Group Blog
ไฟรัก...บทนำ
greenteagreentea

ไฟรัก...บทนำ


มีคำเพียงไม่มีคำที่เป็นคำต้องห้ามในคฤหาสน์วรากรณ์ หนึ่งในนั้นคือ ‘ภาติยะ’...

เป็นที่ทราบกันดีในหมู่เครือญาติของตระกูลเก่าแก่ตระกูลนี้ว่า คราใดที่ใครเผลอหลุดคำว่าภาติยะต่อหน้าท่านผู้หญิงนงคราญ หญิงสูงวัยเจ้าของอาณาจักรวรากรณ์แห่งนี้ ครานั้นท่านผู้หญิงเป็นต้องชักสีหน้าและออกปากตำหนิคนคนนั้นซึ่งหน้า แถมด้วยการด่าเปิงถึงคนที่ถูกพาดพิงอย่างไม่ไว้หน้าจนเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่าท่านผู้หญิงไม่ปลื้มหลานชายคนนี้เอามากๆ

ชื่อ ‘ภาติยะ’ จึงห่างหายไปจากความทรงจำและการกล่าวขวัญถึงของคนในสกุลวรากรณ์ไปนานหลายปี...เกือบจะนานพอๆ กับระยะเวลาที่เขาถูกส่งตัวไปเรียนที่อเมริกาเพื่อดัดนิสัยตั้งแต่รุ่นกระทงก็ว่าได้ จนทุกคนเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีหลานชายที่สืบสกุลวรากรณ์อยู่ในโลกนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง

ใช่...ทุกคนเกือบจะลืม หรือไม่ก็ความพยายามที่จะลืมก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว หากภาติยะจะไม่ขยันทำเรื่องอื้อฉาวให้แก่วงศ์ตระกูลอยู่บ่อยครั้ง เขาเพียรทำตัวเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ในอเมริกาไม่ขาดระยะนับตั้งแต่จบจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก(1) แล้วเข้าไปทำงานในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งข่าว ผู้กำกับหนังชื่อดังรับเล่นหนังเอ็กซ์, นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่คว้ารางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม XRCO(2) หรือล่าสุด ผู้กำกับและนักแสดงหนังนู้ดถูกตั้งข้อหาในคดีพรากผู้เยาว์เด็กหญิงวัย ๑๔ ปี

สกุลวรากรณ์ โชว์หราบนสื่อแขนงต่างๆ ของอเมริกาทุกครั้งที่ภาติยะมีข่าวเสียๆ หายๆ โดยเฉพาะในช่วง ๕-๖ ปีหลังที่เขาขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ก็ยิ่งมีข่าวเสื่อมเสียหนักขึ้นราวกับเจ้าตัวจงใจ และเนื่องจากเขาใช้นามสกุลจริงในวงการแสดง มานูเอล วรากรณ์ ชื่อสกุลจึงพ่วงติดไปด้วยทุกครั้งที่เขาก่อเรื่องอื้อฉาว เหตุนี้ท่านผู้หญิงนงคราญจึงยิ่งชังน้ำหน้าเขาและมองเห็นเขาเป็นเหมือนหอกข้างแคร่และหนามยอกอกที่คอยแต่จะทิ่มแทงให้ท่านผู้หญิงตายในเร็ววัน ฉะนั้นในสายตาของท่านผู้หญิงนงคราญ จึงมองว่าเขาเป็นได้เพียงแค่ตัวทำลาย...เกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเท่านั้น และท่านผู้หญิงกำลังหวั่นว่าชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานหลายชั่วอายุคน อาจจะจบสิ้นลงในสมัยของภาติยะ

เวลานี้เขาจึงถูกตราหน้าว่าเป็นแกะดำของตระกูลที่ใครๆ ต่างก็ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย...

ดูเหมือนคนในตระกูลวรากรณ์จะพร้อมใจกันลืมที่มาของความเกลียดชังที่มีต่อภาติยะไปแล้วว่าเกิดจากอะไร ทำไมเขาจึงทำตัวเกกมะเหรกเกเรตั้งแต่รุ่นๆ กระทั่งญาติๆ กำราบไม่อยู่ เกิดความเอือมระอาจนต้องส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกเพื่อดัดนิสัยและตัดหางปล่อยวัดในคราวเดียวกัน

เรื่องของเรื่องเกิดจาก...ท่านผู้หญิงนงคราญมีลูกชายและลูกสาว ๔ คน พ่อของภาติยะเป็นลูกชายคนโตซึ่งท่านผู้หญิงรักมากที่สุด แต่กลับทำให้ท่านผิดหวังเสียใจมากที่สุด เมื่อไปเรียนต่อที่อเมริกา พิริยะไปคว้านางแบบปลายแถวมาแต่งงานด้วย แถมยังพากลับมาบ้าน ทั้งที่ท่านผู้หญิงย้ำนักย้ำหนาก่อนไปอเมริกาว่าอย่าเอาเมียแหม่มกลับมา เพราะได้เตรียมหมั้นหมายลูกสาวตระกูลเก่าแก่ไว้ให้แล้ว ท่านผู้หญิงรังเกียจแคสซานดร้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดีเนื่องจากมีอาชีพเต้นกินรำกิน ไม่เหมาะกับตระกูลผู้ดีเก่าของท่าน เมื่อรักมาก จึงผิดหวังและโกรธมากตามมาซึ่งทั้งหมดไปลงที่แคสซานดร้านางแบบสาวชาวอเมริกัน ชีวิตครอบครัวของพิริยะจึงอยู่อย่างอึดอัดคับใจตลอดมา แคสซานดร้าพยายามหว่านล้อมให้สามีออกมาใช้ชีวิตข้างนอก อย่าอยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์กับญาติๆ อีกต่อไปเลย เธอไม่ชอบครอบครัวใหญ่ ที่พอใครออกเรือนไปก็ยังคงปลูกบ้านอยู่ในรั้วอาณาเขตของตระกูล แต่พิริยะเป็นคนอ่อนแอ ถึงจะรักเมียมาก แต่ก็ไม่กล้าจะ ‘แตกหัก’ กับมารดา แคสซานดร้าจึงจำใจต้องอยู่ใต้ชายคาของตระกูลวรากรณ์จวบจนกระทั่งคลอดภาติยะออกมา แม้จะน้อยใจสามีหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดจะหอบลูกกลับอเมริกา เพราะความรักสามีและไม่อยากให้ลูกขาดพ่อ

ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามียังคงดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ มีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับรุนแรง ท่านผู้หญิงนงคราญหันไปให้ความสนใจกับลูกชายคนเล็กหรืออีกนัยหนึ่งคนที่สองถัดจากพิริยะ เพื่อจัดหาลูกสะใภ้ที่มีชาติตระกูลให้ตบแต่งเร็ววัน รวมถึงวุ่นวายกับการหาสถานที่เรียนให้กับหลานๆ ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับภาติยะ แคสซานดร้าเล่าถึงความคับแค้นใจให้กับลูกชายคนเดียวฟังตลอดมาซึ่งขณะนั้นภาติยะอยู่ในวัยกำลังจดจำ เธอไม่ชอบระบบกงสีของตระกูลวรากรณ์ ไม่ชอบความลำเอียงและความอคติของท่านผู้หญิงนงคราญ ตลอดจนเล่าว่าพี่น้องของสามีปฏิบัติต่อเธออย่างไรบ้าง ท่านผู้หญิงนงคราญเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน แม้แต่น้องชายน้องสาวก็ยังต้องฟังท่านผู้หญิง เมื่อยังไม่ได้เขียนพินัยกรรมยกมรดกให้กับใครๆ ฉะนั้นลูกๆ หลานๆ ทุกคนในตระกูลจึงว่าตามท่านทุกอย่าง ไม่กล้าขัดใจ รวมถึงการแสดงความเกลียดชังต่อแคสซานดร้าตามท่านผู้หญิงด้วย

ภาติยะเติบโตมาอย่างรับรู้ความเป็นไปในบ้านทุกอย่าง รู้ว่าแม่ต้องอึดอัดคับข้องใจกับการต้องอยู่ภายใต้ชายคาวรากรณ์อย่างไรบ้าง เขาเคยแนะนำให้แคสซานดร้าพาเขาออกไปอยู่ข้างนอก หรือไม่ก็กลับอเมริกา แต่ได้รับคำตอบว่าพิริยะดีกับเธอมาก จึงไม่สมควรได้รับการตอบแทนด้วยการถูกเมียทิ้ง พิริยะอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด แม้เธอจะถูกด่าเปรียบเปรยเสียๆ หายๆ จากญาติฝ่ายสามีอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็มีพิริยะคอยให้กำลังใจปลุกปลอบใจตลอดมา เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง ขณะที่ผู้เป็นสามี มีแต่ความอ่อนแอ ไม่เด็ดขาด

ในวัย ๙ ขวบ ภาติยะต้องกำพร้าพ่อและแม่ เมื่อแคสซานดร้าถูกพวกหนุ่มไฮโซวางยาแล้วรุมโทรม ท่านผู้หญิงนงคราญและญาติๆ ไม่เชื่อว่าเป็นการข่มขืน แต่คิดว่าแคสซานดร้าเป็นฝ่ายยั่วยวนและเป็นการสมยอมด้วยกัน พร้อมทั้งพูดเป่าหูพิริยะจนเขาเขว หากทว่าแคสซานดร้าต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองจึงฟ้องร้องเอาผิดหนุ่มไฮโซเหล่านั้นทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานของท่านผู้หญิงและญาติๆ ที่หวั่นจะกระทบต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และเธอไม่สนใจด้วยว่าจะทำให้สกุลวรากรณ์ซึ่งเป็นตระกูลผู้ดีเก่าแก่มาตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ เสื่อมเสียหรือไม่ ท่านผู้หญิงต้องการปิดเรื่องนี้ให้เงียบหายไปกับกาลเวลาจึงพยายามคัดค้าน แต่ที่สุดก็ขัดขวางแคสซานดร้าไม่สำเร็จ พิริยะเริ่มคล้อยตามภรรยาว่าไม่ใช่การสมยอม เขาเห็นใจเธอจึงกลับมาต่อสู้เคียงข้างเธออีกครั้ง แต่คดียังไม่ทันได้รับการพิสูจน์ความจริง พิริยะและแคสซานดราก็ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน เขาขับรถไปชนกับตอม่อ ทั้งคู่เสียชีวิตทันทีและตำรวจก็ปิดคดีอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของท่านผู้หญิงนงคราญ เพราะไม่อยากให้สกุลวรากรณ์อื้อฉาวไปมากกว่านั้น

นั่นจึงยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้กับภาติยะที่มีต่อท่านผู้หญิงมากยิ่งขึ้น เมื่อหลังจากเหตุการณ์นั้น ท่านก็นำมาโพนทะนาในหมู่ญาติๆ ว่าเป็นเพราะพิริยะกับแคสซานดร้าทนอับอายขายหน้ากับข่าวฉาวโฉ่ที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้งในระยะหลังไม่ได้ จึงพากันตัดสินใจฆ่าตัวตาย ภาติยะเกลียดที่ท่านผู้หญิงและญาติๆ พากันปรักปรำพ่อแม่ของเขา ฉะนั้นหลังสิ้นสุดพิธีศพของบุพการีทั้งสอง ภาติยะก็เริ่มทำตัวเหลวไหล เขาคบเพื่อนฝูงที่เป็นหัวโจก เกเร หนีเที่ยว ทำเรื่องเสื่อมเสียให้แก่ท่านผู้หญิงและญาติๆ จนอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิง ยาเสพติดและชกต่อยตีรันฟันแทง กระทั่งถูกจับกุมเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เมื่อเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ เขาก็ยังคงทำตัวเกกมะเหรกอย่างเดิมและดูจะเพิ่มดีกรีมากขึ้นทุกครั้งที่มีการย้ายที่เรียนใหม่ๆ จนสร้างความเอือมระอาให้แก่ท่านผู้หญิงเป็นอย่างมาก ฉะนั้นญาติทุกคนจึงไม่ขัดข้องเมื่อท่านผู้หญิงเสนอที่จะส่งตัวภาติยะให้ญาติฝ่ายแม่ที่อยู่อเมริกา ด้วยต่างลงความเห็นว่ากำราบภาติยะไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ด้วยนับตั้งแต่สิ้นพิริยะและแคสซานดร้า ภาติยะก็ไม่เชื่อฟังใครอีกเลย

ท่านผู้หญิงนงคราญส่งเงินเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสำหรับค่าเล่าเรียนและความเป็นอยู่ให้แก่เขามากพอโดยที่เขาไม่ต้องรบกวนญาติฝ่ายแม่ แต่ทว่าท่านผู้หญิงไม่เคยโทรศัพท์หรือติดต่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบเขาเลยสักครั้ง เมื่อท่านผู้หญิงพูดใส่หน้าเขาในวันที่ไปส่งเขาที่สนามบินว่า...เป็นการส่งไปเพื่อดัดนิสัย สำหรับภาติยะแล้ว จึงเชื่อว่าไม่ใช่แค่ต้องการดัดนิสัย แต่ต้องการตัดขาดจากความเป็นญาติด้วย เลยทีเดียว

ภาติยะเดินทางไปอยู่กับญาติฝ่ายแม่ที่อเมริกาเมื่ออายุได้ ๑๕ ปีและนับแต่นั้นเขาก็ไม่เคยเหยียบย่างกลับมาเมืองไทยอีกเลย ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา ๒๑ ปีเต็มแล้ว ใช่...เป็นเวลา ๒๑ ปีที่เขาไม่เคยกลับมาเมืองไทย แต่ทว่าไม่เคยหายไปจากการรับรู้ของญาติทางเมืองไทยเช่นกัน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้หรือแสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ด้วยภาติยะไม่เคยทำตัวห่างหายไปจากสื่อมวลชนของอเมริกา ยิ่งระยะหลังที่เขาเติบโตในหน้าที่การงานสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในแวดวงอุตสาหกรรมให้ความบันเทิงผู้ใหญ่ ชื่อเสียงด้านลบของเขาก็ยิ่งขจรขจายไปอีกเท่าตัว... ราวกับเจ้าตัวจงใจที่จะตอกย้ำให้ญาติๆ ไม่ลืมว่ายังมีเขาเป็นทายาทสืบสกุลวรากรณ์อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่งด้วย



“ดูอะไรพี่ภาค”

พริ้มเพราถามพลางชะโงกหน้าข้ามบ่าพี่ชายเพื่อไปดูจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคิไนยรีบปิดเว็บไซต์โดยพลัน

พริ้มเพรากับภาคิไนยยังมีพี่ชายและพี่สาว ทั้ง ๔ คนเป็นลูกของอดิศัยกับคุณหญิงภารดา บุตรีคนที่ 3 ของท่านผู้หญิงนงคราญ เธอมีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน คือ พิริยะ พันดร ภารดา และพิยะดา

“ไม่มีอะไร” ภาคิไนยหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้าน้องสาว

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมรีบปิด อาการส่อพิรุธนะ หรือว่ากำลังดูเว็บโป๊”

“อย่ามาทำสู่รู้ไปหน่อยเลยน่ายายเพิ้ง” ภาคิไนยตอบพลางตบศีรษะน้องสาวไปป้าบหนึ่งอย่างไม่เบามือนัก

“โอ๊ย...เขาเจ็บนะ” พริ้มเพราโอดครวญพร้อมทั้งคลำศีรษะป้อยๆ ก่อนบ่นต่อว่า “แล้วเขาก็ชื่อพริ้มนะ ไม่ใช่เพิ้ง เมื่อไหร่จะเรียกให้ถูกสักที”

“ก็นั่นแหละ ไม่ต่างกันหรอก แล้วอย่าสะเออะไปฟ้องแม่ล่ะ”

“นั่นแน่...แสดงว่าดูเว็บโป๊จริงๆ” พริ้มเพราทำหน้ารู้ทัน แววตาเจ้าเล่ห์

“เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลยยายเพิ้ง ใครบอกว่ากำลังดูเว็บโป๊ พี่กำลังดูข่าวของไอ้แพทต่างหาก”

“ข่าวพี่แพท?” พริ้มเพราทวนคำเสียงสูง แววตาหวั่นไหววูบหนึ่งก่อนเลือนหาย หากแต่ภาคิไนยไม่ทันสังเกต เธอถามต่อว่า “ทำไมหรือคะ ข่าวพี่แพทมีอะไรเหรอ” แพท คือ ภาติยะ

ภาคิไนยทำหน้าหมั่นไส้ไม่ปิดบัง ก่อนยิ้มแสยะและทำเสียงล้อเลียนน่าเกลียดว่า “พี่แพท...พี่แพท ถุย...ไอ้แพทเป็นพี่ชายแกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หัดระวังคำพูดคำจาไว้บ้างเถอะ ใครได้ยินเข้า เก็บไปฟ้องแม่ แกจะลำบาก”

“ใครจะไปฟ้องได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่พี่ภาค ในนี้มีอยู่แค่สองคน”

“แกนี่เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ”

พริ้มเพราทำหน้ามุ่ย ถามต่อว่า “แล้วเรื่องพี่แพทมีอะไรหรือคะ”

“แกสนใจไอ้แพทจริงๆ จังๆ จังเลยนะยายเพิ้ง ลูกป้า น้า อาคนอื่นมีแต่รังเกียจรังงอนมัน เห็นก็มีแต่แกคนเดียวนี่แหละที่ยกย่องชื่นชมมัน” ยังไม่วายแกล้งเรียกว่ายายเพิ้ง

“พริ้มเปล่ายกย่องนะคะ ก็แค่สงสาร” แววตาสลดวูบขณะพูด

ภาคิไนยโต้ว่า “แกจะไปรู้เรื่องอะไร เรื่องสมัยนั้นแกยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”

“พี่ภาคก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ แก่กว่าพริ้มเท่าไหร่กันเชียว”

“น้อยๆ หน่อย แก่กว่าแกหลายปีก็แล้วกันยายเพิ้ง ฉันอ่อนกว่าไอ้แพทแค่ ๓ ปีเท่านั้น เพราะงั้นตอนที่มันทำเรื่องเลวระยำตำบอนไว้ ฉัน ‘รู้ความ’ แล้ว มันเป็นตัวทำลายตระกูล” ภาคิไนยย้ำในตอนท้าย

เรื่องหนหลังที่ภาติยะหรือพี่แพทของพริ้มเพราทำตัวเกกมะเหรกเกเรทั้งเรื่องเรียน เรื่องผู้หญิงและเรื่องยาเสพติดนั้น เธอรู้เรื่องก็ตอนที่ภาติยะถูกส่งตัวไปเรียนที่อเมริกาแล้ว ช่วงที่ญาติๆ ป้อนข้อมูลร้ายๆ ของภาติยะให้เธอรู้นั้น ตอนนั้นเธอย่างเข้าสู่วัยรุ่น ส่วนภาติยะกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้กำกับคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง ด้วยภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากำกับ ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์(3)

เป็นเรื่องตลกในตระกูลวรากรณ์ ที่ชื่อภาติยะถือเป็นสิ่งต้องห้ามก็จริงอยู่ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ บรรดาลูกๆ หลานๆ ของตระกูลโดยเฉพาะสาวๆ ต่างพากันเสิร์ชกูเกิลค้นหาประวัติของภาติยะเพื่อทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น และนับแต่นั้นข่าวคราวของเขาก็อยู่ในการรับรู้และถูกติดตามจากบรรดาลูกๆ หลานๆ ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเรื่อยมา แม้กระทั่งข่าวที่เขารับเล่นหนังเอ็กซ์และได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก XRCO ในเวลาต่อมา ก็อยู่ในการรับรู้ของพวกเธอมาโดยตลอดเช่นกัน เธอไม่ปฏิเสธว่าลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงต่างรังเกียจและขยะแขยงเขาในฐานะที่ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็อยากรู้ความเป็นไปของเขาเพราะเขาเป็นคนดังในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมประเภทให้ความบันเทิงผู้ใหญ่

พริ้มเพราวกกลับมาสู่บทสนทนาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองใจลอยไปไกลแล้ว

“แล้วคราวนี้พี่แพททำเรื่องอื้อฉาวอะไรอีกคะ พี่ภาคยังไม่เล่าให้พริ้มฟังเลย” ลงว่าเป็นข่าวทางอินเทอร์เน็ต แถมยังอยู่ในความสนใจของพี่ชายเธอด้วย ก็คงเป็นข่าวดีไปไม่ได้...พริ้มเพราคิด

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ? ก็มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของทุกสื่อโชว์หรายังไงว่ามันล่อลวงเด็กอายุ ๑๔ ปีขึ้นเตียง ตอนนี้มันถูกตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์แล้ว”

พริ้มเพราครางแผ่วต่ำในลำคอ ก่อนอุทานว่า“เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”

ภาคิไนยขมวดคิ้ว “จะแก้ตัวแทนมันทำไม อยู่ใต้เตียงไอ้แพทด้วยหรือเปล่าเวลามันสมสู่กับเด็กคนนั้นน่ะ ก็เปล่า เพราะงั้นจะสะเออะไปแก้ตัวแทนมันทำไม หรืออยากเล่นบทนางเอกปกป้องมัน” น้ำเสียงตอนท้ายประชดประชัน

พริ้มเพราเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเธอแดงก่ำขณะพูดอุบอิบในลำคอว่า “พี่ภาคน่ะ หยาบคายที่สุด”

เธอไม่อยากเชื่อว่าภาติยะจะทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างนั้นได้ จริงอยู่...เขาอาจจะเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรมถ้าดูจากฉายาที่สื่อต่างชาติตั้งให้ ‘นักรักตัวยง’ ด้วยเขาเปลี่ยนคู่ควงไม่เคยซ้ำหน้า กระนั้นเธอก็ยังเชื่อมั่นว่าเขาเป็นคนดี ไม่มีทางล่อลวงเด็กหญิงขึ้นเตียงแน่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงเชื่อมั่นเช่นนั้น...

ภาคิไนยจิ้มหน้าผากน้องสาวพลางว่า “ทำไม...แค่นี้ทนฟังไม่ได้ อย่าหัวโบราณคร่ำครึไปหน่อยเลยน่า ก็แค่คำว่าสมสู่ สักวันเมื่อแกมีแฟน แกก็ต้องสมสู่กับแฟนแกเหมือนกัน”

พริ้มเพราหน้าแดงก่ำอีกเท่าตัว เธอกำหมัดแน่นอย่างนึกอยากตั๊นหน้าพี่ชาย

ภาคิไนยไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับท่าทีนั้น เขากล่าวต่อว่า “ทำยังไงน้า ฉันถึงจะทำให้หมอนั่นเจ็บจนกระอักเลือดได้ ค่าที่มันชอบทำเรื่องฉาวๆ ให้กับตระกูลเราเหลือเกิน”

“เราใช้นามสกุลของพ่อ ไม่ได้เดือดร้อนด้วยสักหน่อย”

“เอ๊ะ...ยายเพิ้งนี่ แกจะเถียงฉันทุกคำและขวางฉันทุกเรื่องเลยรึไง เดี๋ยวก็ยันโครมเลย ไป...อยากจะไปไหน ก็ไป ฉันจะดูข่าวไอ้แพทมันต่อสักหน่อย คนกำลังอารมณ์ดีๆ ชอบทำให้อารมณ์เสียอยู่เรื่อย”

พริ้มเพราลุกจากเก้าอี้ ใบหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยเมื่อถูกออกปากไล่ซึ่งหน้า

“พริ้มก็ไม่อยากอยู่นักหรอก พี่ภาคน่ะนับวันจะหยาบคายขึ้นทุกวัน คนอะไรก็ไม่รู้ผิดพี่ผิดน้อง”

“เอ๊ะ...ยายเพิ้งปากแตกนี่ วอนซะแล้วไหมล่ะ เดี๋ยวก็ยันติดข้างฝาจริงๆ ซะหรอก” ภาคิไนยสำทับพลางลุกจากเก้าอี้ แต่น้องสาวคนสุดท้องวิ่งผลุบหายออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว

.............................

(i) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก(New York University : NYU) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของสหรัฐอเมริกา และเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษในด้านการแสดงและการภาพยนตร์

(2) รางวัล XRCO มอบโดย The X-Rated Critics Organization (XRCO) เป็นรางวัลภาพยนตร์หนังโป๊ยอดเยี่ยม จัดขึ้นโดย XRCO เป็นประจำทุกปี มีความยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับงานออสการ์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในค.ศ.๑๙๘๔

(3) เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival หรือ le Festival de Cannes) เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๔๖ ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่ง และมีอิทธิพลมากที่สุด โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีราวเดือนพฤษภาคม ที่ Palais des Festivals et des Congrès ในเมืองคานส์ ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส




greenteagreentea




Create Date : 29 กันยายน 2553
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2553 20:43:52 น.
Counter : 961 Pageviews.

12 comments
  
มาลงชื่อเป็นกำลังใจให้คนแรกจ้า

โดย: ต้นข้าว IP: 112.142.192.54 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:21:06:24 น.
  
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะวัยหรือสายตา แต่การใช้ blackground สีดำ ค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการอ่าน เพราะทำให้แสบตาคะ แต่ไม่ทราบว่าคนอื่นเป็นหรือเปล่า
โดย: inefficient IP: 115.87.112.87 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:21:34:23 น.
  
พระเอกมีปมซะขนาดนี้..
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:21:35:17 น.
  
เอิงติดตามอ่านผลงานของคุณอุ๋ยทุกเรื่องเลยค่ะ...ได้เข้ามาทักทายบ้างนิดหน่อยไม่บ่อยเลยค่ะ คุณอุ๋ยก็เลยไม่คุ้นนะค่ะ...

ชอบผลงานของคุณอุ๋ยค่ะ นอกจากตามอ่านที่ Blog นี้แล้ว ตอนนี้เริ่มซื้อผลงานมาเก็บไว้แล้วค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:21:43:33 น.
  
ต้นข้าว...ขอบคุณมากจ้า

คุณ inefficient : ต้องขอโทษอย่างมากค่ะ สำหรับแบล็กกราวน์สีดำ อุ๋ยขอแก้ตัวสำหรับตอนหน้าตอนใหม่ที่จะใช้แบล็กกราวน์สีอื่นที่ไม่ใช่สีดำนะคะ ต้องขอโทษอย่างมากค่า

คุณเอิงเอย : พี่นักอ่านอุ๋ยจำแม่นจริงๆ ด้วย เธอบอกว่าคุ้นชื่อคุณเอิงเอยอยู่เหมือนกัน อุ๋ยเป็นปลาทองจริงๆ แหะๆ ขอบคุณคุณเอิงเอยมากๆๆ ค่าที่ชอบผลงานอุ๋ยและเริ่มเก็บผลงานอุ๋ย ขอบคุณคร่า
โดย: คณิตยา วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:21:55:32 น.
  
ครอบครัวของพระเอกนี่ทั้งตระกูลคงแทบจะไม่มีใครมีความสุขอย่างแท้จริงเลยมั้ง แม้กระทั่งรุ่นหลานก็ยังบ้าไปกับคนแก่ด้วย โชคดีที่ครอบครัวไม่ได้เป็นแบบนี้

-เก็กมะเหรอเกเร===>เกกมะเหรกเกเร

-แคทวอร์ก===>แคตวอล์ก

-คับค้องใจ===>คับข้องใจ

-(ทำทำ)เสียงล้อเลียน===>ทำเสียงล้อเลียน

-สื่อต่างชาติตั้งใจ===>สื่อต่างชาติตั้งให้
โดย: mimny วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:19:57 น.
  
ขอบคุณมากกว่าน้องมิ้ว...พี่แก้ไขตามหมดแล้วจ้า
โดย: คณิตยา วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:26:06 น.
  
ประวัติพระเอกน่าสงสารจังเลยค่ะ รู้สึกชีวิตแม่พระเอกมีส่วนคล้ายโอชิน โดนแม่สามีกลั่นแกล้ง T_T
โดย: pantan IP: 58.9.19.41 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:9:08:55 น.
  
กลับมาแล้วกับเรื่องที่น่าติดตาม แค่จั่วหัวเรื่องย่อกับบทนำก็น่าสนใจ...

เอ...นู๋อุ๋ยอีตาภาคิไนย นี่หลานเจ้าเทือกไหนหนอหยาบได้ใจจริง ขนาดพูดกับน้องสาวนะทำไปทำมาอีตานี่น่าจะร้ายกว่าพี่แพทของน้องเพิ้งเอ้ยพริ้มเนาะ...
โดย: jee IP: 10.249.112.88, 203.149.16.33 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:10:10:36 น.
  
สนุกค่ะ อยากอ่านอีก แต่เห็นด้วยจริง ๆ ว่า backgroup สีดำ ระยิบ ๆ เนี่ย ตาลายได้ใจสุด ๆ
โดย: หนูเก๋ วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:13:43:34 น.
  
คุณ pantan : คุณเอ๋ พูดแล้วเห็นภาพเลยค่า แงๆๆ

พี่จี๋ : หวัดดีจ้าพี่จี๋ หายไปนานมาก คิดถึงค่า แอบเห็นเมนท์ในโพล์ด้วยฮ่าๆๆ ขอบคุณมากค่า ป.ล.ขอบคุณค่าที่เห็นว่าเรื่องนี้น่าติดตาม //ฮ่าๆๆ ภาคิไนย...อันนี้นอกคอกของแท้ค่า ฮ่าๆ

คุณเก๋ : ดีใจที่คุณเก๋บอกว่าสนุกค่า ขนาดแค่บทนำ อิอิ สำหรับแบล็กกราวขอบคุณค่า เดี๋ยวจะแก้ตัวในตอนหน้านะคะ จุ๊บๆๆค่า
โดย: คณิตยา วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:22:21:55 น.
  
ภาคิไนย มีความคิดน่ากลัวมากเลย
โดย: จิรารัตน์ IP: 180.180.21.172 วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:18:08:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments