไม่ใช่ว่าอยากกินแต่อายไม่กล้าเข้าไปซื้อกินเองหรอกเหรอ”

เสียงทุ้มถามซื่อๆ แต่นั่นทำให้คนที่ถูกแทงใจดำถึงกับอึ้ง หน้าเรียวแดงเรื่อเมื่อถูกจับได้

“ไม่ใช่สักหน่อย!” เผลอหลุดตะโกนออกไปจนอาแปะที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็ดหม้อนึ่งซาลาเปาถึงกับหันมามอง คราวนี้คนตัวเล็กกว่าจึงลดเสียงลง “...หรือถึงใช่ ผมก็ไม่ต้องรบกวนให้คุณซื้อให้หรอกนะ ผมแค่กำลังคิดว่าจะซื้อไปฝากเพื่อนด้วยดีไหมเท่านั้นเอง” หาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง

ใช่ๆ ‘เพื่อน’ ...ก็เจ้าพวกบอดี้การ์ดที่ถูกเขาหลอกจับไปขังไว้ในห้องน้ำโรงแรมนั่นไง ไม่รู้ป่านนี้จะหลุดออกมาแล้วโทรไปห้องเบลซหรือยัง

เดรโกมัวแต่คิดเพลินจนลืมสนใจคนตรงหน้าที่ยังจ้องตัวเอง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถคันหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับสาดน้ำขังบนถนนขึ้นมาจนถึงฟุตบาทที่พวกเขายืนอยู่

“อ๊ะ” ยังไม่ทันได้หลบ ร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ดึงเขาให้พ้นจากรัศมีของน้ำสกปรก แถมยังใช้ร่มของตัวบังขากางเกงของเขาไว้ได้อย่างหวุดหวิด พอได้สติร่างบางก็รีบตะโกนบริภาษไล่หลังรถไม่มีมารยาทคันนั้นทันที

“บ้าชะมัด ขับรถภาษาอะไรวะ!”


ดวงตาสีฟ้ารีบก้มลงพิจารณาเสื้อผ้าของตัวเอง คิดผิดจริงๆ แฮะที่ใส่สูทมาเดินวันฝกตกแบบนี้ ดีนะที่ไม่เปียก ขืนโดนสาดเข้ามีหวังต้องรีบกลับโรงแรมไปเปลี่ยนเสื้อ ไม่ได้ออกไปไหนกันพอดี

“ใจเย็นๆ เธอไม่เปียกใช่ไหม” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยถามพลางแตะมือเรียวอย่างสุภาพ “เข้ามาหลบก่อนเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยชวน คราวนี้คนที่เพิ่งหัวเสียกับเหตุการณ์ไม่ครู่ไม่ปฏิเสธ เดรโกก้าวตามอีกฝ่ายเข้าไปใต้กันสาดของตึก ชะงักเล็กน้อยเมื่อผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนถูกยื่นมาตรงหน้า “เอ้า ใช้นี่สิ ผมเธอเปียกแน่ะ”

คนหน้าสวยเพิ่งรู้สึกว่าผมสีอ่อนของตัวเองมีหยดน้ำเกาะพราว สงสัยจะตอนที่หมุนตัวหลบเมื่อกี้แน่ๆ ที่จริงกะจะปฏิเสธ แต่รอยยิ้มใจดีนั่นทำให้ได้แต่ยืนมือไปรับพร้อมกับพึมพำเบาๆ “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร” แฮร์รี่คลี่ยิ้มกับท่าทางที่ดูว่าง่ายขึ้นนิดๆ นั้น เขาทรุดนั่งลงบนขั้นบันไดหินที่ยังแห้งสนิท ไม่ลืมขยับแบ่งที่ให้อีกฝ่าย ดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบมองสายฝนที่เริ่มกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วจึงหันกลับมาหาคนที่นั่งข้างๆ มือเรียวยาวยื่นห่อขนมให้พร้อมกับข้อเสนอเดิม

“เอ้า กินไหม สงสัยเราคงก็ต้องนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานเลยล่ะ”

ใบหน้าเรียวขาวเหลือบมองห่อกระดาษนั้นอีกครั้ง ซาลาเปาลูกย่อมๆ ยังอุ่นๆ แถมส่งกลิ่นหอมของแป้งนึ่งกับไส้ครีมคัสตาร์ดหวานๆ ของโปรดออกมายั่วจนต้องกลืนน้ำลาย ถึงจะถูกสอนไม่ให้รับ ‘ของกำนัล’ จากคนแปลกหน้า แต่นี่ก็เป็นขนมที่เขาหมายตาจะซื้ออยู่แล้วนี่นา เขายืนดูอยู่หน้าร้านตั้งนาน ไม่มีทางที่จะวางยาพิษได้หรอก

“ก็ได้” มือเล็กรับห่อกระดาษในที่สุด แต่ก็ไม่วายที่จะต่อรอง “งั้นผมจะเลี้ยงน้ำชาคุณละกัน”

เดรโกหันไปทางชายแก่เจ้าของร้าน โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ

“อาแปะครับ ขออู่หลงร้อนๆ สักกาสิฮะ”

..........................................................................


อีกด้านหนึ่งของเกาะ

สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มผมสีเพลิงกดปุ่มที่ปัดน้ำฝน การจราจรบนเส้นทางเลียบเมืองแม้ว่าจะไม่คับคั่งเท่ากับในดาวน์ทาวน์แต่ก็มีรถแล่นสวนมามากพอที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการบังคับพวงมาลัย

[[I am whispering your name. I am telling to the wind.…]]

เสียงเรียกเข้าจากมือถือเครื่องเล็กที่วางอยู่ใกล้มือทำให้ต้องรีบหยิบสมอลทอร์คขึ้นมาใส่หูแล้วกดรับ

“จ๋า...กำลังจะไปถึงแล้วจ้ะ...อ๊ะ แป๊บนึงนะเฮิร์มมีสายซ้อน”

พูดแล้วก็ก้มลงดูหมายเลข นี่ก็เป็นเบอร์ที่ไม่รับไม่ได้เหมือนกัน “ครับผม”

[[อยู่ที่ไหนของแกน่ะ]]

“บนทางเลียบเมืองครับพ่อ เพิ่งไปส่งแฮร์รี่กลับบ้านเมื่อกี้นี้เอง”

[[นายน้อยถึงบ้านแล้วใช่ไหม? ดีมาก งั้นแกรีบไปที่ถนนโจนาธานด่วนเลย ดูเหมือนเด็กเราจะมีปัญหากับทางโน้น]]

“เอาอีกแล้วเหรอครับเนี่ย คราวนี้ก็ไอ้พวกลูกกระจ๊อกอีกแหง”

คนเป็นลูกคาดเดาพร้อมกับส่ายหน้า “นายใหญ่คนใหม่ของทางโน้นท่าทางจะไม่ได้เรื่องจริงอย่างข่าวลือนะครับ ขึ้นมาได้ยังไม่ทันพ้น 2 เดือน พวกลูกน้องกิ๊กก๊อกก็ออกมาวุ่นวายหาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้”

[[เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แกรีบไปดูสถานการณ์หน่อย พกปืนไปด้วย อย่าประมาทล่ะ]]

“ครับๆ” รอนรับคำพร้อมกับหมุนพวงมาลัยเตรียมเลี้ยวรถกลับ “ว๊า...โดนเฮิร์มบ่นอีกแหงเลย”

..........................................................


“อ๋อ งั้นคุณก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศสินะ”

เดรโกพยักหน้ากับตัวเอง “มิน่าล่ะ ถึงได้ดูท่าทางแปลกๆ” ว่าพลางกัดซาลาเปาใส้ครีมที่เหลือ

อีกฝ่ายจิบชาจากถ้วยกระเบื้องใบเล็กแล้วจึงเลิกคิ้วถาม “หือ? แปลก? แปลกยังไงเหรอ?”

“ก็ที่อยู่ๆ มาชวนคนแปลกหน้าคุย แถมยังเลี้ยงขนมแบบนี้ไง”

คนตัวเล็กรวบกระดาษห่อเป็นก้อนกลมๆ “ปกติคนแถวนี้เขาไม่ค่อยเสวนากับคนที่ไม่รู้จักหรอกนะ กลัวว่าจะเป็นสายตำรวจ หรือหนอนบ่อนไส้กันทั้งนั้น” ไม่ได้พูดเกินจริงหรอกนะ ก็คนในเกาะนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ในอัตณัติของแก็งค์ไหน ก็ต้องอยู่ใต้ปีกของพวกตำรวจ อย่างหมอนี่มาเดินลอยชายอยู่ได้แค่พักเดียวก็คงโดนใครเรียกไปเข้าสังกัดเองแหละ

“อ๋อ...แต่ท่าทางเธอไม่ได้เป็นสายของใครเลยนี่นา”

ใบหน้าเรียวยาวพูดยิ้มๆ ดวงตาสีมรกตพิจารณาสูทเนื้อดีคัทติ้งเนี๊ยบที่อีกฝ่ายสวมอยู่ อย่างนี้คงไม่ใช่พนักงานบริษัทธรรมดาแน่ๆ ท่าทางสำอางแบบนี้ หรือว่าทำงานเป็นพวกโฮส?

“เหอะ อย่างผมน่ะ ไม่จำเป็นต้องสังกัดใครหรอก”

แค่นี้ก็มีเจ้าพวกลูกกะจ๊อกวิ่งเข้ามาอยู่ใต้เงาของแก็งค์มังกรดำวันละไม่รู้เท่าไหร่ ใบหน้าสวยแอบเหลือบมองร่างสูงของอีกฝ่ายบ้าง จะว่าไปหน่วยก้านเจ้านี่ก็ดูดีเลยแฮะ หรือจะให้เบลซไปชวนมาเข้าแก็ง

แต่พออีกฝ่ายหันมาเห็นเข้าพอดีแล้วส่งยิ้มใจดีให้ เดรโกก็รีบเบือนหน้ากลับมาทันควัน

คิดไปคิดมา…ไม่เอาดีกว่า ซื่อๆ แบบนี้คงเป็นนักเลงกับเขาไม่ได้หรอก

“ช่างเหอะ” ร่างบางยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นการตัดบท สายฝนที่เริ่มจะขาดเม็ดพอดี ร่างบางลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ย “ผมต้องกลับแล้วล่ะ..อ้อ..ขอบคุณสำหรับขนมนะ”

ร่างสูงรีบลุกตามขึ้นมาบ้าง “เดี๋ยวสิ เราจะได้เจอกันอีกไหม?” แฮร์รี่ถาม ความเสียดายทำให้เตรียมจะเอ่ยปากขอเบอร์โทรศัพท์หรือที่ติดต่อของอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของเขา แต่เจ้าของใบหน้าสวยกับขมวดคิ้วอย่างลำบากใจเล็กน้อย

“อืม...ก็ไม่รู้สิ...คงได้เจอมั้ง”

แล้วดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเห็นชายในชุดสูทสีดำที่กำลังเดินมาจากอีกด้านของถนน

เวร...เจ้าพวกลูกเต่านั่นมันหลุดออกมาได้แล้วเรอะ! ขืนพวกนั้นมา หมอนี่ต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นพวกแก็งค์นักเลง คนตัวเล็กรีบผละออกไปทันควัน

“คุณลองมาแถวๆ นี้อาจจะได้เจอสักวันหนึ่งละมั้ง ผมไปก่อนนะ”

ร่างบางว่าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากใต้ร่มนั้นโดยไม่รอคำท้วงจากคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

“เฮ้...เดี๋ยวก่อนสิ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร?...เฮ้”
..........................................................


“เบลส? นายกลับมาอีกทำไม...เฮ้ ไปโดนอะไรมาน่ะ?”

เสียงใสเปลี่ยนจากคำถามแถมรำคาญมาเป็นคำอุทานเมื่อเห็นร่างของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในห้องชุดของตนเองชัด ชายหนุ่มผิวเข้มเต็มไปด้วยแผลถลอกปอกเปิก ผ้าพันที่แขนซ้ายยังมีรอยเลือดซึมออกมา แต่คนตอบกลับเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามกลับเสียงเข้ม

“ฉันน่าจะถามนายมากกว่า ไปไหนมา เดรโก?”
ดวงตาคมดุตวัดมองบอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่เดินตามหลังผู้เป็นนายเข้ามา ทำให้คนถูกมองหลบตากันวูบวาบ เจ้าของเรื่องจึงต้องรีบชิงบอก

“ไม่ต้องว่าพวกนี้มันหรอก ฉันแอบออกไปเองนั่นแหละ”
ร่างบางตัดบทแล้วรีบทรุดนั่งข้างๆ เอ่ยถามร้อนรน “นายไปทำอะไรมา ที่แก็งค์มีเรื่องอีกแล้วเหรอ? ไปโรงพยาบาลหรือยัง”

น้ำเสียงห่วงใยนั้นทำให้สีหน้าของคนที่ตั้งท่าจะอบรมอ่อนลงเล็กน้อย เบลซถอนใจออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรมากหรอก เด็กๆ เรามันไปมีเรื่องกับพวกสิงโตแดงที่ถนนโจนาธาน ฉันก็เลยต้องไปไกล่เกลี่ย”

“แค่ไกล่เกลี่ย ทำไมถึงได้เลือดมาล่ะ” ใบหน้าสวยทำท่าไม่เชื่อ เรียกรอยยิ้มจากฝ่ายตรงข้ามจนได้

“ก็พอดีไปเจอไอ้คนทางฝ่ายโน้นมันกวนใจเข้าด้วยน่ะ ฉันถึงได้บอกไงว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เพื่อนกึ่งคนสนิทลุกขึ้นยืน “เพราะงั้น..วันนี้ไม่ว่านายจะบ่ายเบี่ยงยังไง ฉันก็ต้องพานายกลับบ้านแล้วล่ะ อีกอย่าง..‘อาจารย์’ ก็กลับมาจากเซี่ยงไฮ้แล้วด้วย”

“หา? จริงเหรอ?” คนฟังหน้าเสียไปทันควัน “ไหนอาจารย์บอกว่าคราวนี้อาจจะไปนานไงล่ะ”

“ก็เพราะพวกตาแก่ปีศาจพันตาทั้งหลายรายงานเรื่องนายหนีงานไปน่ะสิ” เบลซได้ทีรีบขู่ต่อ “เพราะงั้นรีบกลับบ้านไปรับหน้าให้ดีเถอะครับ นาย”

“รู้แล้วล่ะน่า” ร่างบางตอบพลางถอนใจ สายตาเหลือบมองไปยังถนนด้านนอก

สงสัยคงไม่ได้เจอเจ้าหมอนั่นอีกแล้วแน่ๆ

........................................................


[แฮร์รี่ นายยังไม่ถึงบ้านอีกเหรอ?]

เสียงจากเครื่องตอบรับโทรศัพท์ดังขึ้นพอดีกับที่ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก “รอน?” เสียงทุ้มพึมพำอย่างประหลาดใจ กำลังจะเดินไปกดรับสายแต่พอมองเสื้อผ้าเปียกชื้นของตนเองแล้วก็เปลี่ยนใจ คงแค่โทรมาเช็คละมั้ง เดี๋ยวค่อยโทรกลับก็ได้

[เฮ้ ตอนนี้ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยนะ นายใหญ่เลยเรียกตัวนายให้กลับบ้านก่อน เดี๋ยวค่ำๆ ฉันจะไปรับก็แล้วกัน อย่าไปไหนล่ะ เจอกัน เพื่อน]

ถ้อยคำสั้นๆ กับน้ำเสียงที่มีเค้าเคร่งเครียดนั้นทำให้ใบหน้าเรียวยาวขมวดคิ้วเล็กน้อย

ป๋าเรียกตัวเขากลับบ้านใหญ่? ที่แก็งค์มีเรื่องขนาดนั้นเลยหรือ?

ชายหนุ่มคิดพลางถอดเสื้อคลุมออก ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนตกลงบนพื้น ร่างสูงก้มลงหยิบมันขึ้นมา ผ้านุ่มนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ไม่คุ้นเคยลอยกรุ่น ทำให้นึกถึงคนที่ยัดมันคืนให้เขาพร้อมกับเอ่ยอย่างลำบากใจ

ผมอยากจะเอาไปซักให้หรอกนะ แต่ไม่รู้เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่

ใบหน้าเรียวยาวคลี่ยิ้ม พลางวางผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้บนโต๊ะหัวเตียง

“เอาเถอะ เกาะเล็กแค่นี้ เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีกแน่”
..........................................................


TBC~

Talks


หายไปนานเลยนิ พอดีช่วงนี้ติดภารกิจหัวใจ เอ๊ย ภารกิจงานราษฎร์ที่รับมาเป็นโปรเจคยาวน่ะครับ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เลยได้ฤกษ์ลงสวีทโฮมตอนใหม่เป็นการฉลองเสียเลย

ลงหลังทำงานเสร็จ น่าจะแปลว่า ตอน 2 คงจะตามมาในไม่ช้า (ละมั้ง)

ที่มาของเรื่องนี้ มาจากตอนตรุษจีนค่า อคาชาไปนั่งดูรายการ เกมวัดดวง ตรุษจีนแล้วเกิดอยากจะทำเรื่องแก๊งมาเฟียจีนกะเขาบ้าง จะเอามาทำอะไรได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ ครอบครัวแสนรักของเรา หุหุหุ ยังไงเจ้าลูกชายก็บ้าซีรีย์ฮ่องกงอยู่แล้ว (พูดถึงดีล ต้องต่อฟิกสว่างของเจ้าลูกชายด้วยสินะ อ๊าก งานกองท่วมตามเคย)

อยากกินซาลาเปากับจิบชามั่งจังเลยอ่ะ



Create Date : 21 กันยายน 2549
Last Update : 21 กันยายน 2549 15:19:32 น.
Counter : 1001 Pageviews.

0 comment
Sweet Home: Baby is a big job
ดีลหลับแล้ว...

มือเรียวยาวจรดปลายปากกาลงบนสมุดเล่มหนา หลังจากที่ลงวันที่และเวลาไว้ที่ช่องด้านบนเรียบร้อยแล้ว หน้ากระดาษอีกหน้ามีตัวหนังสือสวยเป็นระเบียบเรียงเป็นพรืด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงเป็นบันทึกประจำวันแน่ๆ แถมยังเป็นบันทึกที่เจ้าของขยันเขียนอย่างสม่ำเสมอเสียด้วย

“แอ๊ะ!”

ดวงตาสีฟ้าละจากหน้ากระดาษขึ้นเหลือบมองไปยังเตียงคอกที่ตั้งชิดไปทางด้านหน้าต่าง คิ้วขมวดนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังแว่ว พอลุกจากโต๊ะเดินไปดูใกล้ๆ ก็ได้คำตอบเป็นดวงตาสีฟ้ากลมแป๋วของร่างแบเบาะที่นอนอยู่บนฟูกนิ่ม

หน้ากลมป้อมเหมือนจะฉีกยิ้มให้ แถมยังส่งเสียงทักอีก “แอ๊ แอ๊”

นึกว่าหูฝาด...นี่ยังไม่ยอมหลับจริงๆ เหรอเนี่ย

เดรโก มัลฟอยถอนใจเฮือก หลงดีใจว่าวันนี้เจ้าตัวยุ่งหลับเร็ว ก็อุตส่าห์เล่นด้วยจนเพลียแล้วนี่นา มือเรียวลูบหลังของร่างที่นอนอยู่ในเตียงคอก เสียงหวานพูดแผ่วช้าอย่างตั้งตกตั้งใจเต็ม

“โอ๋ โอ๋ ดีล...นอนซะนะ...นอน...”

แต่ดูท่าทางจะไม่เป็นผล เพราะตัวกลมๆ นั่นดิ้นหลบมือที่ลูบหลังให้เสียอย่างนั้น คนกล่อมย่นหน้าลงเล็กน้อย คราวนี้เสียงชักแข็งขึ้นมานิด “นอนนะ...ดีล”

“แอ๊ะ!” เจ้าตัวยุ่งในคอกส่งเสียงราวกับจะประท้วง ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วชะเง้อมองใบหน้าที่ก้มลงมาหาบอกชัดว่า ‘ยังไม่ง่วงสักหน่อย’

“เฮ้อ ทำไมนอนยากแบบนี้นะ” เดรโกหลุดปากบ่นออกมาจนได้ ใบหน้าสวยเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว ทำไมเจ้าตัวเล็กยังไม่ง่วงอีกละนี่ แต่จะไม่บังคับให้นอนกลางวันก็ไม่ได้ ไม่งั้นตอนค่ำได้งอแงง่วงนอนจนเขากับใครอีกคนไม่ได้ทานอาหารเย็นอย่างสงบแน่

“อ๊ะ เอ...” เด็กทารกในเตียงดิ้นขลุกขลัก ส่งเสียงอ้อแอ้เรียกร้องความสนใจ จนสุดท้ายผู้ปกครองก็ยอมแพ้ อุ้มเจ้าตัวดีออกมาจากเตียงอีกจนได้

“อยากให้ ‘คุณพ่อ’ อุ้มลงไปเดินเล่นอีกแล้วเหรอ ดีล?” เดรโกยิ้มพลางถามเด็กในอ้อมแขน ก่อนจะแกล้งบีบปลายจมูกเล็กเบาๆ แบบหมันเขี้ยว “เรานี่มันชอบเที่ยวแต่เด็กเลยน๊า!”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ชายหนุ่มก็อุ้มเจ้าหนูออกมาจากห้องอยู่ดี

……………………………………………………

ติ๊ด!

เสียงเครื่องตอบรับโทรศัพท์ดังขึ้นตอนที่ร่างบางอุ้มลูกชายเข้ามาในห้องนั่งเล่น เกือบลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ปิดเสียงโทรศัพท์เพราะกลัวว่าจะกวนตอนกล่อมเจ้าดีลนอน แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีนั่นแหละ

มือเรียวจัดการกดกรอเทปเครื่องตอบรับ แล้วเสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้น

[เดรโกทำไมไม่รับสายล่ะ...? กล่อมดีลนอนกลางวันอยู่เหรอ?]

“ก็ใช่น่ะสิ” ทั้งที่รู้ว่าเป็นเสียงอัด แต่เสียงหวานก็ยังพึมพำตอบด้วยความเคยชิน เดรโกเดินไปเดินมา กึ่งอุ้มกึ่งกล่อมเด็กน้อยในอ้อมแขนขณะที่ฟังเสียงจากเทปต่อ

[ดีลหลับหรือยัง? นายเหนื่อยไหม? เดี๋ยวฉันมีประชุมตอนบ่าย อาจจะไม่ได้โทรหานะ]

รู้แล้วล่ะน่า นายบอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วไง...

คนฟังส่ายหน้าพลางบ่นอีกฝ่ายในใจ ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักหนา เฮ่อ...

ที่จริงตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แฮร์รี่ก็ชอบโทรมาหาเขาช่วงพักเที่ยงหรือช่วงที่ว่างอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว เจ้านั่นให้เหตุผลว่ากลัวเขาจะเหงา (เชอะ จะเหงาอะไรกัน เขารับผิดชอบตัวเองได้หรอกน่า ทำมาเป็นห่วง)

แต่นั่นน่ะ ช่วงก่อนจะมีลูกนะ...

ตั้งแต่มีดีล ดูเหมือนอดีต ‘เด็กชายผู้โด่งดังที่สุดในโลกเวทมนต์’ จะติดโรคเห่อลูกเรื้อรังไปเรียบร้อย ชายหนุ่มจะต้องโทรมาเช็คกับเขาตั้งแต่เข้าไปถึงที่ทำงานตอนเช้า ช่วงคอฟฟี่เบรคตอนสาย และตอนเย็นก่อนกลับบ้าน ยิ่งช่วงอาหารกลางวันนี่ไม่ต้องพูดถึง รายนั้นโทรมาชวนคุย สั่งเสียโน่นนี่ทีละนานๆ จนเดรโกนึกสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนพิเศษคนนี้เนี่ย วันๆ ได้คุยกับเพื่อนร่วมงานบ้างหรือเปล่า?

[แล้วฉันจะรีบกลับบ้านไปทำอาหารเย็นนะ นายอยากกินอะไรล่ะ?]

คนถูกนินทาถามต่อ แต่คราวนี้เสียงเอาอกเอาใจนั้นเรียกรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปากบางได้ เดรโกขยับจะพูดตอบ

“บรองดาด...”

[บรองดาดทรุฟเฟ่ต์ใช่ไหม? งั้นฉันแวะซื้อปลาที่ซุปเปอร์นะ อ๊ะ ต้องไปประชุมแล้ว เดี๋ยวเจอกันเย็นนี้ ฝากหอมดีลกับ ‘คุณพ่อดีล’ คนละทีด้วยล่ะ บาย]

คำทายแบบรู้ใจกับเสียงท้ายประโยคก่อนจะวางหูนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“รู้แล้วยังจะมาถามอีก...ป๊ะป๋านี่กวนจริงๆ เลยนะดีล”

ประโยคหลังหันไปพยักเพยิดกับร่างกลมป้อมที่กำลังอุ้มอยู่ แต่อีกฝ่ายเพียงแต่ส่งเสียงอ้อแอ้ตอบอย่างไร้
เดียงสา พลางฉีกยิ้มอวดเหงือกสีแดงใส

“แอ๊ แอ๊”
……………………………………………………

ร่างบางเสียเวลาอีกพักใหญ่ กว่าที่เจ้าตัวเล็กจะยอมหลับพับคาอ้อมแขนไปในที่สุด

เดรโกค่อยๆ วางลูกชายลงในเตียงคอกอย่างแผ่วเบา ดึงม่านหน้าต่างกันแสงแดดยามบ่ายจะเข้ามากวนทารกน้อย แล้วค่อยเดินออกจากห้องมาเงียบๆ รีบไปล้างและต้มขวดนมสองกองพะเนินเสียตอนที่ยังมีเวลาว่าง แล้วค่อยทำงานอย่างอื่นต่อ

เฮ่อ จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อยเหมือนกันนะ...

อดีตคุณหนูของบ้านมัลฟอยคิดขณะที่ลำเลียงผ้าที่ตากแห้งแล้วเข้ามาเก็บในบ้าน

ที่จริงใช้ไม้กายสิทธิ์หรือว่าให้เอลฟ์ประจำบ้านที่วิลเชียร์มาช่วยมันก็สะดวกดีอยู่หรอก แต่ว่าเดรโกกลับคิดว่า ขืนเขานั่งๆ นอนๆ อยู่ในบ้านเฉยๆ แบบนั้นทั้งวัน คงได้เป็นง่อยกันพอดี แถมเรื่องดูแลลูกก็เป็นเรื่องที่ไม่อยากไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ดีว่าแฮร์รี่รับงานบ้านอย่างอื่นไปรับผิดชอบ เขาเลยมีเวลามายุ่งอยู่กับลูกชายเต็มที่

แต่งานนี้แหละตัวเหนื่อยเลย...

ติ๊ด!

เสียงเครื่องตอบรับที่ดังขึ้นอีกครั้ง คนใจลอยเกือบสะดุ้ง คราวนี้เสียงจากเทปเป็นเสียงแหลมเล็กอีกเสียง

[เดรโก? หวัดดีจ้ะ...ไม่อยู่หรอกเหรอเนี่ย?]

ใบหน้าเรียวเลิกคิ้วนิดหนึ่ง แพนซี่? ทำไมใช้โทรศัพท์มักเกิ้ลแทนไปรษณีย์นกฮูกล่ะ?

ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่ยังมีผ้ากองโต สงสัยจะกดรับก็คงไม่ทันแล้ว เลยต้องปล่อยให้เทปตอบรับทำหน้าที่ไปก่อน ดูท่าคงจะไม่มีเรื่องด่วนอะไรละมัง เดี๋ยวค่อยโทรกลับก็คงได้

ร่างบางจัดการเอาผ้าไปเก็บแล้วจึงกลับมากดเทปฟังต่อ

[สบายดีไหม? ลูกชายเป็นไงบ้างจ๊ะ กำลังเริ่มจะซนล่ะสิ อันนี้วัดจากเธอสมัยเด็กๆ นะ]

เสียงเพื่อนสนิทมีเค้ายั่วเย้าเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง [ของฉันน่ะ เงียบน่าดูเลย ไม่ค่อยร้อง ไม่ค่อยกวน ไม่รู้ทำไม แต่หมอก็ที่นี่บอกว่าไม่เป็นอะไร สุขภาพแข็งแรงดี กินนมจุด้วยล่ะ สงสัยจะแค่แปลกที่ แปลกอากาศละมั้ง เธอว่าไหม?]

คนฟังอดพยักหน้าตามไปด้วยไม่ได้ นั่นสิ ก็เธอเล่นย้ายตามสามีไปอยู่ตั้งไกลทั้งที่เพิ่งมีลูกเล็ก เด็กก็คงแปลกที่นั่นแหละ ว่าแต่ทำไมคราวนี้เล่ายาวจัง? สงสัยจะเหงาแฮะ

เดรโกฟังอีกฝ่ายเล่าไปจัดการเก็บแมกกาซีนที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะหน้าทีวีไป ที่จริงถ้าแพนซี่อยู่แถวนี้ก็คงจะดี เขาจะได้มีเพื่อนคุย อยู่บ้านคนเดียวมันเงียบไปหน่อยเหมือนกันแหละ มีดีลแล้วจะออกไปไหนมาไหนอย่างเมื่อก่อนมันก็ไม่ค่อยสะดวกเสียด้วย

[เสียดายจัง ไม่ได้เป็นแม่ทูนหัวให้ลูกเธออย่างที่สัญญากันไว้ ตกลงยกให้เกรนเจอร์ใช่ไหม? รายนั้นก็มีลูกปีนี้เหมือนกันนี่]

คำถามนี้ทำให้ใบหน้าสวยเซ็งขึ้นมานิดหนึ่ง

แน่ล่ะ เขาไม่ได้รังเกียจพวกเลือดสีโคลนกับบ้านกริฟฟินดอร์แล้วก็จริง แต่ก็อยากจะให้ลูกชายตัวเองมีพ่อทูนหัวกับแม่ทูนหัวเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์มากกว่า อุตส่าห์ตกลงกับแฮร์รี่ไว้ดิบดี ตำแหน่งพ่อทูนหัวน่ะ จะยกให้เป็นเจ้าวิสลีย์...เพื่อนสนิทหมอนั่น เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก (ยังไงวีเซิลก็เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ล่ะ) แต่พอจะยกตำแหน่งแม่ทูนหัวให้แพนซี่บ้าง สามีของเจ้าหล่อนก็ดันถูกย้ายไปประจำที่โรมาเนียเสียนี่

ร่างบางเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ กำลังคิดว่าจะจัดการเอาผ้าที่เก็บมาเมื่อกี้มาพับแล้วค่อยนั่งดูทีวีดีไหม ก็มีเสียงร้องลั่นดังขึ้นมาเสียก่อน

“แอ๊!!!!!!!!!!!แง!!!!!!!!!!”

“ดีล!” เดรโกอุทาน แล้วรีบหมุนตัววิ่งขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสอง

ทำไมอยู่ๆ เจ้าจอมซนถึงตื่นขึ้นมาล่ะ เพิ่งจะนอนเมื่อกี้นี้เองนี่นา แต่เดรโกก็ยังไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนัก เพราะว่ามีหลายครั้งเหมือนกันที่ลูกชายจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่บ่ายแบบนี้

สาเหตุก็มีแค่สองอย่าง...ไม่ทำเปียกก็หิวนั่นแหละ

พอเข้าไปถึง เด็กทารกในเตียงคอกกำลังอ้าปากแผดเสียงลั่น ร่างบางรีบอุ้มลูกชายขึ้นมาดู

“ดีล ทำเปียกเหรอ? หือ?” เตรียมตัวจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เป็นอันดับแรก แต่ผ้าอ้อมที่ทารกน้อยใส่อยู่ก็ยังสะอาด คราวนี้เดรโกเลยเปลี่ยนมาชงนมแทน

แต่พอเอาขวดนมใส่ปาก เจ้าหนูก็บ้วนทิ้งอย่างไม่ไยดี แถมยังดิ้นแรงขึ้นอีกต่างหาก

คราวนี้คนเป็นพ่อชักร้อนรนขึ้นมาแล้ว “ดีล เป็นอะไรน่ะ?” มือเรียวลูบหลังเด็กตัวเล็กที่ยังร้องไม่หยุด พลางเขย่าตัวเบาๆ เป็นการปลอบ แต่เสียงร้องก็ยังคงดังลั่น

“แง๊!!!!!!!!!”

ไม่รู้ว่าเป็นอุปปาทานของเขาหรือเปล่า ใบหน้ากลมป้อมเหมือนจะแดงขึ้นนิดๆ

...หรือว่าจะไม่สบาย?

เดรโกฉุกคิด ดีลเป็นเด็กแข็งแรง ไม่เคยมีอาการงอแงไม่ทราบสาเหตุมาก่อน อยู่ๆ ร้องไห้ไม่หยุดแบบนี้ได้ยังง? คุณพ่อตัวเล็กรีบสำรวจขวดนมที่วางอยู่ในตะกร้าข้างเตียง แต่นมที่เพิ่งชงอุ่นๆ ก็รสชาติปกติ เขาต้มขวดนมทุกขวดเองด้วย เพราะฉะนั้นไม่น่าจะไม่สะอาด

“แอ๊!!!!!” เสียงร้องยิ่งดังขึ้นอีก เดรโกใจเสียขึ้นเรื่อยๆ

ไปโรงพยาบาลดีกว่า!

ร่างบางตัดสินใจอุ้มลูกชายลงมาชั้นล่าง แต่พอเอื้อมจะหยิบกุญแจรถก็คิดได้ว่า ดีลเป็นแบบนี้เขาปล่อยให้นั่งคาร์ซีทโดยที่ตัวเองต้องขับรถไปด้วยไม่ได้แน่

“ตามแฮร์รี่!”

นิ้วเรียวสั่นเล็กน้อยขณะกดหมายเลข แต่พอยกหูกลับได้ยินเพียงสัญญาณของเครื่องตอบรับ จริงสิ เจ้านั่นประชุมอยู่นี่นา ทำไงดี! ชายหนุ่มผมบลอนด์ได้แต่ฝากข้อความไว้กับเครื่องตอบรับด้วยเสียงรัวเร็ว

“แฮร์รี่! ดีลเป็นอะไรไม่รู้ นายรีบกลับบ้านนะ เร็วๆ นะ”

เดรโกวางหูโทรศัพท์ด้วยอาการร้อนรนกว่าเดิม ทารกในอ้อมแขนยิ่งดิ้นแรงขึ้น แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดลูกชายแน่น

“ดีล...เป็นอะไร?” ท้ายประโยคเริ่มสั่นระริก ร่างบางเขย่าตัวทารกน้อยเบาๆ พลางปลอบเสียงสั่น “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวป๊ะป๋าก็กลับบ้านแล้ว ไม่เป็นไรนะ”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง กริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น “แฮร์รี่!”

ร่างบางผวาไปเปิดประตูทันที แต่คนที่ยืนอยู่กลับเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลฟูฟองที่กำลังยืนจับรถเข็นเด็กทารก ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง

“มัลฟอย? เป็นอะไรน่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ตกใจกับท่าทางของอีกฝ่ายจนต้องรีบถาม

เดรโกพอเห็นว่าไม่ใช่คนที่รออยู่ก็ยิ่งหน้าเสียหนัก ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วแทบไม่มีสีเลือด ร่างแบเบาะในอ้อมแขนแผดเสียงลั่นจนทำให้สะดุ้งกันไปหมด คนเป็นพ่อจึงได้สติ รีบบอกผู้มาเยือนด้วยเสียงร้อนรน

“ดีล..ดีลเป็นอะไรไม่รู้ แฮร์รี่ยังไม่กลับบ้าน ฉันพาไปโรงพยาบาลคนเดียวไม่ได้ ทำไงดี ร้องใหญ่แล้ว ต้องไปสบายมาแน่ๆ เธอมีรถมาไหม เกรนเจอร์”

“ใจเย็นๆ ก่อนมัลฟอย” หญิงสาวรีบยกมือห้ามคนที่กำลังพูดรัวเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองไปทางเด็กชายตัวน้อยที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของร่างบาง

“ไหน...ขอฉันดูหน่อยซิ”
……………………………………………………

ร่างบางนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา บีบมือตนเองที่วางบนเข่าแน่น ใบหน้าเรียวขาวที่ค่อยซับสีเลือดขึ้นมาบ้างจ้องนิ่งไปยังโซฟาฝั่งตรงข้าม เพื่อนสนิทของคุณพ่ออีกคนกำลังทารกตัวน้อยให้นอนคว่ำพาดตัก แล้วค่อยๆ ลูบหลังเบาๆ ตั้งแต่กลางหลังไปจนถึงช่วงไหล่

“เวลาร้องไห้หลังจากกินนมเสร็จบางทีก็เป็นเพราะแน่นท้องน่ะ ต้องให้เด็กเรอออกมาบ้าง” หญิงสาวผู้มาเยือนอธิบายคร่าวๆ “เด็กเล็กสื่อสารไม่เป็นก็เลยเอาแต่ร้องไห้ไงล่ะ พอสบายขึ้นก็หยุดร้องเองแหละ เอ้า...นี่ไง หลับไปแล้ว”

เฮอร์ไมโอนี่ส่งเด็กชายที่หลับพริ้มแล้วให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปดูลูกของตนที่นอนหลับอยู่ในรถเข็น

ชายหนุ่มผมบลอนด์รับลูกชายมาแล้วพึมพำ “ขอบใจนะ ....ถ้าเธอไม่มา ดีลคงแย่แน่ ฉันมัวแต่ตกใจ...”

“ไม่เป็นไรหรอก ลูกคนแรกก็แบบนี้แหละ”

หญิงสาวผมสีน้ำตาลคลี่ยิ้ม เธอรอจนอีกฝ่ายจัดการให้เด็กทารกในอ้อมแขนนอนหลับบนเตียงสำรองในห้องนั่งเล่น และยกชามาเสิร์ฟแขกแล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกฉันพาเฮอร์มีสมาตรวจสุขภาพประจำเดือนที่เซนต์มังโกน่ะ เห็นรอนว่าจะแวะไปหาแฮร์รี่ที่กระทรวง ฉันก็เลยแวะมานี่ก่อน” เธอว่าพลางก้มลงหยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากตะกร้าท้ายรถเข็นคันเล็ก

พวงตุ๊กตาพลาสติกสีฟ้าสดร้อยเป็นพวงทำให้เดรโกต้องเลิกคิ้ว

“ของรับขวัญดีลไง ฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่แม่ทูนหัวที่ดีเลยนี่นะ” อีกฝ่ายอธิบายต่อยิ้มๆ “โมบายหมุน...ของเล่นของพวกมักเกิ้ลน่ะ เอาไปแขวนไว้เหนือแปลแล้วหมุนให้ลูกดู” ว่าพลางสาธิตไปด้วย แถมด้วยประโยคทิ้งท้าย “รับรองว่าเป็นยานอนหลับขนานเอกเลยนะ”

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางสนอกสนใจขึ้นมาทันควันของอีกฝ่าย คนมีลูกอ่อนที่เหมือนกันก็เลยเข้าใจปัญหาของคนตรงหน้าตอนนี้ได้ดี หญิงสาวหันไปหยิบบางอย่างจากกระเป๋ามายื่นส่งให้

“แล้วเล่มนี้ของเธอ ฉันลองอ่านมาหลายเล่มแล้ว เล่มนี้แหละได้ผลที่สุด”

เดรโกรับหนังสือเล่มค่อนข้างหนาที่หน้าปกเขียนว่า ‘เลี้ยงลูกคนแรกอย่างไรดี?’ มา

ดวงตาสีฟ้ามอง ‘ของฝาก’ ในมือสลับกับใบหน้าใจดีของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหนึ่ง เมื่อกี้เขาเพิ่งจะนึกว่าไม่อยากให้พวกเลือดผสมเป็นแม่ทูนหัวของลูกชาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดอคติกับอดีตที่เขาเคยตั้งแง่เลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มผมบลอนด์คลี่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก

“ขอบใจนะ”
……………………………………………………

ร่างบางรอจนหญิงสาวผมฟูฟองเข็นรถเข็นไปถึงรถแวนคันย่อมที่จอดอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามแล้วจึงปิดประตู เดรโกจัดการเก็บเสื้อผ้าที่วางทิ้งไว้บนเตียงเข้าตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นไปดูลูกชายอีกครั้ง เจ้าหนูจอมยุ่งคงจะเสียพลังงานจากการร้องไห้ไปเสียมาก ตอนนี้เลยยังหลับปุ๋ยท่าทางน่าสบายจนคนเป็นพ่ออดยิ้มไม่ได้

“ค่อยยังชั่วหน่อย...”

มือเรียวลูบศีรษะเล็กจ้อยอย่างทะนุถนอม เมื่อครู่เขากลัวแทบตาย กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ความกลัวนั้นทำให้เข้าใจว่า ลูกชายคนนี้สำคัญกับตนเองขนาดไหน ใบหน้าสวยก้มลงแตะริมฝีปากกับแก้มนุ่มนิ่มเบาๆ ก่อนจะกระซิบ

“ฝันดีนะ ดีล”

ชายหนุ่มผมบลอนด์เดินลงมายังห้องนั่งเล่นด้านล่างอีกครั้ง เตรียมยกหูโทรศัพท์ไปฝากข้อความให้แฮร์รี่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลข เตาผิงใหญ่ข้างตัวก็ลุกพรึ่บเป็นกองไฟสีเขียว

ร่างสูงร่างหนึ่งรีบก้าวออกมาหาพร้อมกับส่งเสียงรัวเร็ว “เดรโก! ดีลเป็นไงบ้าง!”

คนถามจับแขนเรียวไว้แน่น ใบหน้าสีน้ำตาลอ่อนซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันเพิ่งประชุมเสร็จ เลยรีบใช้ผงฟลูมา ลูกไม่สบายตรงไหน? แล้วนายตกใจมากรึเปล่า”

เดรโกอึ้งไปชั่วครู่เพราะตอบคำถามรัวเป็นชุดนั่นไม่ทัน

“ดีลล่ะ จริงสิ! ต้องพาไปโรงพยาบาล ”

จนเมื่อร่างสูงทำท่าจะวิ่งไปหยิบกุญแจรถนั่นแหละ เขาถึงต้องดึงแขนยาวนั่นไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน แฮร์รี่ ดีลไม่เป็นไรแล้ว แค่ท้องอืดน่ะ” เสียงหวานรีบอธิบายให้คนที่ชะงักกึกแล้วฟังต่อ “ตอนนี้นอนหลับอยู่ข้างบนโน่นแล้ว แต่ถ้านายเสียงดังอย่างนี้ล่ะก็ลูกตื่นแน่”

คนที่ถูกดึงไว้ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดเขา เดรโกกำลังจะอ้าปากเล่าเรื่องที่เพื่อนสนิทของอีกฝ่ายมาเยี่ยม แต่ร่างบางกลับถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมอกกว้างเสียก่อน คนกอดถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ค่อยยังชั่วหน่อย...” เสียงทุ้มกระซิบอู้อี้อยู่กับศีรษะเขา

อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เดรโกจึงได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของอีกฝ่ายได้ถนัด...คงจะตกใจเหมือนกันสินะ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองชุดสูทสีเข้มกับเรือนผมสีดำยังมีฝุ่นผงติดอยู่เต็มไปหมดเพราะเจ้าของไม่ได้ใส่ใจจะปัดด้วยซ้ำ ต้องรีบมาจนไม่ทันนึกอะไรเลยแน่ๆ

มือเรียวขยับโอบกอดตอบพร้อมกับซบหน้าลงกับบ่ากว้าง

“อือ...ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
……………………………………………………

“เฮอร์ไมโอนี่ก็แวะมาหานายเหรอ?”

ชายหนุ่มผมดำเปรยขณะที่หยิบผักกาดแก้วมาเด็ดออกเป็นใบๆ จัดใส่ในชามสลัด ไหนๆ ก็กลับมาบ้านแล้ว แฮร์รี่เลยถือโอกาสเลิกงานไว้หน่อย แล้วเตรียมทำอาหารเย็นเสียตั้งแต่ตอนบ่าย

“อือ เกรนเจอร์แวะเอาของรับขวัญมาให้ดีลน่ะ”

คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะตอบพลางหยิบแครอทแท่งสั้นๆ ที่อีกฝ่ายหั่นเตรียมไว้ใส่ปาก ตายังจดจ้องอยู่กับหนังสือเล่มหนาที่หอบหิ้วเข้ามาด้วย ไม่ได้หรอก เขาเสียเวลาไปนานแล้ว ต้องรีบเรียนรู้เรื่องการดูแลทารกให้ละเอียด คราวหน้าลูกเป็นอะไรไป จะได้ไม่ร้อนรนทำอะไรไม่ถูกแบบวันนี้อีก

แฮร์รี่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังติดลมเลยอยากไม่กวน ร่างสูงหันกลับไปง่วนกับการเตรียมอาหารตรงหน้าต่อ จนเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานผิดปกตินั่นแหละ ชายหนุ่มผมดำถึงค่อยหันกลับมาดูอีกที แล้วก็ต้องอุทานออกมาพร้อมรอยยิ้มขำแกมเอ็นดู

“อ้าว?”

...ก็คนที่ตั้งหน้าตั้งตาอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ฟุบหลับลงกับหน้าหนังสือเสียแล้ว

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียมเสร็จพอดี แฮร์รี่จึงเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

ใบหน้าเรียวขาวหลับพริ้มมีเค้าเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย คงจะเพลียสินะ วิ่งวุ่นเรื่องลูกชายมาทั้งวัน ที่จริงตอนนี้ก็ยังมาเย็นมาก ให้พักสักหน่อยดีกว่า

คนตัวใหญ่กว่าคิดแล้วก็สอดแขนช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อพาขึ้นไปยังห้องนอนชั้น 2 ก่อนจะลงมาอุ้มลูกชายที่หลับอยู่ในห้องนั่งเล่นไปวางบนเตียงข้างๆ กัน พอรู้สึกถึงแรงดิ้นเบาๆ มือบางก็เลื่อนมาลูบหลังให้ทารกน้อยโดยอัตโนมัติทั้งที่ยังไม่ลืมตาตื่นด้วยซ้ำ

คุณพ่ออีกคนที่มองอยู่คลี่ยิ้มกับท่าทางเอาจริงเอาจังนั้น

เรื่องดูแลลูกเป็นหน้าที่แสนหนักที่อดีตคุณชายแสนดื้อคนนี้ไม่ยอมยกให้ใครจริงๆ นะ

ร่างสูงขยับผ้าห่มผืนบางมาคลุมให้คนที่นอนอยู่บนเตียงทั้งสองคนอย่างระมัดระวังไม่ให้ตื่น นิ้วเรียวยาวช่วยเขี่ยปอยผมสีบลอนด์ที่ตกเรี่ยลงมาระใบหน้าใส ชายหนุ่มก้มลงแตะริมฝีปากกับหน้าผากเนียนแล้วกระซิบเบาๆ

“ฝันดีนะ เดรโก...”

/~*/~*/~*/~*/~*/~*/~*/The End /~*/~*/~*/~*/~*/~*/~*/


Talk

Acacha (Co-ordinating Staff - -หน้าที่เดิมอีกแล้ว) :

เดรโกเวอร์ชั่นแม่ๆ 5555+ อยากจะบอกว่าตอนอ่านเช็ครอบแรกนี่ นึกภาพเดรโก+เฮอร์ไมโอนี่+แพนซี่เป็นประมาณแม่บ้านเพิ่งกลับจากตลาด เหอ เหอ คิดไปได้

*ช่วงนี้(หมายถึงตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา) สมองชาอยู่ในสภาพเหมือนถูกยัดด้วยเศษกระดาษยุ่ยๆ^^” แย่ชะมัด เวลาที่จะเขียนอะไร แล้วสิ่งที่ออกมาก็มีแค่ตัวหนังสือเนี่ย (--เริ่มพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้ว คนเรา^^” )

เอาเป็นว่าจบทอร์คแบบคุณพ่อบ้านละกัน----Oyasuminasai >< (ก็ตอนนี้ตี2แล้วนี่)

NaO

กำลังเตรียมตัว - - เตรียมตัวเปลี่ยนงานนะ ไม่ใช่เตรียมตัวมีลูก พอดีมีตำแหน่งว่างในกองบรรณาธิการนิตยสารแม่ๆ ลูกๆ ในบริษัทเดียวกัน โอคุงจะขอย้ายไป ก็ถูกตั้งโจทย์ให้ไปอ่านนิตยสารฉบับนั้น 5 เล่มรวด แล้วค่อยเข้าไปคุยกับทางบ.ก. อีกที

ตอนนี้อ่านจบไป 2 เล่มแล้ว ซึมซับมาก..แหม มีลูกนี่ว่ายากแล้ว เลี้ยงลูกท่าจะยากกว่าแฮะ

...ไม่รู้จะอธิบายยังไง เลยเขียนออกมาเป็นฟิกซะเลย

ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่แสนจะวุ่นวาย รู้สึกตอนกุมภาปีที่แล้วก็บ่นแบบเดียวกันใช่ไหม Deja Vous ชัดๆ เข้าที่ทำงานตอนเช้า มีปัญหารอให้แก้ วุ่นตามโน่นจิกนี่อยู่ทั้งวันทุกวัน กำลังกาย + กำลังใจจะแต่งฟิกหดหายสวนทางกับความเครียดที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไหร่มันจะผ่านไปเสียทีหนอ?

ใครที่รอเรื่องยาวอยู่ก็อดใจหน่อยนะคะ ตอนนี้สมองตันอย่างหนัก พอจะคิดออกแค่เรื่องใสๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดมากนี่แหละ ขอจบแบบงึมงำเหมือนคนข้างบนบ้าง

ว่าแต่...ใครรู้บ้างว่า เด็กทารกนี่ร้องออกมาเป็นเสียงยังไงเหรอ?


Tea Café’s News ข่าวฝากจากร้านน้ำชา

หลายท่านคงทราบแล้วว่า ร้านน้ำชาจะออกผลิตภัณฑ์ชิ้นที่ 2 ช่วงกลางปีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นไหนไกล นอกจาก Sweet Home’s Series นี่แหละ เพราะฉะนั้น Baby is a Big Job คงเป็นซีรีย์สุดท้ายที่จะลงในบอร์ดก่อนรวมเล่มนะเจ้าคะ (เพราะต่อไปคงต้องใช้เวลากับการปรู๊พ + แต่งตอนพิเศษที่จะลงในฉบับรวมเล่ม)

ส่วนจะออกเมื่อไหร่ และรายละเอียดสินค้าเป็นอย่างไร จะนำข่าวมารายงานต่อไป ขอบคุณท่านๆ ที่ถามถึงมาด้วยนะคะ




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2549 21:07:52 น.
Counter : 3546 Pageviews.

3 comment
Sweet Home: Sweet Honeymoon
แสงแดดอ่อนที่ส่องผ่านเข้ามากระทบ เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับเสียงนกร้องแว่วทำให้ใบหน้าเรียวขาวที่หลับพริ้มอยู่กับหมอนสีขาวใบโตค่อยๆ ปรือตาขึ้น

“อืม....” เช้าแล้วเหรอเนี่ย...ยังไม่อยากลุกเลย คิดแล้วก็อ้าปากหาวออกมาเล็กๆ - - หลับต่อก็ได้นี่นะ

ร่างบางพลิกตัวหันหนีแสงแดดไปอีกทาง เอื้อมคว้าหมอนข้างมากอด ขาเรียวกวาดเอากองผ้าห่มปลายเท้าตกลงไปกองกับพื้นข้างเตียง...แต่ยังไม่ทันได้หลับอย่างใจคิดก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะร่างสูงของใครอีกคนโถมลงมาทับ

“ตื่นได้แล้ว คนขี้เซา” เสียงทุ้มบอกร่าเริง กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ลอยกรุ่น ก็แน่ล่ะ รีบไปอาบน้ำให้สดชื่นมาแล้วนี่นา มือเย็นชื้นเอื้อมมาดึงหมอนข้างออกไปจากคนที่กำลังพลิกหนี

“ไม่เอา...ง่วงจะแย่แล้ว แฮร์รี่...”

ใบหน้าสวยงัวเงียบอกทั้งที่ยังหลับตา ทำให้ชายหนุ่มผมดำคลี่ยิ้ม แต่ก็ไม่ละความพยายาม ร่างสูงขยับเข้าไปชิดจนแทบจะตัวติดกับคนที่นอนอยู่ก่อน

“ไหนนายบอกว่า อยากไปเล่นเจตสกีไง วันนี้แดดดีนะ” ไม่พูดเปล่า ยังกดปลายจมูกไปที่แก้มใสเสียฟอดหนึ่ง “ตื่นเถอะ...” เงียบ...ไม่ยอมลุก คราวนี้เป้าหมายเลยเลื่อนลงมาประทับริมฝีปากที่หัวไหล่ขาว

“...ฮื้อ!” ร่างบางชักตาสว่างเมื่อมือเย็นอ้อมมาดึงเอวคอดเข้าไปหา รีบส่งเสียงห้ามเสียก่อน “ไม่เอานะ!” ยังไม่ทันลืมตากำปั้นเล็กก็ทุบปั่กเข้าที่ต้นแขนคนกอดได้อย่างแม่นยำ “เล่นบ้าอะไรแต่เช้าห๊า”

“ก็นายไม่ยอมตื่นนี่นา” ไม่ยอมเลิก ว่าแล้วก็...อีกฟอดที่แก้มซ้าย

คราวนี้คนขี้เซาเลยได้ฤกษ์ตื่นเต็มตา “พอแล้ว! ตื่นแล้วน่า!” เดรโกบ่นพลางหันหน้าหนีจมูกกับปากซุกซนนั่นไปด้วย แต่เจ้าของดวงตาสีมรกตกลับทำหน้ายิ้มๆ ไม่ยอมผละอ้อมแขนออกสักนิด คนถูกกอดต้องเอามือดันหน้าคนที่อยู่ด้านบนให้ออกไปไกลหน่อย

“เอ๊...ก็บอกว่าตื่นแล้วไง!” เสียงแหวชักดังขึ้น เมื่อคนจู่โจมทำท่าจะซุกหน้ากับต้นคอขาวๆ นิ้วเรียวเลยจัดการหนีบเนื้อต้นแขนหมับเข้าให้

“อูย..ไม่เห็นต้องหยิกเลยเดรโก” อีกฝ่ายยอมปล่อยมือแล้วหันมาลูบแขนตัวเองป้อยๆ งึมงำเสียงอ่อย “นายบอกให้ฉันรีบตื่นไม่ใช่เหรอ ทำไมมาตื่นสายเองล่ะ”

ร่างบางชิงลุกขึ้นนั่งเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะหากำไรได้มากกว่านี้ “ก็บอกว่าตื่นแล้วๆ นายอยากไม่ยอมฟังเองนี่” ใบหน้าสวยแอบตวัดค้อนคนที่ลุกขึ้นมานั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ

หนอย...มาว่าเราตื่นสาย ก็ใครล่ะ ทำให้เมื่อคืนกว่าจะได้นอนน่ะห๊ะ!

แฮร์รี่มองคนตัวเล็กที่ผละหนีไปเสียไกล แถมยังทำหน้าตาระแวงๆ ได้น่ารักจนอยากจะแกล้งต่อ แต่ไม่กล้าลงมือ...ก็ฝ่ายนั้นเล่นตั้งท่ากางเล็บรอจัดการอยู่นี่นา

“งั้นก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”ร่างสูงเปลี่ยนยุทธวิธีกะทันหัน รีบรุนหลังอีกฝ่ายให้เดินเข้าประตูบานเล็ก “เดี๋ยวทานข้าวแล้วไปเดินเล่นกัน” มือเรียวยาวคว้าผ้าเช็ดตัวติดมือไปด้วย

“รู้แล้วน่า!...เอ๊ะ! แล้วจะเข้ามาด้วยทำไม!” คนถูกดันร้องโวยวายเสียงลั่น

“ก็มาช่วยนายอาบน้ำไง จะได้ไวๆ”

“ไม่ต้อง! ฉันอาบเองได้.....นี่!!!” ///

หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็เดินออกมาที่ระเบียง อากาศสดชื่นเต็มไปด้วยออกซิเจนผสมกับกลิ่นเค็มของน้ำทะเลทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย เดรโกเท้าแขนบนระเบียงไม้กลมของวิลลา ใบหน้าเรียวขาวก้มลงมองดูพื้นน้ำสีมรกตใสแจ๋วเบื้องล่าง

สวยจัง...ดูกี่ทีๆ ก็ไม่มีเบื่อ

ชายหนุ่มผมบลอนด์คิดพลางเพ่งมองฝูงปลาที่ว่ายเวียนมาวนอยู่รอบเสาไม้ต้นใหญ่ เขาติดใจรีสอร์ทนี้ตั้งแต่แรกเห็นเป็นภาพเล็กๆ จากหน้าต่างเครื่องบินแล้ว หมู่วิลลาที่ถูกสร้างให้อยู่เหนือผิวน้ำเป็นกระท่อมแบบพื้นเมือง ตัวบ้านทำจากไม้ไผ่กับท่อนไม้กลมแข็งแรง หลังคามุงด้วยจาก เชื่อมกันด้วยทางเดินแคบเป็นแถวโอบล้อมอ่าว เบื้องหน้าคือผืนน้ำสีฟ้าอมเขียว ไกลสุดตา ส่วนเบื้องหลังเป็นหาดทรายขาวสะอาด ชุ่มชื้นด้วยหมู่ต้นมะพร้าว ไม่แปลกใจเลยที่พวกมักเกิ้ลเรียกที่นี่ว่าสรรค์บนดิน

ร่างบางนิ่งมองอยู่นานจนเกือบสะดุ้ง เมื่อแขนยาวของใครบางคนเอื้อมมาโอบกอดจากด้านหลัง

“หิวหรือยัง?” เสียงทุ้มถามอย่างเอาใจ ทำให้คนตัวเล็กกว่าหันไปคลี่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า

“อือ กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปเล่นเจตสกี” มือเรียวเป็นฝ่ายดึงคนที่มาตามให้กลับเข้าไปยังร่มเงาของหลังคา โต๊ะอาหารเช้าอย่างง่ายถูกจัดไว้รอเรียบร้อยรวดเร็วสมกับเป็นรูมเซอร์วิสของรีสอร์ทขนาด 5 ดาว

แฮร์รี่นั่งเอามือเท้าคางมองอีกฝ่ายที่รีบทานอาหารอย่างกระตือรือร้น แล้วก็ส่ายหน้า เวลาจะไปเล่นเนี่ย แอคทีฟจริงๆ ทีเมื่อกี้ละไม่ยอมตื่น

...แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่เขาพามาเที่ยวก็เพราะอยากเห็นคนตรงหน้าสนุกสนานร่าเริงนั่นแหละ คนตัวเล็กบอบบางคนนี้ต้องเจอเรื่องร้ายๆ มาพอแล้ว ตั้งแต่ตอนปี 6 จนสงครามกับฝ่ายมืดเสร็จสิ้น ถ้าเป็นไปได้ ต่อไปเขาก็อยากจะทำให้มีความสุขมากๆ มีความสุขตลอดไปเลย...

มัวแต่มองเพลินคิดเพลินจนใบหน้าสวยเงยขึ้นมาเห็นเข้า เลยดุเสียงแหวเข้าให้

“มองอะไรเล่า! รีบกินสิ!”

เดรโกว่าแล้วก็ก้มลงทานอาหารต่อ ชายหนุ่มผมดำเลยต้องรีบก้มลงจัดการจานอาหารของตัวเองบ้าง

“ครับๆ” แกล้งทำท่าหงอล้อ แต่ในใจก็ยังไม่วายแอบคิด

เอ..ลงกลัวกันเสียแต่ต้นมือแบบนี้ สงสัยต่อไปจะหือไม่ขึ้นเสียละมังเรา?

..........................................................................

ด้วยความที่ขึ้นชื่อด้านโรแมนติก ภาพคู่รักหรือคู่แต่งงานใหม่พากันมาฮันนีมูนหวานชื่นจึงไม่ใช่ภาพแปลกตาสำหรับที่นี่ หากคนสองคนที่จูงมือเดินเคียงกันตามความยาวของชายหาดสีขาวในตอนนี้กลับสะดุดสายตาทุกคู่ให้มองตามด้วยความชื่นชม

ดวงตาสีฟ้าปรายมองบรรดาหญิงสาวที่จ้องมาที่พวกเขาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก พวกที่กำลังเล่นกันน้ำอยู่ชะงัก หลายคนที่กำลังนอนอาบแดดถึงกับลุกขึ้นมาจ้องเอาจ้องเอาอย่างไม่เกรงใจเสียด้วยซ้ำ แถม...แทบจะทุกรายส่งยิ้มเชิญชวนให้เสียด้วย

ใบหน้าเรียวตวัดกลับมาที่เพื่อนร่วมทางของตัวเองอย่างฉุนๆ

“หืม? มีอะไรเหรอ เดรโก?” คนถูกค้อนเลิกคิ้วถามอย่างงุนงง เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ดูท่าจะไม่รู้เลยสินะ ว่าถูกตกเป็นเป้าหมายไปเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กกว่าหันหน้ากลับ ไม่ตอบเสียอย่างนั้น แต่ไม่วายเหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะ

ที่จริงจะว่าพวกสาวๆ นั่นทั้งหมดก็ไม่ถูก ก็เจ้านี่ไปสะดุดตาชาวบ้านเขาเองด้วยแหละ ใบหน้าคมกับทรงผมสีดำค่อนข้างยุ่งที่ตอนนี้เริ่มยาวละต้นคอทำให้ดูเซอร์มากกว่าปกติ ร่างสูง ไหล่กว้างรับกับกล้ามแขนและอกกว้างที่ค่อยๆ สอบลงมาเป็นเอวราบเรียบไร้ไขมัน แถมยังผิวสีน้ำตาลอ่อนที่เกิดจากการออกกำลังกายกลางแดดมานานนั่นอีก

เซ็กซี่น่ะ ก็ใช่อยู่หรอกนะ แต่ว่า...เชอะ!

คิดอย่างโมโหแล้วก็ก้มลงมองเสื้อยืดตัวโคร่งที่ถูกบังคับให้ใส่ ทำไมหมอนี่ใส่กางเกงขาห้าส่วนตัวเดียวได้ แต่เขาต้องใส่เสื้อคลุมด้วยล่ะเนี่ย! ไม่ยุติธรรมเลย!

มือเรียวขยับทำท่าจะถอดเสื้อตัวนั้นออก แต่กลับถูกยึดไว้

“จะถอดทำไมน่ะ?” แฮร์รี่ถามพลางขมวดคิ้ว เลยโดนตวัดค้อนไปอีกที

“ก็ฉันร้อน!” เสียงหวานบอกอย่างหงุดหงิด จะยื้อยุดมือออก “ปล่อยนะ ทีนายยังถอดเสื้อได้เลย” ว่าแล้วก็หลุดโวยวายออกมาจนได้ แต่ร่างสูงของคนตรงหน้ากลับไม่ยอมปล่อยตามใจเหมือนเช่นเคย

“แดดแรงนะ...เดี๋ยวไม่สบาย”

ชายหนุ่มผมดำพยายามประนีประนอมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าบู้ “ฉันซ้อมควิดิชตากแดดตากลมบ่อยจนชินแล้วเลยไม่เป็นไรไง” มือเรียวยาวดึงเสื้อตัวใหญ่ลงมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง ดวงตาสีเขียวมรกตมองไปยังอีกทางอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทำให้กลุ่มนักเล่นวินเซิร์ฟที่กำลังจ้องมาที่ร่างบางรีบหลบตากันวูบวาบ

ไอ้เรื่องห่วงกลัวจะไม่สบายน่ะก็จริงอยู่ แต่ที่ให้ใส่เสื้อไว้เนี่ย...เป็นเพราะหวงมากกว่า ก็คนน่ารักของเขาช่างไม่ได้รู้ตัวเอาเสียเลยนี่นา ว่าใบหน้าเนียนกับผมสีบลอนด์นุ่มสลวยนั่นสะดุดตาขนาดไหน ยิ่งเรียวแขนบอบบางกับช่วงขาเพรียวขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นลงไปยังข้อเท้าเล็กเปล่าเปลือย ยิ่งดึงดูดไอ้พวกเสือสิงห์กระทิงแรดแถวนี้เข้าไปใหญ่

แค่นี้เขาก็ต้องทำหน้าดุมาตั้งแต่เดินหัวหาดยันท้ายหาดแล้วนะ เห็นใจกันหน่อยเถอะ

“เฮอะ!” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเจตนาของเขาจริงๆ นั่นแหละ ใบหน้าสวยยังคงบึ้งตึง ทำแก้มป่องนิดๆ แบบที่ทำให้รู้ว่าชักจะเริ่มงอนแล้วนะ แฮร์รี่เลยดึงร่างบางเข้ามาชิดพลางกระซิบเอาใจ

“ไว้กลับไปถึงวิลล่าแล้วค่อยถอดออกเถอะนะ” ชายหนุ่มผมดำเลื่อนมือมาแปะที่เอวบาง “...ถ้าอยู่ในห้อง จะไม่ใส่อะไรเลยทั้งวัน ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ”

ประโยคสุดท้ายทำเอาใบหน้าเรียวร้อนซู่ขึ้นมาทันควัน “บ้า!” มือเล็กทุบบ่าคนลามกไม่ดูกาลเทศะเสียงดังตุบ “พูดอะไรออกมา ไม่อายบ้างหรือไงห๊ะ?!”

แล้วเดรโกก็แทบจะอ้าปากค้างเมื่อร่างสูงก้มลงหอมแก้มฟอดเข้าให้เป็นคำตอบ

“แฮร์รี่!!!!!!!” ขนาดมีคนอื่นอยู่เต็มหาดยังกล้าทำแบบนี้ได้อีกเหรอเนี่ย! เจ้าคนหน้าไม่อาย! แล้วยังมายิ้มแบบไม่สนอีกนะ หนอย....

คนตัวเล็กผละเดินหนีลิ่วๆ แทบจะทันทีที่อีกฝ่ายยอมคลายอ้อมแขน

“เฮ้ เดรโก อย่าเดินเร็วนักสิ เพิ่งกินข้าวกลางวันมา เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”

เสียงทุ้มยังมีการมาเตือน แต่คนถูกเรียกไม่ยอมฟังเสียง ก้าวฉับๆ พร้อมกับตะโกนไล่หลัง

“ใครจะหน้าด้านหน้าทนได้แบบนายกันเล่า เจ้าบ้า!”

..........................................................................

แขนเรียวที่ถูกพันด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นออกไปข้างเมื่อเห็นเงาสีดำที่ปรากฏอยู่ริบๆ บนยอดไม้ ไม่นานนกฮูกเหยี่ยวสีดำตัวใหญ่ก็โผลงมาหา ไซ้จงอยปากลงกับแก้มใสเบาๆ อย่างรักใคร่

“ชู่ว! ฮอร์ก เบาๆ นะ” นิ้วเรียวข้างที่ว่างแตะริมฝีปากเป็นเชิงเตือนสัตว์เลี้ยง ก่อนจะเหลือบมองคนที่นอนหนุนตักตนเองอยู่ พอเห็นใบหน้าสีน้ำตาลอ่อนยังคงหลับพริ้มอยู่เหมือนเดิม เดรโกก็ค่อยลูบขนของเจ้านกฮูกอย่างเอาใจ “ไง เอาจดหมายมารึเปล่า”

ขาข้างที่ถูกผูกกับซองสีขาวสะอาดถูกยื่นมาให้เป็นคำตอบ ทำให้เจ้าของคลี่ยิ้มชม มือเล็กแกะจดหมายออกก่อนจะขยับพูดสั่งเบาๆ “เก่งมาก ไปพักในกรงที่วิลล่าก่อนนะ ฉันเตรียมน้ำกับอาหารอร่อยๆ ไว้ให้แล้ว” สะบัดแขนเพียงเล็กน้อย เงาสีดำก็บินหวือออกไป

ร่างบางกำลังจะเปิดจดหมายออกอ่าน อยู่ๆ ก็มีเสียงทักจากด้านล่าง “แม่นายเขียนมาว่าไงเหรอ?” คนที่คิดว่ากำลังหลับพลิกตัวนอนตะแคง เงยหน้าขึ้นมามอง

“ยังไม่ได้อ่านเลย จะรู้ได้ไง” ส่ายหน้าพร้อมกับบ่นในใจ...แสนรู้อีกนะว่าคนเขียนคือแม่เขา “ตื่นแล้วก็ลุกไปซะที หนักจะแย่” มือเรียวดันศีรษะของอีกฝ่ายออกเบาๆ แต่แขนยาวของคนด้านล่างกลับอ้อมมายึดเอวบางไว้แน่น

“ไม่เอา...กำลังสบายเลยนี่นา~”

ทำเสียงออดอ้อน แกล้งกดจมูกลงกับท้องนิ่มๆ จนเจ้าของตักสะดุ้งดุเสียงลั่น

“นี่! อย่ามาเล่นบ้าๆ นะ จะนอนก็นอนดีๆ ไม่งั้นก็ไม่ต้องนอน!” ขู่พร้อมกับเพิ่มแรงผลักมือ ชายหนุ่มผมดำเลยต้องรีบยอมแพ้

“โอเคๆ นอนดีๆ ก็ได้” ร่างสูงพลิกตัวกลับมานอนหงายมองฟ้าทำตาปริบๆ

เดรโกย่นจมูกใส่คนขี้แกล้งแล้วค่อยเปิดจดหมายออกอ่าน ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบ้าง ขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งบ้าง ก่อนจะนิ่งอยู่ชั่วครู่ มือเรียววางจดหมายลงแล้วเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าด้วยสายตาเหม่อๆ

“มีอะไรเหรอ?” แฮร์รี่ถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปนาน

“ไม่มีอะไรหรอก” คนตัวเล็กส่ายหน้าเร็วๆ เก็บจดหมายเข้าซอง “นายจะกลับรึยัง?”

ดวงตาสีมรกตมองดูใบหน้าสวยที่มีเค้าซึมอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “อืม ไปเถอะ แสงจะหมดแล้ว
นี่เนอะ” ร่างสูงขยับลุกขึ้นมาก่อนจะยื่นมือไปดึงเจ้าของตักอุ่นเมื่อครู่ให้ลุกตาม “กลับวิลล่าไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปหาข้าวเย็นกินแล้วกันนะ” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยชวน

“ก็ได้” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเดินเคียงกันกลับที่พัก


ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วทำให้ทั่วบริเวณวิลล่าดูสลัวลง มีเพียงแสงจากตัวกระท่อมและตะเกียงเจ้าพายุที่แขวนไว้ริมระเบียงทางเดินเป็นระยะๆ ซึ่งที่จริงก็ไม่จำเป็นนัก เพราะที่นี่วางระบบสายไฟใต้ทะเล ดังนั้นทุกวิลล่าจึงมีไฟฟ้าใช้ แต่คนที่มาพักส่วนใหญ่ก็เลือกจะให้จุดตะเกียงแบบพื้นเมือง เพราะมันให้บรรยากาศดีกว่ามากนั่นเอง

เดรโกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วเห็นโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดไว้ที่ชานระเบียง ปกติพวกเขาจะไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารในโรงแรมซึ่งอยู่ริมชายหาด แต่วันนี้คนที่ขออาบน้ำก่อนแถมบอกว่ามีธุระต้องจัดการ กลับกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่เหนือโต๊ะ

“ทำอะไรน่ะ?” ร่างบางเอี้ยวตัวผ่านหลังไปมอง “หือ?” ใบหน้าสวยเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังง่วนอยู่ “นายจะจัดจานอาหารทำไม?” ปกติอาหารจากครัวของโรงแรมก็จัดมาเรียบร้อยแล้วนี่นา

คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับบิขนมปังอบชิ้นเล็กๆ ใช้ช้อนตักสลัดในชามใส่ก่อนมายื่นป้อนให้ “เอ้า”

“อะไรเนี่ย?” เดรโกเหล่มองอย่างไม่ไว้ใจอยู่ชั่วครู่ แต่เห็นว่ามันน่ากินดีเหมือนกันเลยยอมอ้าปากรับ

“อร่อยไหม?” ชายหนุ่มผมดำถามยิ้มๆ

คนชิมเคี้ยวช้าๆ อย่างพยายามพิจารณา “อือ...ก็พอใช้ได้” พูดไปอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วมันอร่อยมากเลยแหละ แปลกแฮะ ปกติเชฟที่นี่ชอบทำอาหารรสจัดนี่นา ตัวเขาเองน่ะติดหวานเสียมากกว่า กินอาหารพื้นเมืองทีไรต้องเรียกหาน้ำตาลมาเติมทุกที

“ดีจัง” ใบหน้าสีน้ำตาลอ่อนคลี่ยิ้มกว้าง “ที่จริงไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องปรุงของที่นี่เท่าไหร่ กลัวว่านายจะไม่ชอบนะเนี่ย” มือเรียวยาวจัดการเทสลัดในชามใส่จานด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ขณะที่เดรโกทำหน้างงอยู่ชั่วครู่

“นี่นายทำเองเหรอ?” ไม่ยักรู้แฮะว่าเจ้านี่ทำอาหารเป็นกะเขาด้วย

อีกฝ่ายเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่ขอยืมมาจากห้องครัวของโรงแรมพร้อมกับตอบยิ้มๆ เหมือนรู้ใจ

“ก็ตอนอยู่กับพวกเดอร์สลีย์...ญาติมักเกิ้ลของฉันน่ะ ฉันเป็นคนทำครัวนี่นา” ถึงจะถูกบังคับก็เถอะ แต่ว่าพอทำๆ ไปมันก็ชินไปเอง แล้วก็รู้สึกสนุกขึ้นมาด้วย ยิ่งพอออกมาอยู่คนเดียวที่บ้านเลขที่ 12 เขาเลยไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารสำเร็จรูปสักมื้อ

“เอาล่ะ อาหารพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มผมดำดึงร่างบางมานั่งที่เก้าอี้ก่อนที่ตนเองจะทรุดนั่งตรงข้ามกัน ท่าทางกระตือรือร้นนั้นทำให้คนตัวเล็กยิ้มขำ หยิบส้อมมาตักสลัดเข้าปากก่อนจะแกล้งพูดขู่ยิ้มๆ

“ดีล่ะ ในเมื่อนายทำอาหารได้ ต่อไปนายต้องเป็นคนทำกับข้าว”

แฮร์รี่มองอีกฝ่ายที่กลับมาร่าเริงอีกครั้งแล้วก็คลี่ยิ้ม พยักหน้าตอบรับคำสั่งโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ได้เลย” ให้ทำอาหารให้นายกินน่ะ จะทำให้ตลอดชีวิตเลยก็ได้



หลังดินเนอร์มื้อเล็กๆ นั้นเสร็จสิ้น ชายหนุ่มผมดำก็โทรบอกที่ฟรอนท์ให้มายกจานชามกับอุปกรณ์ไปคืนที่ห้องครัว ก่อนจะขอตัวไปล้างไม้ล้างมือเสียหน่อย เดรโกถึงได้มีเวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ ชั่วครู่

ร่างบางยืนเท้าแขนอยู่ริมระเบียงที่เดียวกับเมื่อเช้า แต่ผืนฟ้ายามนี้กลับเป็นสีดำสนิท แต่งแต้มด้วยดวงดาวนับพันนับหมื่นให้ความงามอีกแบบหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองไปไกล ลมเย็นพัดเข้ามาทำให้รู้สึกเย็นจนเกือบจะต้องยกมือกอดอก แต่แขนยาวของใครอีกคนกลับอ้อมมาโอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับวางคางเกยกับไหล่เขา

“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มถามเบาๆ แต่ชายหนุ่มผมบลอนด์เพียงแต่หันไปบอกสั้นๆ “นิดหน่อยน่ะ” พูดแล้วก็หันไปมองดูดาวต่อ

“พ่อนายยังไม่หายโกรธล่ะสิ?” ไม่ต้องอ่านตัวจดหมาย ดูจากท่าทางของร่างบางที่ซึมไปก็พอจะเดาได้

เดรโกพยักหน้า นี่แหละที่ทำให้กังวลปนเซ็งนิดๆ มาจนถึงตอนนี้ “เฮ้อ...” ร่างบางถอนใจออกมาดัง
เฮือกใหญ่ ใบหน้าสวยขมวดคิ้วครุ่นคิด แม่เขาน่ะตามใจเขาทุกเรื่องมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไรทำอะไรก็ไม่เคย ส่วนพ่อก็ไม่ค่อยอยากจะเถียงกับแม่ เลยพลอยไม่ว่าอะไรไปด้วย มาเรื่องนี้แหละที่ค้านหัวชนฝา ยังไงก็ไม่ยอมรับท่าเดียว แถมยังต้องป้อมซะจนบรรยากาศในบ้านมาคุ

...ถ้าการมาเที่ยวครั้งนี้จะไม่สนุกเต็มที่ ก็เพราะเขาต้องมัวห่วงแม่ที่อยู่โยงเฝ้าบ้านคอยอยู่เอาใจคนแก่ขี้หงุดหงิดคนนั้นนั่นแหละ

“...ไม่รู้ทำไมถึงดื้อนักนะ” เสียงหวานบ่นงึมงำ

“นั่นสิ...” แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ หวนนึกถึงตอนที่ต้องบุกเดี่ยวไปคฤหาสน์มัลฟอยแล้วก็ทั้งขำทั้งฉุน เขาถูกทิ้งให้อยู่หน้าประตูอยู่เป็นวัน โดยที่เจ้าบ้านแทบจะไม่คิดจะโผล่หน้ามาดูด้วยซ้ำ ขนาดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งขอร้อง ทั้งอ้อน ทั้งขู่สารพัด ก็ยังไม่ยอมละทิฐิ จนชายหนุ่มผมดำแทบจะพาคนตรงหน้าหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ยิ้มอะไรน่ะ” คนตัวเล็กกว่าหันมาเห็นสีหน้าก็เลยขมวดคิ้ว

ฝ่ายที่ถูกถามส่ายหน้าไม่ยอมตอบ มือยาวกลับโอบเอวคอดเข้ามาหา ซุกหน้ากับผมหอมๆ ก่อนจะพูดล้อ

“คนแก่น่ะโกรธไม่นานหรอก พอมีหลานไปให้อุ้ม ขี้คร้านจะเห่อจนลืม”

ใบหน้าสวยงงไปชั่วครู่ พอทำความเข้าใจ แก้มก็ร้อนซู่ขึ้นมาทันควัน “จะบ้าเรอะ! ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย จะมีหลานให้อุ้มได้ยังไ...”

ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อร่างสูงตวัดร่างเขาขึ้นจนตัวลอยจากพื้น แขนยาวรัดไว้แน่นอย่างไม่ยอมให้ผละหนี เสียงพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“แสดงว่านายยังศึกษาเวทมนต์มาไม่พอสินะ งั้น...เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟังแล้วกัน”

แล้วชายหนุ่มผมดำอุ้มคนตัวเล็กที่กำลังโวยวายหน้าแดงก่ำกลับเข้าไปในห้อง ท่ามกลางเสียงคลื่นจากผืนทะเลเบื้องนอกที่ยังดังแว่วๆ ไปจนตลอดคืน


**TALK**

NaO

พระเจ้า...ฟิกตามแรงบันดาลใจชั่วแล่นอีกแล้ว ฟังเพลง Honeymoon ของวง Flure แล้วกรี๊ดกร๊าด พล็อตหลั่งไหล แต่เขียนไปสักพักเกิดแหม่งๆ ขึ้นมา “เอ๊ะ นี่มันฟิกแฮร์รี่แน่เร้อ” ต้องเรียกให้ไอ้ชามาอ่าน ไอ้ชาก็ฟันธงทันควัน “นี่มันทักกี้-ซึบาสะนี่นา” สงสัยเพราะเพิ่งดู PV Venus มาแหงเลยติดภาพ เหอๆ ต้องมานั่งแก้อีก

งานไม่เยอะ แต่ช่วงนี้ขี้เกียจอย่างแรงอ่ะ เฮ้อเฮอ


Acacha (Co.-like usual) ^^”----:

เหนื่อยเหลือเกินนน แต่ก็ยังโดนใช้แรงงานต่อไป เรื่องนี้ฟิคเจอาร์มากๆ บอกเค้าแล้วนะ แต่ก็....
///เพลง Attack (30 seconds to Mars) เพิ่งไปเจอ^^” เฮฟา....แบบว่า.... หุหุหุ////


ของแถมทิ้งท้าย

ในหน้า Word บนจอคอม ณ คืนวันหนึ่ง


ถึงอคาชา

เฮ้ย เขียนต่อทีเด๊ะ เขียนๆ ไปแล้วมันยังไงไม่รู้ว่ะ ที่จริงอยากให้แฮร์รี่มันดูเด็กกว่าตอนมีลูกแล้วน่ะ แต่รู้สึกเหมือนเขียนออกมาแล้วเป็นเฮียกี้ 555+ ทำไมวะ ช่วงนี้ไม่ได้อ่านฟิกเจอาร์สักหน่อย

ปวดบ่าๆ ฟร้อยยยย พอเครียดแล้วเขียนไม่ออกจริงๆ นะเนี่ย




ถึงนะโอ
เรื่องการเขียน บอกได้ทันทีว่าเหมือนฟิคของบีบีทีมมาก ไม่จำเป็นต้องใส่คำพูดแทรกลงไป หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การเขียนแบบ subjective ขนาดนั้นก็ได้นะ โดยเฉพาะการใช้คำแบบที่เราไม่เคยใช้ จั๊กจี้พิลึกว่ะ

เรื่องคำ เหมือนเดิม เห็นได้ชัดว่าได้รับอิทธิพลจาก opiumสุดๆ

บุคลิคตัวละคร ทำได้โอเคแล้ว เดรโก ค่อนข้างดี แต่ที่ยังมีจิ๊กๆอยู่หน่อย คือ แฮร์รี่ ---- เลี่ยนอิ๊บอ๋าย---- เอ๊ย ไม่ต้องให้มันหวังแตะโน่นจูบนี่บ่อยนักก็ได้ หลายฉากเลย เหมือนฟิคเจอาร์ แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรมาก มีแค่ อย่าให้มันทำไรเลี่ยนๆ บ่อยนักก็ได้

ส่วนเรื่องที่จะให้เขียนต่อ ....แสบตาแล้วว่ะ มองไม่ไหว ง่วงด้วย ถ้าจะให้เขียนต่อ ไว้พรุ่งนี้ วันอังคาร-พุธจะว่างของจริง บ๋าย บาย

: อคาชา




Create Date : 18 มกราคม 2549
Last Update : 18 มกราคม 2549 13:27:19 น.
Counter : 1188 Pageviews.

1 comment
Sweet Home: Shall We Dance
“เอ้า นับตามนะ 1 2 3 4”

“1 2 3..”

“ก้าวผิดแล้ว ต้องเท้าขวาสิ”

“อ๊ะ ไม่ใช่ข้างนี้เหรอ?”

“ต้องเป็นขาที่ถอยเมื่อกี้ไง ใช่ไหมคะ? หม่าม๊า”

“เห็นไหม ขนาดเฮเลนยังรู้เลย ตั้งใจหน่อยสิ”

“ก็ตั้งใจอยู่แล้วน่า”

“ตั้งใจอะไร แน่ะ ตอนนี้ต้องถอยหลังต่างหาก ถอยแล้วค่อยก้าวมา”

เสียงคุยดังแว่วมาตั้งแต่เข้าประตูบ้าน ร่างสูงที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องรับแขกเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นคนที่ปกติจะนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาพร้อมลูกสาวตัวน้อยกับอีกคนที่ต้องนอนเอกเหนกดูทีวีอยู่บนพื้นระหว่างรอเขากลับบ้าน ตอนนี้กำลังประคองกันก้าวเก้ๆ กังๆ ไปมาอยู่กลางห้อง พร้อมกับเสียงดนตรีจากเครื่องเล่นซีดีบรรเลงกระหึ่ม

“ถอยแบบนี้ป่..”

“ไม่ใช่! โอ้ย ดีล เหยียบเท้าแล้ว” เสียงหวานแหวลั่น ชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาหน่อย เด็กหนุ่มผมดำเองก็ทำสีหน้าเซ็งจัด จะมีก็แต่เด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งช่วยเชียร์ล่ะมั้ง ที่ยังดูสนุกร่าเริงอยู่

“อ๊ะ ป๊ะป๋ากลับมาแล้ว!”เฮเลนน่าที่หันมาเห็นเขาคนแรกทักเสียงลั่น ลุกจากโซฟาวิ่งเข้ามาหา แฮร์รี่ช้อนตัวลูกสาวขึ้นมาหอมเสียทีหนึ่ง ขณะที่อีกสองคนที่เหลือหันมายิ้มเหนื่อยๆ ให้

“หวัดดีฮะ ป๊ะป๋า”

“วันนี้กลับไวจัง แฮร์รี่”เดรโกเอ่ยถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย คนถูกทักคลี่ยิ้มบาง

“อือ พอดีว่าออกไปประชุมข้างนอก ก็เลยถือโอกาสกลับบ้านเลยน่ะ” เขาวางถุงข้าวของลงบนโต๊ะที่ถูกเลื่อนไปชิดผนังก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่ล่ะ?”

“หม่าม๊ากำลังสอนพี่ชายเต้นรำค่ะ” เฮเลนชิงรายงานเสียงใส ชายหนุ่มผมดำพยักหน้านึกขึ้นได้ทันที

“อ๋อ ปีนี้ที่ฮอกวอร์ดเป็นเจ้าภาพประลองเวทไตรภาคีนี่นะ”

ไวเหมือนกันแฮะ แฮร์รี่ยังรู้สึกเหมือนว่าไม่นานมานี้เอง ที่เขาต้องเดินเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับเหล่าตัวแทนการแข่งไตรภาคีที่เหลือ แต่ที่จริงมันผ่านมาตั้งเกือบ..20 ปีแล้ว ไม่อยากพูดหรอกว่าตัวเองแก่ แต่พอมองลูกชายคนโตใส่เครื่องแบบนักเรียนปี 6 ก็คงต้องยอมรับแหละ (แต่อย่าพูดเรื่องนี้ให้เดรโกได้ยินเชียว รายนั้นน่ะไม่ยอมนับอายุตัวเองมาตั้งนานแล้ว)

“จดหมายแจ้งจากทางโรงเรียนเพิ่งมาถึงเมื่อเช้า”

ร่างบางผละจากเจ้าเด็กตรงหน้าลงมาทรุดนั่งบนโซฟาพร้อมกับพูดเสียงเพลียๆ “...เลยต้องรีบสอนดีลเสียก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวใกล้ๆ เปิดเทอมจะหาเรื่องยุ่งจนไม่มีเวลาเรียนอีก” ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มร่างผอมสูงที่รีบทิ้งตัวลงกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นห้อง

“โห่ ไม่เห็นต้องรีบเรียนเลย ไอ้เต้นรง เต้นรำเนี่ย” คนถูกสอนหันมาประท้วงทันควัน แขนยาวเอื้อมมาดึงหมอนอิงบนโซฟาไปหนุนก่อนจะเงยหน้าขึ้นหาเสียงสนับสนุน “จริงไหมฮะ ป๊ะป๋า? ตอนสมัยป๊ะป๋าเรียนอยู่ก็ไม่ได้ซ้อมตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมใช่ไหมฮะ?”

“อือ พอใกล้ๆ วันงานเดี๋ยวพวกอาจารย์ก็สอนให้เองแหละ” แฮร์รี่พยักหน้ารับ เจ้าตัวแสบรีบหันไปทางอีกคนแบบเป็นต่อ

“เห็นไหม ไม่เห็นต้องรีบติวตั้งแต่ตอนนี้เลย...เดร งั้นผมขึ้นไปซ้อมกีตาร์ก่อนนะ” พูดแล้วก็เตรียมจะชิ่งหนี ที่บ่นก็ไม่ใช่อะไรหรอก อยากรีบขึ้นไปซ้อมกีตาร์จะแย่แล้ว ขืนไม่รีบอัพสกิลให้ทันก่อนเปิดเทอมล่ะก็แย่แน่ เจ้าสองแฝดยิ่งพยายามหาทางผลักเขาไปอยู่อีกตำแหน่งในวงอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“หยุดเลย ดีล” เดรโกชิงยกมือสกัดไว้ก่อน ปรายตาไปทางร่างสูงที่กำลังจะทรุดนั่งลงข้างๆ “...ตัวอย่างก็มีมาแล้ว เพราะไม่ได้ซ้อมนั่นแหละ ใครบางคนเวลาอยู่บนฟลอร์จริงถึงได้กระโดกกระเดกเป็นโนมเต้นระบำ”

อ้าว ไหงโดนหางเลขไปด้วยล่ะเนี่ย?

แฮร์รี่ที่กำลังจะอ้าปากช่วยพูดให้ลูกชายงงไปนิด แต่พอเห็นใบหน้าสวยที่ตวัดสายตาค้อน คุณพ่อบ้านก็เลยได้แต่ยิ้มเก้อๆ เอาเถอะ ตอนนั้นท่าเต้นของเขาอาจจะเก้กัง จริงๆ ก็ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมัวแต่สนใจมองโช แชงที่อยู่อีกด้านของฟลอร์ (อันนี้อย่าให้เดรโกรู้เด็ดขาดนะครับ) แล้วปาราวตีก็ดูจะเป็นผู้นำการเต้นที่เข้าท่ากว่าเขาด้วย แฮร์รี่เลยปล่อยให้เธอทำหน้าที่ฝ่ายนำไปตามสบาย

ใครจะคิดล่ะว่าภรรยา(?)ในอนาคตจะสังเกตเห็นแล้วเก็บมากัดเอาป่านนี้

พอเห็นอีกฝ่ายสงบปากสงบคำเรียบร้อย เดรโกก็หันมาขู่ลูกชายต่อ “ฝึกไว้ไม่เสียหายหรอกน่า แล้วเราน่ะนะดีล เต้นแข็งจะตาย ขืนปล่อยให้ออกไปเต้นแบบนี้ ขายหน้าเขานะ เสียชื่อเป็นลูกชายเดรโก มัลฟอยหมด” พูดไปพูดมา คุณแม่ เอ๊ย คุณพ่อก็กลัวเสียหน้านี่เอง

“โห่ ก็วอลซ์มันยากนี่นา สเตปโน่นนี่ยุ่งจนปวดหัว...”

ดีลยังประท้วงต่อ ห่วงกีตาร์ก็ห่วง อีกอย่างจะต้องไปเขียนจดหมายตอบ ‘ใครบางคน’ ด้วย โดนเดรกักให้เข้าคอร์สติวเข้มมาตลอดบ่าย เดี๋ยวทางโน้นเกิดเข้าใจผิดขึ้นมาจะว่ายังไง

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยซ้อมต่อแล้วกันนะเดรนะ ไปละ” เด็กหนุ่มทำท่าจะเผ่นแผล่วขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงักกับเสียงเปรยไล่หลัง

“เต้นห่วยขนาดนี้ ใครเขาจะยอมเป็นคู่ควงเข้างานให้ขายหน้า สงสัยไอ้ที่ตามจีบตามตื้อมาตั้งนานก็คงจะแห้วเสียละมั้ง...”

ได้ผล คนที่กำลังจะเผ่นหนีหยุดกึกหันกลับมาทำหน้ามุ่ยใส่อีกฝ่ายที่ยืนยักคิ้วยิ้มเป็นต่ออยู่ที่เดิม

ถูกเดรจับจุดได้อีกแล้วเหรอเนี่ย! ไม่น่าปล่อยให้รู้เรื่องคนคนนั้นเล๊ย!

“โอเคๆ ก็ได้ฮะ” สุดท้ายก็ได้แต่ถอนใจเฮือกแล้วเดินกลับมาหาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ทำไงได้ เรื่องขู่คนในบ้านเนี่ย คุณพ่อตัวเล็กของเขาถนัดนักล่ะ

แฮร์รี่มองลูกชายที่เดินกลับมาหาติวเตอร์ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย อดสงสารนิดหน่อยไม่ได้ แต่เอาเถอะ เดรโกเองก็พูดถูก เรื่องเต้นรำฝึกไว้ไม่เสียหาย ชายหนุ่มจึงหันไปหาลูกสาวคนเล็กที่นั่งอยู่อีกด้าน “เฮเลน ไปช่วยป๊ะป๋าทำอาหารเย็นไหมลูก?”

เด็กหญิงผมบลอนด์พยักหน้าหงึกหงัก กระโดดลงจากโซฟานุ่มแล้วเงยหน้าถาม “เฮเลนนวดแป้งทำพายได้ไหมคะ ป๊ะป๋า?”

พ่อครัวประจำบ้านคลี่ยิ้ม “ได้เลย” เขาจูงมือลูกสาวคนเล็กเข้าครัว แล้วปล่อยให้อีกสองคนที่เหลือพยายามฝึกกันต่อไปอย่างสงบ

“แล้วตกลงมันต้องขาไหนนะเดร?”

“ก็บอกว่า ขาขวาไง ดีล ขาขวาก่อน ไม่ใช่! ต้องถอยต่างหากเล่า!”


หลังการฝึกอันแสนเหน็ดเหนื่อย และอาหารเย็นฝีมือคุณพ่อบ้านกับลูกสาวแล้ว ดีลก็ได้รับคำอนุญาตให้ขึ้นห้องตัวเองได้เสียที ไม่ต้องสงสัยว่าเจ้าตัวลิงโลดขนาดไหน

“เฮ่อ!!!” ร่างบางมองตามหลังเด็กหนุ่มร่างสูงโย่งที่แทบจะแผ่นขึ้นไปทันทีที่ล้างจานเสร็จ แถมยังหนีบน้องสาวขึ้นไปเล่นที่ห้องด้วย ใบหน้าสวยถอนใจแบบเพลียๆ พลางขยับข้อเท้าทั้งสองไปมา เอาเถอะ ยังไงก็ต้องสอน เขาไม่ยอมให้ลูกชายเต้นท่าประหลาดๆ ให้ขายหน้าชาวบ้านไปทั่วแน่

“เหนื่อยเหรอ?” อีกคนที่เพิ่งออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ก้มลงมาถาม

เดรโกพยักหน้า “นิดหน่อยน่ะ” พูดแล้วก็บ่นต่อ “เจ้าดีลสอนยากสอนเย็นชะมัด...”

ชายหนุ่มผมดำคลี่ยิ้มก่อนจะทรุดนั่งข้างๆ แขนยาวเอื้อมมาโอบไหล่บางแล้วบีบเบาๆ อย่างเอาใจ

“เรียนแรกๆ ก็แบบนี้แหละ ตอนที่นายสอนฉันก็บ่นจนเบื่อไม่ใช่เหรอ?” คิดถึงถึงตอนเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ก่อนจะออกงาน อีกฝ่ายจับเขามาหัดเต้นรำใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น ตอนนั้นเดรโกโหดยิ่งกว่าศาสตราจารย์มักกานากัลเสียอีก ทั้งบ่นทั้งดุแถมยังไม่ยอมให้เขาพักจนกว่าจะจับจังหวะได้เสียด้วย

ดวงตาสีฟ้าตวัดค้อนอดีตลูกศิษย์หมายเลข 1 “ใช่ แค่ตอนนั้นสอนนายให้เต้นถูกต้อง ไม่ขายหน้าเขา ฉันก็ปากเปียกปากแฉะไปตั้งเยอะ” ทั้งพ่อทั้งลูกสกิลเรื่องเต้นรำต่ำพอๆ กันเลย แล้วจะไม่ให้เขาเหนื่อยได้ยังไง

แฮร์รี่มองดูท่าทางงอนปนพาลนิดๆ ของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเอ็นดู ร่างสูงนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะลุกไปเปิดเครื่องเล่นซีดีอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นเพลงช้าจังหวะเบาพลิ้ว

ชายหนุ่มเดินกลับมาหาคนที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา แล้วค้อมตัวลงเล็กน้อย

“เต้นรำไหมครับ?” เสียงทุ้มถามพร้อมกับที่มือใหญ่ยื่นมาด้านหน้า ทำเอาคนถูกชวนงงไปนิดหนึ่ง
“อยู่ดีๆ เกิดนึกอะไรขึ้นมา?” เดรโกเงยหน้ามอง แต่พอสบตากับดวงตาสีเขียววิบวับ แถมรอยยิ้มกริ่ม ก็ได้แต่ตอบรับเก้อๆ

“อืม ก็ได้”

คนตัวเล็กลุกขึ้นก้าวเข้าไปหา ร่างบางปล่อยให้แขนยาวเอื้อมแตะที่แผ่นหลังเบาๆ และดึงให้เขาก้าวถอยไปด้านหลังช้าๆ จังหวะเท้าที่ถูกต้อง แถมสเตปการนำที่นุ่มนวลทำให้ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มออกมาจนได้

“เก่งขึ้นนี่นา? ” เอ่ยชมแต่ไม่วายหรี่ตาแกล้งคาดคั้น “แอบไปฝึกที่ไหนมารึเปล่า?”

อีกฝ่ายหัวเราะหึหึ กระซิบเบาๆ ข้างหู “คนสอนเก่งต่างหากล่ะ” พูดแล้วก็ดึงร่างบางให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด “ไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ คืนพรุ่งนี้ไปดินเนอร์ที่ริตซ์กันสองคนไหม?”

แก้มเนียนเรื่อขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อปลายจมูกของคนตัวสูงกว่าก้มมาคลอเคลีย เดรโกพยักหน้าแต่ก็ไม่วายกำชับแบบติวเตอร์ที่มุ่งมั่นต่อหน้าที่ “ก็ได้...แต่ว่าตอนกลางวันต้องช่วยกันสอนเจ้าดีลก่อนนะ”

“ครับๆ” คุณพ่อบ้านหัวเราะกับท่าทางจริงจังนั้น “งั้นตอนนี้คนสอนก็มาฝึกกันก่อนแล้วกันเนอะ”

“อืม” ใบหน้าเรียวขาวตอบรับก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายนำไปตามจังหวะอ่อนหวานนั้นต่อ

ดูท่าคุณพ่อสองคนจะมัวสวีทกันอยู่ เลยไม่ทันเห็นดวงตาสองคู่ที่โผล่แวบๆ อยู่ตรงประตูห้องนั่งเล่น

“ป๊ะป๋าเต้นรำเก่งจังเลยเนอะ พี่ชาย ไม่เห็นเหมือนที่หม่าม๊าเล่าเลยนี่นา?”

หนูน้อยเฮเลนน่าหันไปถามอย่างฉงน แต่คนเป็นพี่เพียงแต่ส่ายหน้าแบบโนคอมเมนท์ ดีลมองพวกคุณพ่อที่ยังเต้นรำเหมือนมีกันอยู่สองคนในโลกแล้วก็กลั้นหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ คิดถูกที่แว่บลงมาแอบดู ได้เรื่องเก็บไว้แซวเดรพรุ่งนี้เช้าจนได้

ว่าแต่...ท่าทางเขาคงจะต้องสนใจเรียนเต้นรำให้จริงจังเสียหน่อยละมั้ง

...ก็ดูท่ามันจะมีข้อดีเยอะเหมือนกันนี่นา


Talks

เหอ เหอ ฟิกหล่อเลี้ยงจิตใจยามนึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว ฟิกบ้าไรฟะ ไม่มีพล็อตอะไรเลย ขายฉากอย่างเดียว 555+

มุขนี้ได้มาตอนดู GOF รอบ 3 (ตั๋วฟรีด้วย อิจฉาป่าวๆ) เห็นท่าพี่แฮร์เต้นรำแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ ภาคนี้แกโดนให้ทำอะไรน่าเกลียดๆ เยอะเนอะ – ตอนพ่นน้ำก็ทีนึงละ ไม่เห็นน้องเดรใส่ชุดทักซีโด้เลย แอบเศร้า... เลยเอามาระบายในฟิกซะเลย

อาทิตย์ที่ผ่านมาเครียดมา จิตตกอย่างรุนแรง ทั้งเรื่องงานเรื่องโน่นนี่มันทำเอาไม่อยากหยิบจับทำอะไรเลย มาอาทิตย์นี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย ขอโทษคนที่รอ UML ด้วยนะจ๊ะที่มาดองเอาตอนใกล้จบ แต่ฟิกเรื่องนี้เราค่อนข้างตั้งใจกับมันมาก เลยคิดว่า อยากจะหาอารมณ์ที่ดีที่สุด ที่เหมาะที่สุดให้กับตอนจบ (อารมณ์ติสจับซะงั้น) ส่วน IF อคาชาฝากมาบอกว่า มันกำลังจะตาย เพราะโดนการบ้านทับ (นอนตี 3 ทุกวันเลยน้องชั้น) ตอน 2 จะพยายามปั่นจ้า



Create Date : 06 ธันวาคม 2548
Last Update : 6 ธันวาคม 2548 14:34:43 น.
Counter : 1294 Pageviews.

3 comment
1  2  3  

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]