| วิถีชีวิตชาวบ้านในชุมชนเกาะกลาง | | | แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน แต่ชื่อเสียงของ เกาะกลาง ก็ถือได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนๆ เนื่องจาก ชุมชนเกาะกลาง เป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของวิถีชีวิต และวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมไปถึงการใช้ชีวิตของผู้คนบนเกาะก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย จึงทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าที่เที่ยวที่อื่นๆ |
| สาธิตการลงสีผ้าปาเต๊ะ | | | และด้วยความโดดเด่นนี้เอง จึงทำให้ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย เข้ามาเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนเกาะกลางอย่างมากหลาย โดยบนเกาะนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้กับการประกอบอาชีพต่างๆ ของชาวบ้านบนเกาะ ทั้งเรียนรู้การทำผ้าปาเต๊ะ เรือหัวโทงจำลอง การทำนาข้าวสังข์หยด หรือการท่องเที่ยวป่าโกงกาง และเรียนรู้การประมงพื้นบ้านของชาวบ้าน ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตของผู้คนบนเกาะนี้ |
| นาข้าวสังข์หยดเขียวขจีที่เกาะกลาง | | | แต่ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะกลางนั้น เรามาทำความรู้จักกับเกาะกลางแบบคร่าวๆ กันเสียก่อน .. เกาะกลาง เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองประสงค์ จังหวัดกระบี่ (กลางแม่น้ำกระบี่) ห้อมล้อมไปด้วยป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์นับพันไร่ บนเกาะมีประชากรราว 5,000 คน ซึ่งประชากรบนเกาะส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ภายในเกาะประกอบไปด้วยหมู่บ้านทั้งหมด 3 หมู่บ้าน โดยชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพประมงพื้นบ้าน และอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ด้วยความเป็นอยู่เหล่านี้ จึงทำให้เกาะกลางกลายเป็นชุมชนเล็กๆ ที่สมถะอย่างไม่ต้องสงสัย |
| เรือหัวโทงจำลอง | | | และเมื่อได้รู้จักกับเกาะกลางกันไปแล้ว เราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาเริ่มต้นเที่ยวชมเกาะกลางกันได้ ซึ่งการเดินทางของเราในครั้งนี้ จะเริ่มต้นจากตัวเมืองกระบี่ไปยังท่าเรือเจ้าฟ้า (ตั้งอยู่ไม่ไกลกับประติมากรรมปู) โดยจากท่าเรือเจ้าฟ้าไปถึงท่าเรือท่าหิน (เกาะกลาง) จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที (จากตัวเมืองกระบี่สามารถนั่งเรือหางยาวข้ามฟากไปยังเกาะกลางได้ โดยมีท่าเรือให้บริการ 2 ท่า คือ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ไปยังท่าเรือท่าเล โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที และท่าเรือเจ้าฟ้า ไปยังท่าเรือท่าหิน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) |
| ออกเดินทางรอบเกาะด้วยรถสามล้อ | | | เมื่อมาถึงเกาะกลางนักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรถสามล้อกินลมชมวิวเที่ยวรอบเกาะ หรือจะปั่นจักรยานชิลล์ๆ (จุดเช่าจักรยานอยู่บริเวณท่าเรือท่าเล) โดยคำนวณจากระยะทางแล้วรอบๆ เกาะมีระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ถ้าให้ปั่นจักรยานท่ามกลางแดดร้อนๆ ล่ะก็เราขอบาย หันมาเลือกนั่งรถสามล้อมีคนขับให้ นั่งสบายๆ ชิลล์ๆ ดีกว่า เมื่อได้สามล้อและคนขับตามที่ต้องการแล้ว ก็เตรียมตัวซิ่งสามล้อไปยังจุดต่างๆ กันเลย |
| แม่พิมพ์โลหะที่ใช้ในการทำผ้าปาเต๊ะ | | | ผ้าปาเต๊ะ ลวดลายโดดเด่นเฉพาะตัว เริ่มจากจุดแรกการทำผ้าปาเต๊ะ การทำผ้าปาเต๊ะของที่นี่เป็นการรวมกลุ่มกันของชาวบ้าน ซึ่งได้แนวคิดและวิธีการทำมาจากจังหวัดปัตตานี โดยวิธีการทำผ้าปาเต๊ะของชาวเกาะกลางจะมีรูปแบบเฉพาะตัว จะแตกต่างกับที่อื่นตรงที่ผ้าปาเต๊ะของที่นี่มีการผสมผสานกันระหว่างการทำผ้าปาเต๊ะของชาวมาเลย์ กับวิธีการทำผ้าบาติก โดยจะใช้แม่พิมพ์โลหะจุ่มในเทียนที่ร้อน จากนั้นนำพิมพ์ลงบนผ้าขาว แล้วนำไปย้อมในอ่างสี และนำไปย้อมในอ่างน้ำเกลืออีกครั้งเพื่อให้สีติดทนทาน จากกระบวนการดังกล่าวทำให้สีสันและลวดลายผ้าที่ออกมานั้นมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากการชมการสาธิตการทำผ้าปาเต๊ะแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่คือนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และสนุกสนานไปกับการทดลองทำผ้าปาเต๊ะด้วยฝีมือตนเอง ทำเอาสาวๆ หลายคนเพลิดเพลินไปกับการทำผ้าปาเต๊ะจริงๆ |
| จำลองการทำเรือหัวโทง | | | เรือหัวโทงจำลอง สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกระบี่ การสาธิตการทำเรือหัวโทงจำลองเป็นการสืบสานวิถีชีวิตของชาวเกาะกลางสมัยก่อนที่นิยมใช้เรือหัวโทงทำประมงและใช้ในการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบันอาชีพการประกอบเรือหัวโทงได้ลดน้อยลงจากเดิมไปมาก เนื่องจากมีการใช้งานที่ลดลง และรูปแบบเรือหัวโทงดั้งเดิมนั้นก็หาดูได้ยากมากขึ้น จึงทำให้ชาวบ้านที่นี่รวมกลุ่มกันเพื่อทำเรือหัวโทงจำลองขึ้น ซึ่งเสน่ห์ของเรือหัวโทงอยู่ที่วิธีการทำ ถึงแม้ว่าเรือที่ทำนั้นจะเป็นเรือจำลอง แต่ที่นี่ก็ใช้กระบวนการทำเหมือนกับเรือของจริง ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามานอกจากจะได้เรียนรู้การประกอบชิ้นส่วนและโครงสร้างของเรือหัวโทงแล้ว ยังได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของเรือหัวโทงที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดกระบี่ รวมถึงได้ทำเรือหัวโทงจำลองด้วยตนเอง ถึงแม้จะใช้เวลาสักหน่อย แต่ก็ได้ความรู้หลายอย่างทีเดียว |
| ป่าโกงกางในพื้นที่รอบๆ เกาะกางยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก | | | พายเรือคายัคชมป่าโกงกางท่ามกลางธรรมชาติ ป่าโกงกางบริเวณเกาะกลางขึ้นชื่อว่าเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ โดยป่าโกงกางที่นี่จัดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 1,100 ของโลก มีเนื้อที่กว่า 100,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่จากหน้าเมืองกระบี่ เกาะกลาง ไปจนถึงเกาะศรีบอยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่อุดมสมบูรณ์ โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมพายเรือคายัคชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าโกงกาง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันพิสุทธิ์ เป็นการชาร์จแบตและเพิ่มพลังของการท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น |
| นก Kingfisher แห่งป่าชายเลนปากแม่น้ำกระบี่ | | | แหล่งดูนกนานาชนิด ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าโกงกาง และพื้นที่เกาะกลาง จึงทำให้เกาะกลางกลายเป็นแหล่งดูนกถูกอกถูกใจนักดูนกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับนกที่เห็นทั่วไปก็จะเป็น นกนางนวล นกกระสาขาว-ดำ ส่วนที่หายากนั้นก็มีให้ดู เช่น นกคิงฟิชเชอร์ นกแต้วแร้วป่าโกงกาง เรียกได้ว่าใครที่ชื่นชอบการดูนกนั้นต้องถูกอกถูกใจเป็นแน่ |
| ประมงพื้นบ้านเกาะกลาง | | | นอกจากนี้แล้วชุมชนเกาะกลางยังมีกิจกรรมพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง อาทิ ประมงชายฝั่ง (ประมงน้ำตื้น) วิถีชีวิตของชาวเกาะกลาง การทำประมงชายฝั่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิถีชีวิตอันดั้งเดิมของชาวเกาะกลางที่สืบทอดความรู้และภูมิปัญญามากจากคนในสมัยก่อน ชาวเกาะกลางส่วนใหญ่จะมีความรู้เรื่องการวางอวนปลา การทำโป๊ะน้ำตื้น การวางลอบปู การสักหอย ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิธีการทำประมงชายฝั่งร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ได้ คือ การทำประมงโป๊ะน้ำตื้น และการสักหอย |
| ปูที่ได้จากการทำประมงโป๊ะน้ำตื้น | | | โดยการทำประมงโป๊ะน้ำตื้นนั้น (โป๊ะ หมายถึง เครื่องมือประมงที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำ หรือในทะเล บริเวณที่มีกระแสน้ำขึ้น น้ำลง เป็นเครื่องมือประเภทดักจับ เช่นเดียวกับลอบและโพงพาง แต่ไม่สามารถยกขึ้น-ลงได้) ประกอบไปด้วยส่วนของลูกขัง (ใช้ขังปลา กุ้ง ปู ที่มาตามกระแสน้ำ) และส่วนปีก 2 ปีก เป็นทางนำให้สัตว์เข้าสู่ลูกขัง โดยใช้ไม้ยาว 4 - 5 เมตร ปักเป็นหลัก ห่างกัน 50 - 80 เซนติเมตร ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเปิดออก 1 ด้าน แล้วใช้อวนขึงกับหลักไม้ให้ด้านที่เปิดออกรับทิศที่กระแสน้ำไหลลงโป๊ะ |
| ป่าชายเลนยังอุดมสมบูรณ์ | | | ซึ่งวิธีการทำนั้นจะทำในช่วงที่น้ำลงเต็มที่ ชาวประมงจะนำเรือเข้าไปจอดใกล้ๆ โป๊ะ แล้วใช้สวิงไล่ช้อนปลาที่เข้ามาติดในโป๊ะ ส่วนมากสัตว์ที่จับได้ก็จะมี ปลาจาระเม็ด ปลาหมึกกล้วย ปลามง ปลาสาก ปลาทราย ปูม้า กุ้งแชบ๊วย เป็นต้น |
| นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นรอบๆ เกาะได้ | | | สำหรับการสักหอย (การขุดหอย) นั้น ชาวบ้านจะทำการบริเวณชายหาดในช่วงที่น้ำลด โดยหอยที่พบมากบริเวณชายหาดเกาะกลางคือ หอยหวาน หอยราก หอยเม็ดขนุน หอยจุ๊บแจง หอยปากหนา หอยแครง และอีกนานาชนิด โดยชาวบ้านจะนำไม้แหลมกลมๆ ยาวพอมือ มาเดินแทงลงบนพื้นทราย การแทงแบบนี้ชาวบ้านเขาเรียกว่า สักหอย ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนก็จะมีวิธีสังเกตและวิธีหาที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถจับหอยได้หลากหลายชนิด และนักท่องเที่ยวเองก็สามารถร่วมสักหอยไปกับชาวบ้านได้ นอกจากจะได้สนุกสนานกับการสักหอยแล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีการขุด และวิธีการสังเกตหอยแต่ละชนิดจากชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย |
| ข้าวสังข์หยดของดีเกาะกลาง | | | ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเกาะกลางก็คือการทำนาข้าวสังข์หยด (คลิกอ่านเรื่องการทำนาข้าวสังข์หยด) ข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ถือเป็นของดีภาคใต้ ว่ากันว่าข้าวสังหยดที่เกาะกลางนั้นมีความโดดเด่นต่างจากที่อื่น เนื่องจากข้าวจะมีความหอมและหุงขึ้นหมอ เพราะพื้นที่โดยรอบเป็นน้ำเค็ม ทำให้ดินที่นี่มีความพิเศษ ข้าวที่ได้ก็จะแตกต่างจากที่อื่น |
| สามารถพบเห็นนกได้ทั่วไป | | | และนี่ก็เป็นเพียงกิจกรรมส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะกลาง ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมาที่ได้มาเยือนกระบี่ ก็มักจะนึกถึง หาดทรายสวย น้ำทะเลใสๆ จนลืมไปว่าการท่องเที่ยวนั้นไม่จำเป็นที่จะยึดติดกับการท่องเที่ยวแบบใดแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว หากเราลองหยุดมองดีๆ อาจไม่ต้องออกทะเลไปค้นหาความสวยงามที่ไหนไกล เพียงใกล้ๆ ตัวเมืองกระบี่นี้เองยังมี เกาะกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ที่มีวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ เรียบง่าย และยั่งยืนไม่เสื่อมคลาย |
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวเกาะกลาง สามารถเดินางโดยนั่งเรือทางยาวข้ามฟากจากฝั่งตัวเมือง มายังฝั่งเกาะกลาง โดยใช้บริการเรือได้ 2 ท่า คือ ท่า คือ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ไปยังท่าเรือท่าเล โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที และท่าเรือเจ้าฟ้า ไปยังท่าเรือท่าหิน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่อมาถึงสามารถใช้บริการรถสามล้อ หรือเช่าจักรยานบริเวณท่าเรือท่าเล เพื่อเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวและจุดต่างๆ ระยะทางรอบเกาะแระมาณ 11 กิโลเมตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทร.0-7562-2163 * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * |