Ieri, oggi, e domani, c'e sempre e solo l'inter

1. เริ่มต้นที่ Vienna

เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค. – ต้นก.ย. ปี 2007 ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานวิชาการที่เมือง Graz ประเทศ Austria, นับว่าเป็นโชคของผมที่ Austria อยู่ติดกับ Italy พอดี ผมเลยวาดความฝันไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า จะต้องไป Milan เพื่อไปเยือนสนามของทีมที่เป็นแฟนมา 17 ปีให้ได้

งานที่ผมจะต้องไปร่วมนั้น เริ่มวันที่ 2 ก.ย. ผมเลยจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่จะไปได้ใกล้กับตอนเปิดงานที่สุด (วันที่ 1 ก.ย.) แต่ปรากฏว่าที่นั่งเต็ม เลยต้องเลื่อน ไปรอบก่อนหน้านั้น 2 วันคือ 30 ส.ค.

เมื่อเช็คกับตารางแข่งของ Calcio แล้ว ในตอนแรกจะไม่มีแข่งในสัปดาห์นั้น เพราะจะหลีกทางให้กับการเตะ Euro 2008 รอบคัดเลือก ในสัปดาห์ถัดไป
แต่หลังจากที่มีนักเตะบางคนเรียกร้องว่า การที่ไม่มีเตะในวันนี้ จะทำให้ทีมใน Calcio ได้เริ่มเพียง 1 match เท่านั้น การเตรียมทีม อาจไม่พร้อม ในภายหลังเลยจัดให้มีการแข่งขันในสัปดาห์นั้นด้วย
ตอนแรก ก็คิดไว้ว่าคงไม่ได้ดู เพราะวันอาทิตย์ ผมจะต้องไปอยู่ที่ Graz แล้ว คงไม่ทันได้ดูบอล
พอไปดูในเวปก็พบเรื่องที่น่ายินดีที่สุดคือ Inter จะต้องไปเยือน Empoli และคู่นี้เลื่อนเตะจากคืนวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ย. มาเป็นวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. เลยทำให้ผมสามารถไปดูได้ โดยจะต้องรีบกลับในคืนวันนั้นเลย

หลังจาก search ในเนทแล้ว ผมตัดสินใจเดินทางจาก Vienna ไป Milan ด้วยรถไฟ ออกจาก Vienna 19.30 น. ถึง Milan ประมาณ 9.00 น. (รวมเวลาที่รอเปลี่ยนหัวรถไฟที่ Venezia 3 ชม.) จริงๆแล้วอยากจองตั๋วผ่านทางเวปของรถไฟ Austria เลย แต่เนื่องจากผมไม่สามารถอ่านภาษา German ได้ เลยต้องจองตั๋วรถไฟตั้งแต่อยู่ในไทย ผ่านทางบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง

เมื่อเครื่องของผม มาถึง Vienna ในช่วงสายๆ ผมยังพอมีเวลาก่อนที่รถไฟจะออกอยู่พอสมควร เลยเดินถ่ายรูปในบริเวณแถวๆสถานี เพื่อรอเวลาขึ้นรถไฟแล้วเดินทางต่อไป


โบสถ์ใกล้ๆสถานีรถไฟ Wien Sudbahnhof


พิพิธภันฑ์ (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ครับ)


สระน้ำในบริเวณพิพิธภันฑ์


มองผ่านสระน้ำ


ประตูทางเข้า


อีกด้านหนึ่ง




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550   
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 19:51:13 น.   
Counter : 574 Pageviews.  

2. Welcome to Milan

ในรถไฟที่ผมขึ้นมา เป็นรถนอนแบบ 3 ชั้น


ตัวผมนอนเตียงล่างสุด มีชายชาวอิตาลีคนหนึ่งนอนเตียงกลาง (ส่วนเตียงบน เป็นผู้โดยสารที่ขึ้นรถหลังจากที่ผมหลับไปแล้ว และลงที่ Venezia เลยไม่ได้คุย) ในตอนแรกผมก็ไม่ค่อยกล้าคุยกับเขาครับ เพราะภาษาอิตาลีไม่ได้แข็งแรงมากนัก เลย Hello ไปธรรมดา พอเขาคุยตอบเป็นภาษาอังกฤษเลยโชคดีไป

ชายท่านนี้ชื่อ Morini มาจากTorino แต่มาทำธุรกิจค้าขาย และกำลังจะกลับบ้านไปหาลูกที่ Milano ผมเลยได้เพื่อนร่วมเดินทางตลอดจนถึง Milano เลย เขาเล่าว่าคน Italian ส่วนใหญ่จะไม่ได้พูด Eng แต่คนในเมืองใหญ่ๆ ก็จะพอพูดได้ เช่น Roma, Milano, Firenze, Napoli พร้อมทั้งเตือนผมว่า Empoli ที่จะไปดูบอลคงไม่มีคนพูด Eng หรอก

พอชวนคุยเรื่องฟุตบอล เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ที่เขาติดตามคือ Motor โดยเฉพาะ G. Rossi เป็นคนที่เขาชอบมาก ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยความที่เขาเป็นชาว Torino พอผมบอกว่าเป็นแฟน Inter เขาเลยเกทับว่า ปีนี้ Juve จะได้แชมป์แน่ๆ ส่วน Inter น่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก!!! (ถ้าเป็นเพื่อนคนไทย คงโดนผมเตะไปแล้ว)

ผมยังเล่าให้เขาฟังว่า ที่ผมไป Italy นี้ เพราะผมจะไปดูบอลที่ Empoli, ในตอนแรกเขาทำท่างงๆ พร้อมทั้งทวนว่าผมเริ่มเดินทางจาก Vienna ไป Milan ย้อนลงไป Firenze แล้วเข้า Empoli ก่อนจะรีบเดินทางกลับ Graz, สิ่งที่เขาให้คำนิยามผมไว้คือ You’re very crazy to football!!

คุณ Morini ได้ช่วยสอนภาษา Italian ที่จำเป็นให้ผมหลายๆคำ เราได้ใช้เวลาคุยกันหลายๆเรื่องตลอดจนการเดินทางมาถึง Milan ในตอนเช้าของวันที่ 31 ส.ค. หลังจากลงรถไฟเขายังสอนผมในการใช้ตู้ขายตั๋วรถไฟ และกำชับว่าอย่าลืมตอกตั๋วในเครื่องตอกสีเหลืองๆ ก่อนขึ้นรถ (ไม่งั้นโดนปรับ 20 Eu)


สถานีรถไฟ Milano Centrale

วันที่ผมไปถึงนั้น มีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนัก หลังจากแยกทางกับคุณ Morini ผมก็หอบข้าวของแล้วเดินไปที่ร้านของ TicketOne ที่ผมจองตั๋วบอลไว้ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Milano Centrale มากนัก เมื่อเข้าไปข้างใน ผมนึกว่ามาผิดร้าน เพราะมันเหมือนกับเป็น Casino ย่อมๆเลย ข้างในร้านมีทั้งตู้ slot machine, ราคาบอล, ม้าแข่ง, หมาแข่ง, lotto และอื่นๆอีกมาก

พอผมเอาใบจองตั๋วบอลให้พนักงานดู ผมนึกว่าจะได้รับตั๋วเลย แต่เขาบอกว่าให้ไปรับที่หน้าสนามในวันแข่ง นั่นคือ ผมต้องไปงมหาร้าน TicketOne ที่ Empoli โดยที่ผู้คนที่โน่นอาจจะไม่พูด Eng ก็ได้

หลังจากเสร็จธุระที่ร้านนั้นตอนสายๆ ผมก็เดินไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีอีกนั่นแหละ ตัวโรงแรมนี้ ไม่ได้เป็นโรงแรมที่ใหญ่นัก และเป็นโรงแรม 3 ดาว ราคาเลยไม่แพง แถมยังอยู่ใกล้กับสถานี เหมาะกับคนที่จะเดินทางไปยังที่อื่นๆต่อไป


ห้องพัก




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550   
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 19:53:26 น.   
Counter : 531 Pageviews.  

3. San Siro

หลังจากอาบน้ำอาบท่าและเก็บข้าวของแล้ว ผมลงมาถามทางพนักงานว่า ผมอยากจะไปที่ San Siro จะไปได้อย่างไร พนักงานผู้ใจดีก็เอาแผนที่เมืองมาให้ผม และ mark จุดสำคัญๆให้

เนื่องจากตัวโรงแรมนั้น ค่อนข้างอยู่ในย่านกลางๆเมือง และสนามอยู่ค่อนไปทางตะวันตก เขาเลยแนะนำว่าทางที่เร็วที่สุดที่จะไปได้คือรถใต้ดิน แต่ผมเองพอมองในแผนที่ คิดว่าระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมาก (จริงๆแล้วไกลเอาการ) ประกอบกับอยากเดินดูความสวยงามของเมืองและประหยัดเงิน เลยตัดสินใจเดินไปสนามด้วยเท้านี่แหละ


น้ำพุระหว่างทาง


ซุ้มประตูในสวนสาธารณะกลางเมือง

ผมเริ่มออกเดินจากโรงแรมตอนเวลาประมาณ 13.30 อากาศที่โน่นวันนั้นค่อนข้างดี หลังจากฝนตกในตอนเช้า แต่ในตอนบ่ายๆ อากาศกำลังสบายๆ ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปนัก ขาไปนั้น ผมได้เดินทางผ่านสวนสาธารณะกลางเมือง Milano แล้วเดินต่อไปทางตะวันตกจนถึงสนามจนได้ในเวลาประมาณ 16.00

อย่างที่ฝันไว้เลยครับ สนามนี้เป็นสนามที่ใหญ่จริงๆ จนกล้องของผมเองไม่สามารถจับภาพเต็มๆของสนามได้ พอถึงทางเข้า ผมอยากจะเข้าไปดู San Siro museum เลยเดินไปที่ตำรวจที่ยืนอยู่แถวนั้น แวบแรกที่เขาเห็นผม เขาก็โค้งหัวให้ผมแล้วกล่าวว่า “อาริงาโตะ”
พร้อมทั้งถามผมว่าเป็น Japanese หรือเปล่า ผมก็เล่าว่าผมเป็นคนไทยครับ แล้วเขาก็ชี้ทางไป stadium ให้ผม







ภายใน museum มีส่วนที่แสดงทั้งของ Inter และ AC Milan อยู่ด้วยกัน ข้าวของภายในนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอดีต + ความสำเร็จของสโมสร + ของที่ระลึก และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งของนักเตะคนสำคัญทั้งในอดีตและปัจจุบัน และสิ่งที่ AC Milanไม่มีคือ มีห้องฉายภาพยนตร์การแข่งขันและความสำเร็จของ Inter ที่ผ่านมา, นอกจากนี้ภายในห้องยังมีเสื้อพร้อมลายเซ็นของนักเตะ Inter อีกหลายๆคนประดับอยู่ที่ผนังด้วย ไม่ว่าจะเป็น Berti, Superman, Ronaldo, Klins, Zenga, Zanetti และหมายเลข 1+8

Note ภายใน museum ห้ามเอากล้องเข้าไป เลยไม่สามารถเอารูปมาให้ทุกคนดูได้

หลังจากออกมา ผมก็แวะไปยังร้านขายของ San Siro store, ภายในร้านนั้นก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก แถมยังแบ่งเป็น 2 ส่วนสำหรับแฟนของทั้ง 2 ทีมแยกกัน ผมอยากจะไปซื้อเสื้อทีมเยือนของ Inter แต่คนขายบอกว่า มีคนต้องการเสื้อรุ่นนี้มาก จนทางผู้ผลิต (Nike) จัดหามาให้ไม่ทัน เลยไม่มีขายที่ร้าน ผมเลยได้แต่ซื้อของที่ระลึกอื่นๆมาแทน



หลังจากออกจากร้าน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ผมก็เจอนายตำรวจคนนั้นอีกที ผมก็เข้าไปขอบคุณที่บอกทางให้ ก่อนจะจากกัน เขาก็กล่าวทักทายผมว่า “ซาโยนาระ”

Note ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในยุโรป ผมถูกทักว่าเป็น Japanese ไป 5 รอบ และเป็น Espanol อีก 1 รอบ เพราะอะไร???

ในขากลับ ผมเดินทางไปยังวิหารที่เป็นตัวแทนของ Milan ด้วยที่ Piazza Duomo ใครที่ยังจำได้เมื่อตอน Inter ฉลองแชมป์ที่ผ่านมาก็ไปฉลองกันที่นี่แหละ แถมตามผนังตึกบางแห่งยังมีสีพ่นเอาไว้ว่า Inter campione 2007












 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550   
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 19:58:50 น.   
Counter : 627 Pageviews.  

4. มุ่งสู่ Firenze

ในวันถัดมา (1 ก.ย.) ก็เป็นวันที่ผมรอคอยมานาน ในวันนี้ผมจะได้ดู Inter เตะในสนามกันจริงๆ, เวลาที่จะเริ่มเตะนั้นคือ 20.30 ผมเลยจองตั๋วรถไฟออกเดินทางเวลา 12.00 จาก Milano ไปยัง Firenze แล้วค่อยเดินทางต่อไปยัง Empoli ตอนเย็นๆ

ผมตื่นนอนเวลา 7.30 ซึ่งเช้ามากสำหรับผม เพราะทางโรงแรมจะเตรียมอาหารเช้าไว้แค่ 9.00 เท่านั้น หลังจากกินอาหารเสร็จ ผมมีเวลาว่างสักนิดหน่อย เลยเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆ ก็เจอขบวนการอะไรสักอย่าง Ranger


และการ์ตูนชินจังภาคภาษา Italian


ผมออกจากโรงแรมในช่วงสายๆ แล้วเดินทางไปขึ้นรถไฟตอนเที่ยง ก่อนที่จะไปถึง Firenze ในเวลาประมาณ 14.30, สถานีที่ผมลงนั้นคือ Firenze santa maria novella (S.M.N.) ซึ่งเป็นสถานีกลางของเมือง แต่ในขากลับไปยัง Graz ของผมนั้น ผมต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานี Firenze Campo di marte ในเวลาเที่ยงคืน สถานีนี้อยู่ไปทางตะวันออกของเมือง (และอยู่ติดกับสนาม Artemio Franchi ของ Fiorentina ด้วย) ผมเลยกะว่าจะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานีโน้น เลยหอบข้าวของจาก S.M.N. เดินไปยัง Campo di marte
แต่ปรากฏว่าที่สถานี ไม่มีที่รับฝากของ เลยต้องหอบหิ้วของกลับไปฝากที่ S.M.N. อีกรอบ

แถมขากลับนั้น ผมประสบปัญหาอย่างหนึ่งคือ ผมหลงทางครับ!! เพราะตอนที่ผมออกจากสถานี SMN ผมสังเกตว่ามันมีโบสถ์อยู่หน้าสถานีพอดี (โบสถ์ Santa Maria Novella) ในขากลับจาก Campo dim arte ผมก็สังเกตแต่หลังคาโบสถ์นี้

แต่พอมาถึงผมกลับหาสถานีไม่เจอ แถมไม่มีวี่แววที่คุ้นตากับขามาเลย นั่นเพราะผมไปผิดโบสถ์ครับท่าน โบสถ์ที่ผมไปผิดคือโบสถ์ San Lorenzo ซึ่งมีหลังคาคล้ายๆกัน ถึงแม้โบสถ์จะตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานี แต่เพราะผมต้องหอบหิ้วข้าวของมาก เลยค่อนข้างเสียเวลาทีเดียวและไม่ได้เดินเที่ยวใน Firenze มากนัก


โบสถ์ Santa Maria Novella หน้าสถานี

รถไฟจาก Firenze SMN ไป Empoli มีหลายรอบ และใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง ผมเลยหาอะไรกินก่อนแล้วจึงออกเดินทางไปถึง Empoli ในเวลา 18.30




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550   
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 20:02:19 น.   
Counter : 600 Pageviews.  

5. ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ Empoli

พอมาถึง ผมก็รีบเดินทางไปยังสนาม Carlo Castellani ทันที ในทีแรก ผมยังหาแผนที่ทางไปไม่ได้ และไม่สามารถถามคนแถวนั้นได้ เพราะไม่มีใครพูด Eng เลย อย่างที่คุณ Morini เตือนไว้, ผมจำได้แค่เพียงว่าสนามมันอยู่ไปทางเหนือของสถานีรถไฟ ก็เลยเดินไปทางนั้นเรื่อยๆ โชคดีที่เดินมาได้สักพัก ก็เจอแผนที่เมืองในสวนแห่งหนึ่ง เลยเดินไปสนามได้ถูก (ถ้าเดินไปทางเหนือเรื่อยๆจากจุดนั้น ก็จะออกไปไหนก็ไม่รู้)

ตอนที่มาถึงสนามเวลาประมาณ 19.00 ผมก็รีบไปหาที่รับตั๋ว ในตอนแรกผมเข้าใจว่าที่รับตั๋วนั้นจะเป็นร้านแบบที่เห็นที่ Milano แต่ปรากฏว่าที่นี่เป็นแค่ซุ้มเล็กๆเท่านั้น แต่คนที่มารับตั๋วนั้น มีจำนวนไม่น้อยเลย ค่อนข้างเสียเวลาต่อคิวพอสมควรทีเดียว

บรรยากาศนอกสนามก่อนการแข่งขัน




รอบๆสนามนั้น มีแฟนบอลมารอกันมากมาย ส่วนใหญ่เป็นแฟน Inter แทบทั้งนั้น มีร้านขายของที่ระลึกมากมายมาวางขายอยู่รอบๆ มีสินค้าชิ้นหนึ่งที่ผมชอบมากกคือผ้าพันคอที่มีลายสีน้ำเงินดำ และมีข้อความเขียนไว้ว่า F*uck you แต่ขอโทษครับ คำว่า you ในที่นี้เขียนด้วย Juve นะ รวมเป็น F*ck Juve

หลังจากรับตั๋วเสร็จ ยังพอมีเวลาเล็กน้อย ผมเลยเดินไปซื้อน้ำดื่ม เพื่อเตรียมไว้สำหรับการเดินทางบนรถไฟตอนกลางคืนด้วย
แต่พอผมจะเข้าสนาม ก็มีตำรวจเดินมาที่ผม แล้วหยิบขวดน้ำออกมา ก่อนที่จะหมุนฝาขวดแล้วโยนฝาทิ้ง!! ถามเขาคร่าวๆเขาก็บอกว่า ให้เอาน้ำเข้าไปได้ แต่ต้องไม่มีฝาขวด สงสัยคงไม่อยากให้เอาไปปากันในสนามมั้ง ผมเลยจำใจที่ต้องเอาน้ำเข้าไปทั้งๆที่ไม่มีฝาขวดปิด

บรรยากาศในสนามนั้นสุดยอดมาก ผมไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูดครับ ยิ่งตอนที่นักเตะเริ่มวอร์มกัน แฟนๆก็เฮกันทั้งสนาม (แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นแฟน Inter) ผมสังเกตว่าแฟน Empoli จะมีอยู่เพียง 2-3 stand เท่านั้น, ก่อนเริ่มแข่งมีการประกาศรายชื่อนักเตะทีละคน พอเรียกชื่อจบคนก็เฮกัน แต่มีชื่อหนึ่งที่แฟนๆ Inter ไม่ค่อยส่งเสียงเฮเลย ได้แก่นักเตะหมายเลข 31 ผมนึกว่ามีแต่แฟนคนไทยที่ไม่ชอบนะเนี่ย


ฝั่งแฟนบอล Empoli

แฟนงู

นี่ก็แฟนงู

สุดท้ายก็ยังเป็นแฟนงู

บรรยากาศระหว่างเกมส์สนุกมาก แฟนๆร้องเพลงเชียร์กันเป็นระยะๆ

เข้าแถวก่อนเขี่ยบอล

รวมพลังสู้

Ibra

Figo วิ่งวอร์ม ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ของแฟนๆที่อยากให้เอาเขาลง

และในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงนั่นคือ จังหวะที่ Inter ขึ้นนำ 1-0 จาก Ibra !! แฟนๆ Inter เฮกันแบบสุดๆจริงๆ สำหรับผมแล้วมันเป็นช่วงที่ยอดเยี่ยมมาก แทบจะเทียบได้กับตอนที่ธวัชชัย ยิงประตูเกาหลีได้เลยทีเดียว


จังหวะได้ประตูขึ้นนำ (ขออภัยที่ภาพไม่ชัด เพราะผมกำลังกระโดดดีใจพร้อมคนรอบข้าง)

เพื่อนๆเข้ามาแสดงความยินดี

Ibra พยายามกระดกบอลข้ามหัวคู่แข่ง เลยโดนเตะร่วง

ก่อนจะเดินคอตกพร้อมคิดว่า ไม่น่าเลยตรู

บรรยากาศในเกมส์

Crespo จากด้านหลัง

เนื่องจากขากลับ จาก Empoli ผมมีรถไฟให้เลือกอยู่ 2 รอบที่จะกลับไป Firenze คือรอบเวลา 22.30 และรอบ 23.20 เมื่อพิจารณาแล้ว ถ้าผมกลับรอบ 23.20 คงไปถึง Firenze ตอนเที่ยงคืน ผมอาจจะตกรถขากลับไป Graz ได้ (ตามตารางรถจะออกตอนเที่ยงคืน) ผมเลยต้องออกจากสนามก่อนที่เกมส์จะจบเล็กน้อย เพื่อที่จะกลับให้ทันรอบ 22.30

ผมจำใจออกจากสนามเวลา 22.00 ก่อนจบเกมส์ประมาณ 15 นาที หลังจากที่ออกมาได้ไม่นาน ก็มีเสียงเฮกันขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในใจผมคิดว่าคงมีการทำประตูกันแน่ๆ (แต่ข้างไหนล่ะ?) เมื่อผมกลับมาถึง Firenze ตอน 5 ทุ่ม พยายามจะถามคนแถวนั้นว่าผลการแข่งเป็นอย่างไร แต่ไม่มีใครรู้เลย จนในที่สุดก็รู้ในภายหลังว่า Inter ชนะ 2-0 ลูกที่ 2 นั้นยิงได้หลังจากที่ผมออกไปเพียง 3 นาทีเท่านั้น

สิ่งหนึ่งที่ผมยังคงเสียดายจนถึงทุกวันนี้คือ ปรากฏว่ารถไฟที่ผมจะขึ้นตอนเที่ยงคืนนั้น สายไปเกือบ 30 นาทีครับ! ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว จะอยู่ดูการแข่งให้จบก็ยังได้นี่ว้อย

และแล้ว ผมก็หมดเวลาแห่งความสุขใน Italy และเดินทางกลับไปยัง Graz เพื่อร่วมงานประชุมในวัดที่ 2 ก.ย.

หวังว่าในอนาคต แฟนๆ Inter จะได้มีโอกาสเดินทางไปดู Inter เตะที่ San Siro สักครั้งในชีวิตนะครับ




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550   
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 20:10:41 น.   
Counter : 457 Pageviews.  


Marquez
Location :
Milano Italy

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




A te che sei il mio grande amore Ed il mio amore grande
A te che hai preso la mia vita E ne hai fatto molto di più
A te che hai dato senso al tempo Senza misurarlo
A te che sei il mio amore grande Ed il mio grande amore

[Add Marquez's blog to your web]