ไฟรัก...บท 12/2
ไม่นะ คุณต้องไม่ทำกับฉันอย่างนั้น เธอต่อสู้ขัดขืน ทั้งหยิกข่วนและชกต่อยเขาสารพัด หากกระนั้นร่างสูงใหญ่ดังขุนเขาของภาติยะก็ไม่สะดุ้งสะเทือน ยังคงฉุดมือเธอลากตรงไปยังฉากกั้นอาบน้ำซึ่งอยู่ด้านในสุดของห้องน้ำ แพรไหมสบถดังลั่นเมื่อเขาเปิดก๊อกน้ำให้สายน้ำเย็นๆ รดศีรษะเธอ กระทั่งคนทั้งคู่เปียกปอนไปตามๆ กัน ภาติยะไม่ได้แยแสเชิ้ตราคาแพงของตัวเอง จัดการรวบมือบางทั้งสองข้างของแพรไหมไพล่ไว้ข้างหลัง ก่อนจะหยิบสบู่บนที่วางมาถูปากเธอ หญิงสาวดิ้นหนี พยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม ขณะที่ปากก็ร้องสบถและตะโกนด่าเขาไปพลาง รสเฝื่อนระคนขมปร่าของสบู่ร่วงสู่ลำคอในจังหวะเดียวกับที่เธออ้าปากด่าเขา เจ้าตัวสำลักและไอโดยพลัน สัญญากับผมว่าคุณจะเลิกสบถ แล้วผมจะเลิกลงโทษคุณ ภาติยะตะโกนแข่งกับเสียงฝักบัวและเสียงด่าของเธอ นักข่าวสาวไม่ตอบ พยายามสะบัดตัวหนี แต่ด้วยพื้นที่จำกัดและน้ำจากฝักบัวไหลพรั่งพรูไม่ขาดระยะ ทำให้เธอไม่อาจขยับหนีไปได้ไกล ยิ่งมีร่างหนาของภาติยะยืนปักหลักบดเบียดแนบชิดไม่ยอมห่าง ทำให้เธอไร้หนทางต่อสู้ น้ำตาไหลอาบแก้ม คละเคล้ากับเสียงสำลักน้ำ ขณะที่เธอพยายามสะบัดหน้าหนีสบู่ในมือเขา และสายน้ำจากฝักบัว ความโกรธของภาติยะผ่อนลง เมื่อเห็นท่าทีทรมานของแพรไหม แววตาสีสนิมจุดรอยขอโทษระคนเสียใจอยู่ในที ขณะทิ้งสบู่ลงกับพื้น เขาปล่อยมือเรียวสองข้างเป็นอิสระแล้วรวบเอวบางมาประชิดลำตัวด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างอ้อมไปด้านหลังแพรไหมเพื่อหมุนก๊อกน้ำปิด ก่อนจะลดศีรษะลงมาประกบจูบ คุณมันบ้า คุณมันซาดิสม์ภาติยะ แพรไหมแผดเสียงลั่น พลางรัวทุบอกเขาเต็มแรงไปในคราวเดียวกัน หลังจากที่เขาคืนอิสระ เมื่อจูบจาบจ้วงพักใหญ่ผ่านไปแล้ว คนถูกหาว่าซาดิสม์ไม่ตอบโต้การถูกประทุษร้ายนั้น ภาติยะดันหญิงสาวไปติดกับผนัง ก่อนจะตามไปบดเบียดด้วยเรือนกายกำยำ ผู้กำกับหนุ่มเลื่อนมือไปบีบปลายคางเพื่อบังคับให้เผยอเรียวปาก ขณะที่อีกข้างยกขึ้นมาโอบทรวงอกอูมข้างหนึ่งผ่านเชิ้ตเปียกน้ำที่บัดนี้แนบไปกับนวลเนื้อ เขาสอดปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสรสเฝื่อนของสบู่ภายในปากของแพรไหม ก่อนจะดูดกลืนราวกับต้องการจะช่วยชะล้างรสชาติให้หมดไป กิริยาของภาติยะนุ่มนวลอ่อนโยน บอกถึงอาการงอนง้อระคนขอโทษอยู่ในที ผู้กำกับหนุ่มถอนจูบหลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาพูดเสียงอ่อนนุ่มอย่างง้องอนว่า ผมคงบ้าอย่างที่คุณว่าจริงๆ แพรไหม เพราะแม้แต่ตอนที่กำลังโกรธคุณอยู่ ผมก็ยังอยากจูบคุณ พระเจ้า...ผมหยุดความรู้สึกต้องการคุณไม่ได้ และผมสงสัยว่าจะมีวันนั้นไหม ภาติยะจบประโยคด้วยการเลื่อนมือขึ้นมาเชยปลายคางที่ก้มงุดให้เงยขึ้นสบตาเขา แววตาที่เปี่ยมไปด้วยแรงแห่งดำฤษณามองกราดทั่วพวงแก้มแดง ริมฝีปากบวมเจ่อจากการถูกจูบ ระเรื่อยไปยังทรวงอกอวบอิ่มภายใต้ฝ่ามือที่เวลานี้ไม่อาจปกปิดความอวบอิ่มจากสายตาได้อีกต่อไป ด้วยเชิ้ตแนบเนื้อและบางจนทะลุเห็นเนินอกอูมเหนือขอบบราเซียชัดเจน ภาติยะเลื่อนสายตาขึ้นสบตาแพรไหมอีกครา พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า คุณมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบจริงๆ แพรไหม...ผมชอบรอยหยักบนริมฝีปากเซ็กซี่คู่นี้ บอกพลางลดศีรษะไปดูดกลืนขอบปากล่างเป็นการสาธิต แพรไหมเม้มริมฝีปากหนี เขาจึงแกล้งขบเน้นย้ำๆ จนอีกฝ่ายเผยอเรียวปากหลุดเสียงร้องประท้วง ภาติยะหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันแล้วกล่าวชิดกลีบปากนุ่มว่า ผมชอบหน้าอกของคุณมากด้วย สวยและเต็มไม้เต็มมือ ยืนยันคำพูดด้วยการลดศีรษะลงครอบครองทรวงอกอูมข้างหนึ่งผ่านเชิ้ตเปียกชื้น ปราศจากแรงใจที่จะต่อต้านอีกต่อไป ขาสองข้างไหวระริกจนต้องเอื้อมมือไปเกาะบ่าแข็งแกร่งเพื่อเป็นหลัก แพรไหมทิ้งน้ำหนักตัวพิงผนังและหลับตาพริ้ม เมื่อพลันรู้สึกได้ถึงฝ่ามือหนาสอดขึ้นมาหยอกล้อกับปลายยอดทรวงภายใต้บราเซีย ภาติยะร่ายมนตร์กับทรวงอกอูมด้วยปลายนิ้ว ขณะที่ศีรษะวกกลับมาพรมจูบเธออีกครา ผ่านไปพักใหญ่เขาจึงเลื่อนมือไปปลดเชิ้ตและบราเซียของหญิงสาวออกอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ อาภรณ์ส่วนบนหลุดร่วงจากกายเรียบร้อยแล้ว ภาติยะจึงลดสายตามองอย่างหลงใหล เขาครางระคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นภาพงดงามมากที่สุดปรากฏอยู่เบื้องหน้า... ทรวงอกอวบอิ่มได้รูปสวย ขาวผุดผาดจนเห็นปลายยอดเป็นสีทับทิม รับกับเอวคอดกิ่วที่เล็กจนเขาแอบคิดว่าสามารถจับหักเป็นสองท่อนได้อย่างสบายๆ และหน้าท้องแบนราบที่หายไปใต้ขอบกางเกงยีนเอวต่ำสมบูรณ์แบบ ...ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่เขาเคยคิดจินตนาการไว้ ภาติยะนึกพลางไล่สายตาขึ้นมามองหน้าอกเต่งตึงอย่างหลงใหล ซึ่งบัดนี้ยอดอกกำลังผลิขยายชูชันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ อย่างช้าๆ ที่ภาติยะลดศีรษะไปลิ้มลองรสชาติอย่างอดใจไม่อยู่อีกต่อไป มือทั้งสองข้างของแพรไหมตกร่วงผล็อยจากบ่าเขา ในจังหวะเดียวกับที่เขาลดศีรษะไปดูดกลืนปลายทรวงข้างหนึ่ง ขบเม้มและดูดเน้นอย่างยาวนานราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป ส่วนหน้าอกอีกข้างตกอยู่ภายใต้ปลายนิ้วเรียวราวอิสตรีที่กำลังไล้วนสลับกับบีบเคล้นอย่างปลุกเร้า พระเจ้า...แพรไหมให้รสชาติหวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดและเธอสร้างความสุขสมให้แก่เขาได้มากกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ที่เขาเคยประสบมา ทั้งๆ ที่เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ยอมให้เขาเชยชม ความรู้สึกของภาติยะในยามนี้จึงไม่ต่างจากภมรหนุ่มที่ตกลงไปในโถน้ำผึ้งที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมจรุงใจของมวลหมู่ดอกไม้ ผู้กำกับหนุ่มดูดกลืน ขบเม้มและลิ้มรสชาติของทรวงอกคู่งามทั้งสองข้างสลับกันอย่างหลงใหล ราวกับต้องการตราตรึงความรู้สึกหวานซึ้งไว้ในใจตราบนานเท่านาน กระทั่งเสียงครางอย่างสุขสมสลับกับการร้องเรียกชื่อเขาด้วยเสียงผะแผ่วแหบพร่า หากทว่าเขาฟังว่าเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลกหลุดจากเรียวปากเล็กๆ ของแพรไหม สายธารแห่งความพิศวาสจึงยากจะควบคุมและต้านทานอีกต่อไป ภาติยะย่อตัวลงจนเป็นการคุกเข่า ปากร้องบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลระคนวอนขอว่า เอามือคุณเกาะก๊อกน้ำไว้ยอดรัก ผมต้องลิ้มรสชาติคุณเดี๋ยวนี้ และผมก็ยังไม่อยากให้คุณต้องทรุดในระหว่างนั้น แพรไหมไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไร รู้แต่ว่ากังวานเสียงเว้าวอนนั้นนุ่มนวลและเชิญชวนเกินกว่าเธอจะปฏิเสธได้ มันราวกับมีคำสัญญาอยู่เบื้องหลังน้ำเสียงของเขาด้วยว่า เธอจะได้รับความสุขอย่างที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน หญิงสาวปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างไม่อิดออด แล้วปล่อยตัวปล่อยใจเปิดรับประสบการณ์แปลกใหม่เป็นครั้งแรก พอร์นสตาร์หนุ่มรูดซิปกางเกงยีนอย่างช้าๆ โดยที่ริมฝีปากตามไปประพรมทั่วหน้าท้องแบนราบในเวลาเดียวกัน สวรรค์ช่วย...เขารักกระทั่งหน้าท้องเรียบเนียนของเธอ แพรไหมไม่รู้เลยว่าภาติยะต้องรวบรวมแรงกายและแรงใจทั้งหมดแค่ไหนเพื่อที่จะเปลื้องอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายอย่างช้าๆ ทั้งที่ในใจอยากทำสิ่งที่ตรงกันข้าม...กระชากออกอย่างรวดเร็วและร่วมรักกับเธอเดี๋ยวนั้นอย่างกระแทกกระทั้นจนเธอร้องครวญครางออกมาเป็นชื่อเขา หากกระนั้นนักแสดงหนังพอร์นกลับทำทุกอย่างอย่างใจเย็น เพื่อไม่ให้เธอตระหนกไปกับอารมณ์ร้อนแรงดิบเถื่อนที่เธอเป็นผู้จุดให้แก่เขา เป็นอารมณ์ที่เขาเองก็ไม่ถนัดในการรับมือนัก...ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองได้ นอกเสียจากจะรอรับความปรานีจากแพรไหมเท่านั้น พระเจ้า...แพรไหมมีรูปร่างสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ ภาติยะอุทานอื้ออึงในใจเมื่ออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงไปแล้ว เขาไล่สายตาสำรวจทั่วเรือนกายอย่างช้าๆ เหลือเชื่อ... เธอเป็นภาพวิจิตรงดงามอย่างเหลือเชื่อจริงๆ ทรวงอกอวบอิ่มได้รูปสวยรับกับเอวคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบจดสะโพกกลมมนและเรียวขาเพรียว ผิวของแพรไหมผุดผาดไร้ซึ่งไฝฝ้าราคีใดๆ ภาติยะพินิจนวลเนื้อที่แสดงความเป็นหญิงนานเป็นพิเศษแล้วจึงไล่สายตาสำรวจทรวงอกอูมสองข้างสลับกันไปมา แววตาสีสนิมเข้มขึ้นด้วยแรงแห่งดำฤษณา เมื่อคิดว่าหญิงสาวสวยเกินกว่าจะเป็นจริง...แพรไหมงดงามเกินกว่าจะเป็นคนที่มีเลือดเนื้อและจิตใจ ดูราวกับหลุดมาจากภาพวาดนางอัปสรสวรรค์ ภาติยะหลุดเสียงครางด้วยความชื่นชมออกมาอย่างอดไม่ได้ สวรรค์ช่วย...คุณสวยเหลือเกินแพรไหม ยังกับภาพวาด ไม่ใช่คนจริง แพรไหมมองเขาด้วยนัยน์ตาปรือ กะพริบตาปริบๆ สมองจึงรับรู้ถึงคำพูดเหล่านั้น เมื่อเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร นัยน์ตาเธอก็เบิกโตพร้อมกับเลื่อนมือมาปกปิดเนื้อตัวโดยพลัน รอยยิ้มขำระคนอ่อนโยนจุดทั่วเรียวปากของภาติยะ ขณะลดศีรษะไปจูบดูดดื่ม พลางจับมือบางทั้งสองข้างไปกดแนบกับผนังเหนือศีรษะเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ซึ่งก็เป็นไปอย่างง่ายดาย เนื่องจากอีกฝ่ายไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน สายไปแล้วยอดรัก ผมเห็นหมดแล้วว่าคุณสวยงามแค่ไหน กังวานเสียงสัพยอกเอ่ยติดกลีบปากนุ่ม พลางขบเม้มกลีบปากล่างแรงๆ อย่างหยอกล้อซึ่งอีกฝ่ายร้องประท้วงออกมาโดยพลัน ภาติยะหัวเราะ เขาพูดต่อว่า คุณงดงามเกินกว่าจะปกปิดแพรไหม และผมนึกสงสัยว่าจะมีจิตรกรคนไหนสามารถถ่ายทอดความงามของคุณออกมาได้สักครึ่งหนึ่งไหม คุณมีความสามารถพูดให้ผู้หญิงรู้สึกไร้ยางอาย ฉันควรจะต้องอาย แต่กลับพบว่าไม่มีความรู้สึกนั้นสักนิดเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าคุณ ช่างน่าละอายนัก แพรไหมพยายามทำเสียงแข็ง แต่กลับพบว่าเสียงที่พูดออกไปสั่นพร่าราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง ใช่...เธอควรจะต้องละอายในเมื่อเธอเปลือยกายล่อนจ้อน ขณะที่เขาสวมเครื่องแต่งกายมิดชิดและกำลังส่งสายตาโลมเลียระคนเล้าโลมมาที่เธอ หากกระนั้นแพรไหมกลับพบว่าตัวเองไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอายที่จะยืนเปลือยกายต่อหน้าเขา เพียงแต่มีความรู้สึกขัดเขินอยู่บ้างเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่ชวนตระหนกด้วยเธอไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน และแพรไหมก็เดาว่าเป็นความสามารถพิเศษของภาติยะที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นได้ อาจเป็นด้วยแววตาสีเข้มคู่นั้นที่มองเธออย่างชื่นชมราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและน่าปรารถนานักหนา เดาว่าความรู้สึกของการได้เป็นที่ต้องการและน่าปรารถนาของคนที่เรารัก คงทำให้ผู้หญิงเราอ่อนแอ ไร้ยางอาย กระทั่งยินยอมพร้อมใจที่จะเปิดเผยเนื้อตัวต่อหน้าเขาด้วยความรู้สึกเต็มใจ ภูมิใจและอย่างสง่าผ่าเผยด้วยในคราวเดียวกันความรู้สึกของการได้เป็นที่ต้องการและน่าปรารถนาของคนที่เรารัก ทำให้ผู้หญิงเราอ่อนแอ ไร้ยางอาย ...แพรไหมทวนความคิดของตัวเองแล้วพลันเกิดความรู้สึกช็อก เธอทำให้ตัวเองตกใจสุดขีดด้วยความจริงนั้น ถึงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอทำตัวง่ายกับเขาทั้งที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน นั่นเป็นเพราะว่าเธอรักเขานั่นเอง แพรไหมพลันตระหนักในคำตอบที่เคยเฝ้าถามตัวเองตลอดมา คุณพระ...เธอรักภาติยะ แพรไหมทวนความคิดของตัวเองกลับไปกลับมาด้วยรู้สึกตระหนก พลางนึกสงสัยว่าเธอรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...เมื่อไหร่กันที่เธอเกิดความรู้สึกน่าตกใจนั้น ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมองเขาว่าเป็นศัตรูและเห็นเป็นอาชญากรที่ฆ่าน้องสาวของเธอมาตลอด แล้วแพรไหมก็พลันได้คำตอบว่าเธอรักเขาตั้งแต่วินาทีที่ถูกดึงดูดเข้าไปในวังวนของดวงตาสีสนิมที่หน้าโรงพิมพ์ เพราะวินาทีที่ได้สัมผัสมือทักทายเขา ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากตัวเขามาสู่ตัวเธอ ใช่...เธอรักเขาเมื่อแรกพบ รักทั้งๆ ที่ตอนนั้นเธอเห็นว่าเขาเป็นฆาตกร รักทั้งๆ ที่ไม่เหมาะสมสักนิด แพรไหมรู้สึกตระหนกกับความจริงที่เพิ่งค้นพบ เธอยังคงครุ่นคิดอย่างไม่สบายใจและตกอยู่ในห้วงความคิดคำนึงของตัวเองจนไม่ได้ยินเสียงพูดของผู้กำกับหนุ่ม ภาติยะฟังแพรไหมสารภาพแล้ว เขาก็หัวเราะแผ่วเบา นึกรักความตรงไปตรงมาของหญิงสาว จึงเอ่ยเสียงนุ่มโต้กลับไปด้วยกังวานสัพยอกว่า ผมมีความสามารถมากกว่านั้นอีก เชื่อมั้ยยอดรัก?...ขอเวลาแค่นาทีเดียวให้ผมได้พิสูจน์ รับรองเลยว่าคุณจะได้รู้ว่าผมมีความสามารถมากกว่าผู้ชายคนอื่นๆ แค่ไหน...แยกขาที่รัก ผมอยากให้คุณแยกขาให้ผมเดี๋ยวนี้ พอร์นสตาร์หนุ่มจบประโยคด้วยการใช้หัวเข่าดุนต้นขาเรียวของแพรไหมให้แยกจากกันด้วยกิริยาที่นุ่มนวลอ่อนโยน กังวานเสียงของภาติยะอ่อนหวานเกินกว่าจะฟังเป็นคำสั่ง และมีคำสัญญาอยู่ในน้ำเสียงว่าจะมีความสุขสมที่ยากจะหาได้จากสิ่งใดเสมอเหมือน ตามมา สองขาเรียวจึงแยกออกอย่างอัตโนมัติราวกับมีชีวิตของมันเอง โดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว แน่นอน...แพรไหมไม่รู้แน่ ด้วยเวลานี้เธอยังคงช็อกกับความจริงที่เพิ่งค้นพบว่าเธอหลงรักภาติยะ สมองจึงราวกับว่างเปล่า ไร้ความคิดอ่านใดๆ ไปชั่วขณะ ผู้กำกับหนุ่มก้มจูบเรียวปากนุ่มเป็นรางวัลที่เธอว่าง่าย แล้วจึงกระซิบชิดกลีบปากนุ่มด้วยกังวานเสียงหยอกล้อระคนให้สัญญาว่า ถัดจากนั้น ผมอยากให้คุณยึดก๊อกน้ำให้มั่น ผมไม่อยากให้คุณล้มครืนลงไปนาทีใดนาทีหนึ่งที่ผมกำลังพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง นักแสดงหนังพอร์นกระเซ้า พลางถือวิสาสะจับมือบางไปวางบนก๊อกน้ำข้างตัวของหญิงสาว อีกข้างเขายกขึ้นมาจูบกลางฝ่ามือก่อนจะวางบนบ่าของเขา ภาติยะประสานสายตาของแพรไหมขณะค่อยๆ ย่อตัวลงจนกลายเป็นการคุกเข่าตรงหน้าอีกฝ่าย เขาคลี่ยิ้มหล่อเหลาให้แพรไหม ก่อนจะลดสายตามองเรือนร่างงดงามอย่างหลงใหล แพรไหมยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร จะด้วยเหตุเพราะด้อยประสบการณ์หรือด้วยยังคงช็อกจากความจริงที่เพิ่งค้นพบ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันกำลังส่งผลให้หญิงสาวมองเขานิ่งๆ ด้วยนัยน์ตาเบิกโต กึ่งรอคอยกึ่งฉงนสนเท่ห์ หญิงสาวพลันมารู้ความตั้งใจของอีกฝ่าย ก็เมื่อมือหนาแข็งแกร่งอ้อมมาช้อนหลังสะโพกเธอ ก่อนจะยื่นหน้ามาประกบริมฝีปากกับนวลเนื้อที่แสดงความเป็นหญิง ร่างบางสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับที่หลุดเสียงอุทานและพยายามผละหนี แต่ข้อมือหนาของภาติยะกลับตรึงสะโพกไว้แน่น จนเธอขยับตัวไม่ได้ มันไม่เหมาะ คุณพระ...คุณไม่ควรจะทำอย่างนั้น เธอติงด้วยกังวานเสียงแหบพร่าระคนครางกระเส่า ร่างกายแอ่นโค้งอย่างยากจะควบคุม ไม่ต่างจากคันธนูที่ถูกเหนี่ยวสุดแรง ภาติยะไม่ตอบ แต่ยังคงสำรวจนวลเนื้อที่ไวต่อประสาทสัมผัสอย่างใกล้ชิด ท่วงท่าเขาเป็นไปอย่างเชื่องช้า เร้าใจ หากมั่นใจในการกระทำของตัวเอง มือหนากดสะโพกแนบชิด ขณะที่ริมฝีปากขบเม้มและดูดกลืนนวลเนื้อแห่งวัยสาวไม่ขาดระยะ กระทั่งแพรไหมหลุดเสียงครางผะแผ่วออกมาเป็นชื่อเขาพระเจ้าช่วย...แพรไหมให้รสชาติหวานล้ำยิ่งกว่าไวน์รสเลิศ ...ภาติยะนึกอย่างวาบหวามระคนซาบซ่านในจิตใจ เขาชอบเวลาที่เธอหลุดเสียงครางออกมาเป็นชื่อเขาด้วยเสียงแหบพร่าอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขารักเสียงเซ็กซี่นั้น ภาติยะยังคงผลักดันอารมณ์เหนี่ยวรั้งของหญิงสาวให้หลุดจากการควบคุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการรัดสะโพกกลมมนมากดแนบกับริมฝีปาก ก่อนจะดูดกลืนและขบเม้มในจังหวะที่รวดเร็ว หนักหน่วงและกระชั้นถี่มากขึ้น วินาทีต่อมาผู้กำกับหนุ่มก็รู้สึกถึงชัยชนะแห่งพลังอำนาจทางเพศ เมื่อร่างงามไหวระริกรุนแรงอย่างสุดแรงต้าน มือที่ขยุ้มลงมาจิกบ่าเขาแน่นจนภาติยะรู้สึกได้ถึงปลายเล็บแหลมๆ นั้น หากเขากลับรับรู้ด้วยความรู้สึกอ่อนหวาน แพรไหมตอบสนองเขาอย่างสวยงามเหลือเกิน เป็นธรรมชาติ เร่าร้อนและกระตือรือร้นไม่ต่างจากสาวน้อยไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่องปานน้ำค้างแรกอรุณงดงามสมบูรณ์แบบ ...ภาติยะชื่นชมอยู่ในใจ เขาเชื่อว่าเขาจะจดจำภาพสวยงามเบื้องหน้าไปอีกนานเท่านาน... ภาพที่ร่างบางกำลังแอ่นโค้ง พร้อมกับครางเรียกชื่อเขาผะแผ่วด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ ในจังหวะเดียวกับที่สายธารแห่งรักไหลชุ่มฉ่ำ ก่อนที่ร่างกายซึ่งอ่อนปวกเปียกจะซวนซบลงมาบนบ่าเขาอย่างหมดเรี่ยวแรง แพรไหมยอมศิโรราบต่อเพลิงอารมณ์ของตัวเองอย่างหมอบราบคาบแก้ว...
ไฟรัก...บท 12/1
ไฟรัก...บท 12/1 แพรไหมนิ่วหน้า คุณไม่มีงานการต้องทำต่อเหรอ อย่างหนังที่คุณกำลังจะสร้าง ไม่มีหรอก งานพวกนั้นไว้ทำตอนผมกลับไปอเมริกาแล้ว ตอนนี้วินาทีนี้เป็นเวลาของการพักผ่อน มาเถอะ...มาดูกันว่ามีเพลงไหนที่เราจะใช้เต้นรำกันได้บ้าง ฉันไม่เต้นรำได้ไหม แต่ขอนั่งฟังเฉยๆ แพรไหมยื่นข้อต่อรอง พลางเดินตามเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่นมากกว่านั้น ภาติยะทำทีไม่ได้ยินเสียงโอดครวญนั้น เขาขยิบตาให้ฌองที่เดินสวนมาให้กลับห้องตัวเอง จากนั้นเดินตรงไปยังมุมห้องเพื่อเลือกซีดีเพลง พลางพูดอย่างชวนคุยว่า ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลง เวลาเดินทางไกลๆ ลุงฌองจึงมักพกเครื่องเล่นซีดีขนาดพกพาติดมือมาให้ผมด้วย คุณชอบฟังเพลง Soledad ของ Westlife ไหม ผมชอบเพลงของวงนี้มาก โดยเฉพาะเพลงนี้ เรามาเต้นรำกันเถอะ ผู้กำกับหนุ่มจบประโยคด้วยการลุกไปหาหญิงสาว ฉันบอกแล้วฉันไม่เต้น แพรไหมปฏิเสธด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทำไมล่ะ ภาติยะตรงไปยังโซฟาหรูที่หญิงสาวนั่งอยู่ พลางฉุดมือเรียวให้ลุกยืน มิไยที่แพรไหมจะขัดขืน แต่เขาก็ไม่นำพา ยังคงออกแรงฉุดพาเธอออกไปอยู่กลางห้องสำเร็จจนได้ ฉันเต้นรำไม่เป็น เธอประท้วง แค่ปล่อยใจไปตามจังหวะเสียงเพลง ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม ภาติยะบอกเสียงนุ่ม พลางจับมือเรียวให้โอบเอวเขา ส่วนมืออีกข้างของแพรไหม เขาคว้ามากุมไว้ และอีกข้างของตัวเอง ก็โอบแผ่นหลังของหญิงสาว ทั้งคู่เต้นไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าๆ ขณะที่ภาติยะกล่าวขึ้นว่า เล่าให้ผมฟังสิครับ ว่าทำไมคุณถึงไม่อยากไปไหนมาไหนสองต่อสองกับผม ฉันบอกแล้วฉันไม่อยากเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ มีสื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วเหรอ? น้ำเสียงแสดงความประหลาดใจ แพรไหมหลบสายตาคมกล้าที่มองมา เสมองปลายคางเขาแทน สื่อต่างชาติพูดถึงแล้วค่ะ ในเว็บไซต์ของประเทศคุณ เปิดให้คนเข้าไปวางเงินเดิมพันเพื่อทายว่าใครจะได้เป็นคู่ควงคนต่อไปของคุณด้วย ภาติยะเลิกคิ้วอย่างฉงน แต่ปากก็ตอบไปว่า และผมก็เดาว่า คุณเป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้นใช่ไหม? คนถูกถาม พยักหน้าแทนคำตอบ ผู้กำกับหนุ่มยิ้มบางๆ แล้วเป็นข่าวกับผมมันเสียหายตรงไหน คุณพูดยังกับไม่รู้ฉายาฉาวโฉ่ของตัวเองอย่างนั้นแหละ สื่อต่างชาติพูดกันทั้งนั้นว่า คุณเป็นนักรักตัวยงและเปลี่ยนคู่ควงไม่เคยซ้ำหน้า แพรไหมตวัดตาค้อนเขา เพราะเหตุนี้ คุณถึงไม่อยากเป็นข่าวกับผม? ภาติยะต่อประโยคให้หญิงสาว แน่นอน ก็ฉันไม่อยากพลอยเสื่อมเสียไปกับคุณด้วยนี่ แค่เมื่อวานที่ฉันมาหาคุณที่โรงแรม ก็เป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วเว็บไซต์ของสำนักข่าวต่างประเทศแล้ว ภาติยะขมวดคิ้ว สื่อต่างชาติรู้ได้ยังไง ในเมื่อคุณบอกเองว่าสื่อเหล่านั้นไม่เห็นคุณ นั่นสิ ฉันก็ยังแปลกใจตอนที่เพื่อนบอกว่ามีเว็บไซต์ต่างชาติรายงานข่าวเรื่องนี้ พอเข้าไปดู ก็เห็นว่ามีจริงๆ อืม... ผู้กำกับหนุ่มนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด มีอะไรหรือคะ นักแสดงหนังพอร์นชั่งใจชั่วครู่ แล้วจึงตอบตรงๆ ว่า ความจริงมีแค่คนเดียวที่รู้เรื่องผมเจรจากับคุณ นั่นคือคุณย่าของผม เพราะผมโทร.ไปขอให้ท่านไม่ฟ้องคุณเมื่อคืน แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือท่านที่เป็นคนปล่อยข่าวนี้ คุณคุยอะไรกับคุณย่าของคุณบ้าง บอกฉันได้ไหมคะ? แพรไหมถามไปอีกทาง ไม่มีอะไรพิเศษเลยแพร ก็แค่ขอให้ท่านเลิกฟ้องคุณ เหมือนที่ผมตัดสินใจที่จะไม่ฟ้องคุณและโรงพิมพ์ของคุณ ไม่มีเงื่อนไขอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนพิเศษเลยหรือคะ? ถามคาดคั้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ ภาติยะหัวเราะ จะให้เป็นข้อแลกเปลี่ยนอะไรล่ะ ไหนลองบอกผมทีสิ ฉันไม่รู้ ถึงได้ถามคุณ เมื่อเช้าคุณย่าของคุณโทร.มาหาฉันค่ะ บอกว่าคุณกับท่านมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างต่อกันเพื่อแลกกับที่ท่านไม่ฟ้องฉันตามที่คุณขอ แต่ท่านไม่ยอมบอกว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนอะไร ภาติยะหัวเราะอีกครากับความช่างสงสัยของอีกฝ่าย กระนั้นความอยากรู้มีมากกว่าจึงเป็นฝ่ายชนะ เขาถามเสียงอ่อนๆ กลับไปว่า ทำไมย่าผมต้องโทร.ไปหาคุณด้วยล่ะ? ท่านโทร.มาเพื่อด่าฉันน่ะค่ะ ย่าคุณเข้าใจว่าฉันเป็นคนเกลี้ยกล่อมคุณ ให้ไปช่วยพูดให้ท่านไม่ฟ้องฉัน ผู้กำกับหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เข้าใจล่ะ ตกลงมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรระหว่างกันคะ ถ้าฉันทำให้คุณไม่สะดวกใจหรือยุ่งยากใจ ฉันก็ต้องขอโทษด้วย ภาติยะหัวเราะ ไม่เป็นไรเลย อย่าไปซีเรียส เรื่องจิ๊บจ๊อยมาก ท่านก็แค่ขอให้ผมเลิกก่อตั้งสถาบันวรากรณ์เป็นข้อแลกเปลี่ยน ก็เท่านั้น เห็นไหมไม่มีอะไรสลักสำคัญเลย ฉันจำได้...เป็นสถาบันที่คุณตั้งใจตั้งขึ้นเพื่อทำการกุศล ช่วยตรวจโรคเอดส์ฟรีให้กับนักแสดงหนังพอร์น ผู้กำกับหนุ่มพยักหน้า มองอีกฝ่ายอย่างทึ่งในความรู้กว้างขวาง ใช่ครับ...คุณย่าของผมมองว่าเป็นการสร้างความอื้อฉาวให้กับวงศ์ตระกูล ก็เลยขอให้ผมเลิกความคิดนั้นน่ะ แล้วคุณตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่าล่ะ? แพรไหมย้อนถาม แววตารู้ทัน วันนี้ในการประชุมหารือเรื่องคดีของใยไหม ทำให้เธอได้รู้ประวัติลึกๆ ของเขาอีกมากมาย ได้รู้เหตุผลมากกว่าที่พริ้มเพราเคยบอกว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล...เป็นปฏิกิริยาตอบโต้ของคนที่รู้สึกว่าถูกทำร้ายและไม่เป็นที่รักของใครๆ เปล่า...เขาไม่ได้บอกเหตุผลนั้นกับเธอ แต่จากการฟังเขาเล่า มันทำให้เธอวิเคราะห์ออกมาได้แบบนั้น วูบหนึ่งที่เธอนึกอยากเจอภาติยะในวัยเยาว์ ยามนั้นเขาคงเป็นเด็กชายที่อ้างว้างโดดเดี่ยวและรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้แน่ คุณพระ...เธออยากเจอเขาในวัยเด็ก เพื่อจะได้ปลอบโยนและเป็นเพื่อนเล่นกับเขา บอกเขาว่ายังมีเธอเป็นเพื่อนที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจเขา แพรไหมไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นความรู้สึกอ่อนหวานที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน โดยที่เธอเองก็ตั้งรับไม่ทัน ภาติยะพูดต่ออย่างไม่จริงจังนักว่า เกลียดคนรู้ทัน จบประโยค ศีรษะทุยได้รูปสวยก็ลดลงมาฉกจูบอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้แพรไหมตั้งตัว ภาติยะเลื่อนมือไปช้อนท้ายทอยของหญิงสาว อีกข้างประคองข้างแก้มเพื่อบังคับให้แหงนหน้ารับจูบถนัดถนี่ กาลเวลาเหมือนถูกลืมเลือนไปจากการรับรู้ เมื่อสองหนุ่มสาวต่างหยุดเต้นรำและภาติยะหันมาสำรวจกายนุ่มของคนในอ้อมแขน แพรไหมประท้วงเสียงอู้อี้ในลำคอ พลางขยับถอยหนี หากภาติยะกลับรัดกายแน่นไม่ยอมห่าง ริมฝีปากยังไม่ยอมหยุดรุกรานอย่างจาบจ้วง เพื่อแสวงหาความหวานจากกลีบปากสีโอลด์โรสฉ่ำชื่น ผู้กำกับหนุ่มพูดชิดเรียวปากนุ่มด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า ผมชอบริมฝีปากคุณ แพรไหม...ขอให้ผมได้ลิ้มรสชาติมันอีกสักครั้งเถอะคนถูกขอ ใจอ่อนโดยพลัน แพรไหมหลับตาและแย้มเรียวปากออก เพื่อต้อนรับลิ้นร้อนๆ ของเขา เพียงแค่นั้นก็เป็นคำตอบที่เพียงพอและน่าพอใจแล้วสำหรับภาติยะ ชายหนุ่มลดอาการจูบร้อนแรงลง เปลี่ยนมาเป็นอ่อนหวาน หยอกล้อและเรียกร้องในคราวเดียวกัน หญิงสาวอิงอกกว้างโดยไม่รู้ตัว มือเรียวเลื่อนขึ้นรัดรอบลำคออีกฝ่าย พลางแลกจูบด้วยจังหวะร้อนแรงตามแต่สัญชาตญาณจะนำทาง เขามีความสามารถเป็นเลิศในการกระตุ้นเพลิงพิศวาสที่เธอไม่เคยรู้เลยว่ามีอยู่ในตัวให้ลุกโชนขึ้นมาได้ ภาติยะครางออกมาอย่างอดใจไม่อยู่ เมื่อแพรไหมประคองสองข้างแก้มเขาเพื่อจูบได้ถนัดถนี่ เธอสอดลิ้นเข้ามาในปากเขา ดูดกลืนและขบเม้ม เลียนแบบทุกท่วงท่าที่เขาปฏิบัติต่อเธอก่อนหน้านี้สวรรค์ช่วย...เธอร้อนยิ่งกว่าลาวาภูเขาไฟ และถูกใจเขายิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ผู้กำกับหนุ่มนึกพลางดูดกลืนปลายลิ้นเล็กๆ นั่นตอบ ก่อนจะลดมือไปสำรวจทรวงอกคู่งามและเย้ายวนอย่างอดใจไม่อยู่ เขารักและหลงใหลหน้าอกคู่นี้ไม่ต่างจากริมฝีปากของเธอ ภาติยะนึกพลางแกะรังดุมเสื้อเชิ้ตออกโดยพลัน มือสองข้างเลื่อนอ้อมไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอบราเซีย ขณะที่ริมฝีปากยังคงดูดกลืนปลายลิ้นของแพรไหม และถอยออกมาขบกัดขอบปากล่างอย่างหยอกล้อ เขาสอดฝ่ามือไปใต้บราเซีย ก่อนจะร่ายปลายนิ้วไปบนยอดทรวงและเคล้นคลึงนวลเนื้อเต็มกำมือพระเจ้า...เขารักความรู้สึกยามที่ทรวงอกของแพรไหมผลิขยายตอบรับฝ่ามือเขา มันมีชีวิตชีวาและดูจะรักฝ่ามือเขา มากเท่าๆ กับที่เขารักความรู้สึกของมัน ภาติยะคราง ก่อนจะเผลอแสดงความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดโดยไม่รู้ตัว เคยมีใครบอกคุณมั้ยว่า คุณมีหน้าอกที่สวยและเย้ายวนเหลือเกิน พระเจ้า...ผมรักมันและอยากลิ้มรสชาติมันเหลือเกิน แพรไหมพลันขนลุกซู่และร่างกายพลอยชะงักงัน ในจังหวะเดียวกันที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเขา นักข่าวสาวเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจดูถูก...อย่างน้อยเธอก็คาดหวังว่าเขาคงทำมันโดยที่ไม่รู้ตัว หญิงสาวนึกอย่างหนาวยะเยือกในใจแล้วผลักอกเขาโดยแรง ซึ่งฝ่ายนั้นเซผงะไปข้างหลังทันทีเหมือนกัน แพรไหมรวบรวมกำลังใจหันหลังติดรังดุมด้วยมืออันสั่นเทา ไม่สนใจเสียงประท้วงของคนข้างหลัง เกิดอะไรขึ้นแพร ผมคิดว่าเรากำลังเข้ากันได้ดีเสียอีก น้ำเสียงติดรอยฉงนชัดเจนเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ยังมีหน้ามาถาม ภาติยะเห็นเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีและเห็นเป็นผู้หญิงร่านรักใช่ไหม ถึงได้มาถามว่ามีผู้ชายที่ไหนเคยเห็นและบอกเธอบ้างไหมว่า เธอมีหน้าอกที่สวยและเย้ายวน? นั่นแปลว่าเขาคิดว่าเธอเคยปล่อยใจปล่อยกายแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นมานักต่อนักแล้วใช่ไหม?ขอให้เขาไปลงนรกซะ! แพรไหมสบถ และเหนือสิ่งอื่นใด เธอขอให้ตัวเองถูกธรณีสูบหายไปด้วย เพราะเหตุที่ทำตัวด้อยค่าและเผลอไผลไปกับเขาง่ายๆ ก็สมควรแล้วที่เขาจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงง่ายและไร้ค่า แพรไหมก่นด่าทั้งตัวเขาและตัวเองไปในคราวเดียวกัน ขณะติดรังดุมอย่างกระแทกกระทั้น เรียบร้อยแล้วจึงหันไปมองเขาชนิดที่เรียกว่าตาเขียวปัด พบแววตาสีเข้มคุกรุ่นที่ยังคงมองมาด้วยแรงพิศวาส เธอก็หน้าแดงก่ำ ฉันจะกลับบ้าน แพรไหมประกาศขึ้นเสียงเย็นๆ ผมยังไม่ยอมให้คุณกลับ บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงผลุนผลันจะกลับบ้านอย่างนี้ แพรไหมเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบเขา ภาติยะมองกิริยานั้นนิ่งๆ แล้วกระแนะกระแหนขึ้นว่า คุณจะบอกว่าคุณไม่ชอบให้ผมเล้าโลมคุณว่างั้นเถอะแพรไหม? ใช่...ฉันรังเกียจ แพรไหมกระแทกเสียงกลับไปพอกัน รู้สึกหมั่นไส้กับความหลงตัวของเขา คุณโกหก ภาติยะขึ้นเสียง สวนกลับไปทันควัน ร่างกายคุณชอบผม มันชอบพอๆ กับที่ผมชอบคุณนั่นแหละแพรไหม ปฏิกิริยาทางร่างกายคุณมันฟ้องอยู่ แพรไหมหน้าแดงก่ำเมื่อถูกทวนความจำ ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว มันเป็นความผิดพลาดของฉันเอง และขอให้คุณลืมมันให้หมด ต่อไปนี้ระหว่างเราจะมีแค่เรื่องของคดีเท่านั้น จะไม่มีอารมณ์พิศวาสบ้าๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีก อารมณ์พิศวาสบ้าๆ หรือแพร ขอให้ความรู้สึกต่อต้านของคุณไปลงนรกซะเถอะ ระหว่างเราไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งนั้น และผมก็จะไม่ลืมมันด้วยว่าคุณตอบสนองผมอย่างสวยงามแค่ไหน คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กสาวๆ ที่ไม่ประสีประสากับอารมณ์ประเภทนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาเอามากๆ กับการหลับนอนกับใครสักคนที่เราถูกใจ ถามหน่อยเถอะมันผิดพลาดตรงไหนถ้าเราจะไปจบลงที่เตียง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีพันธะ ยังโสดและไม่มีใคร เราไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือผิดลูกเมียใครนะแพร เพราะฉะนั้นทำไมจะมีอะไรด้วยกันไม่ได้ และผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ก่อนที่ผมจะกลับอเมริกาในสัปดาห์หน้านี้ ผมจะพาคุณขึ้นเตียงให้ได้ ในห้องนี้และบนเตียงที่อยู่ถัดไปนั่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนหรืออย่างไร ก็แล้วแต่ ผัวะ เธอซัดเขาครึ่งปากครึ่งจมูกโดยไม่เสียเวลาคิด จากนั้นก็สบถยาวเหยียด สวรรค์ช่วย...พวกเธอมาไกลกันเกินไปแล้ว หลับนอน...นี่แปลว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาภาติยะคิดกับเธอเรื่องนี้มาโดยตลอดใช่มั้ย? ทำทุกวิถีทางเพื่อพาเธอขึ้นเตียงให้ได้ ไม่มีความรัก...ไม่มีการพูดถึงเรื่องนั้นสักนิด ให้ตายเถอะ...ขอให้เขาลงนรกไปซะ! และเหนือสิ่งอื่นใด เธอก็อยากสาปแช่งตัวเองด้วยที่เผลอทำตัวให้เขาดูถูกได้ ก็สมแล้วที่จะได้รับการดูถูกจากเขา ใช่...เธอสมควรแล้วจริงๆ เพราะเธอทำตัวง่ายกับเขาเกินไป ถ้าแพรไหมคิดว่าทำร้ายเขาแล้วจะลอยนวลไปได้ในหนนี้ เธอก็คิดผิดถนัด ภาติยะคิดพลางถลาเข้าไปกระตุกแขนเรียว พลางออกแรงบีบกระชับแน่น เมื่อพูดว่า รู้อะไรไหมทูนหัว ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำร้ายผมแล้วจะลอยนวลไปได้ง่ายๆ แต่กับคุณ...กี่ครั้งมาแล้วที่ผมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่จัดการอะไรเลย และผมก็เคยลั่นวาจาแล้วว่าถ้าคุณสบถใส่ผมอีกเป็นครั้งที่สาม คุณจะถูกจับล้างปากเป็นการลงโทษ เห็นทีคุณคงอยากให้ผมทำแบบนั้นจริงๆ ใช่มั้ย ถึงได้คิดลองดีอยู่ในตอนนี้ ไม่นะ! เธอขืนตัวเต็มที่เมื่อถูกลากถูลู่ถูกังไปหลังประตูบานหนึ่ง คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้มามาออกคำสั่ง ทำตัวเผด็จการอย่างนั้น ฉันไม่ใช่ลูกไล่หรือลูกน้องคุณนะ ปล่อยฉัน! จบประโยคด้วยการแผดเสียง ผู้กำกับหนุ่มไม่ตอบและไม่นำพาต่อแรงต้านนั้น เขายังคงลากแพรไหมเข้าไปในห้องหนึ่ง พลันที่เห็นว่าเป็นห้องนอน หญิงสาวก็หน้าเผือดสี ใจกระตุกวูบ เธอดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่อาจต้านทานแรงฉุดของเขาได้ ที่สุดภาติยะไม่ได้หยุดอยู่ที่เตียงนอนแต่เดินผ่านตรงไปยังประตูอีกบานที่อยู่ถัดไป คราวนี้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วว่า เขามีจุดหมายอยู่ที่ไหนและตั้งใจจะทำอะไรจับเธอล้างปากด้วยสบู่! แพรไหมคิดด้วยใจที่หวาดหวั่นพรั่นพรึง.............................................. Soledad : Westlife If Only You Could See The Tears In The World You Left Behind If Only You Could Heal My Heart Just One More Time Even When I Close My Eyes There's An Image Of Your Face And Once Again I Come To Realise You're A Loss I Can't Replace Chorus Soledad It's A Keeping For The Lonely Since The Day That You Were Gone Why Did You Leave Me Soledad In My Heart You Were The Only And Your Memory Lives On Why Did You Leave Me Soledad Walking Down The Streets Of Nothingville Where Our Love Was Young And Free Can't Believe Just What An Empty Place It Has Come To Be I Would Give My Life Away If It Could Only Be The Same 'cause I Can't Still The Voice Inside Of Me That Is Calling Our Your Name Repeat Chorus Time Will Never Change The Things You Told Me After All We're Meant To Be Love Will Bring Us Back To You And Me If Only You Could See
รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์
ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก
รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556
พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ
---------------
ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ
ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ
ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท
บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310
ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท
กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท
รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า
ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า
ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า
รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท
อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท
หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท
รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท
ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท