|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลคนไข้
ในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของผู้คน ตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน เทคโนโลยีเหล่านี้ ได้เข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตให้กับมนุษย์ ทำให้ได้ความสะดวกสบาย และคล่องตัว ทั้งในที่ทำงาน การเดินทาง การทำธุรกรรม ทางการเงิน และการสร้างความบันเทิงในที่พักอาศัย หรือแม้แต่โรงพยาบาลที่จัดได้ว่า เป็นสถานที่ที่มีความพลุกพล่าน และการใช้งานข้อมูลที่สูงที่สุด อีกแห่งหนึ่ง
เชื่อว่าทุกท่านคงเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งที่เป็นแบบผู้ป่วยนอกแบบตรวจ วินิจฉัยอาการ แล้วรับยากลับไปรักษาตัวที่บ้าน และผู้ป่วยใน ในกรณีที่อาการมีความรุนแรง จนแพทย์ไม่สามารถให้กลับบ้านได้ หรือ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในห้องไอซียู โดยหากใครเคยนอนโรงพยาบาลในอดีตคงคุ้นเคยกับการกดออดข้างเตียง เพื่อเรียกพยาบาลเมื่อต้องการความช่วยเหลือ แต่ถ้าวันไหนที่พยาบาลไม่ได้อยู่ประจำที่ หรือ ต้องเดินไปตรวจคนไข้ที่อื่น และหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้
ปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ในการกดออดเรียกพยาบาล คือ หากมีคนไข้กดออด พร้อมกันหลายห้อง พยาบาลและแพทย์จะรู้ได้อย่างไรว่า ผู้ป่วยห้องใดต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วนกว่า ใครเรียกก่อน-หลัง และผู้ป่วยคนนั้นต้องการ ความช่วยเหลือในเรื่องใด กลายเป็นปัญหาในด้านการสื่อสารกับคนไข้ และเพิ่มภาระการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีจำกัด นอกจากนี้ กรณีที่จำเป็นต้องตรวจ และเฝ้าอาการแบบไม่ให้คลาดสายตา เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการทางาจิต จะรู้ได้อย่างไรว่าคนไข้ยังอยู่ในห้อง ไม่หนีออกจากห้องไปอยู่บนดาดฟ้า หรือ ผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้น หากพยาบาลไม่อยู่ในห้องควบคุมจะรู้ได้หรือไม่
ในงาน "Cisco SHOWCASE 2005" เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ อิงค์ ได้เปิดตัว "โซลูชั่นเฮลธ แคร์" ใหม่ที่ช่วยขยายเครือข่าย ทางด้านการแพทย์ (Medical-Grade Network) รองรับระบบรักษาพยาบาลที่รวดเร็วและชาญฉลาด พร้อมความสามารถในการกำหนดทิศทางระบุตำแหน่ง และจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล สำหรับบุคลากรด้านการแพทย์และผู้ป่วย ผ่านอุปกรณ์ด้านเครือข่ายของซิสโก้ อาทิ ระบบเครือข่ายไวร์เลส แลน สวิตซ์ เราเตอร์ และแอพลิเคชันต่าง ๆ เป็นต้น
โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วทั้งเอเชีย กำลังเผชิญกับภาวะกดดันเรื่อง การยกระดับคุณภาพด้านการรักษาพยาบาล โดยอาศัยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่โซลูชั่นทางด้านไอทีที่มีอยู่ขณะนี้ ไม่สามารถตอบสนองการปรับปรุงระบบดำเนินงานได้อย่างลงตัว ดังนั้น ซิสโก้ จึงนำเสนอชุดโซลูชั่น Clinical Connection Suite เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องดังกล่าว โดยปรับปรุงรูปแบบการวินิจฉัย เฝ้าดูอาการและรักษาผู้ป่วย อีกทั้ง ยังลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ด้วยเครือข่าย Medical-Grade Network ของซิสโก้ ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชั่น Clinical Connection Suite ให้แก่โรงพยาบาลทั่วโลก เช่น ศูนย์การแพทย์บอสตันใน สหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลเซนต์โอลาฟ ในประเทศนอร์เวย์ และโรงพยาบาลอเล็กซานดรา ในประเทศสิงคโปร์ ที่เพิ่มความสะดวกในการสื่อสาร ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ เข้ามารวมไว้ด้วยกัน
แอพลิเคชันที่อยู่ใน Clinical Connection Suite ว่า โซลูชั่นนี้จะรองรับเสียง วีดิโอ และข้อมูล หรือ ทริปเปิลเพลย์ ประกอบด้วยฟังก์ชันการสื่อสารแบบเรียลไทม์
ประกอบด้วย ระบบ Nurse Call รองรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เช่น การระบุตำแหน่งของผู้ป่วยหรือผู้ดูแล ด้วยการส่งข้อความเตือนไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย แบบไร้สาย รวมถึงโทรศัพท์ไอพี โดยวิธีนี้จะช่วยประหยัด ลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์และค่าบริการเพจเจอร์ โดยแพทย์สามารถใช้ระบบโทรศัพท์ไอพีแบบไร้สาย เพื่อพูดคุยติดต่อกับผู้ป่วยหรือบุคลากรที่ดูแลได้โดยตรง
สำหรับระบบ Patient Monitoring จะให้ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ ด้วยการส่งข้อความผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ไอพีแบบมีสาย และ แบบไร้สาย และยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบอาการของผู้ป่วย ในกรณีที่แพทย์หรือพยาบาลไม่สามารถประจำอยู่จุดใดจุดหนึ่งได้นาน ๆ จึงช่วยให้พยาบาลได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานะของผู้ป่วย ไม่ว่าจะไปอยู่ในที่ใดก็ตามภายในโรงพยาบาล
ระบบ Location-Based Services จากการที่แพทย์และพยาบาลต้องเสียเวลาในการค้นหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และทรพัยากรอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ระบบ Location-Based Services จึงใช้ประโยชน์จากเครือข่าย Medical-Grade Network และบริการระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์ สำหรับเชื่อมต่อ Wi-Fi (IEEE 802.11) และเทคโนโลยีตรวจสอบติดตามผ่าน RFID:Radio Frequency Identification เพิ่มความรวดเร็วในการระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ต่าง ๆ และป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย ทั้งนี้ สามารถนำมาใช้ในการติดตามผู้ป่วย กรณีหนีออกจากห้องได้ด้วยการนำ Tag RFID ไปติดที่ตัวผู้ป่วย
ระบบ Collaborative Care ที่ออกแบบมารองรับการทำงานเฉพาะกิจ ระหว่างแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยการสื่อสารแบบวีดิโอออนดีมานด์ ทั้งภาพและเสียง โดยอาศัยจากระบบ Cisco Meeting Place และระบบการประชุมทางไกลของบริษัท แทนเบิร์ก ทั้งนี้ Collaborative Care จะเพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัยและการรักษาพยาบาล โดยเปิดโอกาสให้คณะแพทย์ได้ปรึกษาหารือร่วมกัน อีกทั้ง ยังช่วยสถานพยาบาลนำเสนอบริการใหม่ ๆ เช่น การแปลวีดิโอแบบเรียลไทม์ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
"การนำเอาระบบไอทีช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์และพยาบาล ทำให้สามารถดูแลคนไข้ได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไม่ต้องใช้พยาบาลดูแลคนไข้ตลอดเวลา แต่สามารถตรวจสอบผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของโรงพยาบาล ช่วยให้พยาบาลได้ไปทำหน้าที่อื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้น และทำให้แพทย์ได้ใกล้ชิดกับคนไข้ แม้ว่า จะอยู่ที่บ้านพัก โดยขณะนี้ แพทย์สามารถเฝ้าดูอาการคนไข้ของตนเอง ได้จากทางอินเทอร์เน็ต แล้วยังสามารถประสานงานกับพยาบาล อีกทั้งยังควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีขึ้นกว่าเดิม"
Create Date : 12 ธันวาคม 2548 |
|
2 comments |
Last Update : 14 ธันวาคม 2548 21:09:16 น. |
Counter : 2453 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: アダルト IP: 124.25.160.59 17 พฤษภาคม 2551 21:41:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: アダルト IP: 124.25.160.59 17 พฤษภาคม 2551 21:41:43 น. |
|
|
|
| |
|
|