Group Blog
ไฟรัก...บท 6/2




แพรไหมกลับมาทำงานเป็นวันแรกหลังจากลาหยุดพักร้อนไป ๗ วัน เธอตรงเข้าโรงพิมพ์หลังจากออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่เกินคาดหมายเมื่อรับรู้จากม่านแก้วว่าภาติยะลงจากเครื่องบินแล้วปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์นักข่าว จังหวะที่แพรไหมล็อกรถและจะเดินเข้าสำนักงาน ก็ชะงักเมื่อพริ้มเพราตรงเข้ามาทัก

“หวัดดีค่ะคุณแพร”

เธอทำหน้าทบทวนความจำครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “อ้อ...คุณพริ้มน่ะเอง มีอะไรหรือเปล่าคะ”

แพรไหมจำได้ว่าเคยเจออีกฝ่ายตอนไปภูกระดึง พริ้มเพราทำงานอยู่ในแผนกพ็อกเก็ตบุ๊กของโรงพิมพ์ ซึ่งมีสำนักงานและกองบรรณาธิการที่แยกออกไปต่างหาก ด้วยเหตุนี้ถึงไม่เคยเจอกัน หัวหน้าโต๊ะข่าวบอกว่าตอนเธอหยุดพักร้อน พริ้มเพราแวะเวียนมาถามหาบ่อยครั้ง

“พริ้มจะมาคุยเรื่องพี่ภาติยะน่ะค่ะ”

“พี่ภาติยะ?” แพรไหมเลิกคิ้ว ทำหน้าแปลกใจอย่างไม่ปิดบัง

“พริ้มเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่แพท แม่พริ้มเป็นน้องสาวของพ่อพี่แพทแต่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว พริ้มกับพี่แพทก็เลยใช้นามสกุลไม่เหมือนกันค่ะ”

“อ้อ...ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพริ้มมีอะไรให้แพรช่วยคะ” เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้พริ้มเพรา แนะนำตัวเองว่านามสกุล ศุภภัคร เธอจึงไม่เคยเอะใจเลยว่าจะเป็นญาติผู้น้องของภาติยะ

“พริ้มอยากรบกวนให้คุณแพรหยุดเล่นข่าวของพี่แพท”

“โทร.คุยกับโรงพิมพ์ไม่ดีกว่าหรือคะ ถ้าโรงพิมพ์ไม่มีนโยบายให้เล่นข่าวนี้ซะอย่าง แพรจะทำอะไรได้ คุณพริ้มก็เป็นพนักงานของที่นี่ น่าจะรู้ระบบการทำงานดีอยู่” แพรไหมทำเสียงเยาะอย่างปิดไม่มิด

พริ้มเพราหน้าม้าน เธอพยายามไม่สนใจกังวานเสียงเยาะหยันนั้น พลางพูดต่ออย่างพาซื่อว่า “ท่านยายกับพริ้มโทร.ไปคุยกับผู้ใหญ่ในโรงพิมพ์แล้ว โดยเฉพาะท่านยายของพริ้มทั้งขู่ทั้งอ้อนวอนโรงพิมพ์ให้เลิกเล่นข่าวนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ พริ้มก็เลยขันอาสามาช่วยพูดกับคุณแพรอีกแรง พริ้มคิดว่าคงมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น คนอย่างพี่แพทไม่มีทางจะฆ่าข่มขืนใครได้หรอกค่ะ เขาเป็นคนดี...”

แพรไหมพูดแทรกขึ้นก่อนที่พริ้มเพราจะทันพูดจบ “ทำไมคุณพริ้มถึงกล้าการันตีคะ ในเมื่อคนดีที่คุณพริ้มออกหน้ารับแทน มีคดีติดตัวตั้งมากมาย ทั้งคดีพรากผู้เยาว์ เล่นหนังลามก แถมยังมีชนักติดหลังตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่เรื่องตีรันฟันแทง ยันเรื่องยาเสพติดและผู้หญิง คนดีของคุณพริ้มมีประวัติที่ไม่ธรรมดาหรอกนะคะ เขามีอดีตที่ฉาวโฉ่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามาออกรับแทนให้เสียมาถึงคุณพริ้มเลยค่ะ” แพรไหมติงเสียงอ่อนๆ

พริ้มเพราหน้าแดงเมื่อถูกต่อว่าตรงๆ เธอข่มความอาย ตอบว่า “พริ้มเชื่อว่าคงมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น เรื่องคดีพรากผู้เยาว์ พี่แพทถูกใส่ร้าย ไม่ต่างจากคดีต่างๆ ในวัยเด็ก ถ้าคุณแพรได้รู้ประวัติของพี่แพทเหมือนที่พริ้มรู้ คุณแพรจะเข้าใจว่าทำไมพี่แพทถึงทำตัวเหมือนต่อต้านสังคมและทำตัวขวางโลกอย่างนั้น แล้วคุณแพรจะหันมาเห็นใจพี่แพท”

แพรไหมซ่อนสีหน้าเบื่อหน่ายมิดชิด เมื่อถามอย่างเสียไม่ได้ออกไปว่า “พี่แพทของคุณพริ้มมีประวัติน่าสงสารอย่างไรคะ”

“ครอบครัวพี่แพทไม่ได้รับการยอมรับจากท่านยายมาตั้งแต่ตอนที่อาพิริยะแต่งงานกับอาแคสซานดร้าแล้วค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี มีอาชีพเต้นกินรำกิน แม่พี่แพทเป็นนางแบบชาวอเมริกันน่ะค่ะ พี่แพทเติบโตมากับการที่แม่ถูกท่านยายและญาติๆ รังเกียจ จนกลายเป็นภาพที่ชินตา ฉะนั้นตอนที่อาแคสซานดร้า...” น้ำเสียงของพริ้มเพราสะดุดไปเล็กน้อยอย่างลังเลใจว่าเล่าดีต่อหรือไม่ สุดท้ายเจ้าตัวก็ตัดสินใจเล่าต่อว่า

“ตอนที่อาแคสซานดร้าถูกพวกหนุ่มไฮโซวางยาแล้วรุมโทรม พี่แพทเพิ่งอายุได้ ๙ ขวบ ท่านยายไม่เชื่อว่าเป็นการข่มขืน แต่คิดว่าเป็นการสมยอม อาแคสซานดร้าคิดจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยการฟ้องร้องเอาผิดหนุ่มไฮโซพวกนั้น แต่ท่านยายและญาติๆ ขวางไว้ เพราะหวั่นว่าจะกระทบชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แต่สุดท้ายก็ขวางไม่ได้หรอกค่ะ อาแคสซานดร้าฟ้องได้สำเร็จ ช่วงนั้นเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกวันและสื่อทีวีทุกช่องก็ช่วยกันประโคมข่าว ท่านยายก็เลยยิ่งเกลียดอาแคสซานดร้ามากขึ้น แต่อาแคสซานดร้าไม่ทันได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็มาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กับอาพิริยะเสียก่อน ทั้งคู่เสียชีวิตทันทีและตำรวจก็รีบปิดคดีอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของท่านยาย เพราะไม่อยากให้ตระกูลวรากรณ์อื้อฉาวไปมากกว่านั้น พี่แพทปักใจว่าทั้งหมดท่านยายเป็นต้นเหตุ ถ้ายอมรับอาแคสซานดร้ามาตั้งแต่ต้น ชีวิตของพ่อแม่เขาก็คงไม่พบจุดจบอย่างนั้น นับตั้งแต่นั้นพี่แพทก็เลยหันหลังให้กับตระกูลรากรณ์ และพยายามทำทุกทางเพื่อให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแปดเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตีรันฟันแทง ยาเสพติดหรือเรื่องผู้หญิง กระทั่งต้องเข้าสถานพินิจฯ มาแล้ว หรืออย่างการรับแสดงหนังโป๊อย่างที่คุณแพรรู้ พริ้มก็เชื่อว่ามีแรงจูงใจมาจากการต้องการประชดและต่อต้านท่านยาย” พริ้มเพราจบประโยคด้วยแววตาขอความเห็นใจให้ภาติยะ

“แล้วการที่ทำตัวให้ถูกฟ้องร้องในคดีพรากผู้เยาว์เด็กวัย ๑๔ นั่นล่ะคะ เป็นเจตนาที่จะประชดท่านผู้หญิงนงคราญด้วยหรือเปล่าคะ” แพรไหมย้อนด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมอย่างอดไม่ได้

พริ้มเพราหน้าแดง “พริ้มเชื่อว่าเคสนี้พี่แพทถูกปรักปรำค่ะ”

“นั่นเป็นความคิดความเชื่อของคุณพริ้มคนเดียวค่ะ แต่ความจริงจะเป็นอย่างไร ก็คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้... ว่าแต่คนดีของคุณพริ้ม ขอให้มาช่วยพูดกับแพรเพื่อให้เลิกเล่นข่าวนี้หรือคะ” กังวานเสียงถากถาง

“ปละเปล่านะคะ พี่แพทไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจริงๆ อย่างที่พริ้มบอก พริ้มขันอาสาท่านยายมาพูดเอง” พริ้มเพราไม่ได้บอกต่อว่าเธอถูกท่านผู้หญิงนงคราญและบรรดาญาติๆ รุมเล่นงานอย่างหนักค่าที่พูดจูงใจให้โรงพิมพ์ต้นสังกัดเลิกเล่นข่าวนี้ไม่ได้ ท่านผู้หญิงนงคราญประณามเธอและมองว่าเป็นความผิดของเธอ ทั้งที่เรื่องนี้เธอไม่มีอำนาจทำอะไรเลย ด้วยเป็นเพียงเฟืองเล็กๆ ในโรงพิมพ์แห่งนี้ แถมยังเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เทียบไม่ได้กับแพรไหมที่ทำงานมานานและสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงพิมพ์มาหลายต่อหลายครั้ง หากกระนั้นก็ดูเหมือนคนในตระกูลวรากรณ์ จะไม่มีใครยอมฟังเธอ

“ดีค่ะ เพราะแพรกำลังจะบอกว่าอย่ามาเสียเวลาเกลี้ยกล่อมให้ยากเลย ไปพูดกับทางโรงพิมพ์ยังจะง่ายกว่า เพราะอย่างที่บอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กร จะให้เล่นหรือจะให้เลิก แพรไปบังคับกะเกณฑ์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว” แพรไหมไม่ได้บอกต่อว่าก่อนหน้านี้ท่านผู้หญิงนงคราญก็โทร.มาขอกึ่งขู่บังคับให้เลิกเล่นข่าวนี้ แต่เธอก็ตอบปฏิเสธไปอย่างไม่ไว้หน้า

“คุณแพรพูดผิดแล้ว ที่โรงพิมพ์ยังเล่นข่าวนี้ไม่เลิก เข้าทำนองกัดไม่ปล่อยก็เพราะเกรงใจคุณแพร เพราะคนที่ตายคือน้องสาวของคุณแพร ลองเป็นพนักงานคนอื่นที่ไม่ใช่คุณแพรสิ โรงพิมพ์ไม่ยอมทู่ซี้เล่นต่อไปให้เสี่ยงกับการถูกฟ้องร้องหรอกค่ะ”

“คุณต่างหากที่พูดผิดแล้วคุณพริ้ม ถ้าลงเป็นญาติของคุณพริ้มที่ถูกฆ่าข่มขืน โรงพิมพ์ก็เกาะติดข่าวไม่ยอมปล่อยเหมือนกันค่ะ เพราะนี่คือน้ำใจ นี่คือระบบของการดูแลคนในองค์กร องค์กรไม่เคยเลือกปฏิบัติ เพราะฉะนั้นอย่าแปลเจตนาขององค์กรผิดไปเลยค่ะ” แพรไหมโต้กลับทันควัน

พริ้มเพรารู้ดีว่าเป็นการถ่อมตัวของแพรไหม และรู้ด้วยว่าการที่สื่อมวลชนทุกแขนงทุกสำนักร่วมโดดลงมาเล่นข่าวนี้ไปกับแพรไหมอย่างต่อเนื่องทุกวันนับตั้งแต่วันที่สารวัตรตุลา ออกมาแถลงข่าวความคืบหน้าของเบาะแสฆาตกร เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะตัวแพรไหมด้วย นอกเหนือจากข่าวขายได้ เพราะบุคคลในข่าวมาจากตระกูลดัง แถมมีชื่อเสียง เพื่อนในวงการสื่อต่างเห็นใจแพรไหมและเอาใจช่วยให้จับฆาตกรได้เร็วๆ จึงได้ร่วมกันเกาะติดข่าวนี้ โดยช่วยกันกระทุ้งถามผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงความคืบหน้าของคดีนี้ทุกวัน และแพรไหมก็คอยหาแง่มุมใหม่ๆ มานำเสนอเพื่อนๆ เพื่อไม่ให้ข่าวตกไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ จะด้วยเหตุผลความมีมนุษยสัมพันธ์ดีของแพรไหม หรือจะด้วยความเก่งจนทุกคนยอมรับ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่มันมีอานุภาพให้เธอสามารถควบคุมทิศทางข่าวอาชญากรรมในแต่ละวันว่าจะเดินไปในทิศทางใด จะเล่นหรือไม่เล่นข่าวนี้ ซึ่งสะท้อนถึงพาวเวอร์ของเธอในการเป็นจุดศูนย์รวมของนักข่าวสายอาชญากรรม

นับตั้งแต่ภาติยะก่อเรื่องอื้อฉาวมา ข่าวนี้ดูจะส่งผลร้ายแรงที่สุดต่อตระกูลวรากรณ์ ด้วยทุกคราที่ออกจากบ้านทุกคนแทบอยากจะเอาปี๊บคลุมหัวด้วยความอาย เนื่องจากเดินไปไหนก็ถูกจับตามองและถูกถามไถ่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน กระทั่งต้องเลี่ยงการออกงานสังคมเพื่อตัดปัญหาในที่สุด

แพรไหมยังคงถากถางบุคคลที่สามต่อไปว่า “อีกอย่างถ้าพี่แพทของคุณพริ้มเป็นคนดีจริง คงไม่มีข่าวฉาวๆ ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ไม่เว้นแต่ละวันอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรอกมังคะ ที่สำคัญแพรว่าโลกนี้คงเต็มไปด้วยพระอรหันต์หมดแล้ว เพราะถ้าลงว่าคนระดับพี่แพทของคุณพริ้มเรียกว่าเป็นคนดีได้แล้ว คนอื่นๆ ในโลกนี้ที่เหลือ ก็คงบรรลุโสดาบันไปกันหมดแล้ว”

“เจ็บแสบมาก...คุณย้อนได้เจ็บแสบมากคุณแพรไหม” พร้อมด้วยคำพูด ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นทางด้านหลัง แพรไหมและพริ้มเพราเหลียวขวับไปมองพร้อมกัน พลันที่เห็นว่าเป็นภาติยะ แพรไหมก็ชะงักพร้อมด้วยอาการหน้าเปลี่ยนสี ขณะที่พริ้มเพราตะโกนเรียกชื่อภาติยะ แล้วถลาไปเกาะแขนร้องทักอย่างดีใจ




ไม่ต้องบอกว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเป็นใคร แพรไหมก็นึกรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ ภาติยะ วรากรณ์ เพราะเขาหล่อเหลาคมคาย จนสะดุดตาใครต่อใครแถวนั้นที่เดินผ่านไปมา จนต้องหยุดเหลียวมองซ้ำสอง แพรไหมไม่ใช่คนบ้าผู้ชายหล่อ กระนั้นเธอจำต้องยอมรับว่ายังไม่เคยเจอใครที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างและหน้าตาอย่างผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ามาก่อน...ภาติยะ

แล้วเธอก็พินิจผู้ชายในอ้อมกอดของพริ้มเพราเงียบๆ ภาติยะดูเนี้ยบในชุดสูทตัดเย็บประณีต ผมหยักศกสีดำล้อมรอบวงหน้าเรียว หากแกร่งด้วยนัยน์ตาสีสนิมกระด้าง...นัยน์ตาคู่ที่ดูเหมือนพร้อมจะหยันคนทั้งโลก จมูกโด่งได้รูปสวยรับกับริมฝีปากบางเป็นกระจับราวกับอิสตรี บอกถึงฝีปากกล้า

ภาติยะรับรู้ถึงสายตาพินิจของแพรไหม เขาจึงเบือนหน้าไปมองและประสานสายตากับหญิงสาวเงียบๆ ผู้กำกับหนุ่มเลิกคิ้ว นึกชอบใจที่แพรไหมมองตอบกลับมาตรงๆ อย่างไม่ยอมหลบเหมือนกัน เขาพินิจแพรไหมชนิดที่เรียกว่าจ้องตรงๆ อย่างตั้งใจให้รู้ตัว

แพรไหมเป็นผู้หญิงที่สวยคมเฉี่ยว สูงเกินมาตรฐานหญิงไทยค่อนข้างมาก ด้วยศีรษะเกือบเท่าระดับบ่าเขา ผมยาวประบ่าเป็นสีโอ๊กเงางามล้อมรอบวงหน้ารูปไข่ นัยน์ตาคมหวานสีนิล จมูกโด่งรับกับเรียวปากบางแต่อิ่มและมีรอยผ่าเล็กๆ ตรงกลาง ไม่ต่างจากปลายคางเรียวที่มีรอยบุ๋มตรงกลาง ดูมีเสน่ห์ และรูปร่างก็อรชรสมส่วน

พระเจ้า...เธอเกิดมาเพื่อยั่วกิเลสผู้ชายโดยแท้ ทั้งหน้าตาและรูปร่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ... แถมผู้ชายอย่างเขาเป็นผู้ชายประเภทที่เกิดมาเพื่อก่อบาปซะด้วย รูปถ่ายในอินเทอร์เน็ตว่าเธอสวยน่าค้นหาแล้ว มาเจอตัวจริง เทียบกันไม่ติดจริงๆ

ใช่...ผู้หญิงที่ยืนห่างเขาไปไม่ถึง ๒ เมตร สวยคมเฉี่ยวและมีเสน่ห์ทางเพศอย่างมาก สวรรค์ช่วย... เป็นครั้งแรกในวัยหนุ่ม ๓๖ ปีที่ฮอร์โมนเพศชายถูกกระตุ้นโดยที่ฝ่ายหญิงไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยืนเฉยๆ มองตรงมาที่เขานิ่งๆ แพรไหมไม่ได้แต่งตัวโป๊ ไม่ได้ทำตัวยั่วยวน ตรงกันข้ามเธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้ารัดกุม เสื้อเชิ้ตกางเกงยีน และมองตรงมานิ่งๆ ด้วยประกายตาเย็นชาแข็งกร้าว ติดจะหยามหยันเกลียดชังด้วยซ้ำ หากกระนั้นกลับทำให้น้องชายเขาคึกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ก่อนหน้านี้เขามาทันได้ยินสองสาวพูดคุยโต้ตอบกัน โดยเฉพาะแพรไหม เขาได้ยินเต็มสองหูว่าเธอเหน็บแนมและด่าว่าเขาอย่างไรบ้าง เพราะยืนเยื้องไปข้างหลังไม่ถึง ๓ เมตร เขายืนฟังนิ่งๆ กระทั่งมาถึงประโยคสุดท้ายที่เธอกระแนะกระแหนว่าถ้าคนระดับเขาเรียกว่าคนดี ทุกคนที่เหลือในโลกนี้ก็คงบรรลุนิพพานไปกันหมดแล้ว เขาฟังแล้วก็อดเหน็บขึ้นมาไม่ได้ว่าเธอแดกดันเขาได้เจ็บแสบดี

หลังจากที่ภาติยะโทรศัพท์เข้ามาที่โรงพิมพ์และได้คำตอบว่าแพรไหมจะเดินทางเข้ามาในช่วงบ่าย เขาจึงบอกคนขับรถให้มาดักรอที่โรงพิมพ์แห่งนี้ นั่งรอในรถได้สักพัก รถของแพรไหมก็เลี้ยวเข้ามาจอดไม่ห่างออกไปนัก และพริ้มเพราเข้ามาทักทาย ภาติยะบอกให้ศิลารอในรถ ส่วนตัวเขา เดินออกมาทักทายแพรไหม

ผู้กำกับหนุ่มยังคงจดจ้องนักข่าวสาวอย่างสนใจเปิดเผย ไม่รู้เลยว่ากิริยานั้นถูกมองว่าท้าทายและยียวนอย่างมาก

“พี่แพท...พี่แพทจะไม่ทักทายพริ้มสักคำหรือคะ” พริ้มเพราเขย่าแขน เพื่อเรียกความสนใจ ก่อนหน้านี้เธอพูดคุยทักทายไปหลายคำ แต่ดูเหมือนญาติหนุ่มจะพุ่งความสนใจไปที่แพรไหมคนเดียว

ภาติยะละสายตากลับมามองญาติผู้น้องด้วยแววตาอ่อนโยน นับตั้งแต่เล็กจนโต ดูเหมือนพริ้มเพราจะพูดจาดีกับเขาตลอดมา อย่างน้อยก็ตลอดเวลาที่ลับหลังผู้ใหญ่ เธอดูจะเป็นญาติสาวเพียงคนเดียวที่ดีกับเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย พริ้มเพราสมัยเด็กกับตอนนี้ ไม่ต่างกันมากนัก คือยังคงพูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่งกายเรียบร้อย และกิริยานุ่มนวลสมกับเป็นกุลสตรี

“หวัดดีครับน้องพริ้ม เป็นยังไงบ้าง เจอกันครั้งก่อนไม่มีโอกาสได้ทักกันเลย”

“ก็พี่แพทรีบกลับนี่คะ เสร็จธุระกับท่านยายก็บินกลับเลย”

“เปล่าครับ พี่อยู่ต่ออีก ๒ วันเพื่อไปเคารพหลุมฝังศพของคุณพ่อคุณแม่”

“จริงสินะหลุมศพของอาพิริยะกับอาแคสซานดร้าอยู่ที่จังหวัดนครปฐม แล้วคราวนี้พี่แพทตั้งใจจะอยู่นานเปล่าคะ”

“ก็คงแล้วแต่คดีว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่เสร็จจากทางนี้ พี่ก็ต้องรีบไปขึ้นศาลที่อเมริกา ว่าแต่น้องพริ้มจะไม่แนะนำเพื่อนให้พี่รู้จักหรือครับ” พูดพลางหันไปมองแพรไหมตรงๆ

“อ้อ...ค่ะ คุณแพรคะ นี่เอ่อ...พี่แพท ภาติยะ วรากรณ์ ญาติผู้พี่ของพริ้มค่ะ พี่แพทคะ...นี่ เอ่อ...คุณแพรไหม พี่สาวของคุณใยไหม ที่เอ่อ...” สีหน้าของพริ้มเพรากระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมากเมื่อต้องแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน

แพรไหมเห็นอีกฝ่ายแนะนำไม่จบ เธอจึงต่อประโยคว่า “พี่สาวของใยไหมที่เสียชีวิตจากการถูกฆ่าข่มขืน โดยฆาตกรที่ชื่อว่าภาติยะ วรากรณ์” เธอพูดพลางยื่นมือออกไปให้สัมผัส พลางพูดต่อว่า “ยินดีที่ได้รู้จักกับฆาตกรอย่างเป็นทางการค่ะ”

พริ้มเพราหน้าเสีย ขณะที่ภาติยะนิ่วหน้า เมื่อได้ยินคำประกาศเป็นศัตรูโต้งๆ นั้น เขายื่นมือออกไปสัมผัสตอบ พลางกุมมือนุ่มในอุ้งมือหนาแน่น และกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่มีต่อผมอย่างตรงไปตรงมา แต่เคยได้ยินคำว่าสบประมาทบ้างไหมครับ ระวัง...ใครบางคนแถวนี้จะหน้าแตกยับ เมื่อความจริงเปิดเผยนะครับ”

แพรไหมยิ้มเชือดเฉือนให้เขา “ฉันไม่กลัวเรื่องหน้าแตก เท่ากับกลัวใครบางคนต้องเพิ่มคดีอาญาเข้าไปในประวัติอีกคดีหรอกค่ะ เพราะเท่าที่มีอยู่ความดีก็ยาวเหยียดเป็นหางว่าวอยู่แล้ว ฉะนั้นขอให้ความจริงเปิดเผยมาเถอะ” แพรไหมเน้นคำว่าความดีอย่างจงใจ

“คุณนี่เหยียดหยามและซ้ำเติมคนเก่งชะมัด เคยมีใครบอกคุณมั้ยครับ” ภาติยะย้อนแล้วไม่รอคำตอบ เขาพูดต่อว่า “ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องนี้ เราออกไปดื่มกาแฟกันได้ไหม หรือถ้าคุณกลัวผม จะชวนใครไปเป็นเพื่อนก็ได้” ภาติยะชิงพูดดักคอเมื่อเห็นแพรไหมทำท่าปฏิเสธพลางกระตุกมือกลับ เขาจำยอมปล่อยมืออย่างนึกเสียดายหน่อยๆ

“ฉันไม่เคยกลัวคุณ แต่ฉันมีงานในออฟฟิศต้องทำ”

“คุณลางานครึ่งวันได้”

แพรไหมชักสีหน้าโดยไม่ปิดบัง “คุณเคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้บ้างไหม พ่อพระเอกหนังพอร์นนิสัยเสีย”

ภาติยะหน้าเปลี่ยนไปเมื่อถูกกระแนะกระแหนด้วยคำว่าพระเอกหนังพอร์นโดยไม่คาดคิด เขาทำหน้าปั้นยากเมื่อตอบออกไปว่า “ไม่...ผมไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้ นับตั้งแต่ ๒๐ ปีก่อนเป็นต้นมาแล้ว แต่ถ้าคุณอยากให้ผมรอเพื่อให้คุณทำงานให้เสร็จก่อน ผมก็จะกลับไปรอในรถกับคุณศิลา”

“ศิลา? ศิลาไหน” แพรไหมทวนคำ หน้านิ่ว

“เขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของผม”

“คุณศิลา วนาลักษณ์หรือเปล่า”

“ใช่ครับ...ผมเอง สวัสดีครับคุณแพร” ศิลาตอบพลางเดินออกมาปรากฏตัว เขารู้จักกับแพรไหมแต่ไม่สนิทนัก จากการที่เธอไปร่วมงานแต่งงานของเขากับหวานใจ

แพรไหมมองศิลาสลับกับภาติยะ พลางกลอกตาขึ้นสูง “มาตรฐานของคุณศิลาลดลงไปหรือเปล่าคะ ทำไมถึงมารับงานของคนประเภทนี้ ตอนคุยกับพี่หวาน แพรยังไม่อยากเชื่อเลยค่ะ”

สองหนุ่มทำหน้าเจื่อนพอกัน ภาติยะเป็นคนตอบว่า “คุณเป็นคนที่ปากจัดมากแพรไหม ว่าคนหนึ่งแต่กระทบชิ่งได้อีกคน เคยมีใครล้างปากคุณด้วยสบู่เพื่อสั่งสอนบ้างไหม”

“ไม่...และไม่มีทางจะมาโดนตอนนี้ด้วย” แพรไหมมองเขาด้วยหางตาอย่างดูหมิ่น ไม่รู้เลยว่าในสายของภาติยะมองว่าเป็นกิริยาที่ท้าทาย

ศิลารีบหย่าศึกเมื่อเห็นเรื่องทำท่าจะบานปลาย “ผมว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าคุณแพรยังทำงานไม่เสร็จ ก็ไปทำงานก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมกับคุณภาติยะจะรอในรถ ถ้าเสร็จแล้วก็ค่อยไปด้วยกัน ผมรับรองว่าจะดูแลสวัสดิภาพของคุณแพรเป็นอย่างดี”

“เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ จะให้ไปเจอที่ไหน บอกแพรมาเลยดีกว่า เสร็จงานแล้วจะขับตามไป” แพรไหมสรุปขึ้น

ศิลาหันไปทางภาติยะอย่างหารือ ฝ่ายนั้นจึงตอบว่า “มีภัตตาคารโรงแรมไหนที่บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านบ้างไหม”

“ก็คงต้องเป็นโรงแรมที่คุณภาติยะพักอยู่แหละครับ ราคาแพงระดับนั้นรับรองผู้คนไม่พลุกพล่านแน่”

“ตกลง ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันที่ภัตตาคารโรงแรม...” ภาติยะเอ่ยชื่อโรงแรมก่อนกล่าวต่อว่า “สัก ๔ โมงเย็นได้ไหม ถึงตอนนั้นคุณจะเสร็จงานหรือยัง”

“ได้ค่ะ” แพรไหมตอบสั้นๆ แล้วหันมามองศิลา “ตกลงตามนั้นค่ะ แพรขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ขอตัวค่ะคุณพริ้ม” ประโยคหลังเธอหันไปลาพริ้มเพราและชายตาเลยไปถึงภาติยะ ก่อนจะเดินลับหายเข้าไปในสำนักงาน

ภาติยะมองแพรไหมจนสุดสายตา แล้วจึงหันกลับมามองศิลา น้ำเสียงเขาประหลาดใจเมื่อถามว่า “พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอ”

“คุณแพรเป็นเพื่อนรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยของภรรยาผมน่ะครับ” ศิลาตอบตรงๆ

ภาติยะทำเสียงรับรู้ ก่อนจะหันไปทางพริ้มเพราและกล่าวแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน พริ้มเพราพนมมือไหว้ เธอกล่าวทักทายศิลาอีก ๒-๓ ประโยคแล้วจึงขอตัวกลับไปทำงาน










Create Date : 28 ตุลาคม 2553
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 0:01:57 น.
Counter : 911 Pageviews.

28 comments
  
รบกวนจับไก่ที่อุ๋ยปล่อยด้วยค่ะ เชื่อว่าตอน 6/2 คงเยอะ เพราะยังไม่ได้อ่านทวนเลยค่ะ ปั่นเสร็จสดๆ ร้อนๆ

สวัสดีตอนเช้าและขอให้ทุกคนสนุกกับงานตลอดวันค่ะ
โดย: คณิตยา วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:10:31:44 น.
  
สวัสดีอีกครั้งค่ะ คุณอุ๋ย

ดีใจจังที่ได้อ่านตอนติดๆ กัน

เป็นคนอ่านเร็วเลยอาจจะช่วยจับไก่ไม่ได้

เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว จะคอยติดจามเรื่อยๆ ค่ะ

ปล.หวังว่าคงพักผ่อนเพียงพอนะคะ เห็นตอนก่อนพึ่งมาเม้นต์ตอนตีสี่กว่าๆ เอง
โดย: taekoksaram IP: 58.137.30.201 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:13:45:00 น.
  
โอ๊ยอ่านแค่นี้ก็สนุกจนอยากจะอ่านเป็นเล่มเร็วๆจังคงได้อ่านกันแบบวางไม่ลงเลย นิยายเรื่องไหนสนุกมากๆมิ้วนั่งอ่านทั้งวันจนจบในวันเดียวเลย เข้ามาดูทุกวันพี่อุ๋ยลงตอนใหม่หรือยังไม่ได้อ่านแล้วยังไงไม่รู้

-พูดเทรก===>พูดแทรก

-ประฌาม===>ประณาม

-ในแต่ละวัน(จะ)ว่าจะเดินไปในทิศทางใด===>ในแต่ละวันว่าจะเดินไปในทิศทางใด(ตัดคำว่าจะออก)

-สีโอ๊ค===>สีโอ๊ก

-เขาฟังแล้วก็อดเหน็บขึ้นไม่ได้ว่า(ว่า)เธอแดกดันเขาได้เจ็บแสบดี===>เขาฟังแล้วก็อดเหน็บขึ้นไม่ได้ว่าเธอแดกดันเขาได้เจ็บแสบดี

โดย: mimny วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:13:45:07 น.
  
จะว่าไปแล้วถ้าไม่มีเรื่องคดี การเจอกันของภาติยะและแพรไหมก็ไม่ได้เลวร้ายนะค่ะ ต่างฝ่ายก็ต่างชื่นชมกันอยู่ในใจ

น้องอุ๋ยจ๋า...พักผ่อนน้อยจังเลย ร่างกายจะไม่ไหวนะจ๊ะ ดูแลตัวเองเยอะๆ นะจ๊ะ

ป.ล. ยัยหนูคอนนี่มันน่ารักจริง เด็กอะไรก็ไม่รู้ตัวแค่นี้ร้องเพลงเพราะซะด้วย พึ่งเคยได้ยิน 'Ben' ที่เธอร้อง ยอดจริงๆ
โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:20:00:07 น.
  
พระนางเจอกันครั้งแรกยังเชือดเฉือนกันจนได้เลือดซิบๆ เลยค่ะ หนูแพรกับแพทแรงดีทั้งคู่เลยค่ะ
รออ่านตอนต่อๆไป เชื่อว่าคงจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
โดย: pantan IP: 58.11.1.141 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:20:33:51 น.
  
คุณ taekoksaram : หวัดดีค่ะ สารภาพว่าอุ๋ยมีปัญหากับการอ่านชื่อของคุณ taekoksaram มาก อ่านว่า เตก็อกซาแรมป่าวคะ แหะๆๆ ...ขอบคุณมากค่ะ ปกติถ้าคืนไหนไม่ไหวจริงๆ (แฮงก์)ก็จะหลับแต่หัวค่ำค่ะ แต่คืนนี้ยังไหวค่า ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความห่วงใยค่ะ

น้องมิ้ว : ขอบคุณมากค่ะน้องมิ้ว จับไก่ได้หลายตัวเลย // อ่า...นิยายก่อนๆ ของพี่มีเรื่องไหนที่น้องมิ้วอ่านจบภายในวันเดียวบ้างคะ หวังว่าคงมีบ้างน้า ป.ล.ขอบคุณอีกครั้งจ้าที่คิดว่าเรื่องนี้สนุก ตอนเขียนฉากพระนางปะหน้ากันก็เกร็งๆ เหมือนกันเพราะคนอ่าน ฮ่าๆๆ กดดันเหลือกัน เจ้าคำว่า "ลุ้นๆ นี่แหละค่ะ กดดันคนเขียนมาก ฮ่าๆๆ กลัวทำให้ผิดหวัง

พี่เอิง : หวัดดีค่ะพี่เอิง น้องเขาน่ารักจริงๆค่ะ 6 ขวบเอง ชนะการประกวดร้องเพลงประกวดความสามารถของเมกา เสียงใส เพราะมาก อุ๋ยเลยจัดการเซฟมาอยู่ในเพลย์ลิสต์ซะเลย ^_^

คุณเอ๋ : ฮ่าๆๆๆ คุณเอ๋กดดันอุ๋ยอีกแล้ว เจ้าคำว่าเชื่อว่าแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละ กดดันดีนักแล ฮ่าๆๆ ยังไงก็จะพยายามให้ทุกคนไม่ผิดหวังนะคะ แหะๆ
โดย: คณิตยา วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:22:16:31 น.
  
มีเรื่องรหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟค่ะที่มิ้วอ่านรวดเดียวในวันเดียวคือวันนั้นไม่ทำอะไรเลยกินข้าวก็อ่านไม่อ่านคือตอนอาบน้ำ ส่วนเรื่องอื่นของพี่อุ๋ยถึงจะไม่ได้อ่านจบในวันเดียวไม่ได้อ่านทั้งวันแต่ก็ไม่เกินสองวันค่ะคือจะเล่นเน็ต สามเรื่องที่อ่านจบในวันเดียวเพราะไม่ได้เล่นเน็ตน่ะค่ะ แต่นิยายบางเรื่องของคนอื่นนี่บางทีอ่านเป็นเดือนยังไม่จบเลยค่ะอาจจะเพราะเนื้อเรื่องมันยังไม่ชวนให้ลุ้นจนวางไม่ลงบางครั้งอ่านได้วันละตอนหรือบางทีผ่านไปเป็นอาทิตย์ถึงจะอ่านตอนต่อไป ที่เคยอ่านจบในวันเดียวก็มีทมยันตี ,วรรณวรรธน์ ,ดวงตะวัน ,กิ่งฉัตร ,โสภาค สุวรรณ, ว.วิจฉัยกุล ,ณารา แล้วก็พี่อุ๋ย มีแค่นี้แหละค่ะ
โดย: mimny IP: 223.206.87.81 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:22:56:34 น.
  
ดีใจจังเลยค่ะที่ชื่อพี่อยู่ในลิสต์นิยายสนุกมากๆ ของน้องมิ้วด้วย

พี่เคยอ่านมาราธอน แบบว่าอ่านต่อเนื่อง ก็เรื่องของคุณพัดชา คุณทมยันตี คุณว.วินิจฉัยกุล คุณโสภาค สุวรรณ(ฟ้าจรดทราย เรื่องเดียว) คุณอาริตา (คุณพ่อจอมซ่าห์ ไฟเดือนห้า) คุณนภาลัย ไผ่สีทอง คุณจามรี พรรณชมพู คุณกรุง ญ ณฉัตร คุณกิ่งฉัตร ซึ่งหลายเรื่อง/หลายนามปากกาของบุคคลเหล่านี้พี่อ่านแบบต่อเนื่องจนจบ ค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่วันเดียวจบ เพราะบางเรื่อง เช่น ของคุณพัดชา 3 เล่มจบก็มี
โดย: คณิตยา วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:23:08:32 น.
  
ป.ล.แต่พี่นับถือคนที่อ่านในเน็ตจบแล้ว ยังอ่านเป็นเล่มอีก พี่คนหนึ่งล่ะจะมีนิสัยเสียมาก >_< ถ้าอ่านรอบหนึ่ง(ไม่ว่าจะในเน็ตหรือนอกเน็ตก็ตาม) ถ้ารู้เรื่องแล้ว พี่จะไม่อ่านอีกแล้วค่ะ จะทิ้งไว้นานๆๆ จนจำเรื่องไม่ได้ ถึงจะหยิบมาอ่านอีก
โดย: คณิตยา วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:23:11:49 น.
  
ตามมาอ่านต่อจ้าอุ๋ย ช่วงนี้ข้าวทำงานตลอด
แต่ก็แวะมาอ่านตอนดึก ๆ คิดถึงนะ ชอบเรื่องนี้จังสนุก แหวกแนวดี
โดย: ต้นข้าว IP: 223.205.26.251 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:1:38:22 น.
  
พี่เอิงชอบอ่านเป็นเล่มมากกว่า แล้วก็จะอ่านรวดเดียวจบ ไม่มีการติดตามตอนต่อไป จะดึกดื่นจนสว่างคาตาแค่ไหนก็ตาม...แต่ตอนนี้ก็ต้องตามในบล๊อคไปก่อนเนาะ ไว้เป็นเล่มเมื่อไรค่อยตะลุยอ่านอีกที...

น้องมิ้วค่ะ พี่เอิงอ่านผลงานนักเขียนหลายๆ ท่านเหมือนน้องมิ้วเลยค่ะ จะมีก็แต่วรรรวรรธ์เท่านั้นค่ะที่พี่เอิงยังไม่เคยได้อ่าน
โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:5:45:22 น.
  
เจอกันแล้วๆๆๆๆ แรงดีไม่มีตกเลยนะนางเอกของเรา แพทเองก็ใช่ย่อยสู้เต็มที่เหมือนกัน รออ่านต่อค่ะ เดี๋ยวจะแวะมาคุยใหม่นะคะ
โดย: alanta IP: 202.149.29.82 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:12:59:57 น.
  
เห็นคุณอุ๋ยคุยกับน้อง mimny เรื่องนิยายที่อ่านแล้ววางไม่ลงเลยขอแจมด้วยคนค่ะ มายกมือด้วยค่ะว่าของคุณอุ๋ยก็วางไม่ลงเหมือนกันยืนยันๆๆๆๆ จากเรื่องทางสายหมอก เป็นเรื่องแรกหลังจากนั้นก็ติดใจฝีมือการเขียนของคุณอุ๋ยเลยค่ะ
โดย: alanta IP: 202.149.29.82 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:13:09:52 น.
  
นิยายของพัดชามิ้วก็อ่านค่ะพี่อุ๋ยแต่ส่วนใหญ่จะสองเล่มจบแล้วเล่มหนามากมิ้วอ่านให้จบวันเดียวไม่ไหวค่ะ ส่วนของทมยันตีหรือวรรณวรรธน์ถึงจะสองเล่มแต่นิยายของณ บ้านวรรณกรรมสองเล่มก็จริงแต่ถ้ารวมจำนวนหน้าแล้วมากกว่าที่สนพ.อื่นที่พิมพ์เล่มเดียวจบเป็นเล่มใหญ่ไม่มากนัก นักเขียนอีกคนที่มิ้วชอบมากแล้วก็อ่านรวดเดียวจบอีกคนคือฬีฬา(ลืมได้ไงเนี่ย)

พี่เอิงคะถ้าพี่เอิงอ่านนิยายของนักเขียนหลายคนก็น่าจะอ่านนิยายได้หลากหลายแนว ลองอ่านของวรรณวรรธน์ดูนะคะสนุกเหมือนกันค่ะ ส่วนนิยายถ้าชอบมากจริงๆนี่อ่านได้หลายรอบเลยค่ะ
โดย: mimny IP: 223.205.93.85 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:14:05:34 น.
  
ใจตรงกันอีกแล้วค่ะน้องมิ้ว...พี่เอิงก็ชอบอ่านงานของฬีฬา หวานๆ ดีเนอะ ไม่หนักมากจนเกินไป...ส่วนงานของวรรณวรรธ์ เคยอ่านรีวิวดูแล้วไม่แน่ใจสักเท่า แต่ก็ฝากเพื่อนซื้อบัลลังค์สายหมอกมาลองอ่านดู ถ้าใช่ ก็คงติดตามผลงานต่อไป...น้องมิ้วไม่ชอบอ่านงานคุณหมอพงศกรเหรอค่ะ สนุกนะค่ะ แนะนำค่ะ...เห็นด้วยค่ะน้องมิ้ว นิยายส่วนใหญ่ที่ซื้อ จะอ่านได้หลายๆ รอบเลย อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:20:06:14 น.
  
ข้าว : ดีจ้าข้าว คิดถึงนะ ทำงานยุ่งตลอดเลย ของข้าวใกล้จบยังเอ่ย สู้ๆๆจ้า

พี่เอิง :นับถือคนที่อ่านได้หลายรอบจริงๆ เลยค่ะ

คุณ alanta : ขอบคุณมากๆๆค่ะที่มองแง่ดีมาก ฮ่าๆ อุ๋ยจำได้ว่าเราเจอกันเรื่องแรกคือกุหลาบในเปลวไฟใช่ไหมคะที่คณ alanta เข้ามาพูดคุยเมนท์ให้กำลังใจทุกตอน ขอบคุณค่า

น้องมิ้ว : ของคุณพัดชาพี่เคยอ่าน 3 เล่มจบคือเขาวานให้หนูเป็นสายลับ ติดตามมาตั้งแต่บางกอก จนมารวมเล่ม ชอบมากๆๆ ^_^ ส่วนของ ณ บ้านฯ จริงค่ะถึงจะสองเล่ม แต่ตัวหนังสือหนาเนอะ

พี่เอิง : นิยายที่อุ๋ยอ่านได้หลายรอบมากๆๆ ก็นิยายแปลโรมานซ์ค่า
โดย: คณิตยา วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:22:44:30 น.
  
บัลลังก์สายหมอกตอนนั้นเจ้าชายจิกมีกำลังดังค่ะเนื้อเรื่องเมืองสมมติเลยบรรยากาศคล้ายประเทศของเจ้าชายแต่ที่อ่านมาทุกเล่มคิดว่าเรื่องนี้ธรรมดาค่ะ(แต่ก็ความเห็นส่วนตัวนะคะ บางคนอาจว่าสนุกบางคนอาจว่าไม่สนุกแล้วแต่ความชอบ) ก็หมวดของทะเลทรายค่ะ ทั้งอัสวัด ราชันย์แห่งความมืด , เส้นทรายสีเงา ,ทรายล้อมตะวัน , ทรายนี้ยังมีรัก อีกเรื่องที่ชอบก็ฤกษ์สังหารพระเอกเป็นหมอดูค่ะถูกใจพอๆกับชุดทะเลทรายเลย ตอนนี้ก็รออขิทโรให้ครบชุดเพราะมี 3 ภาค ส่วนนิยายของคุณหมอพงศกรไม่เคยอ่านเลยค่ะมีเรื่องอะไรสนุกบ้างคะ
โดย: mimny IP: 223.207.157.89 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:23:01:31 น.
  
ของพัดชาเล่มหนาจริงๆค่ะพี่อุ๋ยแต่หลังๆนี้ไม่ค่อยหนามากแล้ว
โดย: mimny IP: 223.207.157.89 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:23:08:15 น.
  
ใช่ค่ะ หลังๆ พี่ก็ไม่ได้อ่านของคุณพัดชาแล้ว พล้อตเรื่องทำร้ายจิตใจเกิน ชอบรอยมาร กรงเกียรติยศ เขาวานให้หนูเป็นสายลับ โดยเฉพาะรอยมาร ตอนเป็นละคร ก็ชอบมาก
โดย: คณิตยา วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:23:23:52 น.
  
หลังๆมิ้วก็ไม่ได้อ่านของพัดชาแล้วเหมือนกันค่ะคิดว่าเรื่องเก่าๆสนุกกว่าอ่านหลายรอบเลย
โดย: mimny วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:23:45:18 น.
  
เห็นด้วยเลยค่ะน้องมิ้ว...

ตอน 7/1 ช้าหน่อยน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรื้อ 6/1 ค่า พบจุดที่ยังไม่สมจริงนิดหน่อย เลยต้องปรับค่า ^_^
โดย: คณิตยา วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:14:19:10 น.
  
โดย: cruduslife วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:16:07:19 น.
  
ดีจ้าน้องมังกร... น่าแปลกใจจริงๆที่น้องมังกร เม้นไม่ขึ้นจริงๆ ด้วย แหะๆ

***

เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะมาบอกกติกาเล่นเกมชิงหนังสือเรื่องนี้นะคะ (ยังไม่รู้เลยว่าจะได้พิมพ์หรือเปล่า ประกาศเล่นเกมไปล่วงหน้าล่ะ ฮ่าๆๆ)

จะแจก 2 เล่มนะคะ เกมหนึ่งตอบคำถาม และอีกเกม เป็นเกมทีเผลอ ^_^

ตอนนี้รื้อบท 6/1 เสร็จแล้วค่ะและโพสต์ไปแล้ว กำลังดูความเรียบร้อยของบท 6/2 ค่า
โดย: คณิตยา วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:22:30:45 น.
  
แฮ่...มีพี่ศิลามารับจ๊อบด้วย
โดย: jee IP: 117.47.123.254 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:41:36 น.
  
ฮ่า..ดารารับเชิญค่าพี่จี๋ ^^
โดย: คณิตยา วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:25:53 น.
  
ทำไมคุณพริ้มถึงเรียกพ่อ-แม่พี่แพทว่า คุณอาคะ น่าจะเรียกว่าคุณลุง-คุณป้านะคะ หรือว่าเราจะเข้าใจผิด เดี๋ยวไปดูแผนผังญาติก่อน 555
โดย: สกุล IP: 124.121.186.45 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:14:12 น.
  
หลุดจริงๆค่ะคุณ สกุล ต้องขอบคุณมากๆๆ เป็นอะไรที่ปล่อยไก่อย่างผิดพลาดจริงๆ คุณสกุลอ่านละเอียดมากๆ ต้องขอบคุณมากๆค่ะ เด๋วอุ๋ยจะไปแก้ในต้นฉบับค่า
โดย: คณิตยา วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:28:03 น.
  
แค่เจอหน้ายังปะทะขนาดนี้
โดย: จิรารัตน์ IP: 125.27.191.142 วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:12:04:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments