คีอานูชอบเล่นเป็นตัวร้าย ไม่กลัวอ้วน และไม่กลัวพริก จากบทสัมภาษณ์เก่าของเดือนมิถุนา คีอานูตอบคำถามนักข่าวในเสฉวนว่า "ผมชอบเล่นเป็นตัวร้าย เพราะคนร้ายรู้ดีว่าตัวเองอยากได้อะไร ความรู้สึกของเขาแรง เข้มข้น ทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากได้ แม้แต่ความตาย พวกเขาก็ไม่กลัว" "เรื่องที่ใครๆว่าผมอ้วน (เขาโบกมือในทำนองว่าไม่แคร์) ผมรู้ว่าทำไม กำกับหนังเป็นงานหนัก พองานจบ ผมก็อยากพักผ่อน ก็เลยกินเยอะไป ออกกำลังกายน้อยไป มันก็...อย่างที่เห็น แต่ผมว่า มันไม่ได้มีแต่ไขมันที่เพิ่มขึ้นนะ กล้ามเนื้อก็มี" "อาหารเสฉวนในเขตเฉิงตู ที่ใครๆว่าเผ็ด ไม่ได้เป็นปัญหากับผมเลย" Credit : //www.whoaisnotme.net/articles/2013_0628_49y.htm NEWS : งานภาพยนต์โตรอนโต จัดเสวนา Man of Tai Chi ซึ่งมี คีอานู รีฟส์ ไทเกอร์ และ มิสส์ซีแวน ร่วมพูดคุย เช้าวันอังคาร ที่ 10 กันยายน (พรุ่งนี้) ภาพล่าสุดจากแฟนๆทางทวิตเตอร์ //web.stagram.com/p/540864669518348941_190693279#Y7x7LcIaZhibpK8H.01   Create Date : 09 กันยายน 2556     Last Update : 9 กันยายน 2556 13:35:11 น. Counter : 3526 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Gung-ho about gongfu : Singapore Straits Times By Yip Wai Kee The Straits Times Saturday, Jul 13, 2013 translate to Thai by angy_11 สิงคโปร์ - เป็นที่รู้กันว่า Keanu Reeves คือสุดยอดดาราฮอลลีวูดที่สัมภาษณ์ยาก ดังที่รู้กันว่าเขาทั้งเก็บตัว แกล้งเงียบ หลอกให้ผู้ถามไขว้เขว บ่นงึมงำ และวางตัวให้อึดอัด โดยเฉพาะในยามที่สื่อมวลชนทั้งโลกรุมสนใจเขามาตั้งแต่ยุคการตีความในบท นีโอ ที่เขาแสดงนำใน The Matrix ช่วงปี 1999-2003 แต่แล้ว โอกาสแสนดีก็เปิดให้เราได้คุยกับเขาอีกครั้ง เมื่อมีงานใหม่ของเขากำลังเข้าฉายในสัปดาห์นี้ Man Of Tai Chi พ่อหนุ่มวัย 48ที่ดูเด็กกว่าวัย เปลี่ยนไปมากมายจากการพบเขาในครั้งก่อนๆ เขาดูกระตือรือร้น มีเสน่ห์ ตั้งใจฟังและตอบคำถามอย่างตรงประเด็น หัวเราะง่าย ยิ้มเก่ง รวมทั้งคุยอย่างออกท่าทางอย่างชวนดูไปตลอดการสนทนา แม้จะดูยังเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งไฟลท์ยาวจากเซี่ยงไฮ้มาแอลเอเมื่อคืนก่อน หลังทัวร์โปรโมทหนังใน8เมืองใหญ่ของประเทศจีน Keanuก็ยังไม่หวั่นที่จะต้องพบสื่ออย่างเรา เพื่อคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ เขาขยี้ตาเป็นระยะ พยายามนั่งตัวตรง ประกบมือเข้าหากันบ่อยๆอย่างกระตือรือร้น ขณะรอเราตระเตรียมอุปกรณ์เพื่อบันทึกการสัมภาษณ์ที่กำลังจะเริ่มต้น ก็คงไม่แปลก สำหรับผู้กำกับมือใหม่ป้ายแดงของMan Of Tai Chiอย่างคีอานู รีฟส์ เพราะเรารู้มาว่า เขามีหลายสิ่งที่จะพูดถึงภาพยนตร์ที่เขาปั้นมากับมือตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้กำลังเปิดฉายในสิงคโปร์ คีอานูคุยกับเราในเสียงทุ้มนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา สลับด้วยการยิ้มหวาน "การสร้างหนังเรื่องนี้เป็นการเดินทางอันยาวไกลของผม, รู้ไหมครับ, น่าจะมากกว่า 5ปีที่ผมฝันถึงมัน ดังนั้นแม้ว่าจะต้องวิ่งหอบหนังไปเที่ยวบอกทุกคนในโลก ผมก็ว่ามันไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ในเมื่อผมผ่านขั้นตอนที่มากมายในการสร้างมาแล้ว, นี่เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่คุ้มค่า เพราะผมรู้ว่า ยิ่งมากครั้งที่ผมพูดถึงมัน ก็จะมีคนที่รู้จักมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" "ผมภูมิใจที่จะบอกทุกคนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้" ภาพยนตร์ของเขาถ่ายทำในปักกิ่งและฮ่องกง ใช้ทุนสร้างของสตูดิโอทั้งฝั่งอเมริกาและจีน บทพูดส่วนใหญ่ใช้ภาษาจีนกลางและจีนฮ่องกง พล็อตหลักเล่าถึงศิลปะมวยจีนไทเก็ก ดารานำก็เป็นหน้าใหม่ ที่มาจากสตันท์แมนมวยจีน ชื่อ ไทเกอร์ เชิน, .... รีฟส์รู้ว่าปัจจัยทุกประการในหนังเรื่องนี้มีความเสี่ยงอย่างไร้สติ และแม้ว่านักแสดงผู้ถือพาสปอร์ตแคนาดาผู้นี้จะเป็นลูกเสี้ยวของชาวจีน (พ่อเขาเป็นลูกครึ่งจีน-ฮาวาย) แต่เขาก็พูดภาษาจีนใดๆไม่ได้ แม้สักภาษาเดียว "เมื่อไรที่ผมบอกใครๆว่า ผมกำลังสร้างหนังกังฟูจีนในภาษาจีน คนอื่นๆก็จะ แบบว่า ..อั่ม คุณรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นหนังกังฟูทีต้องพูดจีนแล้วก็ถ่ายทำในจีน ด้วย อะ ?" เขาเล่าไปขำไป "ผมรู้ ว่า มันดูเพี้ยนๆสำหรับคนอื่น แต่ผมอยากทำเรื่องนี้ แล้วผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาที่ตรงไหน" แรงบันดาลใจในการสร้างหนังกังฟูจีนต้นทุน 200ล้านหยวน มาจากความรักในการดูหนังจีนในทีวีเมื่อวัยเด็ก "ผมโตมากับช่องหนังจีนกังฟู ดูมาตั้งแต่ บรูซลี ต่อมา ก็ หวงจินเป่ากับเฉินหลง ของเฉินหลงนี่ผมดูทั้งช่วงที่เขายังแสดงในหนังฮ่องกง มาจนถึงปัจจุบัน" เขาตั้งตัวตรงขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น "จากนั้น ผมก็มาชื่นชอบ เจ็ทลี ตอนที่ได้ดู Fist Of Legend (1994) และ Once Upon A Time In China (1991) ผมงี้ได้แต่ร้องว่า โอ้ สุดยอด, โอ้ สุดยอด, โอ้ สุดยอด, แมร่ม โค่ดอะเมซซิ่ง" สำหรับดารานำของMan Of Tai Chi ไทเกอร์เชิน, รีฟส์มั่นใจว่าเขาจะเป็นดาราแอคชันคนใหม่ได้ "เขามีพรสวรรค์เวลารำมวยจีน ทำไมจะเป็นดาราไม่ได้ ส่วนในแง่ของการแสดง เขาก็มีเสน่ห์ ดูเป็นคนมีของอยู่ในตัว ผมหวังว่าคนดูจะชอบไทเกอร์" แม้รีฟส์ จะเป็นเพื่อนที่ดี แต่ก็อาจเป็นแมวมองที่พลาด ไทเกอร์ที่เขารู้จักในกองถ่ายของ The Matrix ยังไม่อาจชนะใจนักวิจารณ์ภาพยนตร์คนใดได้ ทุกคนลงความเห็นคล้ายๆกันว่า ไทเกอร์ไม่มีเสน่ห์บนจอ เหมือน เจ็ทลี หรือ ดอนนีเย็น แต่รีฟส์ซึ่งร่วมแสดงในบทนักธุรกิจตัวร้ายยังยืนยันความคิดเดิม "ถ้าไม่มีไทเกอร์ ก็จะไม่มี Man Of Tai Chi ผมไม่เคยคิดจะให้ใครเล่นบทนี้" ชายโสดสุดฮอตแห่งฮอลีวูดกล่าวอย่างเชื่อมั่น ไทเกอร์เชิน ปัจจุบันอายุ38ปี เป็นหนึ่งในทีมงานของหยวนวู่ปิง ผู้ออกแบบคิวบู๊ในภาพยนต์หลายเรื่อง ไทเกอร์รับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ฝึกคิวบู๊ให้คีอานู ในThe Matrix แถมด้วยการเล่าตำนานมวยจีนให้นักแสดงรูปหล่อฟัง ขณะฝึกหัด คีอานู กล่าวถึงบทสนทนาในอดีตว่า " เขาชอบเล่าเรื่องปรมาจารย์ไทเก็ก ท่านจะนั่งอยู่ในสวน ในมือถืออาหารนกไว้อย่างสงบ เฝ้ารอเงียบๆ จนนกตัวน้อยบินเข้ามากินอาหารในมือท่าน ณ จุดนั้นเอง ที่ท่านปรมาจารย์ได้รับพลัง"ชี่"จากพวกนก แล้วพวกมันก็จะบินจากไป ผมฟังแล้วก็ได้แต่อุทานว่า เฮ้ย อย่าตลกน่ะ แล้วไทเกอร์ก็จะบอกผมว่า นี่มันเรื่องจริง" "ยังมีอีกมากมายที่เขาบอกผม เกี่ยวกับไทชิ(ไทเก็ก) บางเรื่องก็ลึกซึ้งมาก ผมคิดว่าผมหลงไหล ไทชิ เพราะเรื่องเล่าพวกนี้" ไทเกอร์ยังเป็นที่ปรึกษาทางวัฒนธรรมจีนให้กับคีอานู ในระหว่างการพัฒนาบทภาพยนต์ด้วย "วัฒนธรรมตะวันออกจะมีระดับของความอ่อนน้อมต่ออาวุโสเป็นแกนหลัก ประโยคเดียวกันเมื่อพูดกับพ่อแม่ เพื่อนหญิงคนสนิท หรือว่า อาจารย์ ไม่สามารถใช้ประโยคเดิมได้เหมือนภาษาอังกฤษ ถ้าไม่มีไทเกอร์คอยชี้แนะ ผมก็คงไม่รู้" รีฟส์รู้ดีว่ากำแพงวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในอุปสรรคชิ้นใหญ่ในงานของเขา ในฐานะผู้สร้างหนังจีนที่ไม่ใช่คนจีน เขาเสริมว่า "โดยส่วนใหญ่ คนนอกวัฒนธรรมมักมีมุมมองที่น่าประหลาดใจต่อหนังที่อยู่นอกความคุนเคยตั้งต้นของตัวเอง แต่ถ้าคุณเห็นคนที่ประสบความสำเร็จในหนังของอเมริกาอย่าง อังลี คุณก็จะรู้ว่ามันเป็นไปได้ ผมแอบหวังว่าผมจะได้รับโอกาสอย่างนั้นจากคนดู มันคงเป็น ไทชิ ที่มีมุมมอง2ทางอย่างที่ทุกคนยอมรับได้" ไม่ว่า Man Of Tai Chi จะทำเงินได้เท่าใด คีอานูและโปรดักชันเฮาส์ของเขา, Company Films, ก็ได้เซ็นสัญญากับShanghai's Fundamental Filmsไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว เพื่อร่วมสร้างผลงานต่อไปในอนาคต "เราคิดจะสร้างหนังที่ผู้ชมเป็นปลื้มได้ไม่ว่าเขาจะเป็นชาวจีนหรือไม่" คีอานูกล่าวอย่างมีความหวัง แต่เดี๋ยวก่อน, คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งขวัญเสียที่จะไม่เห็นเขาอีกในจอภาพยนตร์ เพราะคีอานูยังมีผลงานหนังซามูไรล้างแค้น เรื่อง 47โรนิน ที่จะออกฉายในช่วงคริสต์มาสของปีนี้ ตามด้วย การแสดงเป็นนักฆ่า ในภาพยนตร์เรื่องJohn Wick และหนังโรแมนติค-ไซไฟPassengers, คู่กับ Reese Witherspoon "ผมคงยุ่งมากมายไปอีก 2-3ปี กว่าจะได้พักอีกครั้ง หวังว่า เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะอยากกำกับหนังอีกสักเรื่องหนึ่งนะ" คำขอร้องจากแองจี อย่าลืมไปดู "คนแกร่งสังเวียนเดือด" Man Of Tai Chi ในโรงกันนะคะ 18 กรกฎาคม เครือ เมเจอร์และเอสเอฟ ค่ะ   Create Date : 17 กรกฎาคม 2556     Last Update : 18 กรกฎาคม 2556 11:16:02 น. Counter : 3822 Pageviews.   10 comment Share Tweet

ทำไมคีอานูชอบฆ่าตัวตาย ชื่อของคีอานู ติดอยู่ในโผของบทความเรื่อง 6 นักแสดงที่เล่นบทซ้ำซากในหนังหลายเรื่อง ในเว็บ cracked.com ที่เผยแพร่เมื่อ 22 มกราคม ที่ผ่านมา (6 Actors Who Play the Exact Same Role in Multiple Movies) บทความดังกล่าว เล่าว่า คีอานูเลือกการฆ่าตัวตายเป็นทางออกในภาพยนตร์บ่อยครั้ง เพื่อหยุดปัญหาที่จะทำร้ายโลก ปี1996 เขาเล่นเป็นทนาย(บุตรชายของซาตาน)ในThe Devil's Advocate ที่เลือกยิงตัวตายเพื่อล้มแผนของจอมปีศาจ คล้ายคลึงกับบทใน Constantine 2005 ที่เชือดข้อมือ เพื่อเรียก ลูซิเฟอร์ ให้ขึ้นมาแก้ปัญหาจากลูกชายตนเอง เช่นเดียวกับในโลกเสมือนของ The Matrix, นีโอยอมตายเพื่อรีสตาร์ทระบบ จากไวรัสเอเจนท์สมิท แม้บทความนี้จะสร้างขึ้นเพื่อ ประชดเอามันส์ ขำขันเข้าว่า ความจริงอย่างนึงก็ชัดเจน ที่ คีอานูเลือกบทฆ่าตัวตาย บ่อยไป(มั้ย)(นะ?) ความเห็นของแองจี ตั้งสมมติฐานตรงที่ นักแสดงผู้นี้ เลือกรับงานจากบทที่เขาชอบเท่านั้น จึงคิดว่า คีอานู เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ในหนังทั้งสามเรื่องที่กล่าวมา สถานการณ์บีบให้มีทางออกทางเดียวที่ชีวิตเขา เขาไม่ได้ฆ่าตัวตายหนีปัญหา หรือฆ่าตัวตายเพราะจิตหลอน ความตายของ เควิน-จอห์น-นีโอ คือการเสียสละตัวเองโดยแท้ และหากพิจารณาลงที่รายละเอียด การฆ่าตัวตายของตัวละครทั้งสาม ล้วนมีจุดเหมือนกันตรงที่ พวกเขาไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้วที่จะรั้งให้อยากมีชีวิตอยู่ ทนายเควิน เสียภรรยาสุดที่รัก นีโอ เสียทรินิตี และพร้อมทำทุกอย่างให้ไซออน หมอผีจอห์น รู้ตัวดีว่า กำลังจะลงนรกจากโรคมะเร็งปอด การฆ่าตัวตายของทั้งสามคนจึงเป็นไปอย่างสงบ เพื่อจบเรื่องแบบทวิสต์ ปลายปีนี้ คีอานูก็จะฆ่าตัวตายในหนังอีกเรื่อง คือ 47Ronin ครั้งนี้เป็นการตายแบบมีเกียรติของซามูไร แม้จะตายตามคำพิพากษา แต่ก็เป็นความตายอย่างยินดีที่งานสำเร็จ คาดว่า เจ้าตัวก็คงลุ้นอยู่เหมือนกันว่า การกลับคืนจอ กับภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่สตูดิโอครั้งนี้ จะคืนชีพให้อาชีพของเขาได้หรือไม่ สำหรับแองจี ในตอนนี้ เลิกใส่ใจแล้วที่จะปั้นคีอานูให้เป็นขวัญใจมหาชนดังเดิม, เพราะรู้สึกว่า การได้อยู่เงียบๆกับพี่คีในหนังอินดี้นั้น มีความสุขมากกว่า ต่อให้พี่ฆ่าตัวตาย(ในหนัง) หรือฆ่าใครตาย(ในหนัง) ก็ช่างปะไร ขอแต่ให้มีแง่มุมพอที่คนดูจะเก็บไปคิดเล็กๆน้อยๆก็พอ ดีกว่าดูหนัง CG-cover-พล็อตเดิมๆเก่าๆ ละนะ (คหสต. ไม่แขวะใคร นะจ๊ะ) ตามนั้ลล....   Create Date : 22 มีนาคม 2556     Last Update : 22 มีนาคม 2556 15:42:34 น. Counter : 4155 Pageviews.   7 comment Share Tweet

The GQ+A With Keanu Reeves On Making Documentaries, Directing for the First Time and That Bill & Ted Sequel BY Chris Heath On August 13, 2012 at 6:00 AM ตอนที่คุยทางโทรศัพท์กับ คีอานู รีฟส์เมื่อหลายปีก่อน เราไม่ได้สนใจนัก, กับการที่เขาบอกว่า ตนเองกำลังขึ้นต้นชีวิตครั้งใหม่ แต่แล้ว หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พิสูจน์ว่า เขาไม่ได้พูดเล่น เช่นเดียวกับทุกครั้งที่คุยกัน, รีฟส์ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ ชอบยั่วเย้า และสร้างปริศนา, เท่าที่รู้ ตอนนี้เขากำกับภาพยนตร์ในเมืองจีน, ปีที่แล้วได้พิมพ์หนังสือกลอน ออกวางขาย (แม้มันจะเป็นกลอนบทเดียวที่แสนยาว) และเร็วๆนี้ สารคดี Side by Side ที่เขาเป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง ออกทุนผลิต และผู้ดำเนินสารคดีเอง ก็จะออกฉาย Side by Side เป็นสารคดีที่เล่าถึง การเปลี่ยนวิธีถ่ายทำภาพยนตร์จากฟิล์มมาเป็นไฟล์ดิจิตอล รีฟส์เป็นผู้สัมภาษณ์ผู้กำกับระดับตำนานของฮอลลีวูด อาทิเช่นScorsese, Soderbergh, Lynch, Nolan, Lucas, Fincher, Cameronและคนอื่นๆอีกมาก สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าใครที่มีโอกาสคุยกับรีฟส์ ก็คืออนาคตอันยาวไกลของBill and Ted GQ: ตอนนี้คุณอยู่ไหน KR: ผมมาจากปักกิ่ง อยู่ที่นั่นมา หก-เจ็ด เดือนแล้ว กำลังทำหนังกังฟู GQ: ยากไหม กำกับหนังสักเรื่อง KR: มันเหมือนภูเขาลูกหนึ่งที่ผมกำลังจะพิชิต GQ: ก็เล่นไปกำกับหนังที่พูดภาษาจีนทั้งเรื่อง มันก็ต้องคล้ายกับการปีนเขาล่ะ KR: เนอะ แต่ทุกอย่างก็ไปได้สวย นี่ถ่ายกันไป76วันแล้ว GQ: ทำไมคุณจึงคิดอยากทำสารคดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนวิธีสร้างภาพยนตร์จากฟิล์มเป็นดิจิตอล KR: อืมม, ผมรักหนัง แล้วผมก็ว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่ของพวกเรา คุณคิดดูดิ เราสร้างหนังกันมาเป็นร้อยปีด้วยวิธีแบบนั้น แล้วมันก็กำลังจะเปลี่ยนไป ผมอยากอยู่ตรงนั้น จ้องตามันในช่วงเปลี่ยนผ่าน GQ: คุณคิดว่าคนในวงการเค้าจะแคร์ งั้นหรือ KR: ไม่รู้สิ ถ้าให้เดา ผมว่า ไม่ GQ: แล้วพวกเขาควรจะสนใจไหม ? KR: ผมก็ว่างั้นนะ สารคดีเรื่องนี้ดูเพลินๆ ดูแล้วอาจจะคิดอะไรใหม่ๆได้ ก็ได้ GQ: ตอนคุณไปคุยกับ ผกก.ดังๆนี่ ตื่นเต้นมั้ย ? KR: ตอนเราเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ จอร์จ ลูคัส ผมตื่นเต้นมาก ไหนยังมาร์ติน สกอเซซี แบบว่า คุณก็เคยใช่ไหม กลัวว่าตัวเองจะโชว์โง่ เรากำลังจะไปพบคนที่เรารู้ว่าเขาเก่ง แล้วเราเอง มันก็ใช่ว่าจะเจ๋ง อะไรแบบนั้น GQ: คุณรู้ไหมว่าแทบไม่มีใครเชื่อเลยว่าคุณกำลังจะอายุ 50 คุณคิดอย่างนั้นหรือเปล่า KR: เปล่าเลย หัวเข่าผมจำอายุตัวเองได้เสมอ ความเป็นอมตะจะไม่เหมือนเดิม ถ้าคุณกำลังจะ50 ไม่ใช่20 GQ: คุณคิดเรื่องความแก่ บ่อยไหม KR: เวลาไม่ปราณีใคร มันอยู่ในทุกสิ่ง คุณมองออกไปนอกหน้าต่างทั้งที่คิดว่าตัวเองหลับตาอยู่ GQ: ความจริงคุณควรหยุดการผจญภัยของบิลล์กับเท็ดไว้ที่ภาคสอง แต่คุณกลับจะทำภาคสาม KR: พอดีผมมีความคิดดีๆจะเสนอ ถ้ามีคนเห็นด้วย ก็อาจได้สร้าง GQ: มันยากนะ สองคนนั่นในวัยกลางคน KR: ยากเหรอ ? ถ้าคิดอาจจะยาก แต่ถ้าเป็นพวกเขา ผมว่ามีทางเลือกเยอะ จุดหลักของพล็อตอยู่ที่ว่า ชีวิตของพวกเขาทั้งสองคนจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อ เขียน"เพลงที่ยิ่งใหญ่"ซึ่งเปลี่ยนโลกได้ แต่จนถึงวัยกลางคน ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้เขียน ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่รอ "ไหนล่ะเพลงนั้น" สองคนนั่นก็เลยเริ่มบ้า เร่งหาคำตอบ ด้วยการออกเดินทางไปในอนาคต เพื่อคุยกับตัวเอง แล้วพวก"ตัวเองในอนาคต" พวกนั้น ก็ไม่ยอมร่วมมือเลย, ตัวหนึ่งไม่ยอมบอก, อีกตัวหนึ่งโทษว่าเพราะไม่ยอมเขียนเพลงนั้นจึงต้องใช้ชีวิตห่วยๆอย่างนี้ มีตัวหนึ่งต้องไปอยู่ในคุกด้วย แล้วยังอีกตัวหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนต้องนอนในโมเต็ลข้างทางอย่างไร้จุดหมาย มันช่างเป็นอนาคตที่ไม่น่าอภิรมย์เลยจริงๆ credit //www.gq.com/entertainment/tv/blogs/the-stream/2012/08/keanu-reeves   Create Date : 22 สิงหาคม 2555     Last Update : 22 สิงหาคม 2555 15:57:33 น. Counter : 2580 Pageviews.   12 comment Share Tweet

ใจดี กับ หนูน้อย วันนี้ 11 เมษายน ข่าวคราวจากปักกิ่ง เงียบหายไป งั้น เชิญท่านอ่าน เรื่องดีๆของคุณคีอานู ซึ่ง สาวนิรนามนางหนึ่ง เขียนไว้ที่ Reddit.com สวัสดีจ้ะ ทุกคน ชั้นขอเล่าเรื่องนี้โดยไม่เปิดเผยตัว เพราะกลัวถูกไล่ออกจากงาน ชั้นทำงานในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แขกของเราล้วนเป็นเซเล็บ ซึ่งในระยะแรกชั้นตื่นเต้นมากที่ได้พบตัวเป็นๆของคนเหล่านี้ แต่เมื่อทำงานนานไปก็เริ่มรู้สึกอึดอัดบ้าง เนื่องจากเราต้องทำงานอย่างมีเงื่อนไขว่า ไม่สามารถปฎิเสธข้อเรียกร้องใดๆของพวกเขาได้ แต่ คีอานู ไม่เหมือนเซเล็บคนอื่น เขาเป็นคนดังคนเดียวที่จำชื่อชั้นได้ หลังจากชั้นเข้าดูแลเขาเพียงแค่ สี่ครั้ง เขาน่ารัก ยิ้มสวย มีอารมณ์ขัน ติดดิน ไม่ถือตัว วันหนึ่ง คีอานูเช็คอินในขณะที่ห้องของเขายังไม่พร้อม ซึ่งเรื่องแบบนี้ เซเล็บทั่วไปจะไม่ยอมรอ และนั่นเป็นเวลาเลวร้ายของพวกเรา เราจึงแจ้งคีอานูว่าจะเปลี่ยนห้องให้ แต่เขากลับตอบว่า เขารอได้ และเดินไปนั่งรออยู่จริงๆ นับเป็นความใจดีที่เราไม่เคยพบจากแขกคนดังรายอื่นๆ ในตอนนั้นเอง แขกVIPคนหนึ่งลากลูกสาวของตนที่กำลังร้องไห้โยเยและกอดตุ๊กตาของเธอไว้แนบอกมาที่เคาท์เตอร์ เขาหันไปตะโกนใส่ลูกสาวของตนว่า "หุบปากสักทีได้ไหม ไปนั่งรอแม่ตรงนู้น" แล้วแจ้งพวกเราว่า เขาต้องไปประชุมด่วน และแม่ของเด็กกำลังเดินทางกลับมาจากการช็อปปิง จึงขอให้พวกเราดูแลเด็กให้ด้วย ชั้นโทรแจ้งยาม ให้ขึ้นมาเฝ้าเด็กไว้ เพราะพวกเราก็งานยุ่งเกินกว่าจะเฝ้าอะไรได้ แต่ไม่คิดว่า คีอานูซึ่งอยู่ในเหตการณ์เดียวกับเรานี้ จะทำสิ่งที่เขาทำในวันนั้น เขาเดินเข้าไปทำหน้าตลกกับหนูน้อย จนยัยหนูหยุดร้องไห้ หลังจากนั้นไม่เกินห้านาที ทั้งสองก็เล่นpeek-a-booด้วยกัน และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น คีอานูไม่สนใจว่าห้องของเขาเรียบร้อยพร้อมเข้าพักได้แล้ว แต่สละเวลานั่งคุยกับหนูน้อยเกี่ยวกับความสามารถของตุ๊กตาตัวโปรดของเธอ แน่นอนว่าเด็กไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ก็คุ้นเคยกับเขาอย่างรวดเร็วและวางใจ ไม่น่าเชื่อว่า ยัยหนูคุยอยู่กับคีอานูนานถึง45นาที กว่าแม่ของเธอจะมารับ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องจากกัน เธอขออนุญาตแม่ วิ่งกลับมากอดคีอานูแรงๆหนึ่งครั้ง แล้วจากไปพร้อมรอยยิ้ม จากนั้น คีอานูก็ขอเข้าห้องของเขา เรื่องนี้ถูกเล่าต่อๆกันในโรงแรมของเรา จนทำให้เKeanu Reevesเป็นคนโปรดของพนักงานทุกคนและได้รับการบริการอย่างดีดุจราชา รวมภาพที่ถ่ายกับ แฟนๆเด็กๆ   Create Date : 11 เมษายน 2555     Last Update : 11 เมษายน 2555 18:28:44 น. Counter : 3073 Pageviews.   33 comment Share Tweet

• ไร้ระเบียบ
• ข่าว
• บทความ
• งาน
• คลิป
• ไม่เกี่ยวกับเขา

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com