Keanu Reeves - a shy exhibitionist Cosmopolitan (Esp), November 2000 by Jan Janssen Cosmo:เมื่อตอนเล็กๆ คุณฝันจะเป็นนักแสดงรึเปล่า K.R.:ไม่เลย ผมอยากเป็นนักกีฬาฮอคกีมืออาชีพต่างหาก เมื่อเล็กๆผมขี้อาย แล้วจะรู้สึกดี เฉพาะเวลาที่ ได้เล่นสเก็ตบนน้ำแข็ง Cosmo:สมัยยังอยู่ในโรงเรียน คุณเป็นเด็กยังไง K.R.:ผมอยู่ที่ไหนไม่นานพอที่จะตอบได้หรอก ตอนเล็กๆ ผมมีปัญหาด้านการอ่าน ก็เลยเป็นนักเรียนที่ไม่ดีนัก ผมรู้สึกว่า มันไม่ใช่แบบที่ผมชอบ เสียเวลา อะไรประมาณนั้น Cosmo:คุณมันพวกหัวแข็ง กบฏ อะไรงี้รึเปล่า K.R.:ที่จริงน่ะ ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่า ชอบแยกตัวจากคนอื่น ขนาดที่ยังเล็กอยู่ ผมก็รู้ได้แล้วว่า ผมไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ว่าโลกก็เปลี่ยนไปตอนที่ อายุ 15 แล้วได้รู้จัก"การแสดง" เวลาที่เรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในส่วนที่เราแสดง ทุกอย่างก็มีแนวทางของมัน ก็คล้ายๆกับการเล่นกีฬาในทีมเหมือนกัน Cosmo:ฟังคล้ายๆกับบทที่คุณเล่นในหนังเรื่องThe Replacementsนะ อดีตไอ้ขี้แพ้ที่มีหน้าที่ให้รับผิดชอบ K.R.:สำหรับเรื่องนี้ ผมยังจำได้ว่า เมื่อตอนเด็กๆ ผมโดนเลือกให้เป็นเหยื่อในชั้นเรียน ที่ใครๆรุมกลั่นแกล้ง แต่ว่า คุณไม่มีทางนึกออกหรอก ว่าผมเป็น เหยื่อที่แสบสันขนาดไหน Cosmo:แล้วจนป่านนี้ คุณยังคิดว่า คุณแตกต่างจากคนอื่น อีกรึเปล่า K.R.:ก็มีบ้าง ไม่รู้สินะ เมื่อก่อน ผมใช้เวลานานมากที่จะหาว่า ผมอยากจะทำอะไรในชีวิตแล้วมันเหมาะกับโลกใบนี้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ ผมเลิกหาไอ้ "คำตอบ" ที่ว่านั่นแล้ว ผมเริ่มรู้ว่า เพียงแค่เราปล่อยให้คำตอบมันมาหาเราตามทางที่มันควรเป็น ทุกอย่างก็จะดีเอง Cosmo:คุณมีความสุขไหม K.R.:มีสิ มากบ้างน้อยบ้างเหมือนคนอื่นนั่นล่ะ นานๆที ผมก็สงสัยว่า ทำไมเรื่องบางเรื่องมันถึงเกิดขึ้นแบบนี้ หรือว่า ทำไมเวลาที่ชาวบ้านเค้าปลาบปลื้มเรื่องอะไรสักอย่างแล้วผมไม่เห็นจะรู้สึกแบบพวกเขา วันต่อมา ผมอาจจะคิดวนเวียนอยู่กับความจริงที่มันเกิดขึ้น แล้วก็ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ผ่านไป แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็จะถึงจุดหมายปลายทางที่ว่า ไม่ว่า ชีวิตมันจะต้องพบกับเรื่องที่ยากจะรับได้แค่ไหน เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและปรับตัวเข้าหามัน Cosmo:พวกนักวิจารณ์ยังคงโต้เถียงกันเรื่องความสามารถในการแสดงของคุณอยู่เลย พวกเขาว่า คุณจงใจจะทำให้การแสดงของคุณดูมีปริศนาอยู่เสมอ K.R.:ปริศนา งั้นหรือ? เออ ก็ดีนะ ชีวิตมันก็มีหลายเรื่องที่เข้าใจยากอยู่เหมือกัน บางคำถามก็ไม่มีคำตอบตายตัว จริงไหม ขนาดผมคิดว่าผมเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่บางทีเหมือนกันนะ ทั้งสงสัยและค้นหาตัวผมเองนั่นล่ะ P.s. *อ่านคำตอบของคีอานูที่แปลให้อันนี้ แล้วไปหาหนังเรื่อง Thumbsucker มาดูสักครั้ง คุณจะ get ว่าเขาจะบอกอะไรคุณ *มีต้นฉบับ สามารถแปะให้อ่าน หากใครอยากอ่านทั้งดุ้น เพราะแองจี แปลเฉพาะส่วนที่ตัวเองชอบ ไงก็เม้นท์บอกละกาน จาแปะให้   Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549     Last Update : 7 พฤศจิกายน 2549 9:51:31 น. Counter : 1360 Pageviews.   29 comment Share Tweet

Keanu Reeves's Supernatural Ex' แฟนๆพี่คี คงพอเดาออก ว่า พี่คี เค้าสนใจเรื่องลึกลับ ดูจากงานที่แกทำ ก๊ะได๋ Constantine The Lake House The Matrix Devil's advocate Dracula The Gift Little Buddha แม้แต่ B&T Bogus Journey - - - - ส่วนที่จะเล่า ต่อไปนี้ คือ ประสบการ์ณ Supernatural ของ พี่คี กับ เย็นวันหนึ่งในฮอลลีวู้ด และ คู่ขาสุดรักของเค้า Norton - **************** คีอานู รีฟส์ เล่าเรื่องเฉียดตายให้พวกเราฟังอย่างละเอียด เมื่อครั้งมาคุยกับ เจย์ เลโน แห่ง Tonight Show เมื่อครั้งที่มาปรากฏตัวเพื่อหนังเรื่อง The Lake House หลังการทักทายกันตามปกติ คีก็เล่าว่าหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ ซึ่งเราไม่สามารถให้เหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สามารถรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เมื่อพิธีกร ถามถึง ความเชื่อ ส่วนตัวของเขา ว่าคีอานู รู้สึกกับเรื่องพลังลึกลับอย่างไร พี่คีก็เลย เล่าเรื่องส่วนตัว ที่ยังสงสัยอยู่จนทุกวันนี้ ให้ฟังว่า "เย็นวันหนึ่ง ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่บนถนน ผมก็ไปของผมตามปกติ แต่ว่า อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่า รถมันมีอาการแปลกๆ ผมก็เหลียวมองยาง เอ่า เวง ยางแบนนี่หว่า ผมก็เลยเลี้ยวเข้าปั๊ม จอดรถ ลงไปหมุนยางดู หาว่า มีตะปูรึเปล่า อะไรงั้น อะนะ แต่ว่า มันก็ไม่มีแฮะ ผมก็เลย เติมลมลงไปใหม่ ก็แบบว่า จะให้ทำไงล่ะ ใช่มะ แล้วก็ขี่ออกมาใหม่ ทีนี้ ตอนนั้นมันเป็นช่วงโพล้เพล้ พระอาทิตย์ก็กำลังลดระดับลง แสงมันก็จ้าาาาาาา เข้าตาเลยนะ แล้วในตอนนั้น ผมก็เกิดนึกกังวลขึ้นมาเฉยๆกับไอ้ยางหลังที่มันแบนน่ะ คือมันสงสัยว่า มันเป็นไปได้ไงวะ ผมก็เลยจอดรถ ซึ่งก็แปลกมากที่ผมเลือกจอดทางขวา ทั้งที่มันน่าจะจอดทางซ้าย ใช่มะ แล้ว ในตอนนั้นเอง ตอนที่ผมก็ลุกขึ้นจากรถ กำลังจะลงไปดูยางอีกรอบ ผมก็ได้ยินเสียง เอี๊ยดดด แล้ว ก็ เปรี้ยงงงงง !!!!!! รถผมนะ กระเด็นไปโน่นนนนนนน !!!!! ส่วนไอ้ถคันที่มันชนเปรี้ยง เข้ามานั่น เบรคอยู่ตรง ขา ข้างขวาผมเนี่ยยย !!!!! โอ้โห ! คุณเอ๋ยยย !! ผมนะ แบบว่า โอ๋ยยโย๋ !! นี่มันอะไรกันวะ นี่ถ้ากูไม่ฉุกใจ นึกจะลุกไปดูยาง ไอ้ที่กระเด็นไปโน่น คงไม่ใช่เจ้านอร์ตันหรอก มันต้องเป็นผมนั่นแหละ ที่จะเดี้ยงแน่ๆ ไม่รู้อะไรที่มันดลใจให้ผมคิดทำแบบนั้น ในตอนนั้นนะ ผมว่า ไม่ว่า จะเรียกสิ่งนี้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมก็ได้บอกว่า "ขอบคุณครับท่าน ขอบคุณมาก" "ส่วนเด็กที่ขับรถมาชนนั่น เค้าก็ตกใจนะ เค้ารีบลงจากรถ มาขอโทษผม แล้วก็ว่า 'โอ้ ผมขอโทษ ผมมองอะไรไม่เห็นเลย แดดมันเข้าตา บลา..บลา..บลา' ผมก็เลยบอกว่า โอเค เพื่อน ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อั๊วะยังไม่ตาย เว้ยย" **************** จะว่าไป เรื่องแบบเนียะ ถ้ามันรอดมาได้ แล้วเอามาคุยกันทีหลังน่ะ ก็ ฮา ดีหรอกค่ะ แต่ว่า มันก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปนะ จริงแล้ว คีอานูก็เจ็บตัวมาหลายรอบเพราะ เจ้าคู่ขาจอมซิ่งพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็น นอร์ตันหรือฮาร์เลย์ แต่พี่แก ก็ยังนิยมจะใช้พวกมันต่อไป แองจีคิดว่า ความลี้ลับ นั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เราทุกคนต่างหวังว่า นอกจากสิ่งที่เรามองเห็นด้วยตาและพิสูจน์ได้ด้วยสมองแล้ว มันน่าจะมี อะไรอีกหลายอย่างที่เรารู้ว่ามันมีอยู่ ด้วยใจและความรู้สึก ในมุมมองของความเชื่อทางตะวันตก คนแต่ละคนจะมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยพิทักษ์ป้องกัน ที่เรียกว่า การ์เดียนแองเจิล และสำหรับ พี่คีอานู รีฟส์ ตำแหน่ง 'Guardian Angel of Mr.Keanu Reeves' อาจจะมีถึง สาม กะ ก็เป็นได้ ตอกบัตรดูแลกันคนละแปดชั่วโมง เพราะ พี่คี เค้าเป็นหวานใจของพวกเราร่วมหลายล้านคน ขืนปล่อยให้เป็นอันตรายไป พระเจ้าคงรับฟังเสียงร้องไห้และคำร้องเรียนไม่ไหวแน่ ฮี่ๆ Happy Halloween เด๊อ ค่า   Create Date : 31 ตุลาคม 2549     Last Update : 31 ตุลาคม 2549 11:54:34 น. Counter : 1143 Pageviews.   29 comment Share Tweet

Q&A: KEANU REEVES : The Mirror UK 13 October 2006 คลิกอ่านต้นฉบับ>>>The Mirror:UK คุณท้าทายตัวเองอย่างไร ผมจะรู้สึกดี ถ้าผมพบสิ่งที่ผมสนใจ ในบทหนังสักเรื่อง แล้วมันมีโอกาสที่จะทำเป็นหนังที่ดูสนุกได้ อย่างน้อย นี่ก็คืออาชีพผม แต่ความต้องการลึกๆ ผมยังอยากหาบทแปลกๆที่ยังไม่เคยทำ อยู่เสมอ คุณดูตัวเองบนจอบ้างรึเปล่า เวลาผมไปดูหนังที่เล่นเองเนี่ย ผมดูภาพรวมทั้งเรื่องว่า เป็นอย่างไรบ้าง หนังทำให้ผมสนุกรึเปล่า และแน่นอนว่า ผมก็ต้องดูความสามารถของตัวเองด้วย สังเกตุการตัดต่อ สิ่งที่ ผกก.คิด ฉากที่โดนตัดออก ผมเก็บรายละเอียดทุกอย่างล่ะ คุณเคยบอกว่า ไม่พอใจ ที่ผู้คนอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคุณ ช่าย บางเรื่องมันเกินไป และจนบัดนี้ ผมก็ยังไม่ชอบ เรื่องบางเรื่อง มันส่วนตัวนะ ผมไม่อยากให้ใครรู้ แต่ผมก็เป็นคนธรรมดา ผมต้องมีสิทธิใช้ชีวิตผม ผมไม่อยากเป็น ท่านชายบนหอคอย ที่กลัวโลกภายนอก ผมชอบคุยกับผู้คน เกี่ยวกับงานที่ผมทำ แต่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ------------------aNGY's Paradox Part-----------> คุณท้าทายตัวเองอย่างไร หนูพยายาม กระชากหน้ากาก คีอานู รีฟส์ ค่ะ ..เอ๊ย..ไม่ใช่ค่ะ หนูเป็นคนขี้สงสัย ก็เลยสนใจ ว่าคนที่มีทุกอย่างแบบเขา ยังมีความไม่พอใจอะไรในชีวิต และเขากำลังค้นหาอะไร และเนื่องจาก เขาตอบโต้กับโลกนี้ได้อย่างน่าสนใจ หนูก็เลยอยากรู้ว่า เขาเป็นของจริง หรือแค่ พวกหน้าตาดีที่จำคำเก๋ๆมาพูดให้หนูฟัง แบบนั้นแหละค่ะ คุณดูตัวเองบนจอบ้างรึเปล่า คำถามนี้ เอาเป็นว่า หนูดูบ้างรึเปล่า ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างในรอบปีกว่าที่ผ่านมา บนwebblog อันนี้นะ ก็..ดูค่ะ หนูรู้ว่า ตัวเองเปลี่ยนไป แต่บอกไม่ได้ว่ามันดีขึ้นหรือเลวลง รู้แต่ว่า ความหมกมุ่นเรื่อง คีอานู ของหนู ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์และควบคุมได้ คุณเคยบอกว่า ไม่พอใจ ที่ผู้คนอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคุณ มีคนอยากรู้เรื่อง aNGy11 หรือคะ ล้อเล่นน่า หนูก็แค่คนธรรมดา ก็โอเคนะ ถ้าจะมีคนสงสัยว่า หนูเป้นผู้หญิงจริงหรือไม่ อายุเท่าไร มีปั๋วรึยัง ทำไมมันว่างจัง อะไรประมาณนี้ แต่หนูว่า มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ว่า ความจริงคืออะไร คุณเข้าใจเรื่องจินตนาการไหมคะ จินตนาการ คือความสวยงามที่เลือนลาง เหมือนคุณมองภาพบางอย่างผ่านกระจกฝ้าที่สวยงาม แล้วคุณก็มีความสุข มีความฝันที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น หนูว่า ตรงนั้น มันน่าสนใจมากกว่าเรื่องส่วนตัวของใครๆทั้งหมด คุณมีแต่ตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น อย่างอื่นมันก็แค่แรงบันดาลใจ เท่านั้นเอง   Create Date : 19 ตุลาคม 2549     Last Update : 19 ตุลาคม 2549 9:26:30 น. Counter : 1124 Pageviews.   15 comment Share Tweet

What Keanu Thinks... Glamour (Italy), November 2000 By Carlo Bizio ความลึกลับชื่อ"รีฟส์" คีอานูคิดอะไร... นักแสดงรูปหล่อที่ไม่ค่อยชอบเจรจา, ฉลาดและเร้นลับ, เขาคือความน่าสนใจชิ้นหนึ่งของฮอลลีวูด, คนที่ได้รับการยอมรับด้านฝีมือการแสดง จากเหล่าผู้กำกับ และได้รับการต้อนรับทางรายได้จากผู้ชมเสมอ เขายอมเปิดใจกับ Glamour ในวันนี้ คีอานูมาพบเราในชุดสีเข้ม ไม่ใช่ในสไตล์ของนีโอ แต่เป็นสูทลายแสนเท่ ผมหวีเรียบ ท่าทีสงบช่างคิด ดูคล้ายบทบาทของเขาใน Devil's Advocate จนถึงวันนี้ คีอานู รีฟส์ยังเป็นนักแสดงอันดับต้นๆในธุรกิจบันเทิงของอเมริกา เขาอายุ 36 แต่ยังดูเหมือน 17 ( แปลตามต้นฉบับนะจ๊ะ ปัจจุบัน มัน 40 up ฮี่ๆ) หลังความสำเร็จของ Matrix เขาคือนักแสดงค่าตัวแพงในระดับ A-list Q:ในภาพยนตร์เรื่องThe Replacements คุณรับบทเป็นนักฟุตบอล คุณชอบกีฬาชนิดนี้ไหม K:ผมชอบเล่นกีฬาครับ ตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่นอยู่ที่แคนาดา ผมเล่นฮอคกี้น้ำแข็งจนได้สมญาว่า "เจ้ากำแพง" เลยนะ ยังเคยฝันว่าจะได้ไปแข่งโอลิมปิคให้ทีมชาติด้วย ดังนั้น มาเล่นหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องฟุตบอลก็ตาม มันคล้ายกันละครับ เป็นเรื่องทีมอเมริกันฟุตบอลที่กำลังลำบาก แล้วได้โคชเจ๋งๆ ที่แสดงโดย ยีน แฮคแมน มาช่วยหาวิธ๊ให้กลับเข้าสู่ รอบตัดเชือกให้ได้ Q:แล้วต้องไปเทรนทักษะฟุตบอลไหม K:เทรนสิครับ สองเดือนแน่ะ ตอนนี้ผมทั้งแกร่ง ทั้งรู้แทคติคที่จะเล่นฟุตบอลแล้วนะ การได้อะไรใหม่ๆจากบทเป็นสิ่งที่ผมยินดีจะรับเสมอ Q:ภาพยนตร์เรื่อง The Watcher เพิ่งจะลงโรงฉายที่นี่(อิตาลี) คุณเล่นเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่น่ากลัวมาก K:ผมเป็นฝันร้ายของ เจมส์ สเปเดอร์ (พระเอกเรื่องนี้) ในเรื่อง เจมส์เป็น จนท.FBI ชื่อ แคมเบลล์ เขาเสียขวัญ หลังจากทำวิจัยเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่อง จนต้องย้ายหนีฆาตกร ซึ่งเป็นตัวละครของผมไปจากเมืองที่เขาเคยอยู่ แต่ว่า สุดท้าย ก็หนีไม่พ้น เพราะผมเจาะจงเลือกเขา เป็นเหยื่อรายสุดท้าย Q:เป็นบทที่เราไม่เคยเห็นคุณเล่นนะ K:ครับ , ผมรับบทนี้ ก็เพราะ ความเปลี่ยนแปลงคือความตื่นเต้น แล้วก็อยากลองเล่นทุกแบบ ไม่อยากให้ใครๆมองว่า ผมแสดงได้ดี เฉพาะบางบท Q:แล้วไม่กลัวว่า แฟนๆสาวๆ จะรู้สึกไม่ดีหรือ K:ไม่เลย(เสียงดัง)...แต่ว่า ก็แล้วแต่นะ(เสียงเบา) ถ้ามันมีความเสี่ยง ผมก็พร้อมจะรับ ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะมีอะไรตามมา Q:ทีตอนเรื่องSpeed 2คุณบอกไม่น่าสนใจ เพราะบทมันซ้ำ แต่พอเป็นMatrix 2 and 3 คุณกลับไม่ลังเล นี่จะให้เราคิดว่ายังไง K:หนัง Matrix มันไม่ใช่แค่หนังแอคชัน มันมีบทชีวิตแฝงปรัชญาอยู่ด้วย เหนือสิ่งใดทั้งหมด มันคือ"ของจริง" มันฉลาดมันลึกซึ้ง แล้วผมชอบทำงานกับพี่น้องวอชอสกีด้วย พวกเขาทั้งกำกับและเขียนเรื่อง หนังเรื่องนี้ มันเป็นตำนานนะ Q:และมีแต่พล็อตเรื่องที่เปิดเผยอะไรไม่ได้ K:ใช่ ผมเล่าอะไรไม่ได้เลยสักนิด เอาซะหน่อยก็ได้ คุณจะได้เห็น"ไซออน"เมืองในตำนาน ส่วน ลารรี วอชอสกี ก็ตั้งใจมากที่จะเขียนบทในด้านปรัชญา ออกมาให้น่าสนใจ เขาเล่าบางส่วนให้ผมฟัง แต่ผมว่า ผมยังงงๆ เขาเลยใช้ผมไปอ่านหนังสือของ Hume and Schopenhauer ซะก่อนจะถ่ายทำ Q:งั้นคุณก็ต้องทั้งอ่านหนังสือ ทั้งเข้าคอร์สฝึกร่างกายเลยสิ K:ใช่ เรื่องอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนังสือดีๆ ผมอ่านได้อยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องฝึกนี่สิ นี่เดือนพฤศจิกายนนี้ ก็ต้องเริ่มฝึกกังฟูสำหรับฉากแอคชัน ผู้กำกับบอกว่า มันต้องทั้งเจ๋งทั้งหนักเหมือนที่เคยทำไว้ในภาคแรก Q:มีใครใหม่ ในทีมไหม K:น่าจะไม่มีนะ พวกเรากลับมากันครบ ซึ่งก็ดีครับ เพราะว่าคุ้นกันดีอยู่แล้ว Q:เพื่อนในวงการหลายคนพูดว่า คุณเบื่อสภาพดาราแล้วก็อยากมีชื่อเสียงน้อยลง K:เฮ้ย ไม่จริงหรอก ผมยังอยากทำงานในฮอลลีวูด การได้ถ่ายทำหนัง เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตผม เพียงแต่ก็ อยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง อยากเป็นเหมือนนักแสดงที่ใส่ชุดมิคกีเม้าส์ในดิสนีย์แลนด์ ที่เวลาที่หมดเวลางาน ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร Q:งั้นคุณคือ ดาราที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสตูดิโอ เป็นไอคอนของยุคสมัย งั้นสิ K:ผมไม่รู้นะ เรื่องนั้น การที่จะเป็นอะไรตอนไหน มันขึ้นกับตอนนั้นเวลานั้น หรืออารมณ์นั้นมากกว่า ผมชอบใช้สัญชาติญาณในการตัดสินใจ บางที ก็รับงานเพราะกำลังไม่มีใคร แต่บางที ผมก็ไม่อยากให้ใครหาผมพบเลย ที่ผมทำงานหนักช่วงสองสามปีนี้ เพราะว่า มันน่าเศร้าที่ ผมไม่มีความรักก็เลยทำงานเยอะหน่อย งานทำให้ไม่ต้องอยู่คนเดียว แม้ว่า ผมจะโตแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกข้างในยังคงเหมือนตอนที่อายุ 16 ที่เพิ่งหาเงินก้อนแรกได้จากการแสดง ผมว่างานแสดงนี่ล่ะ ที่ทำให้ ความหมกมุ่นของผมมีประโยชน์ Q:แล้วคุณว่า ความรู้สึกของคุณตอนนี้ มีสมดุลมากขึ้นหรือยัง K:ยังเลย ผมยังรู้สึกสับสนข้างใน ผมว่า ผมมันแค่ไอ้ผู้ชายอายุ 36 ที่ชอบเก็บตัวและไม่มีระเบียบ แต่ยังหวังว่าตัวเองจะดีขึ้นได้ แค่นั้น Q:หลังจาก Little Buddha มีคนพูดว่า คุณจะเปลี่ยนไปนับถือพุทธ K:ไม่เชิงนะ แต่การที่เคยฝึกทำสมาธิ ช่วยได้มากเวลาที่ลำบาก ตอนนี้ ผมก็ยังใช้เทคนิคนั้นอยู่ มันดีมากๆ ที่เราสงบใจได้ โดยใช้แค่ เก้าอี้สักตัว นั่งลง ทำใจให้สบาย แล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง My Comment อ่อ เวลาไม่มีความรัก อยากทำงาน งั้น ไอ้ที่ไม่ทำงานมาตลอด 17 เดือนเนี่ย มีความรักตลอดง้านดิ ถ้างั้น มิได้แร้วววววว รบกวนทุกท่าน กระหน่ำVoteee Keeให้จี้ด่วนเดี๋ยวมันมี เมียถาวร แล้ว จี้ จะเสียจาย   Create Date : 11 ตุลาคม 2549     Last Update : 13 ตุลาคม 2549 11:49:15 น. Counter : 1522 Pageviews.   17 comment Share Tweet

Keanu Reeves Gets Animated Contributed by Stephen Applebaum Saturday, 05 August 2006 Q:ผมเพิ่งจะคุยกับRichard Linklaterผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง A Scanner Darklyที่คุณแสดง เราพูดกันเรื่องหนังกบฏ คุณว่าคุณกบฏไหม? K:อืมม,หนังกบฏ แล้วอะไรมันคือหนังกบฏล่ะคุณ? Q:แล้วคุณว่ามันเป็นอย่างไรล่ะ K:อ้าว แล้วกัน นี่ผมกลายเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย ? อย่างไรก็ตาม นี่มันเป็นคำถามปลายเปิด คงพูดได้ว่า หนังชุดเดอะแมทริกซ์นั่นล่ะ หนังกบฏ เพราะเจตนาของมันชัดเจน กบฏหรือการต่อต้านก็คือ การแสดงสิ่งที่เป็นรูปธรรมของความเปลี่ยนแปลง เมื่อใดก็ตามที่คุณเรียกบางสิ่งว่า กบฏ ผมว่า คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณหมายถึงอะไร Q:แล้วคุณว่าตัวคุณเป็นกบฏไหม ในเมื่อคุณไม่เคยยอมให้ใครมาคาดเดาว่า คุณควรมีชีวิตแบบไหน เหมือนดาราฮอลลีวูดทั่วๆไป K:(ยังพูดเกี่ยวกับหนังกบฏต่อไปโดยไม่ใส่ใจคำถามใหม่)กบฏนี่มันต้องมีเจตนา จริงไหม มันต้องมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง เราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเปลี่ยนไปแบบไหน แต่ผมว่าดีนะ ที่ได้เปลี่ยนเสียบ้าง ในชีวิตผม เอ๊ยไม่ใช่ ในงานที่ผมทำ ผมชอบการเปลี่ยนแปลง อืมม นั่นแหละ Q:ตกลงคุณจะสรุปว่าA Scanner Darklyเป็นหนังแนวต่อต้านใช่ไหม? K:อีกครั้งหนึ่ง ที่ผมต้องยอมรับว่า มันมีการต่อต้านอยู่ในนั้น ครั้งหนึ่งผมคุยกับริชาร์ด แล้วเขาบอกว่า เขาคิดว่า เสรีภาพที่พวกเรามีติดตัวมานั้น ถูกริดรอนเพราะเราความต้องการความปลอดภัย แบบที่เขาพูดกันว่า- ‘We have your best interests and your protection [at heart]' - แล้วมันก็เลยกลายเป็นว่า แม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าคุณทำผิดจริงคุณก็ดูไม่บริสุทธิ์ซะแล้ว ทั้งที่ความจริงมันควรผ่านกระบวนการซะก่อนถึงจะมาตัดสิทธิกัน กลายเป็นว่า เราทำผิดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเราบริสุทธิ์ ผมว่าหนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องเหล่านั้น มันเป็นเรื่องทำนองว่า "เฮ้ คุณเห็นเรื่องเมื่อกี๊นี้ไหม ที่มีชายคนหนึ่งถือโทรศัพท์เครื่องใหญ่อยู่ดีๆก็ถูกตำรวจลากไปน่ะ ไอ้นั่นมันไม่กล้าขัดขืนเลย เห็นไหม" ผมว่า หนังเรื่องนี้ มันเป็นแบบนั้น มันเตือนว่า นี่เราโดนจำกัดสิทธิขนาดไหนจากรัฐบาล ประมาณนั้นล่ะ Q:คุณรู้สึกว่าปลอดภัยและได้รับการปกป้องเมื่ออยู่ในสหรัฐไหม หรือคุณคิดว่า นี่เราถูกควบคุมมากเกินไป K:โอ ก็อช !! ผมไม่รู้หรอก !! ผมไม่สามารถสรุปทุกอย่างได้ด้วยตัวผมเองหรอกนะ ผมว่าชีวิตมันต้องการหลายอย่าง แต่ผมรู้สึกได้ว่า คนเราเดี๋ยวนี้เครียดง่ายขึ้น ผมดูจากเพื่อนๆและคนหลายคนที่ผมพบ ผมว่า เดี๋ยวนี้จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องถามไปซะหมด อย่างเช่น จะทิ้งรองเท้าเก่าๆสักคู่นึงนี่ ยังต้องถามเลยว่า จะทิ้งได้เมื่อไร ประมาณนั้น ผู้คนไม่สดใสกับชีวิตของเขาเองเท่าที่ควร ที่มันเป็นแบบนี้ เพราะเพื่อความปลอดภัย แต่ผมว่า ที่มานั่งเครียดกันแบบนี้นั่นแหละ เห็นชัดเลยว่า มันไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ Q:คุณผ่านประสบการณร้ายๆมาไม่น้อย คุณรู้ดีว่าบางอย่างไม่แน่นอน ไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้มีผลกับมุมมองชีวิตของคุณอย่างไร แล้วคุณทำยังไงกับมัน K:ผมว่า ถ้าคุณอายุมากขึ้นคุณจะรู้เองว่าคุณจะตอบคำถามนี้ยังไง ประสบการณ์ที่ได้มามันจะบอกคุณเอง ผมรู้ค่าของสิ่งที่ผมพบมา แต่จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง ผมว่า มันไม่เก็ทหรอก มันเป็นความเข้าใจลึกๆที่สักวันคุณจะรู้ เมื่อไรที่คุณได้พบ มันจะเป็นประสบการณที่มีค่า(เงียบไปนิดหนึ่ง)ประมาณนั้นล่ะ Q:ความสำเร็จของภาพยนตร์ชุดเดอะแมทริกซ์ ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นไหม K:อ๋อ แน่นอนสิ ! ผมหมายความว่า ใช่ !ใช่ !ใช่ ! แล้วก็ใช่ ! จริงๆแล้วแทบจะบอกได้ว่า มันเป็นสุดยอดประสบการณของผมเลยทีเดียว รวมถึงเพื่อนๆที่ผมได้จากงานนี้ด้วย Q:และความชื่นชมของแฟนๆที่มีต่อคุณด้วย จริงไหม K:(ถอนหายใจ อย่างประชดประชัน)นั่นมันโบราณจนเค้าลืมกันไปหมดแล้วมั้ง Q:ไม่จริงหรอก พวกแฟนๆของคุณ เค้าตะโกนเรียกชื่อคุณกันลั่นอยู่ข้างนอกนั่นไง K:เฮ้ ! นี่มันงานเทศกาลภาพยนตร์นะคุณ ! จริงไหม? ผู้คนเค้ามาเพื่อตะโกนกันอยู่แล้ว พวกเขามาดูดารา อ้อ ไม่ ! ผมล้อเล่น ผมภูมิใจมาก รักงานเรื่องนั้นมาก และปลื้มจริงๆที่คนดูชอบมัน และในกรณีของธุรกิจ แมทริกซ์ช่วยผมได้เยอะเลย มันทำให้งานอินดีที่ผมสนใจได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น สตูดิโออย่างวอร์เนอร์บราเธอร์ก็สนใจผมมากขึ้นด้วย พวกเขาก็จะบอกว่า "เอาเลย วอร์เนอร์อินดี" เป็นโอกาสให้ผมได้ทำหนังartเล็กๆอย่างThumbsucker จากการที่ผมร่วมงานด้วย ช่วยเพื่อนร่วมงานของผมให้ใช้งบประมาณง่ายขึ้น นั่นล่ะ ข้อดีของความสำเร็จ Q:ทั้งThumbsucker และ A Scanner Darkly ล้วนมี เรื่องยา เป็นเรื่องหลัก คุณมีทัศนคติอย่างไรกับ ยา ? K:มันขึ้นกับว่า ยาอะไรที่คุณพูดถึง นี่ขอผมสูบบุหรี่สักตัวได้ไหม ? (ช่างเป็นจังหวะที่เหมาะสมอะไรเช่นนี้ คีอานูล้วงบุหรี่ Camel ออกจากเสื้อสูทแจ็กเก็ต กระทุ้งซองแล้วหยิบมวนหนึ่งขึ้นมา) Q:งั้น นี่คือยาของคุณงั้นสิ K:ไอ้บุหรี่เนี่ยนะ มันไม่ใช่ ยา มั้ง คุณพูดมาเลยดีกว่า ว่าจะถามเรื่องยาอะไร Q:ผมว่ามันขึ้นกับการใช้นะ มันก็เช่นยาที่ทำให้ลืม ให้รื่น หรือให้.. K:หรือให้ผ่านไปวันๆใช่มะ อืม จะว่าไป สิ่งที่คุณว่ามา เราก็เห็นๆกันอยู่ เป็นเรื่องที่น่าจะพูดถึง น่าจะคิดกันมากขึ้น มันควรจะอยู่ตรงไหน เราใช้มันกันทำไม หรืออะไรแบบนั้น ช่าย น่าจะเอามาช่วยกันคิด Q:คุณเคยมีประสบการณ์กับพวกนี้ไหม K:ก็มีบ้าง แต่ผมยังไม่เคยใช้ยาจิตเวทอย่างZoloft หรือ Adivan จึงไม่รู้ว่าพวกมันเป็นยังไง ส่วนอย่างอื่น ก็เคยบ้าง นานมาแล้ว Q:แล้วสูบล่ะ K:(คีอานู จุดไฟแช็ก) Q:ผมไม่ได้หมายถึงสูบบุหรี่ K:คุณมานั่งเซ้าซี้ถามผมเรื่องยาผิดกฏหมายงั้นหรือ? (หัวเราะ) คุณจะรู้ให้ได้ใช่ไหม ว่าผมค้ายาหรือติดยา แล้วทำไมผมต้องเป็นอาชญากร หา ? Q:งั้น ทุกวันนี้ อะไรทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น K:ชีวิตและความรัก มั้ง ไม่ใช่ๆ ครอบครัว แล้วก็เพื่อนๆ Q:งั้น คุณมีความสุขแล้วสิ? K:โอ้ แน่น้อนนน นี่ ผมอายุ 41 แล้วนะ ไอ้เรื่องสมัยเด็กๆน่ะ ผมทำจนเลิกไปหมดแล้ว Q:แล้ววว ตอนที่คุณอยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิต จุดที่ใครๆเค้าก็รู้เรื่องการสูญเสียของคุณน่ะ คุณผ่านมันมาได้ยังไง ? คุณเคยคิดจะใช้ยาไหม แล้วอะไรทำให้คุณผ่านมันมาได้ ? K:(ถอนหายใจ แล้วทุบโต๊ะดังๆหลายรอบ อารมณ์บูดจนสังเกตได้) เอาเข้าไป ผมรู้ก็แล้วกันล่ะน่า ว่าผมจะเศร้าได้แค่ไหน มันเป็นสัจธรรมของชีวิต ใครๆก็ไม่ได้เป็นอมตะหรอกน่า มันเหมือนแผล ถ้าคุณเป็นแผล คุณก็ต้องรักษา แล้วมันก็จะกลายเป็นแผลเป็น เรื่องมันก็แค่นั้น ผมรักษาแผลได้ แล้วก็มองแผลเป็นได้ เท่านั้นล่ะ Q:งั้นคุณเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหามัน K:เอออออออ มั้ง ผมคิดว่า คงได้ ไม่รู้เหมือนกัน(โว้ย) Q:โอเค การแสดงเรื่องนี้ มันต่างไปจากที่คุณเคยเล่นมาไหม ในเมื่อ สุดท้ายมันต้องไปทำอนิเมชันทีหลัง K:เออ มันก็ดีนะ มีอะไรก็ไปใส่ทีหลังได้ Q:แล้วมีหลายอย่างที่ต้องไป บิด หัก แต่ง เยอะเหมือนกันนี่ คุณว่ามันแสดงยากขึ้นไหม K:ผมว่า มันไม่เกี่ยวเรื่องที่จะไปทำอนิเมชันหรอกที่ทำให้มันยาก มันเป็นเรื่องของความคุ้นเคยมากกว่า ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานเฉพาะกับกล้องหนัง ซึ่งมันจะมีการเปลี่ยนซีนทุก 10 นาทีสำหรับหนังเรื่องหนึ่งที่ยาวเป็นพันฟุต ใช่ไหม มันแปลว่า คุณต้องสลับฟิลม์แล้วเราก็ได้พัก เป็นจังหวะของ แอคชัน กับ คัท ซึ่งก็สบายมาก ทีนี้ เรื่องนี้ ใช้กล้องดิจิตอล มันเก็บได้ยาวถึง 45 นาทีต่อตลับ ดังนั้นมันไม่มีการพัก คือแม้ว่าตามบทมันจะจบแล้วแต่เพราะว่า กล้องมันพร้อมตลอดเวลา พอ ผกก สั่งแอคชันก็ต้องเล่นต่อทันที จังหวะการทำงานมันก็เปลี่ยนเท่านั้นล่ะ ปรับตัวนิดหน่อยก็ชิน แต่ว่า บางทีพวกเราก็เหนื่อย จนต้องขอ ผกก.ให้พักสักหน่อย ถือเป็นการทำงานที่แปลกครั้งหนึ่งของผม Q:คุณเพิ่งได้ร่วมงานกับWoody HarrelsonและRobert Downey, Jrเป็นอย่างไรบ้าง K:เรื่องตลกก็คือ พวกเราเข้ากล้องกันคนละที (หัวเราะ) โอเค ผมล้อเล่น พวกเราสนุกมาก จังหวะเราไปด้วยกันได้สวย มันเยี่ยมนะ คุณน่าจะไปดูในหนัง ผมว่าพวกเรากลมกลืนเลยล่ะ Q:คนดูประเภทไหน ที่จะมาดูหนังเรื่องนี้ K:ผมไม่เคยคิดจะนิยามคนดูของผม แล้วผมไม่อยากได้ยินคุณพูดคำนี้ออกมาด้วย ผมไม่อยากได้ยินแบบว่า "หนังก็สนุกดีว่ะ แต่ผมว่า มันมีไม่กี่คนหรอกที่ดูรู้เรื่อง นี่มันหนังซับคัลเจอร์" หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะหนังเรื่องนี้มันคือความจริง ความจริงที่รอให้คุณยอมรับมัน เอาล่ะ กลับมาที่คำถามคุณ ใครกันที่จะดูหนังเรื่องนี้รู้เรื่อง ผมว่า คำถามนี้ มันเหมือนถามว่า คนเมืองมีลักษณะยังไง เพราะหนังเป็นเรื่องของคนกับการถูกปกครองและการมีชีวิตสับสนในเมือง สิทธิและความเป็นสังคมที่กำหนดเรา เราจะอยู่ยังไงเราจะเป็นอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดมากๆ Q:คุณยังขี่รถมอเตอร์ไซค์และเล่นดนตรีร็อคอยู่หรือเปล่า K:อืมม รถน่ะ ยังขี่ แต่ดนตรี ผมเลิกเล่นแล้ว วงด็อกสตาร์ของเราแตกและไม่มีทางจะกลับมาอีก ส่วนรถ ผมมียี่ห้อ นอร์ตันหลายคัน แล้วเพิ่งได้ ช็อปเปอร์ฮาร์เลย์มาคันหนึ่ง มันเงียบกว่านอร์ตันนะ คล้ายๆกับรถทั่วไป แต่ผมว่าผมชอบนอร์ตันมากกว่า Q:แล้วคุณยังขี่รถตอนกลางคืนโดยไม่เปิดไฟหน้าอีกรึเปล่า K:มีบ้าง ในวันดีๆ เฉพาะในวันดีๆ My comment : I'm a psycho. I find a rebel character of Keanu Reeves in a pile of his interview articles and how lucky I am ! I found this one ! นี่ถ้าเป็นฉากในหนัง พี่คีต้องบอกคนเขียนบทให้เพิ่มตอน ต่อยปากนักข่าวลงไปแน่ กร๊ากกกกส สะจายเหลือเกิน อิตาคนเขียนคอลัมน์นี้ มันแหย่คีอานูให้อารมณ์เสียให้แองจีดูจนด้ายยยย วี๊ดวิ่ววว พี่คีขา สู้ต่อไปนะคะ เก็บอาการยัวะผู้สื่อข่าวเอาไว้นะคะ เด๋วจะไม่มีใครกล้าไปสัมภาษณ์ กรั๊ก อ่านต้นฉบับ คลิกNetributionจ้ะ ***ข่าวประชาสัมพันธ์*** แฟนๆของSandra Bullockโปรดทราบบ ขณะนี้ แฟนพันธ์เหนียวของเจ๊แซนแห่งประเทศไทย ซึ่งคันไม้คันมือหลังจากอ่านบล็อคโฆษณาชวนเชื่อของแองจีมานาน ได้ตัดสินใจ เปิดบล็อคชื่นชมเจ๊แกที่บล็อคแก๊งค์แล้วจ้า เชิญไปดูกันได้ เท่นี่>>>sandythaifan (เดี๋ยวไปเก็บค่าโฆษณาย่ะ)   Create Date : 28 กันยายน 2549     Last Update : 28 กันยายน 2549 10:16:33 น. Counter : 1243 Pageviews.   21 comment Share Tweet

• ไร้ระเบียบ
• ข่าว
• บทความ
• งาน
• คลิป
• ไม่เกี่ยวกับเขา

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com